เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่คาดคิดว่าเด็กชายตัวเล็กจะถามคำถามนี้กับตนเอง นางจึงตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น นางก็ตระหนักได้ว่าองค์ชายท่านนี้กำลังจ้องนางตาเขม็งเพื่อรอคอยคำตอบ
“ตอนนั้นข้าตาบอด” ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่านางเคยไล่ตามมู่หรงฉางเฟิง และมันคงเป็นเรื่องโกหก หากบอกว่านางไม่ชอบเขา
เด็กชายตัวเล็กคนนั้นเลิกคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นแล้วตอนนี้เล่า”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำลังจัดเสื้อผ้าของตนเองอยู่ นิ้วมือของเขาแข็งเกร็ง
“ตอนนี้หรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเข้าไปในดวงตาของเด็กชายตัวเล็กคนนั้น “ทำไมเจ้าไม่ถามพี่สามของเจ้าบ้างเล่าว่าตอนนี้เขาชอบใครอยู่”
เด็กชายตัวเล็กคนนั้นตกตะลึง เขาทำตาโตมองไปทางซ้ายและขวา
“ไม่มีอะไรจะพูดเช่นนั้นหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม และเอนตัวไปข้างใบหูของชายตัวเล็ก “ข้าจะบอกความลับให้เจ้ารู้อย่างหนึ่ง ข้าเป็นคนที่ถูกยั่วยุได้ยากกว่าพี่สามของเจ้า ดังนั้น อย่ามายุ่งเรื่องของข้าเลย นอกจากนี้ ข้าก็ยังมีซอสเนื้อหนึ่งห่ออยู่ที่บ้าน ข้าจะมอบให้เจ้าภายหลัง”
เด็กชายตัวเล็กดวงตาเป็นประกาย เขาเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของนาง และเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ ท่านรู้วิธีการทำอาหารหรือไม่”
“รู้สิ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินไปข้างหน้าต่อ และคอยตอบคำถามที่เด็กชายตัวเล็กเอ่ยถาม ดูเหมือนว่านางจะเอ็นดูองค์ชายเจ็ดอย่างมาก
เด็กชายตัวเล็กครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นก็อย่าแต่งงานกับพี่สามเลย แต่งงานกับข้าแทนนะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวย: …
“ข้าว่าเจ้าคงอยากจะเต้นระบำเปลือยไปทั่วอีกครั้งกระมัง” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเยือกเย็นราวกับว่าเขากำลังจัดการกับลูกแมว ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอาน้องชายออกจากอ้อมแขนของเฮ่อเหลียนเวยเวย และอุ้มเขาไว้ด้วยมือเดียว ทำให้ขาสั้นๆ ขององค์ชายเจ็ดห้อยต่องแต่ง
เด็กชายหัวโล้นตัวเล็กกำหมัดแน่น “พี่สาม ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าตลอดไปไม่ได้ มันส่งผลต่อศักดิ์ศรีของความเป็นราชวงศ์ เมื่อข้าโตขึ้น ข้าก็จะถูกหัวเราะเยาะ”
“เจ้าเป็นคนที่ถูกหัวเราะเยาะ ไม่ใช่ข้า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดช้าๆ และเอื้อมมือออกไป
เด็กชายตัวเล็กปกป้องบั้นท้ายของตัวเอง ก่อนจะกลอกตา และพูดขึ้นว่า “ข้าผิดไปแล้ว”
“อืม แล้วเจ้าทำอะไรผิดหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยุดการเคลื่อนไหว
เด็กชายตัวเล็กคร่ำครวญ “ข้าผิดที่ไปเชื่อฟังคำพูดของหนานกงเลี่ย ผู้หญิงก็เหมือนเสื้อผ้า ส่วนพี่น้องก็คือพี่น้องกันวันยันค่ำ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องโกหก!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า คนหนึ่งตัวใหญ่ อีกคนตัวเล็ก นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก ชายหนุ่มและเด็กชายตัวเล็กหันหลังกลับมามองนาง ก่อนจะยกมุมปากขึ้น พวกเขาช่างดูคล้ายคลึงกันอย่างมาก
“พวกท่านคุยกันต่อเถอะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยกระแอมไอเบาๆ
บริเวณไม่ไกลกันนัก มีเด็กหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเดินมาทางพวกเขา รูปร่างหน้าตาของเขาช่างละเอียดอ่อนและงดงามยิ่งกว่าผู้หญิง “ท่านพี่ ในที่สุด ท่านก็มาถึงแล้ว วันนี้ ข้าจะขอท้าประลองกับท่านและเอาชนะท่านให้ได้ มิเช่นนั้นแล้ว พ่อจะขอเขียนชื่อตัวเองกลับหัวเลย!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหลือบมองเขาอย่างเชื่องช้า และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้ เจ้าก็ควรเริ่มเขียนชื่อตัวเองกลับหัวได้แล้ว”
ความโกรธเคืองทำให้เด็กหนุ่มรูปงามคนนั้นกระโจนเข้าหาและมองเขา “ท่านพี่ไม่เชื่อในปีศาจนี่ เพื่อที่จะเอาชนะท่านให้ได้ ตอนนี้ ข้ามีสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง และท่านก็จะได้เห็นว่าข้าเป็นคนที่แข็งแกร่งเพียงใด”
หลังจากพูดจบ ก็เกิดลมหมุนขึ้นด้านหลังของเด็กหนุ่มรูปงามคนนั้น ภายในคลื่นสีดำลูกนั้น จู่ๆ ก็มีหมาป่าสีเงินตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมากลางอากาศ และพุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทันที!
