บทที่ 260 จำแลงสามสิบหกปาง ข้าชอบตือโป๊ยก่ายที่สุด!
ชุยช่านมีรูปโฉมสะอาดสะอ้าน ดวงตาคู่โตสุกสกาวมีชีวิตชีวาสุด ๆ เป็นเด็กชายหน้าตาเปี่ยมด้วยความฉลาดเฉลียว
เขายกมือเบา ๆ สายน้ำพิสุทธิ์พลันปรากฏกลางอากาศตามมือ
ซ่า!
เสียงน้ำไหลดังขึ้น ชุยช่านวาดภาพด้วยน้ำ เขาหลอมรวมรูปกิเลนน้ำขึ้นมา กระโดดโลดเต้นอยู่เบื้องหน้าคุณชาย
วิชาคุมน้ำด้วยมือยิ่งน่าทึ่งเข้าไปใหญ่
กิเลนน้ำตัวนั้นราวกับเป็นกิเลนจริง ๆ มองเห็นเส้นขนตามตัวอย่างชัดเจน ส่ายศีรษะไปมาพร้อมคำนับคุณชายไม่หยุด น่ารักเหลือคณา
“ถึงอย่างไรก็เคยเรียนวาดภาพกับข้าอยู่หลายวัน ไม่เลว กิเลนน้ำตัวนี้เจ้าวาดได้ดีมาก!”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า พึงใจในตัวชุยช่านยิ่ง
เขาเคยสอนสั่งชุยช่านด้านวาดภาพอยู่หลายวัน
เรื่องคุมไฟ คุมน้ำ เขามิสู้จะรู้นัก ลำพังภาพที่สำแดงออกมา ชุยช่านมีชัยเหนือเซวียเหวินลี่
“ขอบคุณคุณชายขอรับ!”
ชุยช่านดีใจมากที่ได้รับคำชมจากคุณชาย เขาเก็บภาพกิเลนน้ำด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ถึงตาข้าแล้ว!”
เด็กอ้วนผิวขาวคนหนึ่งเดินเข้ามา เขามีชื่อเล่นว่าเจ้าอ้วนฉวี่ ชื่อจริงนามฉวี่เทา
“คุณชายเชิญดู ข้าจำแลงกายได้สามสิบหกปาง!”
เจ้าอ้วนฉวี่แปลงกายเป็นตอไม้ใหญ่
จากนั้น เขาแปลงกายอีกครั้งกลายเป็นหินก้อนใหญ่
เขาสามารถจำแลงกายได้ถึงสามสิบหกปางจริง ๆ…และแสดงให้คุณชายดูทีละปาง
ทว่าตอนเขาแปลงกายเป็นจำพวกตอไม้ก้อนหินยังไม่เท่าไร ยามเขาแปลงกายเป็นสัตว์หรือรูปร่างของคนอื่น ๆ จะเห็นได้ชัดว่ารูปร่างค่อนไปทางท้วม
บ่งบอกว่าวิชาจำแลงสามสิบหกปางของเขายังไม่แตกฉานดี วัตถุไร้ชีวิตใช้ได้ แต่สิ่งมีชีวิตยังใช้ไม่ได้ มีจุดด่างพร้อยอยู่บ้าง
จำแลงสามสิบหกปาง…ตือโป๊ยก่าย?
ทันทีที่หลี่จิ่วเต้าได้ยินคำว่าจำแลงสามสิบหกปางก็นึกถึงตือโป๊ยก่าย
เขาจำได้แล้ว เมื่อครั้งเขาเล่านิทานไซอิ๋วและสถาปนาเทวดาจบ เด็กเหล่านี้เคยขอภาพวาดเลียนแบบจากเขา
ครานั้น เจ้าเด็กอ้วนขอภาพของตือโป๊ยก่าย บอกว่าชื่นชอบตือโป๊ยก่ายที่สุด
“คุณชาย ข้าร่ำเรียนมาใช้ได้หรือไม่!”
เจ้าอ้วนฉวี่ท่าทางทะนงขณะเอ่ย “ผู้ที่ข้าชื่นชอบที่สุดก็คือตือโป๊ยก่าย ครานั้น ข้าเพิ่งก้าวสู่เส้นทางฝึกตน เข้าร่วมพรรคจื่อเสีย ข้าจึงคิดอยากร่ำเรียนวิชาจำแลงสามสิบหกปางนี้ อนิจจา อาจารย์และผู้อาวุโสในพรรคล้วนบอกว่าพวกเขาใช้วิชานี้ไม่ได้! หากมิได้คุณชาย ข้าคงไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนวิชาจำแลงสามสิบหกปางนี้จริง ๆ!”
ใช่แล้ว เขาคลั่งไคล้ในตัวตือโป๊ยก่ายมาก
วันแรกที่ได้เข้าร่วมพรรคจื่อเสีย เขาก็คาดคั้นถามท่านอาจารย์ปู่พรรคจื่อเสียว่าช่วยสอนการจำแลงสามสิบหกปางแก่เขาได้หรือไม่
ผู้ใดจะรู้ ครานั้นอาจารย์ปู่พรรคจื่อเสียถึงกับหัวเราะเฝื่อน ๆ กล่าวว่าวิชาจำแลงกายเป็นวิชาสูงส่ง อย่าว่าแต่จำแลงสามสิบหกปางเลย ลำพังจำแลงกายเพียงปางเดียว พรรคจื่อเสียของพวกเขาก็ไม่มีวิชาเช่นนี้สืบสานตกทอด
ทว่าเขามิได้ยอมแพ้
เขานึกถึงนิทานไซอิ๋วที่คุณชายเล่า มองภาพวาดตือโป๊ยก่ายที่คุณชายวาด รวมถึงตุ๊กตุ่นตือโป๊ยก่ายที่คุณชายปั้นให้แล้วพลันตื่นรู้ สำเร็จวิชาจำแลงสามสิบหกปางเอง!
เริ่มแรกเขาเข้าใจว่าตนเองเก่งกาจพอ ถึงคิดหาวิธีฝึกฝนวิชาจำแลงสามสิบหกปางขึ้นมาเองได้
ต่อมา ขอบเขตพลังของเขาสูงขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับอาจารย์ปู่พรรคจื่อเสียกับผู้อาวุโสรู้ว่าเขามีภาพวาดตือโป๊ยก่ายและตุ๊กตุ่นตือโป๊ยก่ายฝีมือคุณชายในมือ และเตือนเขาถึงเรื่องนั้น เขาถึงกระจ่างขึ้นมาว่ามิใช่ความเก่งกาจของเขา หากแต่เป็นความเก่งกาจของคุณชาย!
ในภาพวาดและตุ๊กตุ่นที่คุณชายมอบให้เขา ล้วนมีความลับของอภินิหารการจำแลงสามสิบหกปางซ่อนอยู่
“หืม สำเร็จวิชาเพราะข้าหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าประหลาดใจมาก วิชาจำแลงสามสิบหกปางเกี่ยวข้องอย่างไรกับเขาหรือ
ตายจริง!
ข้าพูดผิดไป!
ก่อนมาพี่สาวอันหลานเสวี่ยเพิ่งกำชับนักหนาอีกครั้งแท้ ๆ ไยเขาถึงดีใจเกินเหตุแล้วปากไวโพล่งออกมาเสียได้!
ทว่าแม้เจ้าอ้วนฉวี่จะยังเด็ก กระนั้นเขาก็มีปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม
เขากล่าวว่า “แน่นอนว่าข้าสำเร็จวิชาเพราะคุณชาย! หากไม่มีคุณชายเล่านิทานไซอิ๋วให้ข้าฟัง ข้าคงไม่มีทางรู้จักตือโป๊ยก่าย และไม่มีทางรู้จักวิชาจำแลงสามสิบหกปาง!”
เขากล่าวต่อ “หลังฟังเรื่องเล่าไซอิ๋วจากคุณชาย ข้าชื่นชอบในตัวตือโป๊ยก่ายมาก! อาจารย์และผู้อาวุโสในพรรคล้วนไม่รู้วิชาจำแลงสามสิบหกปาง กระนั้นข้ามิได้ถอดใจ เฝ้าหมั่นเพียรค้นคว้า จนท้ายที่สุดข้าก็สำเร็จอภินิหารจำแลงสามสิบหกปาง!”
ท่านเซียนประทานพร สวรรค์จุติประหลาด สรรพวิถีร่วมฉลอง เด็ก ๆ อย่างพวกเขาล้วนได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์นี้เป็นกอบเป็นกำ เปิดจุดปัญญา ฉลาดล้ำเกินเด็กในวัยเดียวกันไปมาก
หากเป็นเจ้าอ้วนฉวี่ในอดีต คงงุนงงไปในบัดดล ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…
หลี่จิ่วเต้ากระจ่าง สำเร็จวิชาเพราะเขาจริงด้วย หากไม่มีเขาเล่านิทานไซอิ๋วให้ฟัง เจ้าอ้วนผู้นี้ไฉนเลยจะรู้จักวิชาจำแลงสามสิบหกปาง
เก่งกาจยิ่ง มิน่าเล่าถึงก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้ เขาตื่นรู้ได้ด้วยตนเอง มิต้องมีครูบาอาจารย์!
เจ้าอ้วนผู้นี้ใช้ได้!
หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ
“ข้าดูแล้วเจ้าลำพองไปหน่อย จงจำไว้ ความผยองเยี่ยงนี้ไม่ควรเอาอย่าง”
หลี่จิ่วเต้าเตือนเจ้าอ้วน ก่อนจะเอ่ย “เจ้าใช้วิชาจำแลงสามสิบหกปางได้ดีเยี่ยม แต่สามสิบหกปางที่ว่าเป็นการกำหนดที่ไม่เฉพาะเจาะจง หาใช่การกำหนดตายตัว เจ้ายังต้องเดินบนเส้นทางนี้อีกยาว ที่สำเร็จได้เป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น เข้าใจหรือไม่”
ไม่ว่าจำแลงเจ็ดสิบสองปางของผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน หรือจำแลงสามสิบหกปางของตือโป๊ยก่ายล้วนเป็นการกำหนดที่ไม่เฉพาะเจาะจง เป็นวิชาที่ต่อยอดพัฒนาได้ เป็นตัวเลขไร้จำนวน หาใช่จำนวนตายตัวไม่
จำแลงเจ็ดสิบสองปาง หรือจำแลงสามสิบหกปางที่แท้จริง มิใช่ง่าย ๆ แค่แปลงกายได้เจ็ดสิบสองแบบ หรือสามสิบหกแบบได้ก็พอ แก่นแท้ของอภินิหารนี้ลึกล้ำหนักหนา หากสำเร็จวิชาได้ มีชีวิตเพิ่มมาอีกเจ็ดสิบสองชาติ หรือสามสิบหกภพเป็นประเด็นรอง ประเด็นหลักคือเขาจักแกร่งกล้าขึ้นมหาศาล
แน่นอนว่า หลี่จิ่วเต้าไม่เคยฝึกฝนวิชาจำแลงเจ็ดสิบสองปางหรือสามสิบหกปาง เขากล่าวตามสิ่งที่เกริ่นไว้ในไซอิ๋ว
นอกจากนี้ เขาเองก็รู้สึกว่ามีเหตุผลยิ่ง จึงสาธยายให้เจ้าอ้วนฟัง
“เข้าใจแล้ว…คุณชาย!”
เจ้าอ้วนฉวี่วิ่งกลับไปด้วยท่าทางสลด เขาไม่ควรลำพองเลยจริง ๆ
ทว่าวาจาของคุณชายกลับทำให้เขาเหมือนได้พบแสงสว่าง ได้ประโยชน์นับคณา เขาเข้าใจวิชาจำแลงสามสิบหกปางได้ลึกเข้าไปอีกขั้น
“พวกเจ้าจงจำไว้ ห้ามลำพองเด็ดขาด!”
หลี่จิ่วเต้ามองเด็ก ๆ ด้วยสีหน้าขึงขังขณะกล่าว
ไม่ว่าปุถุชนหรือผู้ฝึกตน การไม่ลำพองล้วนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
หากผยองลำพองเอาง่าย ๆ ไม่ว่าอยู่ในฐานะปุถุชนหรือผู้ฝึกตนล้วนไม่อาจทำหน้าที่ได้ดี
“เข้าใจแล้วคุณชาย!”
“จากนี้ไปพวกเราจะจดจำเรื่องนี้ไว้!”
อ้ายฉานและเด็กคนอื่น ๆ ตอบ
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม หันมองเด็ก ๆ ที่ยังไม่แสดงฝีมือพร้อมเอ่ย “เอาล่ะ ๆ ขอดูความสามารถของพวกเจ้าหน่อย”
เด็กทั้งสามแสดงฝีมือของพวกเขาให้หลี่จิ่วเต้าได้ดู
คนหนึ่งในพวกเขาคุมอัสนีได้ เมื่อแบมือจักมีอัสนีขนาดย่อมปรากฏ จึงแสดงพลุอัสนีให้คุณชายได้ชม
คนหนึ่งสามารถควบคุมขนาดร่างกาย เพียงสะบัดตัวไปมาก็ขยายร่างจนสูงใหญ่ยิ่งกว่าตัวบ้าน สะบัดตัวอีกครั้งจักหดเล็กลงยิ่งกว่ามด
คนหนึ่งแสดงวิชาเหินกระบี่ นึกคิดเพียงครั้งเดียว ปราณกระบี่นับพันซึ่งหล่อหลอมขึ้นด้วยพลังปราณทะยานออกมา หมุนคว้างกลางอากาศ เปล่งประกายเจิดจ้างดงาม
“ไม่เลว ไม่เลว พวกเจ้าเยี่ยมยอดกันทั้งหมด เก่งกาจยิ่งนัก!”
หลี่จิ่งเต้าปรบมือกล่าวชื่นชม
ผู้ฝึกตนก็คือผู้ฝึกตน ต่อให้เป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบเมื่อได้ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้ว ฝีมือความสามารถที่มีนั้นย่อมเหนือกว่าปุถุชนไปมาก
สุดท้าย เหลือเพียงอ้ายฉานและจู้จื่อสองคนที่ยังไม่แสดงความสามารถต่อคุณชาย