ไม่รู้ว่าเขาต้องการทำสิ่งใดอีก แต่เฉินตันจูไม่ได้เกรงกลัวเท่าใดนัก
หนึ่งโจวเสวียนไม่มีทางสังหารนาง อีกทั้งไม่มีทางทำร้ายนาง เขาเป็นปรปักษ์กับนาง เพียงแค่ในสายตาของคนทั่วไป ในฐานะของบุตรชายของโจวชิง เขาสมควรจะเป็นศัตรูกับบุตรสาวของขุนนางของท่านอ๋อง
งานเลี้ยงใหญ่ในวันนี้ ไม่รู้เขาต้องการเล่นบทไหนกับนางอีก ชนมุม? ขี่ม้า? หรือยิงธนู
“ได้” เฉินตันจูไม่สนใจ “ดูสิ่งใด”
โจวเสวียนเห็นนางรับปาก เขายิ้มพลางส่ายหัว “ตามข้ามา”
เขาเดินนำไปก่อน ข้างตัวไม่มีผู้ติดตาม ชิงเฟิงผู้เป็นองครักษ์ที่พูดเจื้อยแจ้วไม่รู้ถูกส่งไปประจำการยังที่ใด
เฉินตันจูให้อาเถียนไปบอกกล่าวองค์หญิงจินเหยา อาเถียนวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว นางเดินตามอยู่ด้านหลังโจวเสวียนอย่างเชื่องช้า ไม่นานนักอาเถียนก็วิ่งกลับมา
“องค์หญิงตรัสว่าอย่าได้ทะเลาะกับโจวเสวียน” นางกระซิบข้างหูของเฉินตันจู “มีเรื่องใดให้รีบวิ่งหนี”
เฉินตันจูตอบรับด้วยเสียงหัวเราะ อาจเป็นเพราะได้ยินเสียงนางหัวเราะ โจวเสวียนที่อยู่ด้านหน้าหันหลังกลับมามอง
“ไปหรือไม่” เขาพูด “เดินเร็วหน่อย ข้ายังมีเรื่องต้องทำ”
เฉินตันจูเบะปาก ก่อนจะรีบเดิน เมื่อดูจากด้านหลัง เสือร้ายที่ปักอยู่บนชุดของโจวเสวียนคดเคี้ยว หางเสือลากยาวตั้งแต่หัวไหล่ถึงเอว ทั้งสง่าและมีชีวิตชีวา เหมือนดั่งผู้สวมใส่ ส่ายไปส่ายมาขณะเดิน นางอดหัวเราะอีกครั้งไม่ได้
ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราวของหญิงสาว โจวเสวียนที่เดินไขว้มือไว้ด้านหลังอยู่ด้านหน้าก็อดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะกระแอมไอหันหลังกลับไปมอง “มีสิ่งใดน่าขันกัน”
เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้สึกน่าขันก็หัวเราะ ท่านสนใจอันใด”
โจวเสวียนส่งเสียงไม่พอใจ
ทั้งสองคนเดินออกจากสถานที่อันคึกคักอย่างรวดเร็ว เดินผ่านทางเดินที่คดเคี้ยวหลายแห่ง เดินอ้อมบ่อน้ำบ่อหนึ่ง เดินผ่านทางเดินขนาดเล็กที่ปูด้วยหินกรวด…
ต้นแปะก๊วยที่กำลังจะออกดอกบดบังอยู่ด้านหน้าของเฉินตันจู เฉินตันจูหยุดชะงักลง มองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ด้านหน้า “นี่”
โจวเสวียนหันหน้ากลับมา มองหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังผ่านต้นแปะก๊วย “เป็นอันใดอีก”
เฉินตันจูมองชายหนุ่มผมดำขลับที่อยู่ด้านหลังต้นแปะก๊วย ยื่นมือจับกิ่งไม้ออก “ข้าต้องถามท่านมากกว่า ท่านต้องการให้ข้าดูสิ่งใดกันแน่ เดินเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”
โจวเสวียนพูด “ดูอยู่แล้ว ทั้งทางล้วนใช่”
เฉินตันจูผงะ ทั้งทาง ดูหรือ? นางอดมองไปรอบด้านไม่ได้…
“ท่านจำไม่ได้ว่าที่นี่คือที่ใด?” โจวเสวียนถาม
นางหรือ นางจำไม่ได้เสียจริง เฉินตันจูมองอยู่สักพัก ความทรงจำที่ผ่านมานานเริ่มฟื้นคืน ทิวทัศน์ด้านหน้าทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกตา บริเวณแห่งนี้เป็นสวนดอกไม้ขนาดเล็กของตระกูลเฉิน ตอนที่ท่านพี่ยังไม่แต่งงาน นางพักอยู่ทางนี้
นางเงยหน้ามองผ่านดอกแปะก๊วยไปยังกำแพงดอกไม้ ด้านหลังกำแพงดอกไม้เป็นเรือนเล็กแห่งหนึ่ง...
นางเดินขึ้นหน้า โจวเสวียนยกก้านต้นแปะก๊วยขึ้น ไม่ได้กีดกันหญิงสาวแม้แต่น้อย มีเพียงดอกไม้ที่ยังไม่ผลิบานหลายดอกร่วงหล่นบนผมของนาง
เฉินตันจูเดินไปด้านหน้าอย่างไม่รู้สึกตัว เมื่อยืนอยู่ด้านหน้าประตูบริเวณกำแพงดอกไม้ มองไปยังเรือนด้านหน้า ราวกับยังเห็นสาวรับใช้เดินไปมาอยู่ภายใน มองผ่านม่านประตู ท่านพี่กำลังดูแลบัญชีของตระกูลอยู่ภายใน…
เอ๊ะ ไม่ใช่ภาพลวงทั้งหมด ทางเรือนฝั่งนี้ยังมีสาวรับใช้สองคนกำลังตกแต่งกิ่งไม้ เก็บกวาดทำความสะอาดอยู่จริง เมื่อเห็นเฉินตันจูที่ยืนอยู่หน้าประตู พวกนางต่างผงะ ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างดีใจ “คุณหนูรอง”
เฉินตันจูผงะ อาเถียนที่อยู่ด้านหลังตะโกนชื่อของสาวรับใช้ทั้งสองออกมาด้วยควมตกตะลึง “พวกเจ้ากลับมาได้อย่างไร”
ตอนที่เฉินเลี่ยหู่จากไป บ่าวรับใช้ส่วนใหญ่ถูกส่งออกจากจวน สาวรับใช้สองคนนี้ก็รวมอยู่ด้วย
“พวกข้าถูกท่านมหาราชครูปลดปล่อย ไม่รู้ว่าควรไปที่ใด จึงหาเลี้ยงชีพอยู่ภายในเมือง” สาวรับใช้ทั้งสองพูดด้วยความตื่นเต้น “ต่อมาท่านโหวจึงซื้อพวกข้ากลับมา”
ถึงแม้จวนเก่าจะเปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้ว แต่พวกนางยังคงรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด เวลานี้ได้พบกับคุณหนูรองอีกครั้ง
อาเถียนตื่นเต้นอย่างประหลาดเช่นเดียวกัน “นอกจากพวกเจ้ายังมีคนอื่นอีกหรือไม่”
สาวรับใช้ทั้งสองมองโจวเสวียน ก่อนจะพยักหน้าอย่างกลัวๆ เล็กน้อย “ส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองล้วนกลับมา”
เฉินตันจูสงบอารมณ์ เดินผ่านสาวรับใช้มองเข้าไปในเรือน แต่ท่านพี่คงไม่กลับมาแล้ว นางยิ้ม ก่อนจะหันหลังเดินจากมา
อาเถียนรีบเก็บความตื่นเต้นเดินตามไป สาวรับใช้ทั้งสองมองหญิงสาวที่เดินจากไปอย่างกังวล…จะว่าไป หลายวันนี้พวกนางต่างได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูรอง รู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง
โจวเสวียนเดินตามพร้อมเรียกขาน “เดินเร็วขนาดนั้นเพื่ออันใด ไม่งดงามหรือ”
เฉินตันจูหันกลับมายิ้มให้เขา “งดงามมาก ดังนั้นข้าจะไปดูเรือนของข้า”
ภายในดวงตาของโจวเสวียนลุกวาวไปด้วยรอยยิ้ม ย่างก้าวอย่างอารมณ์ดี “ต้องดูให้ดี”
ไม่ต้องให้เขาเดินนำอยู่ด้านหน้า เฉินตันจูเดินมายังเรือนหลังหนึ่งด้วยความเคยชิน ในเรือนหลังนี้ก็มีสาวรับใช้ยืนอยู่ อาเถียนเรียกขานชื่อพวกนางออกมาอีกครั้ง มองดูเหล่าสาวรับใช้ที่ล้อมเข้ามา เฉินตันจูไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใดไปชั่วขณะ
จนกระทั่งมือหนึ่งจิ้มลงบนหัวของนาง…
“ทำอันใด” เฉินตันจูหันมาถลึงตา
โจวเสวียนยืนอยู่ด้านหลังของนาง ยกมือออกจากหัวของนาง ในมือหยิบดอกไม้หนึ่งดอก ส่งมาด้านหน้าของนาง “คุณหนูตันจู บนหัวท่านมีหนอน”
เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจ “เหตุใดท่านจึงใช้สาวรับใช้ของตระกูลข้า”
โจวเสวียนส่งเสียงไม่พอใจกลับ “ตระกูลท่านอันใด ที่นี่คือจวนของข้า”
เฉินตันจูถลึงตาใส่เขา
โจวเสวียนเชิดคางชี้ไปยังเรือนหลังนี้ “เป็นอย่างไร ข้าตกแต่งได้ไม่เลวใช่หรือไม่ เวลานี้เรือนหลังนี้เป็นของข้า”
เฉินตันจูส่งเสียงฮึ “ช้าเร็วต้องเป็นของข้า”
โจวเสวียนหัวเราะร่า “หรือไม่ คุณหนูตันจูเข้ามาบัดนี้”
พูดอะไรกัน เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจ ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังสนทนา มีคน…ชิงเฟิงวิ่งเข้ามา “คุณชาย…”
เขาวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาดูพร่ามัว
“คุณชาย แย่แล้ว องค์ชายสามเกิดเรื่องแล้ว”
เฉินตันจูรู้สึกเพียงหูอื้อ นางเบียดโจวเสวียนออกมา ก่อนจะจับชิงเฟิงเอาไว้ ตะโกน “เกิดเรื่องใดขึ้น”
ชิงเฟิงพูด “คุณหนูตันจู ท่านอยู่ตรงนี้หรือ ข้ายังบอกว่าไม่เห็นท่าน ท่านอย่ารีบ…”
เฉินตันจูเขย่าตัวเขา “รีบพูด!”
“องค์ชายสามอาการกำเริบ…” ชิงเฟิงพูด “แต่ก็มีคนบอกว่า…”
เขายังพูดไม่ทันจบ เฉินตันจูสะบัดเขาออก วิ่งไปด้านหน้า พลางตะโกนเรียกจู๋หลิน “องค์ชายสามอยู่ที่ใด”
ร่างของจู๋หลินโผล่มาจากด้านข้าง เดินนำอยู่ด้านหน้าของนาง ในไม่ช้า พวกนางเดินมาถึงสวนดอกไม้ บริเวณแห่งนี้จัดตั้งหอหกเหลี่ยมเอาไว้ จัดวางเก้าอี้และโต๊ะสำหรับงานเลี้ยง บนโต๊ะกระจัดกระจายไปด้วยพิณ หมาก ตำรา และภาพวาดต่างๆ อีกทั้งยังมีนักแสดงเครื่องดนตรีที่กอดเครื่องดนตรีเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ แต่เวลานี้ความเริงรมย์ไม่อยู่แล้ว องครักษ์หลวงหลั่งไหลเข้ามา กีดกันทุกคนไว้ด้านหลัง เสียงดังโหวกเหวก…
ตอนที่เฉินตันจูมาถึง นางมองไม่เห็นร่างขององค์ชายสาม องครักษ์หลวงห้ามนางเอาไว้
“ข้าคือเฉินตันจู” นางตะโกนเสียงดังด้วยความร้อนใจ
เหล่าองครักษ์หลวงไม่กล้าหลีกทาง เฉินตันจูกระทืบเท้า “จู๋หลิน…”
เสียงตะโกนยังไม่ทันสิ้นสุด นางก็ถูกโจวเสวียนจับเอาไว้จากด้านหลัง “ท่านทำอันใด อย่าวิ่ง”
มือของเขาดุจดั่งโซ่เหล็ก เฉินตันจูไม่อาจขยับได้ในทันใด นางโกรธจนตะโกนเสียงดัง “ท่านทำอันใด องค์ชายสามเกิดเรื่องแล้ว ยังไม่รีบเข้าไปอีก”
โจวเสวียนพูด “ข้าย่อมต้องเข้าไป แต่ท่านอย่าเข้าไป”
เฉินตันจูพูด “ข้าเป็นไต้ฟู! ข้ารักษาได้”
โจวเสวียนดึงนางเข้ามากระซิบเสียงต่ำ “องค์ชายสามไม่ได้อาการกำเริบ แต่ถูกวางยาพิษ”
ถูกวางยาพิษ? เฉินตันจูผงะ
“ท่านฟังชิงเฟิงไม่จบ” โจวเสวียนพูด สีหน้าเคร่งเครียด “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ท่านไม่ต้องเข้าไป”
องค์ชายถูกวางยาพิษในงานเลี้ยง คนที่เกี่ยวข้องย่อมมีบริเวณกว้าง
เฉินตันจูย่อมรู้เหตุผลนี้ แต่นางจับชายเสื้อของโจวเสวียนเอาไว้ ลากเขาเข้าใกล้ แทบจะประชิดกับใบหน้าของเขา พูดเสียงกระซิบ “ท่านรีบพาข้าเข้าไป ข้าถอนพิษได้ ข้าเก่งเรื่องนี้ที่สุด…”
โจวเสวียนมองใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม จับนางเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิม ขมวดคิ้ว “อย่าเหลวไหล คนอื่นเข้าไปไม่เป็นไร คนที่ต้องการให้ท่านตายกำลังหาโอกาส”
เฉินตันจูแทบจะถูกกอดเอาไว้ในอ้อมอก นางเอื้อมมือไปหยิกหูเขาด้วยความโกรธ “ท่านทำให้ข้าโกรธจนอกแทบแตก ท่านรีบปล่อยข้า…”
นางยังพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านใน “เหนียงเหนียงอย่าทรงร้อนพระทัย ให้หม่อมฉันลองดู…”
เสียงนี้สดใสดุจดั่งนกน้อย ปกคลุมเสียงโหวกเหวก
“เจ้าเป็นผู้ใด” เสียงของพระสนมเสียนดังขึ้น
หญิงสาวนั้นไม่ได้ตอบ หากแต่มีเสียงชายหนุ่มดังขึ้น “เหนียงเหนียง นางเป็นบุตรสาวในตระกูลของเสด็จย่าของกระหม่อม ตระกูลหนิงของเสด็จย่าของกระหม่อมคือตระกูลซิ่งหลินแห่งเมืองฉี ชำนาญด้านการแพทย์ที่สุด”
เมืองฉี องค์รัชทายาทท่านอ๋องฉี สาวรับใช้ วิชาการแพทย์ การรักษา
หญิงสาวที่ดิ้นรนดุจหมาป่าตัวน้อยในอ้อมกอดของโจวเสวียนหยุดนิ่งไปทันที เขาก้มหน้า เห็นเฉินตันจูเบนหน้าไปมองทางนั้น สีหน้าประหลาดใจ
หญิงสาวเมืองฉี…นางมาแล้ว