เด็กหนุ่มรูปงามคนนั้นหัวเราะ และพูดขึ้น “ท่านพี่ ตอนนี้ท่านรู้แล้วสินะว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด! หมาป่าสีเงินของข้ามาจากป่าวิญญาณ และแตกต่างจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวอื่นๆ นอกจากข้าแล้ว มันก็ไม่หวาดกลัวใครทั้งนั้น!”
ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่แกว่งไปมา ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่มองดูหมาป่าสีเงินตัวที่เพิ่งจะกระโจนเข้าใส่เขาอย่างเกียจคร้าน และแววตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความอันตราย!
ราวกับว่ามันสามารถพุ่งออกมาได้
หมาป่าสีเงินชะลอการเคลื่อนไหวจนหยุดนิ่งไป
หลังจากนั้น…
มันก็ถอยหลังไปทีละก้าว
เฮ่อเหลียนเวยเวย: …ไหนเขาบอกว่ามันไม่หวาดกลัวใครอย่างไรเล่า!!
เด็กหนุ่มรูปงามตะลึงงันและจับตัวหมาป่าสีเงินที่ตัวสั่นเทา ดวงตาคู่นั้นราวกับเป็นอัญมณีสีแดง “ไป๋หยิน เจ้าเป็นอะไรไป ไป๋หยิน!”
“หมาป่าสีเงินตัวน้อยที่น่าสงสาร มันเพิ่งออกจากป่าวิญญาณมา แต่กลับต้องเจอคนที่มันไม่ควรได้เจอ” หยวนหมิงส่งเสียงอยู่ข้างหูของเฮ่อเหลียนเวยเวย “เหตุการณ์นี้จะส่งผลอะไรต่อการฝึกฝนในอนาคตของมันกันนะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับองค์ชายสามมากทีเดียว”
หยวนหมิงตอบกลับอย่างครุ่นคิด “อย่างน้อย ข้าก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ควรจะไปยั่วยุด้วย และเจ้าก็จะต้องใช้เวลาอีกหลายวันในการเต้นรำกับหมาป่าตัวนี้ แม่นาง เจ้าไม่กลัวหรือว่าเมื่อถึงเวลานั้น จะเกิดอะไรขึ้น”
“อะไรจะเกิดขึ้นได้เล่า” เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจ “เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงสักหน่อย”
จริงหรือ หยวนหมิงยิ้มอย่างชั่วร้าย
ที่นั่น เด็กหนุ่มรูปงามยังคงโอบกอดรอบคอของหมาป่าสีเงิน พร้อมกับคำรามเสียงต่ำด้วยความโกรธเคือง “ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เจ้ารอข้าก่อนเถอะ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า “รออะไรหรือ รอให้เจ้าสูงขึ้นกว่านี้เช่นนั้นหรือ”
ต้องบอกว่าองค์ชายสามคือราชาแห่งการทำตัวเป็นศัตรูอย่างแท้จริง ทุกคนในเมืองอู่ซิวต่างก็รู้กันดีว่าสิ่งที่ลูกชายเจ้าเมืองคนนี้ไม่ชอบที่สุดคือเรื่องความสูงของตนเอง!
อ๊ากกกกก!
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เด็กหนุ่มรูปงามก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองถูกบีบรัดแน่น จนเขาเกือบจะบีบคอหมาป่าสีเงินของตนเองจนตายแล้ว
ดูเหมือนว่าองค์ชายเจ็ดจะคุ้นเคยกับท่าทีขององค์ชายสาม จากนั้น เขาก็วิ่งไปหาเด็กหนุ่มรูปงาม และลูบศีรษะของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจว่า “ญาติผู้พี่ อย่าเศร้าไปเลย ไม่มีใครคิดว่าเจ้าจะเอาชนะพี่สามได้หรอก”
นั่นคือวิธีที่เจ้าพูดเพื่อปลอบใจข้า เพื่อให้ข้าไม่พอใจมากขึ้นใช่ไหม!
คำว่า ‘ไม่มีใครคิดว่าเจ้าจะเอาชนะพี่สามได้หรอก’ นั้น หมายความว่าอย่างไรกัน
ฮึ่ม ให้เขาได้พักหายใจก่อนเถอะ
“เจ้ามาที่นี่เพื่อร่วมงานอภิเษกสมรสหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเดินเข้ามา ตัวของเขาสูงโปร่งอยู่เหนือเด็กหนุ่มรูปงามจนเขาต้องก้มหน้ามองอีกฝ่าย โดยปกติแล้ว ลูกเจ้าเมืองอู่ซิวคนนี้จะไม่สามารถออกจากเมืองได้
เด็กหนุ่มรูปงามคนนี้ดึงผมบนศีรษะของตนเอง “แล้วมีเหตุผลอื่นที่ข้าจะต้องมาอีกหรือ ข้ารู้สึกเสียใจแทนหญิงสาวที่เจ้ากำลังจะแต่งงานด้วยจริงๆ นางจะต้องไม่รู้แน่ๆ ว่าเจ้าไม่ได้สนใจผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย”
เดิมที เฮ่อเหลียนเวยเวยตั้งใจแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่มรูปงามคนนี้ นางก็ยิ้มให้ และจับมือเขา “พี่ชาย ข้ารู้อยู่แล้ว”
อะไรกัน แล้วนางแต่งงานกับเขาได้อย่างไรกัน
เด็กหนุ่มรูปงามรู้สึกงุนงง แล้วนางยังยินยอมที่จะแต่งงานกับท่านพี่คนนี้ได้อย่างไรกัน มันจะต้องมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนอยู่อย่างแน่นอน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองพวกเขาทั้งสองคนและเย้ยหยัน ก่อนจะเดินเข้าไปหา “ในเมื่อเจ้ามาแล้ว แล้วเจ้าจะมอบของขวัญอะไรให้พวกเราล่ะ”
เด็กหนุ่มรูปงามตกตะลึง เขาบอกหรือว่าเขามีของขวัญจะมอบให้ เขามาที่นี่เพียงเพื่อต้องการจะหัวเราะเยาะท่านพี่ที่ถูกบังคับให้แต่งงานก็เท่านั้น
ทำไมคนที่มาเพราะต้องการแก้แค้น จะต้องนำของขวัญงานแต่งมาให้ด้วยเล่า ท่านพี่ของเขาลืมไปแล้วหรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเมื่อครั้งก่อนที่อีกฝ่ายทำให้เขาต้องกลืนถุงเท้าของตนเองไป
“เจ้าอยากได้ของขวัญหรือ ฮ่าๆ ไม่มีหรอก!”
“อ้อ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และพูดต่อว่า “ข้าคิดว่าเสื้อผ้าที่เจ้ากำลังสวมใส่อยู่ตอนนี้ไม่เลวเลย”
“แน่นอน! ข้าใช้ผ้าไหมทองคุณภาพดีที่สุดในการทอชุดนี้ขึ้นมา มันให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว และให้ความเย็นในฤดูร้อน นอกจากนี้ มันยังต้านทานสัตว์อสูรได้อีกด้วย!” เด็กหนุ่มรูปงามพูดจาโอ้อวดเสื้อผ้าของตนเองอย่างภาคภูมิใจและกระตือรือร้น
แต่คำพูดต่อมาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ทำให้รอยยิ้มของเขาแข็งค้าง
“กิเลน เปลื้องผ้าของเขาออก และใช้เสื้อผ้าของเขาเป็นของขวัญวันแต่งงาน”