เฉินตันจูไม่รู้ว่าหญิงสาวเมืองฉีมาถึงข้างกายองค์ชายสามในเวลาใดเมื่ออดีตชาติ
เดิมทีนางคิดว่าตนเองมาถึงข้างกายขององค์ชายสามก่อน หญิงสาวเมืองฉีจะไม่ปรากฏตัว
ไม่คิดว่า หญิงสาวเมืองฉียังคงเดินทางมาถึง อีกทั้งยังเป็นเวลาที่องค์ชายสามประสบกับอันตราย!
“เจ้ารีบปล่อยข้า!” เฉินตันจูแทบจะกระโดดขึ้นมา
โจวเสวียนเกือบจะปล่อยเฉินตันจูหลุดมือ ทางด้านจู๋หลินพุ่งตัวเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน
“องค์ชายถูกวางยาพิษ ไม่ใช่เรื่องเล็ก” โจวเสวียนพูดเสียงต่ำ มือหนึ่งจับคนที่ดิ้นรนในอ้อมกอดแน่น อีกมือชี้ไปยังองครักษ์หลวงที่กีดกันคนอื่น ก่อนจะพูดกับจู๋หลิน “ถึงข้าจะปล่อยนาง เจ้าจะบุกเข้าไปได้หรือ เวลานี้เจ้าพานางฝ่าองครักษ์หลวงเข้าไป จะมีผลอย่างไร เจ้าเป็นองครักษ์ของฝ่าบาท เจ้าไม่รู้หรือ”
ฝีเท้าของจู๋หลินชะงักลง นอกจากบริเวณนี้ยังมีองครักษ์หลวงล้อมรอบอีกชั้น พวกเขาล้อมรอบฝูงคนทีละชั้น นอกจากที่สามารถมองเห็นได้ จู๋หลินรู้ดีแก่ใจ ทั้งจวนโหวต่างถูกองครักษ์หลวงล้อมรอบเอาไว้แล้ว
ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าหวังจะฝ่าออกไป ไม่ว่าผู้ใดอย่าคิดจะกระทำการผิดปกติ มิฉะนั้นอาจถูกประหารได้
เรื่องนี้เป็นคดีใส่ร้ายองค์ชายอันใหญ่หลวง
เฉินตันจูยกมือขึ้นข่วนหน้าโจวเสวียนด้วยความโกรธ “ข้าถอนพิษได้ ข้าจะช่วยชีวิตเขา!”
กรงเล็บที่คมเหมือนแมวน้อย โจวเสวียนก็ไม่ได้หลบหลีก ปล่อยให้นางทิ้งรอยเล็บสองรอยไว้ข้างแก้ม ยังดีที่เฉินตันจูไม่ไว้เล็บยาวเพราะการรักษา ร่องรอยจึงไม่น่ากลัวนัก
“ถอนพิษไม่ได้เจ้าก็ทิ้งชีวิตของตนเองด้วย” โจวเสวียนพูดเสียงต่ำ
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังดึงทึ้งกัน ด้านในมีเสียงดีใจดังขึ้น “องค์ชายสามทรงฟื้นแล้ว!”
เฉินตันจูหยุดดิ้นทันที หันหน้ามองไปยังด้านใน เพียงแต่เงาคนด้านในมีจำนวนมาก ทำให้มองไม่เห็น แต่สามารถได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจ
“หมอหลวง…”
“ตื่นแล้ว…”
“พี่สาม…”
“กลับวังได้หรือไม่”
“เหนียงเหนียง องค์ชายไม่เป็นอันใดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“กลับวังบัดนี้…”
“ข้าอยู่…”
“เจ้าตามพวกข้ากลับวัง”
ภายใต้เสียงคนที่โหวกเหวก องครักษ์หลวงเปิดทางออก โจวเสวียนที่กอดเฉินตันจูยืนอยู่ในกลุ่มคนถอยออกไปยังสองฝั่ง มองดูองครักษ์หลวงเจ็ดแปดคนแบกเกี้ยวเดินออกมาอย่างรีบร้อน พระสนมเสียนเดินตามอยู่ด้านข้าง
เฉินตันจูจะพุ่งเข้าไป แต่โจวเสวียนดึงนางเอาไว้อีกครั้ง
บนเกี้ยวเปิดม่านขึ้น องค์ชายสามนอนอยู่ภายใน เฉินตันจูเห็นเพียงเสื้อของเขา
“ทุกคนอยู่ที่เดิม” หัวหน้าองครักษ์พูดขึ้นเสียงดัง “มิอาจจากไปโดยพลการ”
พระสนมเสียนเรียกขานขึ้น “อาเสวียน…”
โจวเสวียนมือหนึ่งจับเฉินตันจูเอาไว้ ยืนตอบรับเสียงดังอยู่ที่เดิม “เหนียงเหนียงวางใจ ที่นี่มีกระหม่อมอยู่”
พระสนมเสียนได้ยินจึงไม่พูดสิ่งใดอีก พาทุกคนจากไปอย่างรวดเร็ว องค์ชาย องค์หญิง พระชายาองค์รัชทายาทอุ้มบุตรจากไปด้วยสีหน้าตึงเครียด
เฉินตันจูยืนเขย่งเท้าอยู่ด้านหลังโจวเสวียน เห็นอีกด้านของเกี้ยว มีหญิงสาวรูปร่างสูงผอมพยุงเกี้ยวเดินตาม เพียงชั่วพริบตาก็ถูกเงาคนบดบังจนมองไม่เห็น
งานเลี้ยงสิ้นสุดลงอย่างบังเอิญ
ถึงแม้จะบอกว่าองค์ชายสามอาการเก่ากำเริบ พระสนมเสียนให้ทุกคนสนุกกันต่อ แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ใช่คนโง่เขลา ดังนั้นพวกเขาต่างรู้ว่าการที่ให้ดำเนินงานเลี้ยงต่อนั้น เพียงแค่ไม่ให้พวกเขาจากไปเท่านั้น
อาการเก่าขององค์ชายสามกำเริบขึ้นมาอย่างกะทันหันย่อมมีปัญหา
ทุกคนยังคงอยู่ในจวนท่านโหว บ้างนั่งบ้างยืน สีหน้ากังวล ตระหนก และสงสัยแตกต่างกันไป
เฉินตันจูถูกโจวเสวียนลากเข้าห้องโถง ผู้ที่เดินตามมายังมีหลิวเวย
องค์หญิงจินเหยาก่อนหน้านี้พาหลิวเวยมาฟังพิณ ดังนั้นนางจึงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง องค์หญิงจินเหยากลับวังแล้ว แต่ยังเหลือหลิวเวยเอาไว้
“องค์หญิงรู้ว่าเจ้ากังวล” หลิวเวยพูด เสียงของนางสั่นเทา ชาตินี้ไม่คิดว่าจะได้ประสบกับเรื่องแบบนี้ อีกทั้งยังรู้เรื่องที่ผู้อื่นไม่รู้ หากเปลี่ยนเป็นนางแต่ก่อน เวลานี้คงอาจจะกลัวจนเป็นลมไปแล้วกระมัง แต่เวลานี้นางยังสามารถยืนอยู่ตรงนี้ เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีลางสังหรณ์อันใดมาก่อน เพียงแค่เหล่าองค์ชายรวมตัวอยู่ด้วยกัน ดีดพิณสนทนากัน องค์ชายสามยังลงมือดีดพิณด้วยตนเอง จากนั้นดื่มชาไม่กี่คำ กินขนมไม่กี่ชิ้น ก่อนจะล้มลงอย่างกะทันหัน…
“ตอนนั้น สัมผัสลมหายใจ หรือชีพจรก็แทบจะไม่มีแล้ว” หลิวเวยพูดเสียงต่ำ
เฉินตันจูกุมหน้าอกล้มนั่งลงบนเก้าอี้
“หมอหลวง…” หลิวเวยพูดต่อ “หมอหลวงรักษาแล้ว แต่องค์ชายไม่ดีขึ้นเลย ยังดีที่สาวรับใช้ขององค์รัชทายาทท่านอ๋องฉีเก่งกาจ ใช้เข็มทองจิ้มลงไปยังหว่างคิ้วและนิ้วมือขององค์ชายสาม บีบเลือดดำออกมามากมาย องค์ชายจึงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา…”
เฉินตันจูไม่พูดสิ่งใด อืม วิธีนี้เป็นการถอนพิษวิธีหนึ่ง หากนางอยู่ในเหตุการณ์ ย่อมทำเช่นนี้ ไม่ หากนางอยู่ในเหตุการณ์ หากตอนนั้นอยู่ข้างตัวองค์ชายสาม สิ่งที่เขากินดื่ม นางย่อมต้องดูก่อน…
“ชาและขนมเหล่านั้นเก็บให้ดีแล้วหรือไม่” โจวเสวียนถามผู้ติดตามข้างตัว
ผู้ติดตามตอบรับ “พระสนมเสียนนำไปด้วยแล้วขอรับ”
บ่าวรับใช้ที่จัดเตรียมงานเลี้ยงล้วนมาจากสำนักพระราชวัง ไม่เกี่ยวข้องกับคนในจวนโหว พวกเขาต่างถูกพาตัวจากไป
หลิวเวยจับมือของเฉินตันจู ถามเสียงเบา “องค์ชายไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
เฉินตันจูจับมือของนาง ยิ้มให้นาง “ไม่เป็นอันใด”
เมื่ออดีตชาติ องค์ชายสามมีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน อย่างน้อยตอนที่นางตาย เขายังมีชีวิตอยู่ ชาตินี้นางยังไม่ตาย เขาย่อมไม่เป็นอันใด
หลิวเวยตกใจจนอ่อนเพลีย เวลานี้ภายในพระราชวังยังไม่มีข่าว ผู้ใดก็จากไปไม่ได้ เฉินตันจูจึงให้อาเถียนพาหลิวเวยไปพักผ่อน
หลิวเวยไม่ได้ปฏิเสธ เดินตามอาเถียนเข้าไปด้านใน
โจวเสวียนยืนอยู่ทางหน้าประตูกำชับเหล่าผู้ติดตาม เขายืนไขว้มืออยู่ด้านหลัง หลังตรงแต่ผ่อนคลาย มองไม่ออกว่ามีสิ่งใดเป็นกังวล ผู้ติดตามรับคำสั่งก่อนจากไป เฉินตันจูนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองไปมองมาความโกรธก็ผุดขึ้นจากในใจ นางลุกขึ้นมาแล้วพุ่งตัวเข้าไป เล็งตรงกลางหลังของโจวเสวียน ยกเท้าขึ้นมาทำท่าจะถีบ…
โจวเสวียนย่อมสัมผัสได้ถึงการจู่โจมของหญิงสาวด้านหลัง เขาไม่หันหลังกลับมา เพียงแต่เอี้ยวตัวหลบ ยื่นมือจับขาของเฉินตันจูเอาไว้…
เฉินตันจูไม่ได้ถูกสะบัดออก เพราะว่าโจวเสวียนใช้มืออีกข้างพยุงหลังของนางเอาไว้
“เป็นบ้าอันใด!” โจวเสวียนขมวดคิ้ว “เวลานี้จะมีเรื่องกับข้า?”
“เป็นเพราะท่าน!” เฉินตันจูไม่สนใจว่าตนเองถูกเขาพยุงเอาไว้ ยกมือขึ้นตีเขาทันที “เป็นเพราะท่าน เป็นเพราะท่าน!”
“เป็นเพราะข้าอันใด” โจวเสวียนตะโกนด้วยความขุ่นเคือง หัวเราะเสียงเย็น “เพราะข้าทำให้ท่านไม่อาจเฝ้าอยู่ข้างกายองค์ชายสาม เข้าใกล้องค์ชายสามหรือ”
เฉินตันจูโกรธจนตะโกนเสียงดัง “ใช่! เพราะท่านทำลายเรื่องของข้า มิฉะนั้นข้าคงได้ช่วยองค์ชายสามแล้ว”
เมื่อเห็นหญิงสาวพูดอย่างชัดเจนเช่นนี้ โจวเสวียนปล่อยมือออก เฉินตันจูล้มลงกับพื้นพร้อมร้องเสียงหลง
“ท่านฝันไปเถิด” โจวเสวียนหัวเราะเสียงเย็น “ท่านอย่าหวังจะเกาะองค์ชายสามเลย”
เฉินตันจูลุกขึ้นมา ยกขาถีบเขา “โจวเสวียนท่านก็อย่าฝัน ท่านอย่าคิดจะได้เกาะองค์หญิงจินเหยา!”
โจวเสวียนปล่อยให้ขาของหญิงสาวถีบเข้าที่ขา เมื่อได้ยินจึงหัวเราะร่า “อันใด ข้าเกาะจินเหยาเมื่อใดกัน”
เฉินตันจูเงยหน้ามองเขาด้วยความโกรธ “อย่างไรท่านก็อย่าหวัง องค์หญิงจินเหยาไม่ชอบท่านหรอก”
โจวเสวียนนั่งยองลง สบตากับนาง พูดกลั้วหัวเราะ “ข้าก็ไม่ชอบนาง”
ไม่ชอบ? เฉินตันจูหัวเราะเย้ยหยัน “ท่านสาบานมาว่าจะไม่แต่งงานกับองค์หญิงจินเหยา!”
โจวเสวียนมองดวงตาดุจดั่งดวงดาวของหญิงสาวตรงหน้า ยื่นมือกุมไว้ที่หน้าอก พูดอย่างจริงจัง “ข้าใช้ชื่อของท่านพ่อข้าสาบาน ข้าโจวเสวียนจะไม่แต่งงานกับองค์หญิงจินเหยาในชาตินี้”
ใช้ชื่อของบิดา เฉินตันจูหยุดยิ้มเย้ยหยันลง คำสาบานนี้เป็นคำสาบานที่หนักแน่นอย่างมาก…
มองท่าทางผงะของเฉินตันจู โจวเสวียนเปล่งยิ้มขึ้นอย่างช้าๆ “คุณหนูตันจู เช่นนี้ ท่านวางใจแล้วใช่หรือไม่”
เขายื่นมือออกมาข้างหนึ่ง จับมือของเฉินตันจูเอาไว้
นางวางใจ? นางวางใจ แต่ มีสิ่งใดไม่ถูกต้องหรือไม่ เฉินตันจูรู้สึกมีเสียงอื้อในหัว นางถลึงตาก่อนจะยกเท้าถีบเข้าไป…
ครานี้โจวเสวียนไม่ทันได้ตั้งตัว ล้มไปด้านหลังนั่งลงกับพื้น