แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 280 ช่วยเถาจืออวิ๋น

ตอนที่ 280 ช่วยเถาจืออวิ๋น

ตอนที่ 280 ช่วยเถาจืออวิ๋น

เฉินเฟิงเอนกายลงบนโซฟาท่าทางเกียจคร้าน “ทิ้งไว้นานจนจะยึดไปเองแล้วเนี่ย”

เขาหยิบสมุดบัญชีออกมาแล้วส่งให้หลินม่าย “งั้นเงินทั้งหมดก็อยู่ในนั้น รหัสผ่านก็อยู่ในสมุด เธอเปลี่ยนรหัสเอาเองได้เลย หรือจะถอนมันออกมาก็แล้วแต่”

หลินม่ายพบว่าในนั้นมีเงินมากกว่าแปดแสน

เธอเก็บสมุดบัญชีนั้นไป กล่าวขอบคุณแล้วกลับไปด้วยท่าทางมีความสุข

เฉิงเฟิงยิ้มตามมองแผ่นหลังของหญิงสาวไป

ตอนที่เธอหันหลังเดินออกไป ชายกระโปรงของเธอก็พลิ้วสะบัดเหมือนดอกไม้บาน น่ารักดีเหลือเกิน

เหลียนเฉียวเห็นท่าทางแบบนั้นของเขาก็แอบกัดริมฝีปาก

หลินม่ายกลับบ้านไปเอาสมุดเงินฝากประจำของตัวเองออกมาแล้วไปที่ธนาคาร

เธอโอนเงินทั้งหมดที่เฉินเฟิงเอาให้เข้าบัญชีตัวเองเรียบร้อย

หลังจากนั้นก็ไปที่โรงพิมพ์ เพื่อพิมพ์ชื่อร้านลงบนผ้าเช็ดหน้า

แม้ว่าเช้านี้จะไม่เห็นว่ามีนักรณรงค์สักคนมาที่ร้านของหลินม่าย​ แต่หวังหรงก็ไม่ยอมแพ้ หล่อนไปทำงานตอนเที่ยงและจงใจเดินผ่านเพื่อลอบสังเกตว่ามีกลุ่มคนพวกนั้นมาอีกไหม

ไม่มีแต่เงาของพวกนักรณรงค์ แต่ที่หน้าร้านมีประกาศติดเพิ่มอีกใบ เป็นเอกสารรับแจ้งความในคดีหมิ่นประมาทที่หลินม่ายไปแจ้งตำรวจเมื่อวานนี้ ใบหน้าของหญิงสาวถึงกับดำคล้ำด้วยความโกรธ

ดังที่เขาว่าเรื่องฉาวมักไปเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง

เพื่อนร่วมงานของหวังหรงหลายคนได้เห็นประกาศตามหาคนในหนังสือพิมพ์ที่ฟางจั๋วหรานขอลงไว้ ข่าวฉาวก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจนรู้เรื่องนี้กันหมดทั้งแผนก

เมื่อหล่อนเข้าไปทำงาน เพื่อนร่วมงานหลายคนก็เอาประกาศนี้มาล้อเลียนอย่างซึ่งหน้า นั่นทำให้หล่อนโกรธมาก

หลังเลิกงาน หญิงสาวก็ลากตู้กวงฮุยเข้าไปในพุ่มไม้ ร้องไห้อย่างหนัก ขอให้เขาช่วยใช้กำลังกับพนักงานที่กล้าเข้ามาล้อเลียนหล่อน

ตู้กวงฮุยหรี่ตามองหวังหรง “ฉันทำเพื่อเธอมามากแล้ว จะไม่มีรางวัลหน่อยเหรอ?”

หวังหรงไม่มีทางเลือกนอกจากจูบเขาอย่างกล้ำกลืน

ตู้กวงฮุยกดหล่อนลงพื้นหญ้า “แค่จูบทีเดียวเหรอ?” หลังจากนั้นเขาก็เริ่มปล้ำจูบหล่อนอย่างรุนแรง

หวังหรงพยายามหันหน้าหลบเลี่ยงจูบของเขา “ฉันยอมให้อะไรนายทั้งหมดก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันให้ไม่ได้”

ตู้กวงฮุยใช้น้ำเสียงกดดัน “ทำไมล่ะ”

“ฉันยังแพ้ไม่หายเลย หน้าบวมขนาดนี้ ตอนหายแล้วจะได้สวย ๆ ถ้าถึงตอนนั้นอยากทำอะไรก็ได้เลย” หล่อนแสร้งเป็นเขินอาย เพื่อหยุดการกระทำของเขาเอาไว้

“ฉันไม่รังเกียจ” พูดจบเขาก็รุกล้ำหล่อนอย่างดุเดือด

ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกหลอกใช้

หลังจากได้ใช้งานเขาจนสมใจแล้ว​ ก็คงจะผลักไสเขาอย่างไม่ไยดี

ที่เขายอมถูกหลอกใช้อยู่แบบนี้จะเป็นเพราะอะไร?​ ถ้าไม่ได้อยากนอนกับหล่อน

ถึงจะต้องถูกทิ้งในอนาคตก็ไม่เป็นไร

เพราะอย่างนั้นต้องรีบจัดการรวบหัวรวบหาง ใช้เรื่องนี้ในการบังคับแต่งงานกับหล่อนให้ได้

เขาใฝ่ฝันจะแต่งงานกับหล่อนมาตลอด

หลินม่ายวางแผนจะไปหาเถาจืออวิ๋นเมื่อวานนี้ เพื่อจะเปิดรับคนเพิ่มมาช่วยทำเสื้อผ้า

แต่เพราะเมื่อวานเกิดเรื่องหลายอย่างประดังประเดเข้ามา​ ทำให้เธอยุ่งมาก​ เลยยังไม่ทันได้ไป

หลังมื้อกลางวันเธอจึงไปที่บ้านของเถาจืออวิ๋น

ทันทีที่ไปถึงห้องเช่าของเถาจืออวิ๋น หลินม่ายก็พบความผิดปกติบางอย่าง

อากาศร้อนขนาดนี้ทำไมประตูห้องถึงปิดแน่น มีคนอยู่ข้างในหรือเปล่านะ?

แล้วเสียงเหมือนคนทะเลาะกันดังมากจาข้างในมันคืออะไร?

ลางไม่ดีเริ่มปรากฏขึ้นมาในใจของหญิงสาว

เธอหาเก้าอี้หนัก ๆ ในสนามมากระแทกประตูอย่างกังวลใจ

โชคดีที่ประตูนั่นไม่ได้แข็งแรงมากนัก และหลินม่ายเคยทำงานใช้แรงมาก่อน จึงมีแรงเยอะกว่าผู้หญิงตัวเท่ากัน กระแทกเพียงสองครั้งประตูก็เปิดออก

เธอถือซากเก้าอี้วิ่งเข้าไปในห้องเช่า ตามเสียงของเถาจืออวิ๋นเข้าไป

ประตูห้องแง้มอยู่ หลินม่ายรีบเปิดในออก เห็นเถาจืออวิ๋นถูกตรึงไว้บนเตียงโดยผู้ชายสารเลวที่เธอเจอครั้งที่แล้ว

หล่อนถูกถอดกระโปรงออก สถานการณ์เลวร้ายมาก

หลินม่ายเงื้อเก้าอี้ที่หักคามือขึ้นมาฟาดที่ศีรษะของชายคนนั้น จนเขารีบหันมามองเธอ

หลินม่ายรีบฟาดซ้ำอย่างโมโห จนอีกฝ่ายหัวแตกเลือดอาบและมีเลือดกำเดาไหล

เถาจืออวิ๋นผลักร่างชายที่หมดสติไปแล้วออกไป เอาหมอนที่ปิดหน้าอยู่ออกไปด้วย

ก่อนวิ่งไปทางมุมห้องทั้งน้ำตา

ในตอนนั้นที่หลินม่ายเห็นว่าฉีฉีนอนหมดสติอยู่ตรงนั้น

เถาจืออวิ๋นอุ้มฉีฉีขึ้นมาเรียกชื่อเขาอย่างกระวนการวายแต่ไม่มีการตอบสนอง

หลินม่ายรีบเข้าไปดูอย่างรวดเร็ว หยิกเด็กน้อยอย่าแรงเพื่อเรียกสติ

เถาจืออวิ๋นร้องไห้อย่างขมขื่นอยู่ข้าง ๆ คอยบอกให้หลินม่ายอย่าทำลูกของหล่อนแรง

แต่หลินม่ายไม่ได้ฟัง

หลังจากหยิกอย่างแรงหลายครั้งเด็กน้อยก็ตื่นขึ้นมา

ฉีฉีมีสติโต้ตอบได้ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็จำแม่ตัวเองได้ เด็กน้อยขมวดคิ้วอย่างอ่อนแรง ร้องเรียกแม่ของเขา

เถาจืออวิ๋นสะอื้นรุนแรงแล้วรีบตอบลูก “แม่อยู่นี่ลูก แม่อยู่นี่”

หลินม่ายหันไปหาหล่อนแล้วรีบพูด “พี่ใส่กระโปรงเร็ว”

ในช่วงทศวรรษที่ 1980 ที่สุดแสนจะอนุรักษ์นิยม แม้แต่เหยื่ออย่างเถาจืออวิ๋นก็ต้องกลัวและรักษาท่าทางบริสุทธิ์ไว้

ถ้ามีคนมาเห็นหล่อนในสภาพถูกย่ำยี ข่าวลือไม่ดีจะแพร่กระจายไป

คนในยุคนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องพรหมจรรย์เสียเหลือเกิน

การเสียความบริสุทธิ์ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามจะถูกมองเป็นเรื่องคอขาดบาดตายทันที

เถาจืออวิ๋นรีบหยิบกระโปรงที่ตกบนพื้นขึ้นมาสวม

มือทั้งสองของหล่อนสั่นอย่างรุนแรงเพราะความหวาดกลัว

หล่อนเพิ่งสวมกระโปรงเสร็จก็มีเสียงของหญิงชราดังขึ้นที่ประตู “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ”

ทันทีหลังจากนั้นก็มีเสียงดังด้วยความประหลาดใจ “ทำไมมีผู้ชายในห้องนี้?”

หลินม่ายหันไปทางต้นเสียงแล้วเห็นว่าหม่าเถายืนอยู่กับหญิงชราที่สวมชุดแบบเก่า ทั้งสองดูคล้ายกันมาก

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางคือแม่ของหม่าเถา

หลินม่ายตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก “ตาบอดหรือไง ยังจะต้องมาถามอีก โทรหาตำรวจเร็ว”

แต่สองแม่ลูกกลับนิ่งไม่คิดจะไปแจ้งตำรวจ

หญิงชราเห็นหญิงแปลกหน้าในบ้านก็ตะโกนใส่เธอ “นี่เธอเป็นใคร ออกไปเดี๋ยวนี้”

หลินม่ายรีบสวนกลับ “คุณเป็นแค่ผู้เช่า มีสิทธิ์ไล่ฉันออกไปเหรอ”

ยายคนนั้นกำลังอ้าปากจะเถียงกับหลินม่ายแต่ถูกลูกชายห้ามไว้ “แม่ หยุดเถอะ”

หล่อนจึงหุบปากลงอย่างไม่พอใจ

หม่าเถาเดินเข้ามาหาเถาจืออวิ๋น มองไปยังฉีฉีที่อ่อนแรงอยู่ในอ้อมแขนของเธอ แล้วถามอย่างกังวล “เสียตัวให้มันไปหรือเปล่า?”

เถาจืออวิ๋นมองไปที่ชายคนนั้นด้วยความเศร้าและโกรธแค้น ยิ่งมองมากเท่าไรก็ยิ่งเศร้ามากขึ้นเท่านั้น

สองแม่ลูกเจอเรื่องเลวร้าย อย่างแรกที่เขาอยากรู้กลับไม่ใช่ความปลอดภัยของทั้งสอง กลับสนใจเรื่องความบริสุทธิ์ของหล่อนแทน

หล่อนหลงรักผู้ชายสมองมันหมูคนนี้ไปได้ยังไงกัน ตอนนี้เขาเป็นเพียงคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้นเอง

“ฉันเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ฉันโดนไอ้สารเลวนี่จับกดแล้ว​ ฉันมันโสโครก เราหย่ากันเถอะ!”

ใบหน้าของหม่าเถาแปรเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อภรรยา ราวกับว่าหล่อนเป็นขยะ และยังถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

แม่หม่าโกรธจัดตรงเข้ามาตบลูกสะใภ้ “นังแพศยา บังอาจมาทำลูกชายฉันเสียหาย ฉันจะทุบเธอให้ตาย”

หลินม่ายตรงเข้ามาผลักนางออกไป “ถ้าลูกชายคุณไม่ยึดบ้านพี่จืออวิ๋นไป ปล่อยให้แม่ลูกไม่มีที่อาศัย จะต้องมาเช่าบ้านอยู่แบบนี้ไหม? เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไงถ้ายังอยู่ที่บ้าน​ ลูกชายคุณนั่นแหละที่สารเลว ยังจะกล้ามาตีคนอื่น ไปตีลูกตัวเองสิยะ!”

…………………………………………………

สารจาก​ผู้แปล​

นังหรงไม่รอดแล้วมั้ง​ เสียหมดแม้กระทั่งตัว

อ่านแล้วหัวจะปวดกับครอบครัวจืออวิ๋น​ หย่ากับหลัวเลวๆ​ นี่ไปเหอะ​ เมียโดนข่มขืนแทนที่จะปลอบหรือทวงความยุติธรรม​ให้​ กลับรังเกียจเมียซะงั้น​ นี่แหละหนาความเลวร้ายของปิตาธิปไตย

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท