“จะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอครับ”
อินซอบเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงอยู่หน้ากระเป๋าสัมภาระ
“ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“…ถ้านอนไม่หลับเลยจะทำยังไงล่ะครับ”
“ไม่ได้นอนแค่ไม่กี่วันจะถึงตายเลยเหรอ”
อินซอบวางกระเป๋าลง
“ผมไม่ไปแล้วครับ”
อีอูยอนเอากระเป๋าใส่มือของอินซอบอีกครั้ง
“ไปเถอะครับ ถ้าไม่ไปตอนนี้ คุณพ่อคุณแม่จะรอนะครับ”
พ่อแม่ของชเวอินซอบมาเที่ยวที่เกาหลี และสิ่งที่พิเศษก็คือไม่ใช่แค่ลูกชายเท่านั้นที่จะเดินทางไปเที่ยวที่นั่นด้วย แต่พ่อกับแม่ของยุนอารึมยังไปด้วยอีกต่างหาก ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ชัดเจนก็คืออินซอบได้เดินทางไปเที่ยวเป็นเพื่อนพ่อแม่ในทริปที่พ่อแม่ของตนจัดกับพ่อแม่ของยุนอารึม อินซอบเล่าเรื่องที่ได้รับความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของยุนอารึมที่เกาหลีให้พ่อแม่ฟัง จากนั้นพ่อกับแม่ก็บอกว่าถ้าได้รับความช่วยเหลือแล้วก็ต้องตอบแทน และส่งการ์ดขอบคุณพร้อมกับของขวัญมาให้ ส่วนพ่อแม่ของยุนอารึมก็ไม่ใช่คนที่จะอยู่เฉยๆ พอส่งของขวัญให้กันไปมาอยู่หลายครั้ง พวกเขาก็ติดต่อกัน ท้ายที่สุดพ่อแม่ของอินซอบก็ชวนพ่อแม่ของยุนอารึมไปอเมริกาตอนวันหยุดพักร้อนปีที่แล้ว
แน่นอนว่าตรงนี้ไม่มีทั้งยุนอารึม หรือชเวอินซอบรวมอยู่ด้วย ตัวอินซอบเองก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้เหมือนกันว่าพวกพ่อแม่เข้ากันได้ดี และไปเที่ยวด้วยกัน
อีอูยอนที่ได้ยินเรื่องราวที่ต่อเนื่องกันนี้ก็ทำสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยปากว่า
‘ถึงผมจะไม่เข้าใจจริงๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ครับ’
คราวนี้พ่อแม่ของยุนอารึมชวนพ่อแม่ของอินซอบให้ไปเที่ยวที่เกาะเชจูด้วยกัน อินซอบไม่ได้วางแผนว่าจะไปด้วยตั้งแต่แรก เขาแค่บอกให้อีอูยอนฟังว่า “พ่อกับแม่จะมาเที่ยวครับ” พออีอูยอนได้ยินเรื่องราวอย่างละเอียดทีละหลังก็บอกให้ไปด้วย และซื้อตั๋วเครื่องบินให้
อินซอบปฏิเสธอย่างหนักแน่นในตอนแรก เพราะเขาคิดว่ามันแปลกๆ นิดหน่อยที่ตนจะไปเที่ยวด้วย เพราะไม่ได้มีเพียงพ่อแม่ของตนเท่านั้น แต่ยังมีพ่อแม่ของยุนอารึมด้วย และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือเขาไม่อยากทิ้งอีอูยอนไว้ในบ้านที่ว่างเปล่าคนเดียว
‘คุณไม่เคยไปเที่ยวกับพ่อแม่ไม่ใช่เหรอครับ’
ตอนที่อีอูยอนถามแบบนั้น อินซอบก็พูดไม่ออก สุดท้ายอินซอบก็ได้ไปเที่ยวด้วยตามความตั้งใจของอีอูยอน
“…ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหมครับ”
อินซอบไม่ยอมก้าวเท้าออกไป และเอ่ยถามอีกครั้ง
“ต่อให้ทิ้งเด็กเก้าขวบไว้คนเดียวก็น่าจะไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้นะ”
อีอูยอนยืนพิงประตูหน้าบ้านพร้อมกับยิ้ม
“ก็นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะห่างกันนานขนาดนี้นี่ครับ”
กำหนดการคือห้าคืนหกวัน
“เพราะอย่างนั้นเมื่อวานผมถึงมีอะไรด้วยอย่างเต็มที่ไง”
“…!”
“ช่วงล่างไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
อีอูยอนจงใจทำสีหน้าเป็นห่วง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความใส่ใจหรือเปล่า เมื่อวานจึงไม่ได้มีเซ็กซ์แบบสอดใส่ เขาแค่กัด อม และโลมเลียอย่างอ่อนโยนมากกว่าปกติหลายเท่าเท่านั้น พอความอ่อนโยนนั้นเปลี่ยนเป็นความดื้อรั้น อินซอบก็ร้องไห้ออกมา เพราะรู้สึกเหมือนกับช่วงล่างได้ละลายไปแล้ว
“…มะ ไม่เจ็บครับ”
“โล่งอกไปทีนะครับ”
อีอูยอนใช้หลังมือลูบแก้มของอินซอบ และตอนที่อีกฝ่ายเงยหน้า เขาก็ก้มตัวลงมาจูบปาก
ริมฝีปากที่แตะกันเบาๆ จนเกิดเสียงดัง จุ๊บ นุ่มนวลอย่างถึงที่สุด
อินซอบกางแขนกอดอีอูยอน แล้วริมฝีปากก็เชื่อมติดกันอีกครั้ง ตัวของอีอูยอนเอนไปทางประตูทีละนิด และแขนที่จับกรอบประตูไว้ก็มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นมา
“…เฮ้อ ไม่ไหวแล้ว”
อีอูยอนฝืนใจละริมฝีปากออกมาพร้อมกับนิ่วหน้า
“ถ้าทำต่อไปผมคงปล่อยคุณไปไม่ได้ รีบไปเถอะ”
อินซอบพยักหน้า ขณะที่กำลังจะออกจากประตูบ้าน เขาก็ชะงักและหันหน้ากลับมา
“มีอะไรอีก”
“ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็โทรมานะครับ”
“ถึงไม่มีเรื่องอะไรผมก็โทรไปอยู่ดีนะ”
คำตอบขี้เล่นของอีอูยอนทำให้ใบหน้าของอินซอบผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“…คือว่า”
อินซอบนิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะพยายามจะพูดเรื่องที่ลำบากใจ
“แมวเหรอ”
พออีอูยอนเอ่ยถาม อินซอบก็รีบพยักหน้า
“ผมอยากพาไปด้วยนะครับ แต่ดูเหมือนว่าการพาจอห์นไปเที่ยวด้วยคงจะลำบาก งั้นก็รบกวนด้วยนะครับ”
“เอ่อ ครับ ได้ครับ”
“ส่วนเรื่องห้องน้ำผมฝากผู้ช่วยเอาไว้แล้วครับ คุณไม่ต้องวุ่นวายอะไรเลย แค่ให้อาหารให้ครบก็พอครับ อ้อ น้ำด้วยนะครับ”
“ครับ”
อีอูยอนยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยตอบ แม้จะได้ยินคำตอบแล้ว แต่อินซอบก็ยังไม่สบายใจ เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจแมวเลยแม้แต่ปลายเล็บ
“จอห์น เดี๋ยวฉันกลับมานะ เชื่อฟังคุณอีอูยอนด้วยล่ะ”
พออินซอบตะโกนเสียงดัง แมวที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักที่ก็ร้องว่า “เหมียว”
“เห็นไหมครับ ผมบอกให้รีบไปไง”
อีอูยอนเปิดประตูให้ อินซอบบอกว่า “เดี๋ยวผมกลับมานะครับ” ก่อนจะเข็นกระเป๋าเดินทางออกไป เขาโบกมือให้อีกฝ่ายจนกระทั่งประตูถูกปิดลง
พอประตูถูกปิดลง การแสดงสีหน้าก็ถูกลบไปจากใบหน้าของเขาทันที
อีอูยอนกลับไปที่โซฟาและหยิบหนังสือที่อ่านไว้เมื่อวานขึ้นมา เขานั่งอ่านหนังสือจนจบก่อนจะเช็กโทรศัพท์ มีข้อความจากอินซอบถูกส่งเข้ามา
[ผมถึงสนามบินแล้วครับ]
[ผมเจอพ่อแม่แล้วครับ เดี๋ยวผมจะติดต่อไปใหม่ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินนะครับ]
อีอูยอนอ่านข้อความสั้นๆ นั้น
[เดินทางอย่างปลอดภัยนะ แล้วก็ไม่ต้องซื้อของที่ระลึกมาล่ะ ^^]
ข้อความตอบกลับของอินซอบถูกส่งกลับมาในทันที
[โอ๊ะ! ค้าบ]
แค่อ่านข้อความสั้นๆ นั้น เขาก็รู้สึกเหมือนเห็นสีหน้าลุกลี้ลุกลนของอินซอบ และอารมณ์ดีขึ้นมา
เนื่องจากเน้นย้ำอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ทำกิจกรรมอื่นนอกเหนือจากงานด้านภาพยนตร์และละคร เขาจึงมีเวลาว่างหลังจากที่ละครจบลง แม้กรรมการผู้จัดการคิมจะแสดงออกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ เพราะเขาได้ทำสัญญาไว้ตั้งแต่แรกก่อนจะกลับมาที่นี่ว่าจะทำแบบนั้น
ผ่านไปไม่นานอินซอบก็ส่งข้อความมาบอกว่าขึ้นเครื่องแล้ว อีอูยอนวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ที่โซฟา และเดินไปที่ห้องสำหรับดูภาพยนตร์หรือฟังเพลง เขาคิดว่าจะฟังเพลงที่ไม่ได้ฟังมานานแล้วสักหน่อย เขาเลือกแผ่นซีดีก่อนจะใส่เข้าไปในเครื่องเล่น และเอนตัวนอนบนโซฟาที่ปรับเอนนอนได้พร้อมกับหลับตาลง
***
‘…ไม่ทำแบบนั้นไม่ได้เหรอครับ’
อินซอบที่กลับมาที่บ้านรั้งอีอูยอนไว้และเอ่ยปากพูดอย่างยากลำบาก
‘เรื่องอะไร’
อีอูยอนเอ่ยถาม
‘เรื่องจูบต่อหน้าคนอื่น…’
คำตอบของอินซอบทำให้อีอูยอนเอียงหัว และทำสีหน้าที่บอกว่าเขาไม่เข้าใจที่พูดเลยสักนิด
‘คนอื่นเห็นนะครับ’
ในขณะที่กินอาหารมื้อสายในตอนเที่ยงและดื่มกาแฟอยู่ที่คาเฟ่ อีอูยอนก็จูบอินซอบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แม้จะไม่ใช่ร้านที่มีคนอยู่เยอะ แต่สายตาของคนรอบข้างก็พุ่งมาที่พวกเขาก็เป็นตาเดียว
อีอูยอนครางรับในลำคอพร้อมกับกัดริมฝีปาก
‘คุณอินซอบขายหน้าที่ต้องไปไหนมาไหนกับผมเหรอครับ’
‘เปล่าครับ ผมไม่ได้จะพูดแบบนั้น’
‘แล้วทำไมถึงสนใจสายตาของคนอื่นขนาดนั้นล่ะครับ’
‘…’
อินซอบพูดอะไรไม่ออก ขณะเดียวกันอีอูยอนก็รู้สึกหงุดหงิดใจ
‘ได้ครับ ต่อไปผมจะทำอย่างที่คุณอินซอบต้องการ’
อีอูยอนทิ้งอินซอบไว้และขึ้นห้องของตัวเองไป และคืนวันนั้นเขาก็ไม่มาที่ห้องของอินซอบ วันถัดไปก็เหมือนกัน
นี่เป็นการทะเลาะกันครั้งแรกหลังจากมาที่อเมริกา
อินซอบไม่สามารถเข้าไปใกล้อีอูยอนที่เย็นชาได้ และได้แต่สังเกตสถานการณ์
เขาอารมณ์ไม่ดี และไม่สามารถสลัดความคิดที่ว่าบางครั้งอินซอบก็สนใจสายตาของคนอื่นมากกว่าเขาออกไปได้
‘…เอ่อ’
อินซอบเอ่ยเรียกอีอูยอนที่ลุกขึ้นหลังจากกินข้าวเสร็จอย่างระมัดระวัง
‘มีอะไรครับ’
พออีอูยอนตอบกลับอย่างแข็งกระด้าง อินซอบก็ตอบว่า ‘ไม่มีอะไรครับ’ ก่อนจะก้มหน้าลง แม้จะรออยู่ตรงหน้าอินซอบอยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่มีคำพูดอะไรต่อ อีอูยอนจึงขึ้นห้องของตัวเองไป
เขาอ่านหนังสือก่อนจะปิดหนังสือลง ตัวหนังสือไม่เข้าหัวเขาเลยสักนิดเดียว แม้จะอยากเดินข้ามไปที่ห้องของอินซอบตอนนี้เลย แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาจะเอาชนะความโกรธที่ไร้สาระนี้ไม่ได้ และอาจจะพูดคำพูดที่สร้างความเจ็บปวดให้กับอินซอบ เขาจึงอดทนไว้ การรักษาระยะห่างในช่วงเวลาแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
‘…เฮ้อ’
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็นอนไม่หลับ และเป็นแบบนั้นอยู่หลายวัน เขาลุกขึ้นด้วยคิดว่าควรจะดื่มเหล้าสักแก้ว แต่แล้วก็ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ตรงหน้าประตู พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ กระดาษใบเล็กๆ ก็ลอดผ่านช่องประตูเข้ามา
อีอูยอนคว้ากระดาษขึ้นมาดู
[ถึงคุณอีอูยอน]
ตอนที่อ่านข้อความช่วงต้นของจดหมาย เขาก็อ่อนแรงทันที
แม่ง แม้กระทั่งตัวหนังสือยังน่ารัก ถึงได้ทำให้คนเขาเป็นบ้าถึงขนาดนี้ไง
แล้วอีอูยอนก็ไล่อ่านบรรทัดต่อไป
[ขอโทษครับ ผมลองคิดดูแล้วเลยเขียนจดหมายสั้นๆ ฉบับนี้ขึ้นมา เพราะผมไม่มีความสามารถในการพูด ผมไม่เคยรู้สึกอายในตัวของคุณอีอูยอนเลยนะครับ แต่ตรงกันข้ามเลยต่างหาก ผมยังไม่เชื่อเลยว่าคนแบบคุณจะเป็นคนรักของผม จนต้องลองหยิกแก้มตัวเองทุกเช้าเลยครับ]
พอนึกถึงภาพของอินซอบที่ตื่นนอนและหยิกใบหน้าที่บวมตุ่ยของตัวเอง อีอูยอนก็กลั้นยิ้มเอาไว้
[ตอนเด็กๆ ผมถูกแกล้งบ่อยมาก เพราะเป็นคนเอเชียแถมยังร่างกายอ่อนแออีก ผมจึงรู้ซึ้งถึงการเป็นคนกลุ่มน้อยที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่ได้รับการต้อนรับดีกว่าใครเลยครับ มันเป็นสถานการณ์ที่คนอย่างคุณอีอูยอนไม่มีทางเข้าใจอย่างแน่นอน และผมก็หวังว่าตอนนี้ หรือแม้กระทั่งในอนาคตคุณอีอูยอนจะไม่ต้องรู้จักสถานการณ์แบบนั้น ขอโทษนะครับที่ไม่สามารถอธิบายดีๆ ได้ และทำให้คุณอูยอนเสียความรู้สึก
ผมอยากจะให้คุณเจอแต่เรื่องดีๆ และมีความสุขไปตลอดชีวิตครับ]
อีอูยอนอ่านบรรทัดสุดท้ายซ้ำอยู่หลายครั้ง
อินซอบใช้วิธีแบบนี้ทำให้เขาใจอ่อน และทำให้เขารู้สึกว่าเหตุผลที่โกรธนั้นช่างไร้ค่า
เขาตั้งใจจะเดินข้ามไปที่ห้องของอินซอบ ขณะที่กำลังจะพับกระดาษลง แต่แล้ว ป.ล. ที่เขียนด้วยตัวหนังสือที่เล็กมากๆ ตรงส่วนท้ายกระดาษก็โผล่เข้ามาในสายตา
[ป.ล. ถ้าหายโกรธแล้วให้ผมเข้าไปในห้องได้ไหมครับ]
อีอูยอนเปิดประตูออกไป อินซอบที่กำลังนั่งยองๆ ลูบแมวเล่นอยู่สะดุ้งตกใจและเงยหน้าขึ้นมา ส่วนแมวที่ตื่นตกใจก็ลากขาที่กะเผลกและหายไปตรงสุดทางเดิน
‘ทำอะไรอยู่ตรงนั้นครับ’
‘…ผมกำลังรอจนกว่าคุณอูยอนจะหายโกรธครับ’
‘ผมหายโกรธแล้วครับ’
อินซอบกะพริบตา อีอูยอนเปิดประตูให้ครึ่งหนึ่งและหลีกทางให้ อินซอบกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง แต่ตอนที่เดินผ่านอีอูยอนไป เขาก็ยื่นแขนออกมาและกอดอินซอบไว้จากทางด้านหลัง จากนั้นก็จับหน้าของอีกฝ่ายให้หันมาจูบ พออินซอบเหลือบตามองด้านบนด้วยความตกใจ อีอูยอนก็กระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
‘ตอนนี้ผมอารมณ์ดีแล้ว เพราะงั้นผมจะทำให้คุณรู้สึกดีนะครับ’