เฮ่อเหลียนเวยเวยหันกลับมามองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่กำลังนั่งที่ตำแหน่งเดิมของตนเองอย่างเกียจคร้าน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอื้อมมื้อไปหยิบจอกเหล้าสองใบมาเติม ก่อนจะส่งจอกเหล้าใบหนึ่งให้หญิงสาว
เฮ่อเหลียนเวยเวยรับจอกเหล้าต่อจากมือของเขา และลุกขึ้นยืนอย่างผ่อนคลาย ท่าทางของนางเรียบง่าย “ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน”
ร่วมมือกันหรือ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้สึกว่าตัวเองไม่ชอบคำพูดแปลกๆ นั้นสักเท่าไหร่ เขายังไม่ได้ดื่มเหล้าจากจอกในมือ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างสุขุมว่า “เหล้าจอกนี้ใช้สำหรับดื่มในงานแต่ง”
พวกเขาควรจะต้องไขว้แขนเพื่อดื่มฉลองในงานแต่งไม่ใช่หรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยกะพริบตาอย่างงุนงง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “อย่าลืมว่ายังมีคนอยู่ด้านนอก”
คราวนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจในคำพูดของชายหนุ่มแล้วว่าให้พวกเขาเสแสร้งแสดงความรักแบบจอมปลอม
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มและรินเหล้างานแต่งให้กับตัวเอง แขนที่เกลี้ยงเกลาของนางโผล่พ้นออกมาจากชุดแต่งงานขณะที่นางกำลังเอื้อมมือออกไป
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองดูการเคลื่อนไหวของหญิงสาวขณะที่นางหมุนตัวเล็กน้อย จากนั้นก็งอแขนเพื่อยกถ้วยกระเบื้องไปที่ริมฝีปากของนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมาก อาการสั่นไหวของร่างกายนางนั้นเริ่มไม่มั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่นางดื่มเหล้า นางก็ดึงมือกลับ และพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกจากตัวเอง “องค์ชาย ท่านควรจะถอดหน้ากากออกไม่ใช่หรือ”
“เจ้าอยากเห็นใบหน้าของข้าขนาดนี้เลยหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะ ก่อนจะพูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่เผยให้เห็นถึงความชั่วร้าย “หากเจ้าเห็นแล้ว เจ้าจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดในใจว่านางจะรู้สึกผิดหวังได้อย่างไร นางไม่ได้แต่งงานกับองค์ชายสามจริงๆ เสียหน่อย นอกจากนี้ เมื่อดูจากดวงตาที่มีเสน่ห์ของเขาแล้ว แม้ว่าใบหน้าของเขาจะมีรอยแผลเป็น แต่เขาก็คงไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดขนาดนั้น
“องค์ชายกำลังจะบอกว่าท่านไม่อยากให้ข้าเห็นเช่นนั้นหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยท้าทายเขาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีความหมาย “ข้าก็แค่กังวลว่าเมื่อเจ้าเห็นใบหน้าของข้าแล้ว เจ้าจะไม่กล้านั่งที่นี่ต่อ”
“ข้าไม่ใช่คนขี้กลัวขนาดนั้น” เฮ่อเหลียนเวยเวยก็หัวเราะด้วยเช่นกัน ในความคิดของเฮ่อเหลียนเวยเวย คำพูดที่องค์ชายสามเอ่ยในตอนนี้ ก็เพียงแค่ต้องการจะผัดวันประกันพรุ่งเท่านั้น
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต่อจากนี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนางด้วยท่าทีจริงจังตามปกติของเขา ก่อนจะวางจอกเหล้าลงบนโต๊ะ ปลายนิ้วมือของเขาค่อยๆ ยกหน้ากากสีเงินออกจากใบหน้า ดวงตาสีเข้มและจมูกเป็นสันนั้นถูกเปิดเผยออกมาให้เห็นพร้อมๆ กัน หลังจากนั้น ริมฝีปากบางที่น่าดึงดูดของเขาก็ปรากฏตามมา ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกตกตะลึงกับความงดงามที่น่าเกรงขามของชายหนุ่มคนนี้
ริมฝีปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม ใบหน้าที่งดงามและละเอียดอ่อนนั้น ทำให้ทุกคนหลงใหล ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเขาเผยกลิ่นอายของความมีระดับและเย่อหยิ่งออกมา
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเข้าไปในดวงตาของเขา ดวงตาที่ดูคุ้นเคยคู่นั้นดึงดูดสายตาของนาง นางรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
เดี๋ยวก่อนนะ วันนี้นางต้องลุกจากเตียงผิดฝั่งแน่ๆ!
นางไม่ได้ฝันไป
ปลายนิ้วมือของนางรู้สึกเจ็บ
นั่นหมายความว่าองค์ชายสามที่อยู่ตรงหน้าของนางในขณะนี้ คือเพื่อนร่วมโต๊ะของนางที่ช่วงนี้ นางไม่ได้เจอหน้ามาสักพักแล้ว!
“เป็นอย่างไรเล่า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอื้อมมือไปเสยผมยาวของหญิงสาว “ผู้สนับสนุนทางการเงินไม่ค่อยมีท่าทีเช่นนี้ ข้าคิดว่าเจ้าไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดเสียอีก แต่ไม่สำคัญหรอก อีกอย่าง ข้าก็แค่พวกต้วนซิ่วใช่หรือไม่เล่า”
คำว่า ‘ต้วนซิ่ว’ ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยหวนนึกถึงความทรงจำตอนที่นางอยู่ในสำนักไท่ไป๋ และคำพูดที่นางพูดกับเพื่อนร่วมโต๊ะของนาง
รวมถึงประโยคที่บอกว่า ‘องค์ชายสามชอบเป็นฝ่ายรับ…’
ใครก็ได้บอกทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง
“ถ้าเช่นนั้นก็บอกข้ามาสิว่า ข้าควรจะให้เจ้าอยู่ด้านบนหรือด้านล่างดี” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโน้มตัวลง ริมฝีปากบางของเขาเข้ามาใกล้หูของหญิงสาว จนนางสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายของอีกฝ่าย “ผู้สนับสนุนทางการเงินที่มอบเงินให้ข้ายี่สิบตำลึง และให้ข้าไปตามทางของข้า”
ไอ้บ้าเอ๊ย!
ในที่สุด นางก็รู้ซึ้งถึงสิ่งที่เรียกว่าตายทั้งเป็น!
ทำไมตอนนั้นนางถึงโง่เง่าได้ขนาดนั้น และยังมอบเงินให้เขายี่สิบตำลึงอีกด้วย!
เวรกรรม มันคือเวรกรรมจริงๆ!
แต่…
เฮ่อเหลียนเวยเวยหลับตาลง “ท่านแต่งงานกับข้า เพราะต้องการแก้แค้นเช่นนั้นหรือ”
“แก้แค้นหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยุดชะงัก สายตาของเขาดูลึกล้ำขึ้น “เจ้ามีค่าแค่ไหนกัน ถึงทำให้ข้าต้องการจะแก้แค้น อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นคนต้นคิดเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ขึ้นมา”
นั่นเป็นความจริง แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยังคงรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้ “ท่านหลอกลวงข้ามาตลอด ทำไมท่านพาข้ารับใช้มาที่สำนักไท่ไป๋เพียงคนเดียวเท่านั้น แม้แต่เงินที่จะซื้อเสื้อผ้าก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ”
“ข้าพาเงาทมิฬไปด้วยเพียงแค่คนเดียวจริงๆ ส่วนเรื่องเงินนั้น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมแต่มีอำนาจ “ข้าไม่เคยพกเงินออกไปข้างนอก”
นั่นเป็นเพราะว่าคนที่มากับท่านจะเป็นคนที่พกเงินมาด้วยต่างหาก! เฮ่อเหลียนเวยเวยเม้มริมฝีปากบางและเลิกคิ้วขึ้นขณะที่มองชายหนุ่ม “ข้าคิดว่าพวกเราไว้ใจกันได้เสียอีก”
“อย่าบอกข้านะว่าคำพูดต่อไปของเจ้าคือ เจ้าคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เหมาะสม” สายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูเย็นชาลง ท่าทีของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก นอกจากนี้ เขายังดูผ่อนคลายกว่าปกติด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เขาค่อยๆ กำมือที่อยู่ใต้แขนเสื้อแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้หยกม่วงในมือแตกคาฝ่ามือของเขา
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาไม่เคยบอกตัวตนที่แท้จริงของตัวเองกับนาง
เขารู้ว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น แผนการทุกอย่างที่เขาคิดไว้อย่างระมัดระวังนั้น ก็จะต้องถูกนางมองว่าเป็นเรื่องที่วางแผนเอาไว้แล้ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดเช่นนั้นจริงๆ แต่พวกเขาได้ผ่านพิธีอภิเษกสมรสด้วยกันแล้ว และนางก็ไม่ต้องการที่จะกลับคำพูดของตัวเอง ดังนั้น นางจึงต้องรักษาระยะห่างของตนเองเอาไว้ “องค์ชาย ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสงบลง และพูดขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “รวมถึงสิ่งที่เจ้าบอกว่าข้าไม่ชอบผู้หญิง เรื่องนั้นข้าก็คิดมากเกินไปเช่นนั้นหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวแข็งเกร็ง หัวใจของนางตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ช่วยหยุดพูดถึงเรื่องนี้ได้หรือไม่!
นางเผลอพูดอะไรกับองค์ชายไปเนี่ย!
ปล่อยให้นางตายเสียเถอะ!
แน่นอนว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวมีโอกาสได้หลบหนี ก่อนจะกดหน้าผากของตนเองประกบกับหน้าผากของนาง หากเฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้น ก็จะสบกับดวงตาที่งดงามแต่ดูอันตรายของอีกฝ่าย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่ได้ยินคำพูดพวกนั้นเป็นครั้งแรก ข้ามีความคิดเช่นไร” น้ำเสียงอันสุขุมของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้นฟังดูแหบพร่าเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขากำลังยิ้ม และลมหายใจที่กระทบด้านหลังใบหูของหญิงสาวนั้น ก็ทำให้นางขนลุกไปทั้งตัว “เมื่อข้ามีโอกาส ข้าจะต้องสอนบทเรียนให้เจ้าอย่างแน่นอน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยสูดหายใจเข้า และหัวใจของนางก็เต้นผิดจังหวะ ก่อนหน้านี้ ร่างกายของนางก็รู้สึกแปลกๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าร่างกายของนางจะอ่อนไหวอย่างมาก และนางก็รู้สึกร้อนรุ่มราวกับอยู่บนเตาไฟ หญิงสาวรู้สึกอ่อนแรงและไร้กำลัง
เฮ่อเหลียนเวยเวยทำได้เพียงผลักตัวเขาออกไป!
มีบางอย่างผิดปกติ
มิเช่นนั้น ตอนที่ลมหายใจเย็นสดชื่นของชายหนุ่มกระทบกับร่างกายของนาง…
นางก็คงไม่รู้สึกว่าตัวเองอยากจะลูบแขนขององค์ชายสามเช่นนี้หรอก
มีคนวางยานางเช่นนั้นหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงมีสติสัมปชัญญะชัดเจน ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ สิ่งที่นางต้องทำก็คือหาน้ำดื่มเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายของนางลง