บนถนนบริเวณเชิงเขาภูเขาดอกท้อ คนที่ขี่ม้านั่งรถรวมไปถึงคนที่เดินเท้าราวกับมากขึ้นในชั่วพริบตา
ปีใหม่ที่สองของเมืองหลวงคึกคักกว่าปีก่อนอย่างมาก องค์รัชทายาทเสด็จมา แม่ทัพหน้ากากเหล็กก็กลับมาแล้ว อีกทั้งยังมีเรื่องยิ่งใหญ่อย่างการประลองของบัณฑิต ฮ่องเต้ทรงปลื้มปิติอย่างมาก จึงจัดงานบวงสรวงอย่างยิ่งใหญ่ขึ้น
แต่เวลานี้ผู้คนบนท้องถนนที่มากมายไม่ได้เดินทางเพื่อเข้าเมืองหลวง หากแต่เดินทางออกจากเมืองหลวง
“เกิดอันใดขึ้นกับบัณฑิตเหล่านี้” หญิงชราขายชาขมวดคิ้ว “เหตุใดแต่ละคนจึงวิ่งออกไปนอกเมือง”
แม้แต่หญิงชราขายชาอย่างนางยังรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่สุด เนื่องจากการประลองครั้งนั้น บัณฑิตสามัญชนมีฐานะที่สูงขึ้นภายในเมืองหลวง ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันเหล่านั้นไม่ถูกอาจารย์หยูที่มีชื่อเสียงรับเข้าเป็นศิษย์ ก็ถูกชนชั้นสูงผู้มีอำนาจแต่งตั้งเป็นขุนนางภายใต้การบังคับบัญชา ถึงแม้จะไม่ได้เข้าร่วมการประลอง แต่ก็ยังได้รับการปฏิบัติอย่างดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ท่านยาย ท่านไม่ได้ข่าวหรือ” เฉินตันจูนั่งอยู่ในโรงน้ำชา ยึดครองโต๊ะหนึ่งตัวและขนมผลไม้แห้งเต็มจาน “ฝ่าบาททรงจัดการปะลองเช่นนี้ในแต่ละแคว้น ดังนั้นทุกคนจึงรีบกลับบ้านเกิดเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน”
นางพูดพลางมองไปยังแขกที่นั่งอยู่รอบด้านด้วยรอยยิ้ม
“ใช่หรือไม่ ระยะนี้พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องนี้ใช่หรือไม่ เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้ใด พูดมาให้ข้าฟัง”
ภายในโรงน้ำชาเงียบสงัด แต่ละคนล้วนก้มหน้าดื่มน้ำชา
หญิงชราขายชาโบกมืออย่างขุ่นเคือง “คุณหนูตันจู ท่านจะดื่มชาก็กลับไปดื่มที่อารามของท่าน ขอชาข้าหนี่งชาม แต่เติมน้ำทั้งวัน อีกทั้งท่านยังนำขนมมาเอง ข้าจะขาดทุนแย่อยู่แล้ว”
เฉินตันจูหัวเราะ “ตรงนี้คึกคักกว่า”
คึกคักอันใดกัน เพียงแค่นางนั่งอยู่ตรงนี้ ภายในโรงน้ำชาก็ดุจดั่งคลังเก็บน้ำแข็ง ผู้ใดกล้าพูด…เวลานี้คุณหนูตันจู น่ากลัวกว่าแต่ก่อนเสียอีก แต่ก่อนเพียงแค่ทะเลาะกับเหล่าคุณหนู ลักพาตัวชายรูปงาม แต่เวลานี้แม่ทัพหน้ากากเหล็กกลับมาแล้ว ลงมือกับชายร่างกำยำสามสิบคน โน่น บนถนนที่ห่างออกไปไม่ไกลยังมีรอยเลือดหลงเหลืออยู่
เรื่องที่ถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวงในเดิมทีก็ไม่มีคนกล้าเอ่ยถึง คุณหนูตันจูยังคงยึดครองภูเขาตั้งตนเป็นใหญ่ต่อไป
เวลานี้ยังลงเขามาบีบบังคับให้ผู้อื่นชื่นชมนาง…
หญิงขราขายชาพูดด้วยเสียงที่ขุ่นเคือง หากนางเป็นเช่นนี้ต่อไปจะปิดโรงน้ำชา เฉินตันจูจึงจากไปด้วยเสียงหัวเราะ
เฉินตันจูจากไป คนที่เหมือนถูกแช่แข็งในโรงน้ำชาก็หลอมละลาย พวกเขาถือถ้วยชาร้อนยืดเส้นร่างกาย
“แต่คุณหนูตันจูก็พูดไม่ผิด เรื่องนี้เป็นผลงานของนางจริงๆ” หญิงชราขายชายกกาน้ำชาเทชาให้ทุกคน พลางพูด
ถึงแม้หญิงชราขายชาไม่กล้วเฉินตันจู แต่ทุกคนก็ไม่กลัวนาง เมื่อได้ยินจึงหัวเราะ
“เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูตันจู แต่ไม่ใช่ผลงานของนาง”
“ใช่ คุณหนูตันจูเพียงแค่ก่อกวนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น ผู้ที่มีผลงานจริงคือองค์ชายสามต่างหาก”
“เหล่าบัณฑิตนั้นต่างพูด ตอนที่องค์ชายสามไปเชิญพวกเขานั้น ได้มีการให้คำมั่นวันนี้เอาไว้”
“เหตุใดฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ สรุปแล้วเป็นเพราะองค์ชายสาม องค์ชายสามขออภัยโทษให้เฉินตันจู คุกเข่าขอร้องฝ่าบาทเป็นวัน”
หญิงชราขายชาได้ยินจึงไม่พอใจนัก “พวกเจ้ารู้อันใด ทั้งๆ ที่คุณหนูตันจูเป็นผู้ทูลฮ่องเต้เรื่องนี้ ถึงได้ถูกฮ่องเต้ลงโทษขับไล่”
เหล่าแขกที่ดื่มชาก็ไม่พอใจ “พวกข้าไม่รู้ ท่านยายก็ไม่รู้ คนที่รู้มีเพียงเหล่าบัณฑิต ท่านดูพวกเขามีการชื่นชมเฉินตันจูแต่น้อยหรือไม่ มีแต่คนรอเข้าเฝ้าองค์ชายสาม ประตูของคุณหนูตันจูนี้ไม่มีแม้แต่นก…เอ๊ะ?”
พูดถึงตรงนี้ก็ชะงักลง สายตาเขาเห็นรถม้าคันหนึ่งจอดไว้ริมทางที่เชื่อมไปยังอารามดอกท้อ คนที่ลงมาเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดเรียบง่าย สวมผ้าโพกศีรษะ รูปลักษณ์…
“เขาไม่ใช่…” มีคนจำอีกฝ่ายได้ ยืนขึ้นมาพูดอย่างไร้เสียง แต่นึกชื่อไม่ออกในขณะหนึ่ง
“อัปลักษณ์” มีคนวิจารณ์รูปลักษณ์ของชายหนุ่มผู้นี้ แต่ก็เป็นการเตือนชื่อที่ถูกลืม
แขกผู้นั้นตบหน้าผาก พูดขึ้น “อาโฉ่ว พันหยง ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในการประลองบัณฑิต”
ถึงแม้ไม่เคยพบกันทุกคน แต่ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดี
เขามาได้อย่างไร เขามาเพื่ออันใด จากนั้นพวกเขาก็เห็นพันหยงจัดเสื้อผ้า ก่อนจะหยิบม้วนภาพหนึ่งม้วนจากในรถเดินขึ้นเขาไป เขาต้องการพบเฉินตันจูหรือ?
เหล่าแขกต่างมองหน้ากัน หญิงชราขายชาเดินเข้าไปถาม “เขาถือเป็นนกกระจอกที่ตัวใหญ่มากหรือไม่”
เฉินตันจูที่กำลังหั่นยาเสียงดัง ได้ยินอาเถียนวิ่งมาบอกว่าพันหยงขอเข้าพบ นางตกตะลึงอย่างมาก
“เขาต้องการพบข้าเพื่อการใด” เฉินตันจูถาม ถึงแม้นางเคยไปหาพันหยงตั้งแต่เริ่มแรก แต่พันหยงถูกองค์ชายสามเชิญมา ต่อมาการประลองของเหล่าบัณฑิตในหอไจซิง นางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ไม่ออกหน้า อีกทั้งไม่มีปฏิสัมพันธ์กับพันหยงและคนอื่น
หรือว่าจะมีเรื่องลำบากใจอันใด เฉินตันจูเป็นกังวลเล็กน้อย เมื่ออดีตชาติ โชคชะตาพันหยงดีอย่างมาก ชาตินี้ เพื่อจางเหยา นางเปลี่ยนแปลงเรื่องมากมาย ถึงแม้พันหยงจะเป็นบัณฑิตสามัญชนอันดับหนึ่งในสายตาของฮ่องเต้ แต่อย่างไรก็ไม่ได้มาจากการคัดเลือกอย่างแท้จริง…
หากมีความลำบากอันใด คงจะเป็นความผิดของนาง นางไม่อาจไม่สนใจได้
เฉินตันจูรีบวางมีดลง ให้อาเถียนเชิญคนเข้ามา
อาเถียนไม่เต็มใจนัก “บัณฑิตเหล่านี้ไม่เห็นคุณหนูอยู่ในสายตา หากเขามาเพื่อด่าคุณหนูจะทำอย่างไร”
เฉินตันจูหัวเราะออกมา “คนที่ด่าข้า ข้ายิ่งไม่กลัว”
อาเถียนขบขันนางอย่างมาก ยิ้มอย่างเศร้าโศก “ดูคุณหนูท่านพูด ราวกับเกรงกลัวผู้อื่นชื่นชมท่านอย่างนั้น”
ไม่คิดว่าคำพูดของอาเถียนจะเป็นเรื่องจริง พันหยงมาเพื่อชื่นชมเฉินตันจู
เมื่อพันหยงเข้าประตูมา เขาคำนับอย่างหนักแน่นต่อหญิงสาวที่ขาเหยียบเตาอุ่นเท้า มือถือเตาอุ่นมือ บนตัวสวมชุดคลุม จากนั้นกล่าว “ข้ามีสิ่งของมามอบให้คุณหนู” พูดพลางยกม้วนภาพขึ้น
สิ่งของ? เฉินตันจูรับมาเปิดออกอย่างสงสัย อาเถียนชะโงกหน้าเข้ามาดู ทันใดนั้นทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ
“เอ๊ะ ภาพนี้คือคุณหนูนี่เจ้าคะ” นางตะโกน ก่อนจะจับแกนภาพเอาไว้ เพื่อให้เปิดได้ง่ายขึ้น ก่อนจะเห็นหญิงงามที่นั่งอมยิ้มอยู่ด้านหน้าฉากกั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะมองไปยังเฉินตันจู ท่าทางบนภาพเหมือนกับเฉินตันจูในเวลานี้
เฉินตันจูยิ่งตกตะลึง นางอดพินิจไม่ได้ ครานี้เป็นคราแรกที่มีคนวาดภาพของนางให้ แต่นางปิดบังความดีใจไปอย่างรวดเร็ว พูดอย่างเกียจคร้าน “วาดได้ไม่เลว พูดเถิด เจ้ามีเรื่องใดมาขอร้องข้า”
พันหยงกล่าว “ข้ามาเพื่อขอบคุณคุณหนู คุณหนูตันจูไม่เกรงกลัวที่จะทำให้ฝ่าบาทขุ่นเคือง ขอให้ราชสำนักคัดเลือกขุนนางจากความสามารถ โชคชะตาของบัณฑิตสามัญชนอย่างพวกข้า โชคชะตาของคนรุ่นหลังล้วนถูกเปลี่ยนแปลงไป วันนี้พันหยงเดินทางมา เพื่อบอกคุณหนู พันหยงยอมเป็นม้าเป็นควายรับใช้คุณหนู”
อาเถียนตกตะลึง เฉินตันจูก็ทำหน้าผงะ “เจ้า พูดเล่นหรือ”
พันหยงยิ้มออกมา “ข้าไม่พูดเล่นอย่างเด็ดขาด นอกจากภาพนี้ ข้ายังจะแต่งตำรา แต่งบทกวีให้คุณหนู ย่อมต้องให้คนทั้งแผ่นดินรู้ถึงคุณงามความดีของคุณหนู ความใจดีมีเมตตาของคุณหนู ย่อมไม่ให้ชื่อของคุณหนูตันจูเป็นชื่อที่ทุกคนต่างไม่อยากพูดถึง ไม่ยอมให้ชื่อของคุณหนูตันจูเสื่อมเสียอีก!”
คำพูดของบัณฑิต พู่กันของบัณฑิต ดุจดั่งมีดดาบของนักรบ สามารถทำให้คนเป็นคนตายได้ หากมีบัณฑิตออกหน้าแทนคุณหนู คุณหนูย่อมไม่ต้องกลัวเสื่อมเสียอีก อาเถียนเขย่าแขนของเฉินตันจูด้วยความตื่นเต้น ภาพที่ถืออยู่ในมือสั่นไหวไปมา หญิงงามบนนั้นก็ราวกับกำลังพลิ้วไหว
เฉินตันจูปล่อยภาพออก ปล่อยให้มันร่วงลงบนหน้าขา มองไปยังพันหยง “เจ้าศึกษามานานหลายปี มารับใช้ข้า ไม่ใช่เป็นการสิ้นเปลืองหรือ”
พันหยงยิ้มอย่างทะนงตน “คุณหนูตันจูไม่เกรงกลัวต่อชื่อเสียงเสื่อมเสีย กล้าเปิดทางให้คนรุ่นหลัง พันหยงย่อมยินดีรับใช้คุณหนูตันจู ชีวิตนี้เพียงพอแล้ว”
อาเถียนอดดีใจไม่ได้ ต้องการพูดบางสิ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใด ทำได้เพียงถามพันหยง “เจ้าจริงใจต่อคุณหนูของข้าจริงใช่หรือไม่”
พันหยงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ใช่ คุณหนูตันจูดีมาก”
ฟังบทสนทนาของอาเถียนและพันหยง เฉินตันจูก้มหน้าลง ราวกับกำลังพินิจภาพวาด จากนั้นเงยหน้าขึ้น เบะปากอย่างเย่อหยิ่ง “ข้าย่อมดีมาก แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ดี” พูดพลางพินิจพันหยง “เจ้าอัปลักษณ์เกินไป ข้าเฉินตันจูไม่ได้รับทุกคน”
พันหยงผงะ อาเถียนก็ตะลึงงัน
เฉินตันจูโยนภาพวาดลง “ออกไปให้พ้น”