ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 4 Side Story 2-2

ภาค 2 เล่ม 4 Side Story 2-2

อินซอบยิ้มน้อยๆ อีอูยอนถอนหายใจยาว อินซอบที่รู้สึกถึงความไม่สบายใจของอีกฝ่ายทำสีหน้าเกรงกลัว

“โกรธเหรอครับ”

อีอูยอนตอบว่าเปล่าก่อนจะเปลี่ยนคำพูด

“อือ นิดหน่อย”

“ขอโทษครับ ผม…”

คำพูดต่อมาถูกขัดจังหวะด้วยริมฝีปากที่ขยับเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน อีอูยอนค่อยๆ งับริมฝีปากของอินซอบแล้วปล่อยราวกับกำลังลูบไล้ เยื่อเมือกอุ่นร้อนแนบชิดเบาๆ แล้วผละออกไป

“ผมโกรธที่บางครั้งคุณก็ทำตัวน่ารักเกินไป”

อีอูยอนใช้ปลายจมูกแตะเข้ากับจมูกของอินซอบ เขาปรับมุมและประกบริมฝีปากเข้าด้วยกันอีกครั้ง การจูบที่เริ่มต้นอย่างนุ่มนวลในตอนแรกค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นทีละนิด และสุดท้ายอินซอบก็ล้มลงบนโซฟา

“แฮ่ก…”

พออินซอบหอบหายใจอย่างสุขสม อีอูยอนที่ทิ้งตัวลงมาจากด้านบนก็ยิ้มจางๆ

“ชอบมากขนาดไหนเหรอครับ”

“ครับ?”

“ผมถามว่าชอบผมมากขนาดไหน”

ในขณะที่ถามแบบนั้น อีอูยอนก็คิดว่าตัวเองได้ไปจนถึงที่ที่ไปได้แล้ว เขาสงสัยในเรื่องนั้นจริงๆ เพราะตอนนี้ก็ไม่มีคำพูดจูงใจที่น่าจะนึกออกแล้วด้วย

“เลิกพูดคำพูดพวกเท่าท้องฟ้า เท่าผืนดินด้วยนะ”

“…!”

อินซอบชะงักไปเล็กน้อย เพราะกำลังจะตอบแบบนั้นอยู่พอดี อีอูยอนจงใจกดหน้าอกของอินซอบแรงๆ และพูดว่า “เร็วๆ” เพื่อร้องขอคำตอบ

อินซอบจมอยู่กับความคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูด

“เรื่องนี้อาจจะทำให้อารมณ์ไม่ดีได้นะครับ…”

อีอูยอนครางรับในลำคอก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้ม เขาพยักหน้าราวกับจะบอกว่าไหนลองว่ามาซิ

“มีสิ่งที่แม่พูดอยู่เสมอว่าพ่อกับแม่ที่แท้จริงจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน และห้ามเกลียดพวกเขาเด็ดขาด แถมยังบอกอีกว่าพวกเขาได้รับโทษที่ควรจะได้รับจากการทิ้งลูกที่อุ้มท้องมาถึงสิบเดือนไว้และไม่สามารถเจอกันได้อีกแล้วครับ”

ช่างเป็นคำพูดที่สมกับเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงชเวอินซอบมา

“ผมเองก็คิดแบบนั้น แต่ช่วงนี้ความคิดของผมเปลี่ยนไปครับ ผมแค่…อยากให้พวกเขาลืมผมไปตั้งแต่แรก ผมว่ามันไม่ถูกต้องมากๆ เลยนะครับที่ผมมีชีวิตที่ดีขนาดนี้แล้ว แต่ยังติดอยู่กับเรื่องราวในอดีต”

จิตใจที่ดีอย่างแท้จริงปรากฏในดวงตาสีดำของอีกฝ่าย นี่เป็นสิ่งที่ต่อให้เขาตายก็ไม่สามารถมีได้ อีอูยอนตอบว่า “อย่างนั้นเองสินะครับ” พร้อมกับพยักหน้า

“…แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากให้คุณอีอูยอนไม่เป็นแบบนั้นครับ”

“…?”

“ถ้าเกิดว่าคุณเลิกกับผมขึ้นมาจริงๆ ผมอยากให้คุณไม่ลืมผมครับ แต่ผมไม่ได้ต้องการให้คุณอีอูยอนโชคร้ายนะครับ ก็แค่…มันไม่รู้สึกยุติธรรมน่ะครับ ถ้าคุณไม่เป็นแบบนั้น…”

อินซอบบอกว่าเขาเองก็จะจดจำอีอูยอนต่อไปเรื่อยๆ อีอูยอนพ่นลมหายใจดังเหอะออกมา ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อตีตื้นขึ้นมาจากในที่ที่เชื่อมาตลอดว่าว่างเปล่า เขาหายใจไม่ออก

“คิดว่าผมจะเลิกกับคุณเหรอ”

อีอูยอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ อินซอบส่ายหน้าเบาๆ

“ตอนนั้นคงจะเป็นโอกาสเดียวในชีวิตสำหรับคุณอินซอบแล้วล่ะ”

ริมฝีปากของอีอูยอนขบกัดริมฝีปากของอินซอบเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ

“…เพราะคุณได้เตะมันทิ้งไปแล้ว และต่อให้คุณเสียดายทีหลังก็เปล่าประโยชน์”

อีอูยอนรู้ดีว่าวันที่คำพูดว่าเราเลิกกันเถอะจะหลุดออกมาจากปากของตัวเองคงไม่มีวันมาถึง

อินซอบยกแขนขึ้นมากอดคอของอีอูยอนไว้

“…ผมจะไม่เสียดายเด็ดขาดครับ เพราะนั่นเป็นการเตะที่ดีมากๆ”

เสียงกระซิบเบาๆ ที่ได้ยินข้างหูทำให้อีอูยอนหัวเราะออกมา

พวกเขานอนจูบกันบนโซฟา พูดเรื่องไร้สาระ และดูภาพยนตร์ด้วยกันต่ออีกสองเรื่อง ในขณะที่กำลังดูภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย อินซอบก็พึมพำราวกับอยู่ในฝันว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะศึกษาให้เยอะขึ้น และอยากลองแปลผลงานทุกชิ้นที่มีอีอูยอนร่วมแสดงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความง่วงนอน อีอูยอนไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ลูบหัวของอินซอบเท่านั้น

และผ่านไปหนึ่งสัปดาห์อินซอบก็ได้รับโทรศัพท์จากกรรมการผู้จัดการคิม

“ครับ?”

[ฉันถามว่าระหว่างอพาร์ทเมนท์กับวิลล่าอะไรอยู่สบายกว่ากัน]

“ผมไม่ค่อยเข้าใจเลยครับว่าคุณหมายถึงอะไร”

ความคิดที่ว่านี่อาจจะเป็นสำนวนที่ตัวเองไม่รู้จักก็ได้ทำให้อินซอบตอบกลับไปอย่างรอบคอบ

[อพาร์ทเมนท์ที่อีอูยอนอยู่ก่อนหน้านี้กับวิลล่าที่ซื้อทิ้งไว้แล้วไม่ได้ใช้น่ะ ลองเลือกมาซิว่าอยู่ที่ไหนดีกว่ากัน]

อีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อยู่หรือเปล่า

อินซอบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“ดูเหมือนอันหลังจะดีกว่าในแง่ของการรักษาความเป็นส่วนตัวครับ แต่ถ้าคำนวณเรื่องมูลค่าในการลงทุนแล้วอย่างแรกน่าจะดีกว่าหรือเปล่าครับ”

[โอเค]

จากนั้นกรรมการผู้จัดการคิมก็วางสายไปโดยไม่อธิบายอะไร อินซอบมึนงงเล็กน้อย แต่เขาก็คิดว่ากรรมการผู้จัดการคิมคงจะยุ่งมากและปล่อยผ่านไป

ทว่าหลังจากนั้นสามวันอีกฝ่ายก็โทรศัพท์มาหาอีกครั้ง

[รถซีดานกับรถ SUV อะไรขับสบายกว่ากัน]

“ครับ? เอ่อ ไม่รู้สิครับ”

อินซอบครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพราะนี่ดูเหมือนจะไม่ใช่สำนวน และตอบไปว่า “รถ SUV น่าจะดีกว่าครับ”

[เบนซ์? BMW?]

“…พอลองขับดูแล้วคิดว่าเบนซ์สบายกว่านิดหน่อยครับ”

[ได้ เข้าใจแล้ว]

แล้วอินซอบก็เอ่ยเรียกกรรมการผู้จัดการคิมที่กำลังจะตัดสายไปอย่างรวดเร็วว่า “กรรมการผู้จัดการครับ!”

[มีอะไร]

“ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหมครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมโทรศัพท์หาอีอูยอนเป็นประจำ เขาทั้งขอร้องดีๆ ทั้งโมโห ทั้งด่า และทำแม้กระทั่งพูดอย่างขาดสติในเวลาที่ดื่มเหล้าว่า “ทำไมถึงทิ้งเงินจำนวนมากขนาดนั้นไว้ที่เกาหลีทั้งๆ ที่จะไม่กลับมา ฉันควรจะได้เงินที่ขายวิลล่าสิ” และมักจะจบการคุยโทรศัพท์ด้วยการถามว่า ‘จะกลับมาที่เกาหลีเมื่อไร’

[อื้อ ไม่ได้มีอะไรนะ ทำไมเหรอ]

ขณะที่เอ่ยถามนั้นน้ำเสียงของกรรมการผู้จัดการคิมสดใสเป็นอย่างมาก

“เปล่าครับ ทุกคนสบายดีใช่ไหมครับ”

[แหงอยู่แล้ว สบายดีมากเลยล่ะ ฮ่าๆๆ ไว้เจอกันนะ]

กรรมการผู้จัดการคิมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะวางสายไป ทุกอย่างแปลกไปหมด อินซอบคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเย็นวันนั้นเขาก็เล่าเรื่องของกรรมการผู้จัดการคิมให้อีอูยอนที่กลับมาจากการทำธุระฟัง

“กรรมการผู้จัดการโทรศัพท์มาหาด้วยล่ะครับ”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

อีอูยอนตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจในขณะที่ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก

“เขาโทรศัพท์มาถามนั่นถามนี่ผมก็เลยตอบไป…ว่าแต่คุณจะกลับเกาหลีเหรอครับ”

นี่เป็นข้อสรุปที่อินซอบได้หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก อีอูยอนคลายเน็กไทออก และยกมุมปากขึ้นยิ้มราวกับจะบอกว่าเขาคาดไม่ถึง

“ไม่อยากให้กลับเหรอครับ”

“เปล่าครับ ผมคิดเอาไว้แล้วว่าคุณจะต้องกลับไปสักวันหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ ก็แค่…”

“แค่?”

“…ผมเสียดายที่จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ น่ะครับ”

สีหน้าของอีอูยอนดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก เป็นสีหน้าที่ถามว่าคำพูดไร้สาระที่ได้ยินอยู่ตอนนี้เป็นเสียงหมาบ้านไหนกำลังเห่า

“แต่ผมจะไปหาบ่อยๆ ครับ ผมจะตั้งใจเก็บเงิน และไปหาให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะ…”

“คุณแม่งพูดคำพูดไร้สาระอะไรยาวเหยียดขนาดนั้นครับ”

อีอูยอนเชยคางของอินซอบขึ้นมา

“คุณก็รู้ใช่ไหมครับว่าถ้าไม่มีคุณผมจะเป็นบ้า”

“…”

“อยากอยู่ห่างจากผมเหรอครับ”

“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ แต่…ถ้าผมอยู่ด้วยที่เกาหลี คงจะมีเรื่องที่ทำให้คุณต้องกังวลใจมากแน่ๆ”

อีอูยอนรีบอุ้มอินซอบขึ้นมา เขาเดินไปที่เตียงก่อนจะจับให้อีกฝ่ายนอนลงและพูดต่อ

“ถ้าคุณอินซอบไม่อยากไป ผมก็จะไม่ไปไหนครับ”

คำพูดของอินซอบที่บอกว่าอยากลองแปลผลงานที่ตนร่วมแสดงทำให้อีอูยอนตัดสินใจว่าจะกลับไปที่เกาหลี การที่อินซอบซึ่งไม่มีความโลภอะไรเปิดเผยความตั้งใจที่อยากจะทำอะไรบางอย่างออกมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เขาจึงอยากจะทำให้เป็นจริงทุกอย่าง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต่อสายหากรรมการผู้จัดการคิม ขอร้องให้อีกฝ่ายเก็บเป็นความลับไว้สักระยะหนึ่ง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะดีใจจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่ และแสดงท่าทีออกมาให้อินซอบเห็น

“ถ้าคุณไม่อยากไป ผมจะยกเลิกตอนนี้เลยครับ”

“…ผมจะไปด้วยครับ”

อินซอบกำชายเสื้อของอีอูยอนไว้

“ผมอยากไปด้วยครับ ผมอยากไปกับคุณอูยอน ถึงแม้ว่าที่นี่จะดี แต่ผม…”

อินซอบไม่สามารถสลัดความคิดที่ว่าตัวเองเป็นคนทำลายอาชีพของนักแสดงอีอูยอนออกไปได้ แม้อีอูยอนจะคิดว่าเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่อินซอบก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เขาลืมคำพูดของคนที่เจอที่ซูเปอร์มาร์เก็ตไปไม่ได้

ดังนั้นตอนที่ได้ข้อสรุปว่าอีอูยอนอาจจะกลับเกาหลี เขาจึงคิดว่าแม้วันที่ตัวเองถูกทิ้งไว้ที่นี่คนเดียวจะมาถึงก็ต้องทนให้ได้ ความจริงที่พูดไปว่าเสียดายนั้นเป็นคำโกหก เขาไม่ชอบเอาเสียเลย เขาไม่อยากคิดถึงการอยู่ห่างกับอีอูยอนด้วยซ้ำ

“ผมอยากไปกับคุณอูยอนครับ แต่…ผมก็เกลียดการที่คุณจะกลับไปที่เกาหลีทั้งที่ไม่ได้อยากกลับเพราะผม”

อีอูยอนไม่ได้แสดงความรักอย่างเป็นพิเศษในงานของตัวเอง อินซอบรู้ดีว่าอีกฝ่ายเริ่มเป็นนักแสดงเพราะอะไรจึงไม่สามารถสั่งให้อีกฝ่ายกลับไปทำอีกครั้งได้ แม้เขาจะชอบนักแสดงอีอูยอน แต่อีอูยอนนี้ก็คือคนที่ตนรักเช่นกัน

“เพราะฉะนั้นคุณอูยอนทำอย่างที่ตัวเองต้องการก็ได้ครับ”

อินซอบช้อนตาขึ้นมองอีอูยอนตรงๆ ก่อนจะพูด

“ก็อย่างที่คุณอินซอบรู้นะครับว่าผมไม่ได้ทำอะไรบางอย่างเพราะอยากทำ”

อีอูยอนพูดต่อนิ่งๆ

“ผมก็แค่คำนวณผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์กับตัวเองและเลือกไปตามนั้น การเลือกเป็นนักแสดงก็เหมือนกันครับ ดังนั้นการที่ผมไม่มีเยื่อใยให้กับอะไรเป็นพิเศษจึงเป็นเรื่องจริง”

“…”

เป็นไปอย่างที่ตัวเขาเองคิดไว้จริงๆ อินซอบพยักหน้า

“แต่ถ้ามันจะทำให้คุณอินซอบมีความสุข ผมก็อยากทำครับ เหตุผลแค่นี้ไม่พอเหรอครับ”

ถ้าหากมีสิ่งที่อินซอบชอบอยู่ในสิ่งที่อีอูยอนมี ไม่ว่าอะไรเขาก็อยากจะยกให้ ถ้าสิ่งนี้จะทำให้อีกฝ่ายดีใจ เขาก็คิดว่าจะทำให้เท่าที่ต้องการ

คำถามของอูยอนทำให้อินซอบส่ายหน้า อีอูยอนกอดอินซอบแน่น

“มันจะต่างออกไปเยอะเลยนะครับ”

“…”

“งานคุณน่าจะน้อยลงกว่าเมื่อก่อน กระแสตอบรับก็จะต่างไปด้วย แล้วข้อความว่าร้ายก็จะเยอะขึ้นมากเลยนะครับ”

การถอนตัวจากภาพยนตร์ที่ถ่ายทำอยู่เป็นทางเลือกที่เลวร้ายที่สุดในฐานะนักแสดง

“ในฐานะสตอล์กเกอร์ก็น่าจะมีเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจเยอะเหมือนกัน คุณจะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

คำถามที่เจือไปด้วยการล้อเล่นทำให้อินซอบถลึงตาพลางตอบ

“ผมจะไม่อ่านข่าว หรือคอมเมนต์เด็ดขาดเลยครับ”

อีอูยอนกระชับอ้อมแขนที่กอดอินซอบไว้ก่อนจะกดจูบลงบนแก้มของอีกฝ่าย จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่า

“แล้วคุณอินซอบเลือกรถอะไรเหรอครับ”

***

พอเห็นรถเบนซ์ G3 ที่จอดอยู่ในที่จอดรถ อินซอบก็ส่งเสียงร้องอย่างกลุ้มใจ ตอนที่กรรมการผู้จัดการคิมสั่งให้เลือกรถ เขานึกว่าอีกฝ่ายให้เลือกรถที่คนอื่นจะใช้จึงเลือกรถเบนซ์ไป แต่แล้วอีอูยอนก็มาบอกเขาด้วยตัวเองว่านี่เป็นรถที่เขาต้องใช้

เขาเต้นเร่าๆ พร้อมกับบอกว่าไม่สามารถรับไว้ได้เด็ดขาด แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็ทำสัญญาและจ่ายค่ารถด้วยเงินสดไปเรียบร้อยแล้ว

‘นี่เป็นรถของนายนะ ดังนั้นนายก็รับผิดชอบและขับไปจนกว่ามันจะพัง’

ในดวงตาของกรรมการผู้จัดการคิมที่ยื่นกุญแจรถให้เต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะใช้รถเบนซ์ผูกข้อเท้าของอินซอบไว้ และทำให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้

“…ผมจะขับมันได้ยังไงล่ะ”

นี่ไม่ใช่รถ SUV ธรรมดา แต่เป็นรถจี๊ป AMG ขณะที่มองรถที่เงาวับถึงขนาดที่แค่มองก็หนักใจแล้ว แววตาของอินซอบก็เต็มไปด้วยความกังวล

พออีอูยอนกลับมาที่เกาหลี คนที่ดีใจที่สุดคือกรรมการผู้จัดการคิม เขาจะทำให้ราคาหุ้นเพิ่มสูงมากขึ้นอีกครั้ง และกดเครื่องคิดเลขอย่างตั้งใจ

กรรมการผู้จัดการคิมเลือกบ้านที่ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยตัวเอง บ้านที่ตระเตรียมไว้ใกล้ๆ กับชานเมืองพันคโยเป็นบ้านเดี่ยวที่มีการรักษาความเป็นส่วนตัวที่รัดกุม กรรมการผู้จัดการคิมทำการรีโนเวทคฤหาสน์ขนาด 150 พย็อง[1]ที่สร้างอยู่บนพื้นที่มีราคาแพงราวกับทองซึ่งเป็นสมบัติของคุณปู่ และยกให้อีอูยอน พอเห็นอย่างนั้นแล้วหัวหน้าทีมชาก็เหน็บแนมว่าความรักแห่งศตวรรษได้ปรากฏออกมาแล้ว แต่กรรมการผู้จัดการคิมกลับแย้งว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่เพื่ออนาคต

ถ้าอีอูยอนไม่กวาดสายตามองไปรอบบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับพูดว่า “เล็กกว่าที่เห็นนะครับ” กรรมการผู้จัดการคิมคงจะมีความสุขไปทั้งวัน

หัวหน้าทีมชามองใบหน้าที่เหมือนกับเคี้ยวอุจจาระของกรรมการผู้จัดการคิมพร้อมกับกุมท้องเอาไว้และหัวเราะร่า จนกระทั่งได้ยินคำพูดของอีอูยอนที่ขอให้ออกไปเพราะรำคาญ

[1] พย็อง คือ หน่วยวัดขนาดห้องของเกาหลี โดยที่ 1 พย็องจะมีขนาดเท่ากับ 3.3058 ตารางเมตร

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท