รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 265 เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาฝ่ามือที่ตกลงมาจากท้องฟ้าหรือไม่!

บทที่ 265 เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาฝ่ามือที่ตกลงมาจากท้องฟ้าหรือไม่!

บทที่ 265 เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาฝ่ามือที่ตกลงมาจากท้องฟ้าหรือไม่!

อ้ายฉานและต้าเต๋อต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างดุร้าย ไม่ว่าใครก็ล้วนคาดไม่ถึงว่าร่างเล็ก ๆ ทั้งสองจะมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้!

แสงสว่างวาบ คลื่นพลังอันน่าพรั่นพรึงผกผันไปมา เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทุกหนแห่ง พื้นดินแตกแยก อากาศบิดเบี้ยว ต้นไม้สูงโค่นลง ภูเขาพังทลาย เกิดเป็นฉากน่าหวาดผวาเกินกว่าจะจินตนาการถึง!

“นี่…นี่ยังเป็นโลกที่ข้าอยู่หรือเปล่า?”

วัวยักษ์สีดำตัวสั่นเทา รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้า ความแข็งแกร่งของอ้ายฉานและต้าเต๋อเหนือกว่าสามัญสำนึกของมัน

เด็กอายุเพียงไม่กี่ปีกลับดุร้ายได้ถึงขนาดนี้ สวรรค์…เรื่องเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นได้อย่างไร!

มันอยากจะวิ่งหนี แต่ก็ไม่อาจทำได้ การโจมตีอันทรงพลังกระจายไปมาทุกพื้นที่ หากไม่ระวังมันก็ถึงตายได้!

ไม่เช่นนั้นมันคงจะวิ่งหนีไปนานแล้ว เนื่องจากไม่ว่าใครเป็นฝ่ายชนะก็ล้วนไม่ดีสำหรับมัน อย่างไรเสียมันก็ต้องถูกเชือด…

ต่อหน้าอ้ายฉานและต้าเต๋อแล้ว ขอบเขตของมันต่ำเกินไป ไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้อย่างสิ้นเชิง

“น่าสนใจอยู่บ้าง ถึงกับสามารถประมือกับข้าได้ถึงเพียงนี้”

ดวงตาคู่เล็กของต้าเต๋อเปล่งประกายแปลกประหลาด เขาไม่คาดคิดว่าอ้ายฉานจะแข็งแกร่งจนสามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสี

“เณรน้อยอย่างเจ้าก็เก่งกาจเช่นกัน”

ใบหน้าเล็ก ๆ ของอ้ายฉานแสดงสีหน้าแปลกพิกล

นางได้รับพรนิมิตสวรรค์และวิชาแยกกายหมื่นร่างจากคุณชาย ทั้งยังได้กินข้าวต้มที่คุณชายปรุงขึ้นมาด้วยตัวเอง ทำให้ในร่างกายมีพลังงานสะสมเอาไว้มาก ทันทีที่นางก้าวสู่เส้นทางแห่งการฝึกตน ความก้าวหน้าและขอบเขตพลังจึงทะยานอย่างรวดเร็ว

แต่เณรน้อยเบื้องหน้ากลับสามารถสู้กับนางได้อย่างสูสี นางจึงใคร่สงสัยในความเป็นมาของเณรน้อยตรงหน้า

ทว่าสิ่งที่แน่นอนเลยก็คือ ที่มาของเณรน้อยย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้

“มาสู้กันต่อ!”

ดวงตาทั้งสองข้างของต้าเต๋อเปล่งประกาย ในเด็กวัยเดียวกันเขานั้นตัวลำพังเดียวดาย ไม่มีผู้ใดสามารถประมือกับเขาได้ กระทั่งคนที่อายุแก่กว่าเขานับสิบปีก็ยังถูกบดขยี้อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของเขา

อ้ายฉานที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ได้กระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาขึ้นมา ทำให้เขาระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง สำแดงวิชาพุทธะที่ทรงพลังยิ่งกว่าออกมา

“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาฝ่ามือที่ตกลงมาจากท้องฟ้าหรือไม่…”

ต้าเต๋อพนมมือ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมน่าเคารพ ท่วงท่าอากัปกิริยาดั่งพระชั้นสูง

เขากระทืบเท้าลงบนพื้นเบา ๆ ร่างกายประหนึ่งกลายเป็นลำแสงแห่งพุทธะ ทะยานสูงขึ้นไปบนนภา

“หายไปไหนแล้ว!”

อ้ายฉานทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา ต้าเต๋อลอยขึ้นไปบนนภาจนหายลับตา กระทั่งประสาทสัมผัสญาณก็ไม่อาจรับรู้ถึงที่มีอยู่ของต้าเต๋อได้!

นางไม่คิดว่าต้าเต๋อจะไม่ต้องการประมือต่อแล้วฉวยโอกาสหลบหนีไป ตรงกันข้าม ภายในใจของนางกลับเกิดลางสังหรณ์อันเลวร้าย ให้ความรู้สึกราวกับพายุกำลังจะมา!

ทันใดนั้นบนนภาสูงขึ้นไปก็เต็มไปด้วยแสงพุทธะสาดส่องลงมา อ้ายฉานเงยหน้าขึ้นมอง ที่ตรงนั้นปรากฏพระพุทธรูปขนาดยักษ์สีทองกำลังนั่งขัดสมาธิประทับอยู่บนแท่นปทุมสีทองอร่าม มือข้างหนึ่งชี้ขึ้นไปบนฟ้า มืออีกข้างชี้ลงพื้นดิน สีหน้าสง่างามน่าเกรงขาม

พริบตาต่อมา ร่างของต้าเต๋อที่หายลับไปก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาลอยอยู่บนท้องฟ้าสูงลิบก่อนจะตบฝ่ามือลงมา

คิ้วเล็ก ๆ ของอ้ายฉานขมวดแน่น นางรับรู้ได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกบรรจุเอาไว้ด้านใน ทว่าฝ่ามือนั้นขวางทางนางเอาไว้มิให้หลบเลี่ยงได้อย่างสมบูรณ์ จึงทำได้แต่เพียงปะทะโดยตรง

“มดมากก็รุมกัดช้างตายได้! ดูเคล็ดวิชาวานรผลัดขนของข้าเสีย!”

อ้ายฉานไม่รอช้า ทำท่าจะยกมือขึ้นมาดึงผมออกไปเส้นหนึ่ง

ทว่าตอนนั้นเอง นางก็พลันระลึกถึงสิ่งที่คุณชายสอนขึ้นมาได้

คุณชายบอกให้นางอย่ายึดติดกับรูปแบบ ให้ความสนใจกับแก่นแท้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องดึงผมออกก็สามารถใช้งานได้

นางจึงหยุดมือและไม่ดึงผมออกมา

“ไม่จำเป็นต้องใช้เส้นผมก็ทำได้!”

นางกัดฟันแน่น ทิ้งขั้นตอนการดึงผมไป ส่วนที่เหลือยังคงทำตามขั้นตอนเช่นเดิม จากนั้นตะโกนเสียงดัง “ออกมา!”

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

แสงสว่างวาบขึ้นมา ‘อ้ายฉาน’ ปรากฏเพิ่มขึ้นมาทีละร่างทีละร่าง ตามที่คุณชายพูดเอาไว้ไม่มีผิด แก่นแท้ของวิชาไม่ได้อยู่ที่เส้นผม

นางไม่ได้ดึงผมออกมา แต่ก็ยังสามารถแยกร่างออกมาเป็นพันได้!

“เข้ามาเลย!”

ดวงตาของนางเป็นประกาย ก่อนร่างแยก ‘อ้ายฉาน’ นับพันจะพุ่งเข้าใส่ต้าเต๋อ ปะทะเข้ากับฝ่ามือพลังพุทธะที่กำลังร่วงลงมาจากนภา

“นี่มันอะไรกัน!”

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ดวงตาของวัวยักษ์สีดำก็แทบจะถลนออกมา

แม่เจ้า! นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว เป็นไปได้ด้วยหรือที่จะสามารถเรียกร่างแยกจำนวนมากได้ในทันที!

ที่สำคัญคือร่างแยกเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงร่างเปล่า แต่ละร่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงจะไม่มีพลังเทียบเท่ากับร่างต้นแบบ แต่ก็ยังมีพลังอย่างน้อยเจ็ดส่วนของอ้ายฉานเป็นแน่!

เจ็ดส่วน!

แถมยังมีจำนวนร่างแยกมากมาย!

มันตกใจกลัว นี่มันเคล็ดวิชาแยกร่างธรรมดาที่ไหนกัน เป็นวิชาแยกร่างของมหาจักรพรรดิงั้นหรือ?

ทำไมมันถึงผิดปกติได้ถึงขนาดนี้!

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

อ้ายฉานและร่างแยกจำนวนมากพุ่งไปด้านหน้า แต่ละร่างประกอบด้วยพลังอันแข็งแกร่ง แม้ต้าเต๋อจะใช้วิชาพุทธะอันทรงพลังจนน่าหวาดเกรง ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีพร้อมกันของร่างแยกจำนวนมากได้!

“สาวน้อยตัวร้ายอย่างเจ้ามาจากที่แห่งใดกัน!?”

ต้าเต๋อรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย พระพุทธรูปยักษ์สีทองด้านหลังเขาใกล้จะทลาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานเขาคงจะต้องถูกอ้ายฉานทุบตีจนล้มลงกับพื้น

“พระสังฆราชบอกว่าข้าคือพระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิด บนโลกนี้ไร้ผู้ใดเทียบได้ เขาโกหกข้าเช่นนั้นหรือ!”

ต้าเต๋อแค้นเคืองเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถสู้ต่อได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน!

“ก็แค่วัวตัวหนึ่ง ให้เจ้าไปก็ได้! ข้าจะไปหาอาหารแกล้มเหล้าใหม่!”

ต้าเต๋อตะโกนออกมา ก่อนจะกลายเป็นลำแสงพุทธะรีบพุ่งหนีออกไปจากที่นี่

ร่างของอ้ายฉานสั่นไหว สีหน้าของนางดูไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง

การแยกร่างนับพันร่างออกมาพร้อมกันไม่นับว่าเป็นอะไร แต่การที่ต้องบังคับให้ต่อสู้ไปพร้อม ๆ กัน นับว่ากินพลังของนางเป็นอย่างยิ่ง ทำให้นางเหนื่อยล้าอยู่พอสมควร

“เจ้าเณรเหม็นเน่านิสัยไม่ดี”

อ้ายฉานโคจรพลัง หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง สีหน้าจึงเริ่มดีขึ้นมา

นางสังหารวัวยักษ์สีดำโดยใช้เพียงนิ้วเดียว จากนั้นก็เก็บร่างของมันลงไปในศาสตราเก็บของ แล้วกลับไปยังเมืองชิงซาน

อีกด้านหนึ่ง จู้จื่อ เซวียเหวินลี่ ชุยช่าน และเจ้าอ้วนฉวี่ก็ทรงพลังไม่แพ้กัน พวกเขาจัดการสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งได้ทีละตัว ทีละตัว

ในบรรดาพวกเขา สัตว์อสูรที่จู้จื่อสังหารนั้นเป็นตัวที่จัดการได้ยากที่สุด มันคือครุฑปีกทองที่ว่ากันว่ามีสายเลือดของสัตว์อสูรบรรพกาลบางชนิด ทำให้ยากจะจัดการ

ทว่าสุดท้ายแล้วครุฑปีกทองตัวนี้ก็ยังถูกจู้จื่อเอาชนะไปได้อย่างฉิวเฉียด

“เจ้าคิดว่าจู้จื่อผู้นี้จะรังแกได้ง่าย? เดิมทีข้าคิดจะจับแกะ แต่เจ้ากลับรนหาเรื่อง กล่าวว่าไม่มีผู้ใดกล้าบินข้ามหัวครุฑปีกทอง ทั้งยังโจมตีใส่หมายจะข้าฆ่า!”

จู้จื่อถอนหายใจก่อนกล่าวออกมา “เจ้าบินต่ำถึงขนาดนั้นกลับมาโทษข้า? ทำตัวเหมือนตนเองเป็นเจ้าของโลกทั้งใบเสียจริง!”

เขาไม่คิดจะกินเนื้อสัตว์ปีกจริง ๆ ตั้งแต่ออกจากเมืองชิงซาน เขาก็เหินขึ้นฟ้าหมายจะไปยังด้านในภูเขาหวังจะจับอสูรแพะ

ทว่าใครจะไปคิดว่าระหว่างทาง จู่ ๆ ก็มีครุฑปีกทองโผล่ออกมาบอกว่าการบินข้ามหัวนับว่าเป็นการดูหมิ่นมัน จากนั้นก็โจมตีเข้ามาหมายสังหารเขา

เขาไม่คุ้นเคยกับครุฑปีกทอง จึงใช้เวลาอยู่พักหนึ่งก่อนจะสามารถสังหารมันลงได้สำเร็จ จากนั้นก็เก็บร่างของครุฑปีกทองไปด้วย

“คุณชายพูดไว้ ไม่ว่าเนื้อประเภทไหนก็สามารถต้มกินได้ ครุฑปีกทองตัวนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เนื้อก็คงจะรสชาติไม่เลว”

เขากล่าวออกมาอย่างมีความสุขก่อนกลับไปยังเมืองชิงซานพร้อมกับร่างของครุฑปีกทอง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท