รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 264 ฝีมืออ่อนด้อย ดูอานุภาพมังกรฟ้าของข้าเสีย!

บทที่ 264 ฝีมืออ่อนด้อย ดูอานุภาพมังกรฟ้าของข้าเสีย!

บทที่ 264 ฝีมืออ่อนด้อย ดูอานุภาพมังกรฟ้าของข้าเสีย!

อมิ…ต้าเต๋อฝอ

นี่มันอะไรกัน!

ควรจะเป็นอมิตาภพุทธไม่ใช่หรือ?

“เจ้าเป็นเณรจากศาสนาพุทธจริงหรือ?”

อ้ายฉานอดถามเณรน้อยขึ้นมาไม่ได้

กับแกล้มสุรา…

อะไรคือการทั้งอยากกินวัวยักษ์สีดำ ทั้งอยากดื่มสุรา!

ศาสนาพุทธมีข้อห้ามเรื่องการกินเนื้อและดื่มสุราไม่ใช่หรือ?

“พูดจาไร้สาระ!”

วัวยักษ์สีดำเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ

ศาสนาพุทธจะมีพระมีเณรที่ประพฤติตนเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไม่มีทางเป็นไปได้!

“เจ้าวัวยักษ์สีดำ เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ!”

เณรน้อยจ้องไปทางวัวยักษ์สีดำแล้วกล่าวออกมา “ข้าเป็นพุทธสาวกโดยแท้ และยังจะเป็นต้าเต๋อฝอในอนาคตด้วย!”

ต้าเต๋อฝอในอนาคต…!

อ้ายฉานเข้าใจแล้ว สาเหตุที่เณรน้อยพูดว่าต้าเต๋อฝอ คือการกล่าวถึงตนเอง!

“ไม่ใช่สิ ศาสนาพุทธมีข้อห้ามชัดเจนเกี่ยวกับการกินเนื้อและดื่มสุราไม่ใช่หรือ?”

นางจับจ้องไปทางเณรน้อยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“ข้อห้าม? พูดถึงเรื่องอะไร! เจ้าล้าหลังเกินไปแล้ว!”

เณรน้อยส่ายหัวแล้วกล่าวออกมา “เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าพุทธประทับอยู่ในใจ เนื้อวัวอร่อยที่สุด คำนึงถึงพุทธะในใจ ร่ำสุราเยี่ยมยอดที่สุด?”

“เจ้าพูดเรื่องบ้าอะไรกัน!”

วัวยักษ์สีดำทนไม่ไหวอย่างถึงที่สุด พุทธประทับอยู่ในใจ เนื้อวัวอร่อยที่สุด คืออะไรกัน?

อยากกินก็พูดมาเถอะว่าอยากกิน เอ่ยอ้างถึงพุทธะทำไม?

มันฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว ในใจของมันเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง จึงพุ่งปรี่ตรงเข้าไปหาเณรน้อย

ถ้าเณรน้อยเป็นสาวกของพุทธศาสนาจริง มันคงจะเกรงกลัวเป็นอย่างมากจนไม่กล้าลงมือ

ศาสนาพุทธนั้นทรงพลังน่าหวั่นเกรงเป็นอย่างยิ่ง สามารถครอบงำทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ มันจะเอาความกล้าที่ไหนมาลงมือกับพุทธสาวก

แต่เณรน้อยนี้คงไม่ใช่พุทธสาวกแต่อย่างใด เพียงแค่หลอกลวงแอบอ้างเป็นพุทธสาวก หากมันสังหารไปก็ไม่มีสิ่งใดต้องเกรงกลัวแม้แต่น้อย

ตลกน่า หากพุทธสาวกมีคนประพฤติตนเช่นเณรน้อยอยู่จริง ศาสนาพุทธคงสูญสิ้นไปนานแล้ว!

มันไม่เชื่อว่าเณรน้อยจะเป็นพุทธสาวกสุดก้นบึ้งของหัวใจ

“อมิต้าเต๋อฝอ ข้าต้าเต๋อฝอผู้เมตตา เหอะ! ฝีมืออ่อนด้อย กลับกล้ามาควงขวานหน้าบ้านหลู่ปาน*[1] ดูข้าเสีย อานุภาพมังกรฟ้า พระโพธิสัตว์เพียงหนึ่งเดียว ปัญญาพุทธะ รู้แจ้งอนิจจัง!*[2]” เณรน้อยร้องออกมาเสียงดังลั่นโดยไร้ซึ่งความหวาดเกรง

เขาไม่ได้ธรรมดาสามัญจริง ๆ แม้อายุจะยังน้อย แต่ระดับขอบเขตนั้นสูงเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับบรรลุขอบเขตพรตเต๋าแล้ว!

ด้านหลังศีรษะของเขามีรัศมีค่อย ๆ เรืองรอง บนร่างเปี่ยมด้วยแสงพุทธะ ประหนึ่งพระโพธิสัตว์ย่อส่วน!

เสียง ‘ตู้ม!’ ดังขึ้นมาหนึ่งครั้ง หลังจากที่เขาตบฝ่ามือออกไป วัวยักษ์สีดำที่เป็นถึงจ้าวถิ่นเปี่ยมด้วยพละกำลังมหาศาลกลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย มันล้มลงทันใดพร้อมกับกระอักเลือดออกมา ถึงกับบาดเจ็บสาหัส!

“อะไรกัน!”

ดวงตาของวัวยักษ์สีดำเบิกกว้าง มันรับรู้ได้ถึงปราณของขอบเขตพรตเต๋า ไม่คาดคิดเลยว่าเณรน้อยจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!

มันสูดเอาอากาศเย็นยะเยือกเข้าปอด เณรน้อยที่ดูเหมือนจะมีอายุไม่กี่หนาว กลับสามารถบรรลุถึงขอบเขตพรตเต๋า!?

นี่…ฝึกฝนมาอย่างไรกัน?

เริ่มฝึกฝนตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาหรือ?

ในแดนบูรพาทิศ ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ปีแล้วที่ไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับขอบเขตพรตเต๋าปรากฏออกมา!

กระทั่งประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ของภาคกลางก็ยังไม่อาจทะลวงเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าได้!

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้มันคาดไม่ถึงก็คือ เณรน้อยนี่เป็นพุทธสาวกจริง ๆ!

รัศมีด้านหลังศีรษะ แสงแห่งพุทธะแผ่ไปทั่วร่าง พลังแห่งพุทธะอันกล้าแกร่ง…

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้อพิสูจน์ว่าเณรน้อยเป็นพุทธสาวกอย่างแท้จริง

เณรน้อยที่ปฏิบัติตนเช่นนี้เป็นถึงพุทธสาวกจริงหรือ?

ผู้เป็นพุทธสาวกประพฤติตนเช่นนี้จริงหรือ!

“นับเป็นวาสนาของเจ้าที่จะได้กลายมาเป็นกับแกล้มสุราของต้าเต๋อฝอ นับว่าเป็นการสร้างบุญให้แก่ตนเอง ทำให้ได้รับผลบุญไปใช้ในชีวิตหลังความตาย”

เณรน้อยกล่าวออกมา

ชีวิตหลังความตาย?

ชีวิตหลังความตายของบรรพบุรุษเจ้าสิ!

พุทธสาวกเอาอะไรมากล่าวถึงชีวิตหลังความตาย?

ตายก็คือตาย สูญสลายหายไปจากโลก!

วัวยักษ์สีดำก่นด่าอยู่ในใจ แต่ไหนแต่ไรพระไม่เคยเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย พุทธศาสนาเคยเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับโลกหลังความตายอะไรนั่นที่ไหน?

“ปล่อยข้าไป! ข้าไม่ต้องการผลบุญอะไรในโลกหลังความตาย ข้าแค่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้!

วัวยักษ์สีดำกล่าวออกมา

“อย่ายึดติดอยู่กับโลกนี้ ทำให้พลาดโอกาสที่จะมีชีวิตอันดีในอนาคต ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ มิเช่นนั้นจะพลาดโอกาสสร้างกุศลในชีวิตนี้!”

เณรน้อยกล่าวออกมาเสียงดังก่อนจะตบฝ่ามือลงใส่วัวยักษ์สีดำ

“ช้าก่อน!”

ในตอนนั้นเอง อ้ายฉานก็ลงมือขวางฝ่ามือของเณรน้อยเอาไว้

“ข้าเห็นวัวตัวนี้ก่อน ดังนั้นมันย่อมไม่ใช่กับแกล้มสุราของเจ้า”

อ้ายฉานมองไปทางเณรน้อยก่อนกล่าวออกมา

“อมิต้าเต๋อฝอ แม่นางกำลังกล่าวอันใด? เป็นข้าที่มองเห็นก่อน!”

เณรน้อยตอบกลับ

อันที่จริงแล้ว ทั้งสองคนนั้นเห็นวัวยักษ์สีดำพร้อม ๆ กัน เพียงแต่พวกเขาอยู่ในทิศตรงข้ามกัน

“ภิกษุกินเนื้อดื่มสุราใช่เรื่องดีงามหรือ? เจ้าเอาแต่พูดว่าอมิต้าเต๋อฝอ เจ้าไม่เคารพพระอมิตาภพุทธสักนิดเลยหรือ?”

อ้ายฉานจับจ้องไปทางเณรน้อย

พระอมิตาภพุทธเป็นผู้ก่อตั้งศาสนา ดังนั้งชาวพุทธจึงจะท่องคำว่า ‘อมิตาภพุทธ’ เพื่อแสดงความเคารพต่อพระอมิตาภพุทธะ

“กินเนื้อดื่มสุราไม่ดีงามอย่างไร? จำต้องมีกฎเกณฑ์ใดตายตัวเพื่อฝึกฝนพุทธะด้วยหรือ? พระอมิตาภพุทธะกล่าวไว้ว่าจำเป็นต้องละทิ้งความยึดติด กฎเกณฑ์ข้อบังคับล้วนนับเป็นห่วง!”

เณรน้อยกล่าวต่อ “พระอมิตาภพุทธะคือศาสดา ทั้งยังเคยกล่าวไว้ว่า พุทธะอยู่ภายในใจ เวไนยสัตว์ต่างก็สามารถเป็นพุทธะได้ ข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ไยจึงไม่อาจเรียกตนเช่นนี้ได้?”

“ต้าเต๋อคือชื่อของเจ้าหรือ?”

อ้ายฉานทำสีหน้าแปลกพิลึก

นางอยากจะเอ่ยออกมาเหลือเกินว่า เขามีคุณธรรมอยู่หรือ? ถึงกล้าเรียกตนเช่นนั้น!

“นี่เป็นนามทางธรรมของข้า” ต้าเต๋อกล่าว

“เจ้า…เจ้าควรเปลี่ยนมัน!”

“เพราะเหตุใด?”

“เจ้ากับคำว่าเต๋อ (ศีลธรรม) ไม่เข้ากัน!”

อ้ายฉานพูดออกมา

“อามิต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา ข้าต้าเต๋อฝอจึงเปี่ยมเมตตา เฮ้อ เจ้าพูดจาอะไรออกมากัน! เจ้าตั้งข้อสงสัยในตัวของข้าหรือ?”

ต้าเต๋อตะโกนออกมา

“ไม่ได้ตั้งข้อสงสัย แต่เป็นความจริง!”

อ้ายฉานกล่าวขึ้นมาโดยไร้ซึ่งความเคารพ

หากเณรน้อยผู้นี้สามารถเชื่อมโยงตนกับคำว่าเต๋อได้ เกรงว่าจะความหมายของคำว่าเต๋อจะต้องเปลี่ยนไปเสียแล้ว…

“ไม่รู้สิ่งใด ก็อย่าดูคนเพียงผิวเผิน จิตใจของข้านั้นงดงาม บริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นอย่างยิ่ง!” เณรน้อยว่า

“ข้าคร้านจะเถียงกับเจ้าแล้ว!”

อ้ายฉานไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับต้าเต๋อนี่อีก จึงเหยียดมือออกมาหมายจะลากวัวยักษ์สีดำออกไป

แม่เจ้า!

นี่ก็ขอบเขตพรตเต๋า!

วัวยักษ์สีดำตกใจกลัว ขอบเขตพรตเต๋ากลายเป็นสิ่งที่หาพบได้ทั่วราวกับผักกาดขาวแล้วหรือ? ไม่ว่าใครในสองคนนี้ก็ล้วนเป็นขอบเขตพรตเต๋า?

มันรับรู้ได้ถึงระดับปราณจากร่างของอ้ายฉานที่อยู่ข้าง ๆ ได้

“เจ้าเอามันไปไม่ได้ นี่เป็นกับแกล้มของข้า!”

ดวงตาของต้าเต๋อเป็นประกายแปลกประหลาด ไม่คาดว่าอ้ายฉานเองก็จะบรรลุขอบเขตพรตเต๋าเหมือนกัน

แต่เขาไม่อาจปล่อยให้อ้ายฉานนำวัวยักษ์สีดำไปได้!

“อานุภาพมังกรฟ้า พระโพธิสัตว์เพียงหนึ่งเดียว ปัญญาพุทธะ รู้แจ้งอนิจจัง!”

เขาลงมือโดยใช้วิชาของศาสนาพุทธ ยิ่งแสงแห่งพุทธะเปล่งออกมามากขึ้น เขาก็ยิ่งดูเหมือพระโพธิสัตว์ย่อส่วน!

“ตะโกนภาษาอันใดออกมากันนี่?”

อ้ายฉานไร้ซึ่งความกลัว เข้าต่อสู้กับต้าเต๋อที่ทั่วทั้งร่างเปล่งแสงออกมาอย่างกล้าหาญ

แม้จะไม่เข้าใจคำพูดของต้าเต๋อ แต่นางก็เข้าใจเรื่องหนึ่งเป็นอย่างดี

นั่นคือ เขาไม่ยอมให้นางเอาวัวยักษ์สีดำไป!

[1] ควงขวานหน้าบ้านหลู่ปาน หมายถึง อวดความสามารถต่อหน้าผู้ที่มีความสามารถเหนือกว่า

[2] ล้อมาจากคำร่ายคาถาของพระในเรื่องนางพญางูขาว (青蛇)

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน