ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 274 สำนักศึกษา

ตอนที่ 274 สำนักศึกษา

เมื่อ​เห็น​ว่า​จุน​เกอ​ท่อง​ตำรา​ไม่ได้​ ​สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​มาก​ ​เข้าไป​ช่วย​ประคอง​ไท่ฮู​หยิน​ไป​ยัง​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก

จุน​เกอ​ก้มหน้าก้มตา​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​น้ำตา​คลอ​เบ้า

สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้าไป​ย่อ​ตัว​ลง​ตรงหน้า​เขา​พร้อมกับ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​รู้สึก​กลัว​ใช่​หรือไม่​!​”

จุน​เกอ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​ดวงตา​เป็นประกาย​ไป​ด้วย​น้ำตา​ ​“​ข้า​ท่อง​เป็น​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ไว้​เรา​ค่อย​หา​เวลา​ไป​ท่อง​ให้ท่า​นพ​่อ​ฟัง​ดี​หรือไม่​”

จุน​เกอ​รีบ​พยักหน้า​ไม่​หยุด

สือ​อี​เหนียง​จึง​จูงมือ​ของ​เขา​ไว้​ ​“​พวกเรา​ไป​ทานข้าว​กัน​!​”

แต่​จุน​เกอ​ยังคง​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​ไม่ยอม​ขยับ​ไป​ไหน​ ​“​หากว่า​ข้า​…​หากว่า​ข้า​ยัง​ท่อง​ไม่ได้​ล่ะ​ขอรับ​”

“​เรา​ไม่​ท่อง​ต่อหน้า​ผู้คน​มากมาย​ ​เรา​แอบ​ไป​ท่อง​ให้ท่า​นพ​่อ​ของ​เจ้า​ฟัง​คนเดียว​ ​จุน​เกอ​ก็​ยัง​ลืม​อีก​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​เขา​เสียง​เบา

จุน​เกอ​ก้มหน้า​ลง​ต่ำกว่า​เดิม​ ​“​ตอน​ท่าน​ที่​อาจารย์​ถาม​ข้า​ ​ข้า​ก็​ท่อง​ไม่ได้​เช่นกัน​ขอรับ​!​”

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ใจหายวาบ​ขึ้น​มาทัน​ที

หาก​เป็น​เช่นนี้​ ​สถานการณ์​ถือว่า​ไม่​ค่อย​สู้​ดี​เท่าไร​นัก

แต่​เวลา​เช่นนี้​ ​เรา​ไม่​ควร​ที่จะ​กดดัน​เด็ก​จน​เกินไป

“​เช่นนั้น​เจ้า​ท่อง​ให้​ข้า​ฟัง​ ​ได้​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ลอง​ถาม​เขา​ดู

จุน​เกอ​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​ขอรับ​”​ ​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ค่อนข้าง​ฝืน

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ตอน​ช่วง​ปีใหม่​ ​เขา​ท่อง​ตำรา​ ​‘​เด็กน้อย​เรียนรู้​’​ ​ต่อหน้า​ทุกคน​…

“​พวกเรา​ไป​ทานข้าว​กัน​ก่อน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​กอด​จุน​เกอ​ไว้​ ​“​ตอนนี้​เรา​ไม่ต้อง​คิดถึง​เรื่อง​พวก​นี้​ ​ตั้งใจ​ทานข้าว​ดี​ๆ​ ​มิเช่นนั้น​ ​หาก​ท่าน​พ่อ​เห็น​เจ้า​ใช้​ตะเกียบ​เขี่ย​ข้าว​ไปมา​ ​ก็​จะ​โมโห​เพิ่มขึ้น​ไป​อีก​ ​ตำรา​เจ้า​ก็​ท่อง​ไม่ได้​แล้ว​ ​พวกเรา​ไป​ตั้งใจ​ทานข้าว​กัน​ก่อน​ดีกว่า​!​”

“​ขอรับ​!​”​ ​จุน​เกอ​ขานรับ​เสียง​เบา​ ​จูงมือ​สือ​อี​เหนียง​ตรง​ไป​ยัง​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​อย่าง​เชื่อฟัง

