มหาเทพ เทพสูงสุด
แค่ชื่อตำแหน่งก็ฟังดูเบียวสุดๆ
แต่นักอ่านที่ชื่นชอบนิยายแฟนตาซี ก็ต่างมีความเบียวในตัวเองกันทั้งนั้น
ชื่ออย่างเป็นทางการในการคัดเลือกนี้ น่าจะนับว่าเหมาะกับนักอ่านรุ่นเยาว์ที่ชื่นชอบนิยายประเภทนี้
ถึงอย่างไรทุกคนยังเรียกนักเขียนที่ตนชื่นชอบว่า ‘มหาเทพ’ อยู่ดี
ยังมีคำเรียกว่า ‘เจ้าแก่’
แต่คำเรียกนี้มีจำนวนน้อย
มีเพียงบรรดานักเขียนที่ทำให้ผู้อ่านทั้งรักทั้งเกลียด ถึงจะถูกผู้อ่านเรียกว่าเจ้าแก่
ถ้าหากมีการคัดเลือกตำแหน่ง ‘เจ้าแก่’ นักเขียนซึ่งเขียนให้ปี้เหยาตายอย่างฉู่ขวงเห็นทีคงจะติดอันดับอย่างไม่ต้องสงสัย
เดิมทีหลินเยวียนไม่ได้สนใจชื่อเรียกเหล่านี้หรอก…
จนกระทั่งเขารู้ว่า ‘เทพสูงสุด’ จะทำให้เขาได้เงื่อนไขในสัญญาที่ดีกว่าเดิม
ชั่วขณะนั้นในใจของหลินเยวียนโหยหาสิ่งที่เรียกว่า ‘เทพสูงสุด’ เฉกเช่นเดียวกับที่เขาคาดหวังว่าตนจะเป็น ‘พ่อเพลง’ ให้ได้
เมื่อเทียบกันแล้ว การคัดเลือกในวงการเรื่องสั้น นอกจากชื่อเสียงในทางที่ดี ในความจริงแล้วไม่มีข้อดีอื่นเลยหรือ?
แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังมีข้อดีอยู่บ้าง
หากเอ่ยถึงเรื่องรายได้เพียงอย่างเดียว นิยายขนาดยาวได้เปรียบเรื่องสั้นนั้นเป็นความจริง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หลินเยวียนยังไม่ยอมวางมือจากการเขียนนิยายขนาดยาว
ช่วงเวลาหลังจากนั้น หลินเยวียนก็ให้ความสนใจกับการคัดเลือกไปโดยปริยาย
หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ซึ่งคัดเลือกนักเขียนเรื่องสั้นฝั่งฉินและฉีก่อนหน้านี้ จัดเป็นหน่วยงานในสังกัด และเป็นหนังสือพิมพ์ในเครือสมาคมวรรณศิลป์
การคัดเลือกเรื่องสั้นมีหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์เป็นผู้รับผิดชอบ
การคัดเลือกนิยายขนาดยาว กลับดำเนินการโดยสำนักงานใหญ่สมาคมวรรณศิลป์ นอกจากนั้นก็ยังเตรียมการมาสักระยะแล้ว ไม่เช่นนั้นโลกภายนอกคงไม่รู้เรื่องล่วงหน้าหรอก
และผู้ที่อยู่ในหลากหลายวงการมากเกินไปอย่างหลินเยวียนก็ไม่ค่อยรู้ข้อมูลใหม่ของบางวงการ
ครั้นถึงช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
ในที่สุดการคัดเลือกมหาเทพและเทพสูงสุดก็เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมออกมา
สมาคมวรรณศิลป์เผยแพร่บทความในหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ ‘นับแต่นี้ การคัดเลือกจะจัดขึ้นปีละหนึ่งครั้ง เพราะฉะนั้นจะมีมหาเทพและเทพสูงสุดถือกำเนิดขึ้นทุกปี ส่วนจำนวนโดยละเอียดนั้นยังรอการยืนยัน ทว่าจำนวนคนของการคัดเลือกในครั้งแรกนั้นได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อย พวกเราจะคัดเลือกนักเขียนนิยายแฟนตาซีระดับมหาเทพสิบท่าน และระดับเทพสูงสุดอีกสามท่านด้วยความยุติธรรมและเปิดเผย…’
เป็นดังคาด
โควตาของเทพสูงสุดซึ่งมีความยากระดับยิ่งยวดนั้นมีเพียงสามตำแหน่ง เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะมอบให้นักเขียนนิยายแฟนตาซีระดับสูงซึ่งมีชื่อเสียงมาหลายปีและมีผลงานคงเส้นคงวามาโดยตลอด!
ส่วนมหาเทพนั้นมีมากสักหน่อย มีถึงสิบตำแหน่งถ้วน
มิน่าล่ะคลังหนังสือซิลเวอร์บลูถึงคิดว่าฉู่ขวงสามารถคว้าตำแหน่งมหาเทพได้
ถึงแม้จะเปิดตัวค่อนข้างช้า แต่อิทธิพลของฉู่ขวงกลับไม่ใช่สิ่งที่นักเขียนนิยายทั่วไปสามารถเทียบได้!
ถึงขั้นที่มีบุคลากรในวงการไม่น้อยที่เริ่มคาดการณ์กันไปบ้างแล้ว
การจัดอันดับนี้ ที่จริงแล้วสามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ส่วนหนึ่ง ถึงอย่างไรเหล่าบรรณาธิการก็เป็นกลุ่มคนที่เข้าใจถึงผลงานของนักเขียนนิยายอย่างถ่องแท้มากที่สุด
และในการคาดเดาส่วนใหญ่ ก็มีฉู่ขวงเป็นหนึ่งในนั้น
‘หากว่ากันจากยอดขาย ฉู่ขวงไม่ได้มีข้อได้เปรียบที่จะถูกคัดเลือกเป็นมหาเทพมากนัก แต่ช่วยไม่ได้ที่ฉู่ขวงมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมนิยาย เขาเป็นนักเขียนที่สร้างนิยายประเภทใหม่เอี่ยมถึงสองครั้งติดต่อกัน จะได้ตำแหน่งมหาเทพก็ไม่เกินเหตุหรอก’
หลายคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้
ไม่มีใครปฏิเสธความจริงในจุดนี้ นิยายแนวการแข่งขันกีฬาและแนวเทพเซียนกำลังภายในที่ฉู่ขวงสรรสร้างขึ้นมา ได้หล่อเลี้ยงชีวิตนักเขียนอีกมากมายหลังจากนั้น
อิทธิพลของผู้บุกเบิกนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน
โดยเฉพาะนิยายเทพเซียนกำลังภายใน ในตอนนี้เรียกได้ว่าฮ็อตฮิตมากทีเดียว!
มีคนเคยคำนวณไว้
หากบวกรวมแนวเทพเซียนกำลังภายในและแนวการแข่งขันกีฬาในตลาดนิยายมณฑลฉิน ก็สามารถครองส่วนแบ่งหนึ่งในห้าส่วนของตลาดแฟนตาซีได้แล้ว
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ
มีนักเขียนหนึ่งในห้าส่วนของตลาด ที่ตามกระแสนิยายสองแนวนี้ซึ่งฉู่ขวงเป็นผู้บุกเบิก!
หนึ่งในห้านับว่าน้อยหรือไม่?
ไม่เลย เพราะเมื่อเทียบกับในมณฑลฉินเพียงพื้นที่เดียว สัดส่วนนี้น่ากลัวจริงๆ
แน่นอน
ในปัจจุบันฉินและฉีผนวกรวมกันแล้ว ส่วนแบ่งพื้นที่ในตลาดย่อมลดลงมาก ทว่าประวัติผลงานที่ผ่านมาของฉู่ขวงนับว่าเจิดจรัสมากพอแล้ว
……
เหล่าบรรณาธิการกำลังคาดเดา ผู้อ่านเองก็กำลังคาดเดาเช่นกัน
ผู้อ่านชื่นชอบการคาดเดาในทำนองนี้มากกว่าบรรณาธิการ ถึงขั้นที่ทำการจัดอันดับให้ดูกันละเอียดยิบ
มีคนคิดว่า ถึงแม้ฉู่ขวงจะเข้าไปอยู่ในรายชื่อมหาเทพได้ แต่อันดับน่าจะไม่สูงนัก เพราะนักเขียนนิยายแฟนตาซีทั้งจากมณฑลฉินและมณฑลฉีล้วนอยากเข้าร่วมการคัดเลือกนี้
นิยายแฟนตาซีของมณฑลฉี สู้ของมณฑลฉินไม่ได้ก็จริง
แต่นั่นเป็นการเปรียบเทียบโดยภาพรวม
มณฑลฉีเองก็มีนักเขียนนิยายแฟนตาซีฝีมือดีหลายคน
ในการตัดสินอย่างเป็นธรรม มณฑลฉีก็ย่อมต้องมีนักเขียนแนวแฟนตาซีหลายคนซึ่งได้รับคัดเลือก เพียงแต่จำนวนอาจเป็นรองมณฑลฉี
ทว่าในตอนนี้ต่อให้คาดเดาไปอีกสักเท่าไหร่ก็ไม่มีความหมาย
เพราะต้องรอจนถึงเดือนกรกฎาคมกว่าจะประกาศผลอย่างเป็นทางการ
ตลาดนิยายในขณะนี้
ทุกคนกำลังติดตามว่าหนังสือเรื่องใหม่ที่จะปล่อยมากองใหญ่ในเดือนมิถุนายนนี้จะเป็นอย่างไร
นักเขียนในเดือนมิถุนายนมีจำนวนมาก
ผลงานที่ดึงดูดความสนใจของผู้อ่านมากที่สุดมีเพียงสามชิ้น
แบ่งจากนักเขียนได้แก่
ฉู่ขวง หมัวถง และไห่เซ่าเหยี่ย
ฉู่ขวงไม่ต้องเอ่ยถึง ไพ่เด็ดในเดือนมิถุนายนของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ได้รับการโปรโมตขั้นสูงสุด
หมัวถงปล่อยหนังสือเดือนมิถุนายน หนังสือมีชื่อว่า ‘เซียนกระบี่ลงเขา’
ชื่อเสียงของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าฉู่ขวง ในฐานะดาวเด่นเดือนมิถุนายนที่มีสำนักพิมพ์เฟลอริชหนุนหลัง จึงได้รับการโปรโมตระดับสูงสุดเช่นเดียวกัน เป้าหมายก็คือคว้าโควตาในการคัดเลือกมหาเทพให้ได้อย่างมั่นคง!
ส่วนไห่เซ่าเหยี่ย…
นักเขียนท่านนี้เป็นดาวเด่นของสำนักพิมพ์สกาย หนังสือชื่อว่า ‘มิติคู่ขนานของฉันเป็นสังคมบรรพกาล’
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้รับการโปรโมตระดับสูงสุดเช่นเดียวกัน เพียงแต่เรื่องนี้เลือกแนวผจญภัยในต่างโลกสุดคลาสสิกก็เท่านั้น…
หมัวถงถูกสงสัยว่าตามกระแสฉู่ขวงก็จริง
แต่ในตอนนี้แนวเทพเซียนกำลังภายในได้กลายเป็นกระแสไปแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องตามกระแสไม่ตามกระแส
เมื่อมีคนเขียนนิยายธีมใดธีมหนึ่งมากๆ ก็จะก่อเกิดเป็นประเภทใหม่ขึ้นมา
ในทางเดียวกัน จะบอกว่านิยายแนวเทพเซียนกำลังภายในบนโลกทุกเรื่องจะตามกระแสเรื่องการเดินทางอันพร่าเลือนไปเสียทั้งหมดก็คงไม่ได้
เพียงแต่เมื่อผลงานปล่อยออกมา ทุกคนจะพูดคุยกันตามกระแส หลังจากนั้นก็จะไม่เอ่ยถึงอีก
สรุปได้ว่า
การโปรโมตนิยายทั้งสามเรื่องนี้อลังการที่สุด นอกจากสามเรื่องนี้แล้ว ก็แน่นอนว่ามีนิยายเรื่องอื่นที่เตรียมจะปล่อยออกมาเช่นเดียวกัน
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางฮ็อตฮิตติดกระแสเท่าเรื่องที่โปรโมตอย่างหนักหน่วงได้หรอก
บรรดาร้านหนังสือก็คัดเลือกเช่นกัน
ทางคลังหนังสือซิลเวอร์บลู มีร้านหนังสือซึ่งสั่งจองเรื่องคนขุดสุสานเป็นจำนวนมากก็จริง
แต่หนังสือเรื่องใหม่ของนักเขียนอีกสองท่านอย่างไห่เซ่าเหยี่ยและหมัวถงก็มีร้านหนังสือใหญ่สั่งจองไว้เช่นเดียวกัน
หากเทียบกันจากยอดการสั่งจองล่วงหน้า…
เรื่องคนขุดสุสานของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูยังไม่ทันได้วางจำหน่าย ก็มีขายออกไปได้แล้วหนึ่งล้านเล่ม
เรื่องมิติคู่ขนานของฉันเป็นสังคมบรรพกาลของสำนักพิมพ์สกายยังไม่ได้วางจำหน่าย ในปัจจุบันนี้มียอดขายแล้วหนึ่งล้านเล่มเช่นกัน
ส่วนเฟลอริชโหดที่สุด เรื่องเซียนกระบี่ลงเขาของหมัวถง มียอดสั่งจองถึงหนึ่งล้านสามแสนเล่ม!
ไม่ใช่เพราะหมัวถงเก่งกว่านักเขียนอีกสองคนหรอก
เหตุผลสำคัญนั้นเกี่ยวข้องกับประเภทของนิยาย
เพราะตลาดยังไม่มีนิยายแนวขุดสุสาน ดังนั้นคลังหนังสือซิลเวอร์บลูจึงจัดให้เรื่องคนขุดสุสานอยู่ในแนวสยองขวัญลี้ลับ
เฉพาะกลุ่มดังเคย
เพราะหลังจากเรื่องกระบี่เทพสังหาร ในวงการไม่กล้าใช้ตรรกะปกติมาตัดสินฉู่ขวงอีก ไม่เช่นนั้นการโปรโมตคงไม่ได้มากมายกว่านิยายเรื่องก่อนหน้านี้ของฉู่ขวงหรอก
เมื่อเทียบกันแล้ว เรื่องมิติคู่ขนานของฉันเป็นสังคมบรรพกาลนั้นยึดฐานที่มั่นไว้ได้แล้ว ถึงแม้ผู้อ่านจะอ่านนิยายแนวการผจญภัยในต่างโลกแบบเดิมๆ จนเบื่อหน่าย แต่ก็ยังนับว่าเป็นประเภทที่คึกคักที่สุดในตลาดนิยาย
ส่วนเรื่องเซียนกระบี่ลงเขาของหมัวถง มียอดการสั่งจองสูงที่สุด ก็เพราะนิยายเรื่องนี้เป็นแนวเทพเซียนกำลังภายใน!
เทพเซียนกำลังภายในเป็นประเภทของนิยายที่แปลกใหม่ที่สุดในตอนนี้ มีหนังสือยอดนิยมถือกำเนิดขึ้นหลายเล่ม กอปรกับที่นักเขียนในครั้งนี้คือหมัวถง ร้านหนังสือย่อมให้การตอบรับสูงเป็นธรรมดา!
ทำไมน่ะหรือ?
ก็เพราะหมัวถงมีชื่อเล่นหลายอย่าง เช่น ‘ฟาดต้นฉบับหลังหัก’ ‘ลูกช่างตามกระแส’ ‘ราชานักจินตนาการ’ เป็นต้น
แค่ฟังชื่อเล่นก็รู้แล้ว
หมัวถงช่ำชองการตามกระแส นอกจากนั้นเขาไม่ได้หลับหูหลับตาตามกระแส เขาสามารถใส่รายละเอียดและความคิดของตนเองเข้าไป ปรับเปลี่ยนไปตามจินตนาการอันโลดแล่น สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ของงานที่เขียนออกมานั้นดีกว่าผลลัพธ์ที่นิยายเรื่องที่เขาตามกระแสมาทำได้อีก!
นี่นับเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง
นักเขียนฝีมือดีจำนวนมากต่างก็มีความสามารถเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นหมัวถงก็โดดเด่นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงขั้นที่มีคนสงสัยว่าผลงานของเรื่องเซียนกระบี่ลงเขาจะเหนือกว่าผลงานของผู้บุกเบิกหรือไม่…
และนั่นหมายถึงเรื่องกระบี่เทพสังหารของฉู่ขวง?
……
หลินเยวียนติดตามการคัดเลือกมหาเทพอะไรเทือกนี้ในเดือนมิถุนายน แต่กลับไม่ได้สนใจการแข่งขันของหนังสือเรื่องใหม่
แม้ว่าการแข่งขันของหนังสือใหม่จะส่งผลต่อผลการโปรโมตระดับสูงสุดของเขาก็ตามแต่
นี่เป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าหากในช่วงเวลานั้นมีนักเขียนหนังสือขายดีปล่อยนิยายเรื่องใหม่เพียงคนเดียว ความสนใจของผู้คนย่อมไปกองรวมกันที่ยอดขายของนักเขียนคนนี้
แต่ถ้าหากมีนักเขียนผลงานขายดีหลายคนออกหนังสือเล่มใหม่ในช่วงเวลาเดียวกัน ความสนใจของผู้คนก็ย่อมกระจัดกระจายกันไป
ร้านขายหนังสือเองก็ต้องพิจารณา…
ร้านหนังสือขายหนังสือ โดยปกติแล้วก็จะมีผลงานซึ่งดันขายเป็นหลัก
ผลงานที่ถูกพวกเขาดันขาย หากขายไม่ดีขึ้นมา ก็ย่อมส่งผลต่อรายได้ของพวกเขา
แน่นอน
พวกเขาจึงปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ตัวอย่างเช่น ถ้าหนังสือที่พวกเขาดันขายทำผลงานได้ไม่ดี พวกเขาก็สามารถหันไปดันขายหนังสือเล่มอื่นซึ่งทำผลงานได้ดี…
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าในตอนที่ร้านหนังสือสั่งจองนิยาย ได้เซ็นสัญญาอื่นๆ ไปหรือเปล่า
ถ้าพวกเขาเซ็นสัญญาอื่นๆ เช่น กิจกรรมแจกลายเซ็นของนักเขียน เช่นนั้นหนังสือเรื่องที่พวกเขาดันขายเป็นหลักก็จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายๆ
อันที่จริง
มีร้านหนังสือใหญ่บางแห่งหวังว่าจะได้ร่วมมือกับฉู่ขวง และจัดอีเวนต์แจกลายเซ็นในหนังสือเรื่องคนขุดสุสานเช่นกัน
แฟนคลับของฉู่ขวงอาจซื้อเรื่องคนขุดสุสานเพื่อให้ได้ลายเซ็นของฉู่ขวง ต่อให้พวกเขาจะไม่ชื่นชอบหนังสือเรื่องนี้ก็ตาม
ทว่าหลังจากที่หลินเยวียนได้รับโทรศัพท์จากหยางเฟิง เขาก็ปฏิเสธไป
ถึงแม้ว่าเขาจะอยากได้เงินส่วนนี้ แต่เมื่อใดที่เขาเข้าร่วมอีเวนต์ขายหนังสือและแจกลายเซ็น ตัวตนของเขาก็จะยิ่งขยับเข้าใกล้คำว่าถูกเปิดเผย
นี่เป็นข้อเสียของการมีหลายตัวตน
หลินเยวียนตัดสินใจว่าจะเป็นตุ๊กตาแม่ลูกดกเงียบๆ ต่อไป
ในทางกลับกัน หมัวถงและไห่เซ่าเหยี่ยล้วนเซ็นสัญญาเพิ่มเติมกับร้านหนังสือหลายแห่ง และเตรียมจัดกิจกรรมขายหนังสือแจกลายเซ็น เพื่อเพิ่มยอดขายในเดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ดี หลินเยวียนก็มีวิธีการโปรโมตของตนเอง
เขาใช้บัญชีผู้ใช้ของฉู่ขวง โปรโมตข่าวคราวของหนังสือใหม่เรื่องคนขุดสุสานซึ่งจะวางขายในเดือนมิถุนายน
จากนั้น เขาก็ใช้บัญชีของอิ่งจือและเซี่ยนอวี๋รีโพสต์และเขียนแนะนำสักหน่อย
ทั้งสามบัญชีนี้ติดตามกันและกัน ช่วนเหลือซึ่งกันและกัน และพร้อมจะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน!
และเนื่องจากทั้งสามบัญชีนี้ผูกติดกัน จึงพลอยทำให้แฟนคลับตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษทุกครั้งที่เห็นการเคลื่อนไหวและปฏิสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสามบัญชีนี้ ทำไมถึงรู้สึกน่ารักชวนเขิน ให้ความรู้สึกปานประหนึ่งคู่ชิป และเมื่อชิปแล้วก็ต้องชิปพร้อมกันถึงสามคนจึงจะได้อรรถรส
‘คู่ชิป3pเริ่มต้น ณ บัดนี้!’
‘รักสามเส้า?’
‘ศึกชิงนาง?’
‘เมื่อก่อนมีแค่ฉู่ขวงกับเซี่ยนอวี๋ ตอนนี้มีอิ่งจือมาเพิ่มอีก ฉันสัมผัสได้ว่าฉู่ขวงเป็นแกนหลัก ส่วนเซี่ยนอวี๋กับอิ่งจือกำลังแข่งกันเอาชนะใจฉู่ขวง…’
‘จิตใจไม่ใสสะอาดกันเลยนะ (เขินนน)’
‘ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ ว่าฉู่ขวงโพสต์ทีไร เซี่ยนอวี๋กับอิ่งจือจะต้องรีโพสต์ทุกครั้ง’
‘…’
คู่ชิปสามคนชัดเจนเสียขนาดนี้ ชาวเน็ตเองก็ชอบเย้าหยอกฉู่ขวง เซี่ยนอวี๋และอิ่งจือ ทั้งยังสรรสร้างเรื่องราวสารพัดรูปแบบออกมาอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเขามีการเคลื่อนไหวระหว่างกันและกัน ต่อมจินตนาการของชาวเน็ตจึงกระตุกตุบๆ และเป็นอันต้องทำงานในทันที
หลินเยวียนไม่รู้ว่าการรีโพสต์โปรโมตเช่นนี้มีส่วนช่วยเรื่องยอดขายหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรหลังจากจัดแจงโพสต์เสร็จเรียบร้อย เขาก็ไม่ได้ติดตามต่อ
และในตอนนั้นเอง เดือนพฤษภาคมก็สิ้นสุดลงอย่างเงียบเชียบ
เดือนมิถุนายนมาเยือน
หนังสือเรื่องใหม่จำนวนมากถูกจัดวางบนชั้นของร้านหนังสือชั้นนำแต่ละแห่ง
คนขุดสุสาน นิยายขนาดยาวเรื่องที่สามของฉู่ขวงก็ออกสู่สายตาชาวบลูสตาร์อย่างเป็นทางการ!
………………………………………………….