ไม่สิ มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ขององค์ชายต่างหาก แต่เขาก็อาจจะไม่อยากให้มือของตนเองเปื้อนเลือดก็เป็นได้
หรือบางที เขาอาจจะส่งนางไปที่ราชสำนักเพื่อจัดการโดยตรง เหอะ!
“แม่นาง เจ้ากำลังทำอะไร” หยวนหมิงมองดูการเคลื่อนไหวของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างสับสน นางกำลังจะแต่งงาน แล้วนางจำเป็นต้องมีกริชด้วยเช่นนั้นหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม “แน่นอนว่ามีมันไว้เพื่อป้องกันตัว”
“จากความสามารถด้านการต่อสู้ของเจ้าในตอนนี้แล้ว เจ้ายังกลัวใครจะมาทำร้ายอีกหรือ” หยวนหมิงเลิกคิ้วขึ้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างเกียจคร้าน “ข้าไม่ได้กลัว แต่เผื่อไว้ในกรณีที่มีคนเข้ามาจู่โจมข้า ข้าจะได้แทงพวกเขาได้เลย”
“เจ้าหมายถึงคนที่จะมาสร้างปัญหาในงานแต่งงานเช่นนั้นหรือ” หยวนหมิงยิ้มอย่างชั่วร้าย “ถ้าเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับใครหรอก แต่พวกเขาต้องการที่จะตรวจสอบนาง พวกเขาคิดว่านางไม่รู้ตัวเลยเช่นนั้นหรือ
เพียงแต่นางก็ยังไม่รู้ว่าซูเหยียนโม่คิดจะทำอะไรกับนาง
“อย่างไรก็ตาม” หยวนหมิงหรี่ตาลง “แม่นาง เจ้าควรระวังตัวไว้ด้วย หากพวกเขารู้ว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกปีศาจ เจ้าก็จะต้องถูกขับไล่ออกจากจักรวรรดิจ้านหลงอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น เจ้าจะไม่สามารถกลับสู่ตระกูลเฮ่อเหลียนได้อีก”
“ข้ารู้” เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้ว “ดังนั้น ข้าจึงคิดแผนสำรองล่วงหน้าเอาไว้แล้ว”
…
“นี่คือแผนสำรองของเจ้าเช่นนั้นหรือ” หยวนหมิงมองคนตรงหน้า ซึ่งก็คือเฮยเจ๋อที่เพิ่งจะปีนข้ามกำแพงมา เขาไม่เห็นชายคนนี้มานานแล้ว และไม่เข้าใจตรรกะของเรื่องนี้จริงๆ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจหยวนหมิงอีกต่อไป นางมองเฮยเจ๋อและพูดว่า “เรื่องที่ข้าให้ไปทำเป็นอย่างไรบ้าง”
“แน่นอนว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เฮยเจ๋อยิ้มและปัดใบไม้ที่ร่วงบนไหล่ของเขาออกไป “ว่าแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าหรือ หลังจากเจ้าแต่งงานกับองค์ชายสาม เจ้าไม่อยากอยู่ในวังหลวงเช่นนั้นหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม “ข้าไม่อยากอยู่ที่นั่น แต่ข้าก็ต้องอยู่อย่างน้อยหนึ่งเดือนโดยประมาณ ในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนนั้น เรื่องของข้าก็ใกล้จะคลี่คลาย และข้าก็ไม่สนใจที่จะอยู่ในวังหลวงอีกต่อไป”
“องค์ชายสามจะยอมให้เจ้าทำเช่นนั้นหรือ” เฮยเจ๋อยังคงสงสัย
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว “เราเคยคุยเรื่องนี้กันมาก่อนแล้ว ไม่มีปัญหาหรอก”
“ตามนั้น” เฮยเจ๋อยังคงขมวดคิ้ว “แต่ทำไมเจ้าถึงอยากจะเปลี่ยนสถานะของตนเองเล่า”
เพราะเมื่อถึงตอนนั้น จะต้องมีใครบางคนล่วงรู้ถึงความจริงเกี่ยวกับภูมิหลังของนางอย่างแน่นอน ไม่ว่านางจะมีอำนาจเพียงใด แต่นางก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองจากการถูกเผาเพราะถูกมองว่าเป็นสัตว์ประหลาดได้
“เพื่อเริ่มต้นใหม่” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มอย่างล้ำลึก “เป้าหมายหลักของข้าคือการแก้แค้น ส่วนเป้าหมายขององค์ชายสามก็เพื่อทำตามใจอดีตฮ่องเต้ หลังจากเรื่องนี้จบลง ข้าก็จะเปลี่ยนตัวตน และสามารถเพลิดเพลินไปกับอิสรภาพของตัวเองได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังพูดความจริง นางไม่คิดที่จะอยู่ในวังหลวงตลอดไป มันไม่น่าสนใจเท่ากับการที่นางได้ตั้งกลุ่มปืนกลขึ้นมา
แต่นางต้องระวังตัวให้ดี และไม่ยอมให้ใครเห็นความผิดปกติของนางในโลกใบนี้
ก่อนที่นางจะสามารถแก้แค้นให้ตระกูลของตนเองได้ นางจะต้องอาศัยอยู่ในวังหลวงและพัฒนาตัวเองเสียก่อน!
ไม่เพียงแค่พัฒนาตัวเองเท่านั้น แต่นางยังต้องช่วยไป๋หลี่เจียเจวี๋ยให้ได้รับตำแหน่งสูงสุดอีกด้วย
เพราะนั่นคือเงื่อนไขในสัญญาการแต่งงานของพวกเขา
ดวงตาของเฮยเจ๋อเป็นประกาย ราวกับว่าเขาโล่งใจขึ้น “หากมันเป็นความตั้งใจของเจ้าก็ดีแล้ว” เขายังกังวลว่านางจะถลำตัวลึกเกินไป จนไม่สามารถออกมาได้
ผู้หญิงคนนั้นจะกลับมาในอีกไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะไม่มีที่ให้เฮ่อเหลียนเวยเวยในวังหลวงอีกต่อไป
เฮ่อเหลียเวยเวยรู้สึกได้ว่าคำพูดของเขามีนัยยะบางอย่าง “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”
เฮยเจ๋อกำลังจะพูดต่อ
แต่มีเสียงคำรามมาจากอีกฟากหนึ่งของกำแพงเสียก่อน “ไอ้เด็กเวรนั่น! หายไปไหนอีกแล้ว!”
สีหน้าของเฮยเจ๋อเปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะกุมศีรษะของตนเองราวกับกำลังปวดเศียรเวียนเกล้า “ข้าขอตัวก่อน แล้วค่อยเจอกันใหม่วันหลัง”
“ตกลง” เฮ่อเหลียนเวยเวยกลั้นหัวเราะเอาไว้ เหตุการณ์ที่คุณชายผู้สูงส่งคนนี้ต้องจนมุมอย่างน่าเศร้านั้นช่างเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
ในขณะนั้น นางก็จมดิ่งอยู่ในความคิด และกำลังจะหันหลังกลับ ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลังของตนเอง เสียงฝีเท้าที่เหยียบบนพื้นหิมะนั้นฟังดูชัดเจนอย่างมาก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนที่กำลังเดินเข้ามานั้นส่งรังสีบางอย่างออกมาอย่างรุนแรง หรือเป็นเพราะว่าลมในตอนกลางคืนนั้นพัดแรงขึ้น จึงทำให้อากาศในตอนนี้เยือกเย็นจนทำให้กระดูกแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง และเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ตัวสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้
นางหันหลังกลับและเห็นว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำลังยืนอยู่ตรงมุมถนน เสื้อคลุมยาวถึงเอวของเขาปลิวไปตามสายลมแรง ในคืนที่มืดมิด ภายใต้ท้องฟ้าที่มีแสงจันทร์สาดส่องเหนือศีรษะของเขา ทำให้เกิดเป็นเงาทอดลงบนพื้น เสื้อผ้าของเขาดูเก่าราวกับเป็นเสื้อผ้าจากปีที่แล้ว มันมีเศษใยผ้าติดอยู่บนเนื้อผ้านั้น
เขามองนางด้วยสายตาเย็นชาและงดงามราวกับเป็นองค์ชายแวมไพร์ที่ออกมาจากการ์ตูน ใบหน้าสีเงินด้านข้างของเขาราวกับเป็นน้ำแข็งแกะสลัก มันช่างงดงามและสมบูรณ์แบบ
นิ้วของเฮ่อเหลียนเวยเวยแข็งเกร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออยู่ภายใต้สายตาที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งคู่นั้น นางเชื่อว่าถึงจะเป็นคนอื่น พวกเขาก็คงจะรู้สึกหนาวไปทั้งตัวเช่นเดียวกัน
เพียงแต่นางไม่รู้ว่าองค์ชายได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่นี้มากน้อยเพียงใด…
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดกับเงาทมิฬที่อยู่ข้างกายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับเป็นน้ำแข็งที่ล่องลอย “ไปหานายท่านเฮย และบอกให้เขาจัดการเรื่องงานแต่งงานให้กับลูกสาวคนที่เจ็ดของตระกูลน่าหลาน แล้วถามนายท่านเฮยว่ามีคนที่เหมาะสมที่จะได้รับคัดเลือกหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ” เงาทมิฬถอยออกไป
เฮ่อเหลียเวยเวยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องนี้ จัดงานแต่งงานให้กับบุตรสาวคนที่เจ็ดของตระกูลน่าหลานเช่นนั้นหรือ นี่คือวิธีการที่เขากดดันให้เฮยเจ๋อรู้สึกราวกับกำลังเจียนตายเช่นนั้นหรือ
ดูเหมือนว่าคนรักในวัยเด็กของเขาจะเป็นบุตรสาวคนที่เจ็ดของตระกูลน่าหลาน
“ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้าควรจะอยู่ในห้องส่วนตัวเพื่อรอเข้าพิธีอภิเษกสมรส ไม่ใช่มาอยู่ที่ข้างกำแพงบ้านของตระกูลเฮยเช่นนี้” เสียงแหบต่ำแต่มั่นคงราวกับเป็นเสียงทรายดูดสีทองที่ค่อยๆ เลื่อนผ่านหูของนาง ดังขึ้นราวกับเป็นโลหะเย็นๆ
ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร
“เจ้าออกมาก็ดึกมากแล้ว เจ้าไม่คิดหรือว่าพอข้าตามหาเจ้าในสำนักไท่ไป๋ไม่เจอ ข้าจึงต้องไปตามหาเจ้าที่อื่นต่อ”
ตอนนี้ เบื้องหลังของเขาเป็นป่าเขียวชอุ่ม โทนสีเขียวและดำผสมผสานเข้าด้วยกันในค่ำคืนที่มืดสนิท
ผู้ชายคนนี้ควรเป็นนักเจรจาต่อรอง วิธีการของเขาช่างแตกต่างจากรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขา อย่าได้หลงกลกับความสง่างามของเขาเป็นอันขาด คนประเภทนี้ไม่ได้ใช้วิธีการธรรมดาทั่วไป
เช่นเดียวกับตอนนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกราวกับว่านางกำลังทำอะไรผิด
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางไม่ควรออกมาข้างนอกสามวันก่อนที่จะมีพิธีอภิเษกสมรสจริงๆ
อย่างไรก็ตาม นี่ก็หมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยินบทสนทนาที่นางพูดคุยกับเฮยเจ๋อก่อนหน้านี้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนาง ตอนที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้านั้น หากเขาไม่มั่นใจว่าพวกเขาทั้งสองคนนั้นไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน และหากเขาไม่ได้ทดสอบเฮยเจ๋อมาก่อน จนทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่สามารถปล่อยคนรักในวัยเด็กของตนเองไปได้แล้วละก็…
เขาอาจจะเผลอฆ่าเฮยเจ๋อก็เป็นได้
ไม่มีใครสามารถแตะต้องเหยื่อของเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในยามค่ำคืนเช่นนี้อีกด้วย
และมันก็ดึกมากแล้ว ทำไมนางจะต้องออกมาหาเฮยเจ๋อด้วย
ต่อให้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นางก็ควรจะมาหาเขา ที่เป็นคู่หมั้นของนางแทนไม่ใช่หรือ