ฮู​หยิน​สอง​ที่​เดิน​อยู่​ข้างหน้า​ก็ได้​หันกลับ​มาม​อง​อยู่​ครู่หนึ่ง

อาจ​เป็น​เพราะ​ได้​ฟัง​คำ​เกลี้ยกล่อม​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ครั้งนี้​จุน​เกอ​จึง​ตั้งอกตั้งใจ​ทานข้าว​อย่างเป็นระเบียบ​เรียบร้อย​ ​ดู​สุขุม​สง่างาม​มี​ความ​เป็น​ลูก​ผู้ดี​ ​ในทางกลับกัน​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​นั้น​ก็​เอาแต่​ก้มหน้าก้มตา​ตั้งอกตั้งใจ​ทานอาหาร​อย่าง​มูมมาม​ ​สาวใช้​จะ​ช่วย​ป้อน​ ​แต่​เขา​กลับ​ไม่ยอม​ให้​ป้อน​ ​เม็ด​ข้าว​ที่​เขา​ทำ​หล่น​ลง​ไป​บน​โต๊ะ​ ​ก็​เก็บ​ขึ้น​มาทาน​จน​หมด​ ​ดูแล​้ว​ช่าง​น่าอนาถ​ใจ​ยิ่งนัก

ความสงสาร​ปรากฏ​ขึ้น​บน​แววตา​ของ​ไท่ฮู​หยิน

ฮู​หยิน​ห้า​กลับ​หันหน้า​หนี​ ​ราวกับว่า​มองไม่เห็น​อย่างไร​อย่างนั้น

สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​แต่​แล้วก็​กลืน​คำพูด​ลงคอ​ไป​ ​ขณะที่​กำลัง​เดินทาง​กลับ​ไป​ที่​เรือน​พร้อม​สือ​อี​เหนียง​อยู่​นั้น​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็ได้​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“​ข้าว​่า​หลังจาก​ย้าย​ไป​ที่​ห้อง​ลี่​จิ​่ง​เซ​วี​ยน​แล้ว​ ​ควร​หา​ข้ออ้าง​อย่า​ให้​เจี​้ย​เกอ​ทานข้าว​ร่วมโต๊ะ​จะ​ดีกว่า​ ​ให้​ป้า​รับใช้​ผู้ดูแล​อบรมสั่งสอน​เขา​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที​”

เด็ก​ก็​มีศักดิ์ศรี​ของ​ตัวเอง​ ​ถึงแม้ว่า​ตอนนี้​เขา​จะ​ยัง​ไม่รู้​ ​คน​เป็น​บิดา​มารดา​ควร​ช่วย​เขา​ปกป้อง​รักษา​ไว้​ถึง​จะ​ถูก

สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​รู้สึก​เห็นด้วย​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูดถึง​เรื่อง​ของ​จุน​เกอ​ขึ้น​มา​ ​“​…​ข้า​ลอง​ถาม​เขา​ตามลำพัง​แล้ว​ ​เขา​บอกว่า​ค่อนข้าง​รู้สึก​กลัว​ ​ก็​เลย​ท่อง​ไม่ได้​…​”

“​รู้สึก​กลัว​ ​รู้สึก​กลัว​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​แล้ว​หว่าง​คิ้ว​ของ​เขา​ก็​เต็มไปด้วย​สีหน้า​ที่​เหลืออด​เต็มที​ ​“​ไม่ใช่​เพราะ​กลัว​ก็​เพราะ​กังวลใจ​ ​มิฉะนั้น​ก็​รู้สึก​เครียด​และ​กดดัน​เกินไป​ ​เขา​อายุ​ตั้ง​เท่าไร​แล้ว​ ​ปล่อย​ให้​เป็น​เช่นนี้​ต่อไป​เรื่อยๆ​ ​ได้​หรือ​”

หยิบยก​ปัญหา​มา​พูด​แต่กลับ​ไม่​สามารถ​จัดการ​แก้ไข​ได้​ ​ก็​อย่า​พูดถึง​ปัญหา​นี้​อีก​จะ​เป็นการ​ดีที​่​สุด

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​เปลี่ยน​เรื่อง​สนทนา​ ​“​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​เทศกาล​ซาน​เย​่ว​์​ซาน​ก็​คือ​วันเกิด​ของ​เจี​้ย​เกอ​พอดี​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​จำได้​เสียที​่​ไหน​กัน​ ​เขา​ตอบกลับ​เพียง​ว่า​ ​“​อืม​”​ ​สั้น​ๆ​ ​เพียง​คำ​เดียว​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ก็​ถือโอกาส​นี้​จัดงาน​ให้​เขา​ด้วย​เลย​ ​เจ้า​ดู​ว่า​จะ​ต้อง​ใช้​เงิน​เท่าไร​ ​ข้า​จะ​ได้​ให้​พ่อบ้าน​ไป๋​ไป​เบิก​มา​”

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​สีหน้า​ของ​คุณชาย​ห้า​และฮู​หยิน​ห้า​ขึ้น​มา​แล้ว​…​สิ่ง​ที่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ต้องการ​ไม่ใช่​ป่าวประกาศ​แต่​เป็นการ​เก็บ​เงียบ

สือ​อี​เหนียง​จึง​หยิบยก​ข้ออ้าง​ของฮู​หยิน​สอง​มา​พูด​ ​“​เด็ก​อายุ​ยังน้อย​ ​จัดงาน​เอิกเกริก​ใหญ่โต​จะ​ทำให้​เสีย​ลาภ​ได้​ ​ข้าว​่า​ถึง​เวลา​นั้น​ก็​ต้ม​หมี่​อายุ​ยืน​ให้​เขา​สัก​ชาม​ก็​พอ​เจ้าค่ะ​!​”

“​เจ้า​ตัดสินใจ​เอง​ก็​พอแล้ว​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หันไป​มอง​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ที่​กำลัง​จูงมือ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เดิน​อยู่​ข้างหน้า​ ​“​ในเมื่อ​มา​อยู่​กับ​เรา​แล้ว​ ​ก็​ไม่​ควร​ให้​เขา​ลำบาก​ถึง​จะ​ถูก​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​หลังจาก​กลับ​ถึง​เรือน​แล้ว​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​และ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ก็ได้​มาคา​รวะ​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​พูดถึง​เรื่อง​ย้ายที่​พัก​ชั่วคราว​กับ​พวก​นาง​ ​จากนั้น​ก็ได้​สั่ง​ให้​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ไป​แจ้ง​เรื่อง​นี้​กับ​เฉียว​เหลียน​ฝัง

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ไม่มี​ความเห็น​ที่​แตกต่าง​ ​แต่​ฉิน​อี๋​เหนียง​กลับ​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ลังเล​ว่า​ ​“​ข้า​…​ข้า​ขอดู​วันก่อน​แล้ว​ค่อย​ย้าย​ได้​หรือไม่​”

สือ​อี​เหนียง​ฟัง​แล้วก็​ไม่เข้าใจ

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​จึง​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​อธิบาย​ว่า​ ​“​ฉิน​อี๋​เหนียง​กราบไหว้​บูชา​พระโพธิสัตว์​อยู่​ใน​เรือน​เจ้าค่ะ​”

ถึงแม้ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​ไม่เชื่อ​สิ่ง​เหล่านี้​ ​แต่​ก็​ไม่​กีดกัน​ความเชื่อ​ของ​ผู้อื่น

“​เช่นนั้น​ฉิน​อี๋​เหนียง​ก็​รีบ​ตัดสินใจ​ให้​เสร็จ​ใน​เร็ว​วัน​ ​จะ​ได้​ไม่​ไป​กระทบ​ฤกษ์งาม​ยาม​ดี​ใน​การ​ลงมือ​ต่อเติม​และ​ซ่อมแซม​”

ฉิน​อี๋​เหนียง​ขานรับ​และ​ถอย​ออก​ไป​ ​กลางดึก​นาง​ก็​เริ่ม​เผา​กระดาษ​เหลือง[1]และ​สวดมนต์​อธิษฐาน

ส่วน​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​หลังจาก​กลับ​ไป​ถึง​เรือน​แล้ว​ ​ก็ได้​เย็บผ้า​คาด​เอว​กับ​ชิว​หง​ ​ตง​หง​ ​อวี​้​เอ๋อร​์​และ​คนอื่นๆ​ ​ตลอดทั้ง​คืน

“​ผ้า​คาด​เอว​อยู่​ ​คน​ก็​จะ​อยู่​ ​หาก​ผ้า​คาด​เอว​ไม่อยู่​แล้ว​ ​คน​ก็​อย่า​ได้​มีชีวิต​อยู่​ต่อ​เลย​”

“​เจ้าค่ะ​!​”​ ​เพราะ​ผ้า​คาด​เอว​แต่ละ​ผืน​ที่อยู่​ใน​มือ​ของ​ชิว​หง​และ​คนอื่นๆ​ ​นั้น​ต่าง​บรรจุ​ไป​ด้วย​ตั๋วเงิน​ราคา​สอง​แสน​ตำลึง​ ​เวลา​ปัก​เย็บ​จึง​ค่อนข้าง​มี​อาการ​สั่นเทา

เฉียว​เหลียน​ฝัง​ได้ยิน​แล้วก็​อึ้ง​ไป​ชั่วขณะ​ ​“​ท่าน​โหว​…​ย้าย​ไป​พัก​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​ ​ส่วน​ข้า​กับ​อี๋​เหนียง​ทั้งสอง​ย้าย​ไป​พัก​ที่​ลาน​หนง​เซียง​หรือ​”

“​เจ้าค่ะ​!​ ​เฉียว​อี๋​เหนียง​”​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ตอบกลับ​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ได้ยิน​ว่า​เป็นความ​คิดเห็น​ของ​ไท่ฮู​หยิน​เจ้าค่ะ​”

เฉียว​เหลียน​ฝัง​ชะงัก​ไป​ชั่วครู่​ ​จากนั้น​ก็ได้​ให้​ซิ่ว​หยวน​ไป​นำ​เศษ​เงินก้อน​มาส​อง​ก้อน​เพื่อ​เป็น​ค่า​น้ำใจ​และ​ส่ง​นาง​ที่​หน้า​ประตู

ลี่ว​์​อวิ​๋น​เห็น​แล้วก็​รู้สึก​ขนลุกซู่​ไป​หมด​ ​จากนั้น​ก็ได้​กลับ​ไป​เรียน​เรื่อง​นี้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​…​จู่ๆ​ ​ก็​มาตก​เงินราง​วัล​ให้​บ่าว​เจ้าค่ะ​!​”

“​นาง​ให้เงิน​รางวัล​เจ้า​ ​เจ้า​ก็​รับ​ไว้​เถิด​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​รอยยิ้ม

คนเรา​จะ​หลีกเลี่ยง​เรื่อง​เช่นนี้​ได้​ทุกครั้ง​เสียที​่​ไหน​กัน

อย่างไร​เสียชีวิต​ของ​นาง​ก็​ยังคง​ต้อง​ดำรง​ต่อไป

ลี่ว​์​อวิ​๋​นขา​นรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ไปริ​นน​้ำ​ชา​อุ่นๆ​ ​มา​ให้​สือ​อี​เหนียง​ ​นาง​และ​หู่​พั่ว​ก็ได้​เริ่ม​เขียน​รายชื่อ​แขก​ที่จะ​เชิญ​มาร​่ว​มงาน​ใน​เทศกาล​ซาน​เย​่ว​์​ซาน​ ​แขก​ที่​เชิญ​มาร​่ว​มงา​นล​้​วน​แล้วแต่​เป็น​แขก​เก่า​เสีย​ส่วนใหญ่

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​ตัวอักษร​ของ​หู่​พั่ว​นับวัน​ก็​ยิ่ง​สวย​ขึ้น

“​ฝึกฝน​ต่อ​อีก​สักหน่อย​ก็​สามารถ​เขียน​เทียบ​เชิญ​ได้​แล้ว​”​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดู​ชื่นใจ​เป็นอย่างมาก

หู่​พั่ว​เม้มปาก​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​แต่​ใน​หัว​กลับ​เต็มไปด้วย​คำพูด​ของ​หง​ซิ่ว​ ​‘​…​พอ​เยี​่​ยน​หรง​ได้ยิน​ว่า​ ฮู​หยิน​เป็น​สตรีที​่​ชอบ​ศึกษา​ไขว่คว้า​หาความ​รู้​ ​ดังนั้น​ใน​ทุกๆ​ ​เช้า​นาง​ก็​จะ​ใช้เวลา​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​ใน​การเรียน​อักษร​ ​ฝนตก​แดดออก​ก็​ไม่เคย​ย่อท้อ​ ​หมอก​น้ำค้าง​ลง​หรือ​พายุ​หิมะ​พัดกระหน่ำ​ก็​ไม่เคย​หยุดพัก​เลย​เจ้าค่ะ​!​’

นาง​กำลัง​จับจ้อง​ตำแหน่ง​ของ​ปินจ​วี​๋​หลังจากที่​ปินจ​วี​๋​แต่งงาน​ออก​ไป​แล้ว​สินะ​!

หู่​พั่ว​ก็​นึกถึง​ปินจ​วี​๋​ขึ้น​มา​…

“ฮู​หยิน​ ​พี่​ปินจ​วี​๋​กลับ​สกุล​เดิม​หลัง​แต่งงาน​วันที่​เก้า​หรือ​วันที่​สิบสอง​เจ้า​คะ​”

หาก​กลับ​สกุล​เดิม​หลัง​แต่งงาน​ใน​วันที่​เก้า​ ​ก็​จะ​ตรง​กับ​วัน​ขึ้น​หนึ่ง​ค่ำ​เดือน​สาม​ ​หาก​กลับ​สกุล​เดิม​หลัง​แต่งงาน​ใน​วันที่​สิบสอง​ ​ก็​จะ​ตรง​กับ​วัน​ขึ้น​ห้า​ค่ำ​เดือน​สาม

“​ข้า​ให้​นาง​กลับ​สกุล​เดิม​ตอน​ครบ​เดือน​พอดี​”

หู่​พั่ว​ได้ยิน​แล้วก็​ชะงัก​ไป​ชั่วขณะ

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ตอนแรก​ข้า​เอง​ก็​ไม่ได้​คิดถึง​เรื่อง​นี้​ ​รู้สึก​เพียง​ว่านาง​พัก​อยู่​ไกล​ ​ไป​กลับ​ต้อง​ใช้เวลา​ทั้งวัน​เห็นจะ​ได้​ ​อีก​อย่าง​ตอนนั้น​ก็​ถึง​ปลายเดือน​สาม​พอดี​ ​เป็นช่วง​เวลา​ที่​ดอกไม้​ใบ​หญ้า​กำลัง​ผลิบาน​ ​นาง​ยัง​สามารถ​ท่องเที่ยว​ชื่นชม​ธรรมชาติ​ได้​อีกด้วย​”

หู่​พั่ว​ได้ยิน​แล้วก็​ยิ้ม​กว้าง​ ​“​พี่​ปินจ​วี​๋​เป็น​คนที​่​มีบุญ​วาสนา​โดยแท้​”

แต่​ใน​ใจ​ของ​นาง​กลับ​คิด​ว่าฮู​หยิน​ไม่ลืม​มิตรภาพ​ใน​อดีต​เช่นนี้​ ​ดูแล​้ว​คงจะ​ต้อง​ร่วมมือ​กับ​จู๋​เซียง​คิด​หาวิ​ธี​เสียหน่อย​แล้ว

หาก​จะ​นับ​คนที​่​ฉลาด​หัวไว​ใน​จวน​นี้​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​มีสั​กกี​่​คน​…

และ​ในเวลานี้​สือ​อี​เหนียง​ยังคง​จ้องมอง​รายชื่อ​ที่​คุ้นเคย​ที่​เรียงราย​อยู่​บน​กระดาษ​แดง​โรย​ผงทอง​ ​สีหน้า​และ​แววตา​ของ​นาง​ดู​ค่อนข้าง​เหม่อลอย

และ​แล้วก็​ถึง​วัน​ขึ้น​สาม​ค่ำ​เดือน​สาม​อีกครั้ง

ครั้งแรก​ที่​เจอ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ก็​ตรง​กับ​เทศกาล​ซาน​เย​่ว​์​ซาน​เช่นกัน

วันนั้น​มีเรื่อง​เกิดขึ้น​มากมาย

เริ่ม​จาก​สือ​เหนียง​ที่​จู่ๆ​ ​ก็​ปรากฏตัว​ขึ้น​ ​จากนั้น​ก็​มีเรื่อง​เกิดขึ้น​ที่​เรือน​เล็ก

เทศกาล​ซาน​เย​่ว​์​ซาน​ ​สำหรับ​หลาย​ๆ​ ​คน​แล้ว​ ​ถือเป็น​ฤดูกาล​ของ​การท่องเที่ยว​ชื่นชม​ธรรมชาติ​แห่ง​ฤดูใบไม้ผลิ​จัด​ขึ้น​ปกติ​ทั่วไป​ ​และ​สำหรับ​ใคร​หลาย​ๆ​ ​คน​ ​ก็​ถือเป็น​จุด​เปลี่ยน​ที่​สำคัญ​ใน​ชีวิต​ ​หยวน​เหนียง​ ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ ​สือ​เหนียง​ ​หลาน​ถิง​ ​เฉา​เอ๋อร​์​ ​หลิน​หมิง​หย่วน​…​หรือ​แม้กระทั่ง​เหวิน​เหลียน​ ​ใบหน้า​ที่​คุ้นเคย​และ​แปลกหน้า​ค่อยๆ​ ​แล่น​ผ่าน​เข้ามา​ใน​ความคิด​ของ​สือ​อี​เหนียง​ทีละ​คน

สือ​อี​เหนียง​รีบ​สะบัดหน้า​แรง​ๆ​ ​เพื่อ​สลัด​เอา​ความทรงจำ​เหล่านั้น​ทิ้ง​ไป

สำหรับ​เรื่อง​ใน​อดีต​ ​ส่วนน้อย​มาก​ที่นาง​จะ​หลงใหล​และ​เคลิบเคลิ้ม​ไป​กับ​ความทรงจำ​ใน​อดีต​เหล่านั้น

นาง​หันไป​สั่ง​กับ​หู่​พั่ว​ให้​ไปหา​เสื้อผ้า​เรียบง่าย​มาสัก​สอง​สาม​ตัว​ ​“​พรุ่งนี้​เช้า​เรา​ไปดู​จุน​เกอ​กัน​!​”

หู่​พั่ว​ได้ยิน​แล้วก็​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

สถานศึกษา​เรียนรู้​ชาติวงศ์​ของ​จวน​สกุล​สวี​มีชื่อ​ว่า​เรือน​ฝึกฝน​อบรม​บ่ม​เพาะ​ ​ตั้งอยู่​ใน​ลาน​นอก​ระหว่างกลาง​ของ​มุม​ทิศเหนือ​และ​ทิศใต้​ ​ขึ้นชื่อว่า​สถานศึกษา​เรียนรู้​ชาติวงศ์​ ​แต่​คน​จาก​จวน​สกุล​สวี​กลับ​มี​เพียง​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​จุน​เกอ​ที่​ศึกษา​อยู่​ที่นั่น​เท่านั้น​ ​ส่วน​นักเรียน​คนอื่นๆ​ ​อีก​เจ็ด​แปด​คน​นั้น​ส่วนหนึ่ง​มาจาก​บุตรหลาน​ของ​เหล่า​ขุนนาง​ชั้นผู้น้อย​และ​เหล่า​ขุนนาง​ระดับ​ล่าง​ใน​ราชสำนัก​ ​แม้ว่า​จะ​ไม่​ถึงขั้น​วุ่นวาย​สลับซับซ้อน​ ​แต่​อย่างไร​เสีย​ก็​ถือว่า​มี​คนนอก​มาร​่ว​มด​้วย

“​ข้ามี​ความรู้สึก​ว่า​สถานการณ์​ของ​จุน​เกอ​ไม่​ค่อย​ปกติ​เท่าไร​นัก​…​”​ ​ก่อนหน้านี้​สือ​อี​เหนียง​ไม่เคย​พิจารณา​และ​ไตร่ตรอง​ถึง​เรื่อง​นี้​เลย​ ​นาง​พูด​ขึ้น​อย่าง​ครุ่นคิด​ว่า​ ​“​เหตุใด​เวลา​ที่​อาจารย์ผู้สอน​ให้​เขา​ท่อง​ตำรา​แล้ว​เขา​ถึง​ท่อง​ไม่ได้​…​กับ​ท่าน​โหว​ถือว่า​มี​ความหวาดกลัว​…​แต่​กับ​อาจารย์​ท่าน​นั้น​ก็​มี​ความหวาดกลัว​ด้วย​หรือ​อย่างไร​กัน​”

“​ลอง​เรียก​คุณชาย​น้อย​สอง​มาถา​มดู​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”​ ​หู่​พั่ว​พูด​ขึ้น​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​และ​คุณชาย​น้อย​สี่​เรียนหนังสือ​ตำรา​ด้วยกัน​ ​คงจะ​พอ​รู้เรื่อง​บ้าง​!​”

“​อย่างไร​เสีย​ก็​ถือว่า​เป็น​อาจารย์​ของ​ตน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​“​หากว่า​มี​อะไร​จริง​ ​คุณชาย​น้อย​สอง​ก็​คงจะ​ไม่​สะดวก​ใจ​พูด​เท่าไร​นัก​ ​เหตุใด​เรา​ต้อง​ไป​ทำให้​เขา​ลำบากใจ​ด้วย​เล่า​ ​สู้​เรา​ไป​แอบดู​เงียบๆ​ ​แล้ว​ค่อย​มาป​รึก​ษา​วางแผน​กัน​ดีกว่า​”

หู่​พั่ว​ขานรับ​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ค้นหา​ชุด​เป่ย​จื่อ​เรียบง่าย​ธรรมดา​สีเขียว​ทะเลสาบ​ที่​เคย​ใส่​ตอน​อยู่​จวน​สกุล​เดิม​มา​หนึ่ง​ชุด

สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กลับมา​พอดี​ ​เมื่อครู่นี้​เขา​พึ่ง​จะ​ไป​ที่​ห้อง​ตำรา​มา

คนที​่​ติดตาม​เขา​ไป​ด้วย​คือ​หลิน​ปัว​และ​จ้าว​อิ่ง​ ​ใน​มือ​ของ​ทั้งคู่​กำลัง​หอบ​กล่อง​กระดาษ​อยู่​คนละ​สอง​สาม​กล่อง

จากนั้น​เขา​ก็ได้​สั่ง​ให้​หลิน​ปัว​และ​จ้าว​อิ่ง​นำ​กล่อง​เหล่านั้น​ไป​วาง​ไว้​บน​เตียง​เตา​ใน​ห้อง​ชั้นใน

สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้าไป​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​เขา​ ​ยิ้ม​พร้อม​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​เอา​สิ่งใด​มาด​้วย​หรือ​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​กวักมือ​เรียก​สือ​อี​เหนียง​เข้าไป​ดู​ ​“​น้อง​ห้า​เป็น​คน​ทำ​ ​เห็น​บอกว่า​เป็น​แบบจำลอง​ของ​เรือน​ ​ส่ง​มาตอน​เที่ยง​ของ​วันนี้​”​ ​จากนั้น​เขา​ก็ได้​ชี้​ให้​สือ​อี​เหนียง​ดู​ ​“​ตรงนี้​เป็น​หน้าต่าง​ ​ตรงนี้​คือ​ประตู​ ​ส่วน​ตรงนี้​เป็น​เรือน​หลัก​…​”​ ​ฝีไม้ลายมือ​ละเมียดละไม​ดูเหมือน​จริง​เป็นอย่างมาก​ ​แม้แต่​ลายฉลุ​บน​หน้าต่าง​ยัง​สลัก​เป็น​ลาย​ดอก​เหมย​อย่างชัดเจน

“​คุณชาย​ห้า​ฝีมือ​ยอดเยี่ยม​ยิ่งนัก​”​ ​สือ​อี​เหนียง​กล่าว​ชื่นชม​ด้วยใจจริง

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​หาก​เขา​นำ​ความตั้งใจ​เหล่านี้​มา​ใช้กับ​ธุระ​ใน​จวน​บ้าง​ก็​คงจะ​ดี​”

แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​เข้าใจ​สวี​ลิ่ง​ควน​ได้

ในเมื่อ​ทำดี​หรือ​ทำไม​่​ดี​ก็​ราคา​เท่ากัน​ ​สู้​เอา​ความตั้งใจ​ไป​ทุ่มเท​ให้​กับ​สิ่ง​ที่​ตัวเอง​รัก​เพื่อ​หาความ​สุข​ยังดี​เสีย​กว่า

จากนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็ได้​พูดถึง​เรื่อง​ที่จะ​เตรียม​ปลูก​ต้นไม้​และ​ดอกไม้​ไว้​ตรงไหน​บ้าง

สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​รู้สึก​สนใจ​ขึ้น​มา

ทั้งสอง​คุย​กัน​ไป​ครึ่ง​ค่อนวัน​เห็นจะ​ได้​ ​พอได้​ยิน​เสียง​กลอง​บอก​เวลา​จึง​ค่อย​พากัน​ไป​นอน​พักผ่อน

วัน​ถัดมา​ ​สือ​อี​เหนียง​มวยผม​ขึ้น​ด้วย​ทรง​เรียบง่าย​ ​จากนั้น​ก็​พา​หู่​พั่ว​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋น​และ​ป้า​รับใช้​ติดตาม​ไป​ด้วย​อีก​สามสี​่​คน​ ​ตรง​ไป​ยัง​สำนัก​ศึกษา​ชาติวงศ์

เพราะ​ได้​กำชับ​ตั้งแต่แรก​แล้ว​ว่า​ให้​ไป​กัน​อย่าง​เงียบๆ​ ​ทุกคน​จึง​ใช้​ทางเดิน​หลัง​เรือน​แทน

ใน​เรือน​เงียบสนิท​ไร้​ซึ่ง​สุ้มเสียง​ใดๆ​ ​ท่าน​อาจารย์​กำลัง​สอน​บทความ​ใน​ ​‘​คัมภีร์​มหาบุรุษ​’​ ​ที่ว่า​ ​‘​ทุก​สรรพสิ่ง​มี​จุดเริ่มต้น​ฉันใด​ ​ก็​ย่อม​มี​จุดสิ้นสุด​ฉันนั้น​’

น้ำเสียง​ของ​เขา​ดังก้อง​กังวาน​ ​ฟัง​ดู​หนักแน่น​และ​เฉียบขาด​ ​ความรู้​ถือว่า​ใช้ได้​ ​อ้างอิง​คัมภีร์​ ​ใช้​วิธี​อธิบาย​ด้วย​การ​ยกตัวอย่าง​และ​เปรียบเทียบ​ ​เขา​ค่อยๆ​ ​สอน​ด้วย​คำพูดคำจา​ที่​ฉะฉาน​คล่องแคล่ว​ว่องไว​ ​ฟัง​แล้ว​ค่อนข้าง​ทรงพลัง​ ​วาจา​สละสลวย​ ​ละเอียด​รัดกุม​อย่างเหมาะสม​ ​ข้อเสีย​คือ​แข็งกระด้าง​และ​ตายตัว​จน​เกินไป​ ​ไม่​ค่อย​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​ผู้ฟัง​เท่าไร​นัก​ ​ระหว่าง​นั้น​เขา​เอง​ก็ได้​เรียก​นักเรียน​ลุกขึ้น​มาต​อบคำ​ถาม​เป็นระยะๆ​ ​บางคน​ตอบ​ได้ดี​ ​บางคน​ตอบ​ได้​แย่​ ​คนที​่​ตอบ​ได้ดี​เขา​ก็​ยังคง​เก็บ​สีหน้า​สุขุม​และ​นิ่ง​สงบ​ ​คนที​่​ตอบ​ได้​แย่​ก็อบ​รม​สั่งสอน​เสีย​ยกใหญ่​ใน​ตอนนั้น​เลย​ ​อีก​อย่าง​น้ำเสียง​ก็​ค่อนข้าง​ดุเดือด​ ​และ​วาจา​ก็​ค่อนข้าง​รุนแรง

สือ​อี​เหนียง​ค่อยๆ​ ​เดิน​ออกจาก​สำนัก​ศึกษา​ชาติวงศ์​อย่างเบามือ​เบา​เท้า

หลังจาก​ทานข้าว​มื้อ​ค่ำ​แล้วก็​ได้​ส่ง​จุน​เกอ​กลับ​ไป​ยัง​ที่พัก​ของ​เขา​ ​จากนั้น​ก็ได้​ให้​เขา​ท่อง​ ​‘​เด็กน้อย​เรียนรู้​’​ ​ให้​ตน​ฟัง

จุน​เกอ​ท่อง​รวดเดียว​หก​บท​ ​ไม่​หยุดชะงัก​แม้แต่​นิดเดียว

ตอนกลางคืน​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ถาม​สวี​ลิ่ง​อี๋​ว่า​ ​“​ท่าน​บอกว่า​จะ​เปลี่ยน​อาจารย์​ให้​จุน​เกอ​มิใช่​หรือ​ ​เปลี่ยน​แล้ว​หรือยัง​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ส่ายหน้า​เล็กน้อย​ ​“​ยัง​หา​คนที​่​เหมาะสม​ไม่ได้​ ​คน​นี้​ถึงแม้ว่า​จะ​มีความรู้​ทั่วๆ​ ​ไป​ ​แต่​มีดี​ตรง​ที่ว่า​เป็น​คนซื่อ​สัตย์​และสง่า​ผ่าเผย​ ​นี่​ไม่ได้​เป็นการ​สอบ​จอ​หงวน​ ​ให้​เขา​สอน​ชั่วคราว​ไป​ก่อน​ก็แล้วกัน​!​”

ในเมื่อ​เขา​ถูกใจ​คุณลักษณะ​ของ​อาจารย์​ท่าน​นี้​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​กลืน​คำพูด​ที่​ต้องการ​จะ​พูด​เมื่อครู่นี้​ลงคอ​ไป

———————-

[1]กระดาษ​เหลือง​ ​หรือ​อ่วง​แซ​จี​๊ ​เป็นกระ​ดาษ​สีเหลือง​มี​อักษร​จีน​สีแดง​เป็น​วงกลม​พิมพ์​อักษร​คาถา​ตรงกลาง​ ​ใช้​เผา​ไหว้​วิญญาณ​

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท