รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 276 อัดจนแหลกลาญแล้วจะกินเนื้ออย่างไร เหลือศพให้ครบส่วนด้วย!

บทที่ 276 อัดจนแหลกลาญแล้วจะกินเนื้ออย่างไร เหลือศพให้ครบส่วนด้วย!

บทที่ 276 อัดจนแหลกลาญแล้วจะกินเนื้ออย่างไร เหลือศพให้ครบส่วนด้วย!

นี่จะปล่อยมันไปหรือ?

อสูรร้ายน้ำตานองหน้า คิดในใจว่ามันเตรียมใจตายตกแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าเรื่องราวยังมีโอกาสพลิกผันเช่นนี้!

ขอขอบคุณปุถุชนผู้นี้!

มันมิกล้าลังเล รีบล่าถอยออกไปหมายจะหนีออกจากที่นี่

“คุณชายจะปล่อยมันไปหรือ”

เซี่ยเหยียนสกัดอสูรร้ายไว้พลางถามท่านเซียน

ท่านเซียนบอกเพียงว่าให้ลงมือเบา ๆ มิได้ระบุชัดเจนว่าให้ปล่อยอสูรร้ายตัวนี้ไป นางจึงมิกล้าปล่อยตัวอสูรร้ายตนนี้

“ปล่อยมันไปรึ ไยต้องปล่อยมันไปด้วย…ให้เจ้าลงมือเบา ๆ เพราะกลัวเจ้าอัดมันจนแหลกลาญจริง ๆ ขืนตัวแหลกลาญแล้วพวกเราจะกินเนื้อได้อย่างไร”

หลี่จิ่วเต้ากล่าว

อสูรร้ายตนนี้น่าชิงชังยิ่ง เขาไม่คิดปล่อยมันไปเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้พวกอ้ายฉานบอกว่าให้อัดอสูรร้ายตนนี้ให้ยับ เขาก็คิดเช่นกันว่าดียิ่ง

แต่ต่อมาก็นึกถึงสัตว์อสูรที่พวกอ้ายฉานนำกลับมาให้ก่อนหน้า เนื้อนุ่มสดอร่อยเหลือแสน เขารู้สึกว่าหากอัดอสูรร้ายตนนี้จนแหลกลาญไปน่าเสียดายแย่

เพราะเหตุนี้ เขาถึงขอให้เซี่ยเหยียนเบามือ

“ได้เลย!”

เซี่ยเหยียนได้รู้ความตั้งใจของท่านเซียนแล้ว ท่านเซียนต้องการกินเนื้อ และกลัวว่านางจะอัดจนเนื้อเละ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจะเลิกโจมตีกายเนื้อของอสูรร้ายตนนี้ เปลี่ยนเป็นโจมตีวิญญาณแทน!

หลังได้ฟังคำกล่าวของหลี่จิ่วเต้า อสูรร้ายบันดาลโทสะอย่างมาก!

ไอ้บัดซบ! เมื่อครู่มันเพิ่งขอบคุณปุถุชนผู้นี้ในใจ

ขอบคุณหาพระแสงอันใด!

ที่แท้แค่กลัวว่าเนื้อของมันเละจนกินไม่ได้!

เวรเอ๊ย!

มันโกรธจนหัวใจกับปอดแทบระเบิด!

“ข้า…”

อสูรร้ายอ้าปากหมายจะด่าปุถุชนผู้นี้ แต่มันพูดคำว่า ‘ข้า’ ออกมาแค่พยางค์เดียว แสงเทวะแสงหนึ่งก็ทะลุเข้าไปทางหน้าผากของมัน และเข้ามาอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ

แสงเทวะนั้นห่อหุ้มวิญญาณเทวาของเซี่ยเหยียนไว้ เซี่ยเหยียนทรงพลังถึงขีดสุด วิญญาณเทวาบุกเข้าไปยังจุดที่วิญญาณของอสูรร้ายอยู่ หมายจะลบล้างวิญญาณของอสูรร้าย

“เจ้าโอหังเกินไปแล้ว!”

วิญญาณของอสูรร้ายแผดคำราม “ที่นี่เป็นอาณาเขตของข้า เจ้าจะมิได้กลับออกไปอีก!”

ในจุดที่วิญญาณของมันสถิตอยู่ วิญญาณของมันย่อมได้เปรียบ สำแดงฤทธิ์ได้มากกว่า

เซี่ยเหยียนถือเป็นผู้รุกราน วิญญาณเทวาของนางจักถูกจำกัด พลังที่มีบั่นทอนลงไปมาก

มันคิดไม่ถึงว่าเซี่ยเหยียนจะใจกล้าปานนี้ กล้าเข้ามาถึงจุดที่วิญญาณของมันสถิต!

“ว่ากระไร อาณาเขตของเจ้าแล้วอย่างไร อัดกายเนื้อของเจ้าแหลกลาญไม่ได้ ข้าจึงต้องมาอัดวิญญาณของเจ้าให้แหลกลาญ”

วิญญาณเทวาของเซี่ยเหยียนเอ่ยเสียงราบเรียบ

นางติดตามอยู่ข้างกายท่านเซียน ความสามารถเก่งกาจทุกด้าน…

นางจู่โจมอย่างดุดัน พลังวิญญาณแสนแกร่งกล้าถาโถม พริบตาก็ทำให้อสูรร้ายต้องตื่นตระหนก

บ้าเอ๊ย…แรงจำกัดเล่า!?

เวรโดยแท้!

ความสามารถบ้าบิ่นอะไรกันนี่!

ไม่เห็นว่าจะถูกจำกัดแม้แต่น้อย!

หรือว่าแต่เดิมวิญญาณเทวาของนางทรงพลังกว่านี้ ต่อให้ถูกจำกัด พลังของวิญญาณเทวาก็ยังแข็งแกร่งดุดัน

มิน่าถึงหาญกล้าบุกเข้ามาถึงที่สถิตของวิญญาณมัน!

อสูรร้ายสิ้นหวัง ไม่เห็นทางรอดแม้แต่น้อย ห่างชั้นกันเกินไป ต่อให้มันใช้พลังทั้งหมดของวิญญาณใส่ก็สู้ไม่ได้

เสียงดัง ‘ตู้ม!’ วิญญาณเทวาของเซี่ยเหยียนฟาดฝ่ามือใส่วิญญาณอสูรร้าย พลังวิญญาณอันแกร่งกล้าซัดสาด วิญญาณของอสูรร้ายแหลกลาญในบัดดลด้วยฝีมือของนาง

“รู้อย่างนี้ข้าน่าจะชิงระเบิดตัวเองก่อน!”

วิญญาณอสูรร้ายลั่นวาจาเช่นนี้ก่อนจะตายตก

มันเสียใจยิ่งที่มิได้ชิงระเบิดตัวเอง จนต้องถูกกินในภายหลัง

การตายเยี่ยงนี้ช่างอัปยศอดสู ทำให้มันระทมใจนัก

มันผู้จับมนุษย์เป็นอาหารมาโดยตลอด สุดท้ายกลับต้องโดนเผ่ามนุษย์จับไปกิน ตลกร้ายเหลือเกิน…

วิญญาณถูกอัดจนไม่เหลือชิ้นดี อสูรร้ายสิ้นลมหายใจ ร่างล้มตึงลงไป

แสงเทวะแสงหนึ่งพุ่งออกจากตัวอสูรร้าย วิญญาณเทวาของเซี่ยเหยียนกลับคืน นางยกมือเก็บศพอสูรร้ายเข้าศาสตราบรรจุของ

“นี่มัน!”

ซางเหิงตาค้าง คิดไม่ถึงว่าเซี่ยเหยียนจะดุดันปานนี้ สามารถปลิดชีพวิญญาณอสูรร้ายในจุดที่วิญญาณของมันสถิตอยู่ได้อย่างง่ายดาย

การฝึกฝนนั้นมิใช่แค่บำเพ็ญขอบเขต กายเนื้อ หทัยเต๋า และวิญญาณ ล้วนต้องบำเพ็ญ

เทียบกันแล้ว กายเนื้อ หทัยเต๋า และวิญญาณบำเพ็ญได้ยากกว่า ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ยกระดับขอบเขตพลังได้ แต่กายเนื้อ หทัยเต๋า และวิญญาณกลับตามขึ้นไปไม่ทัน

รวมถึงตัวเขาเองก็เป็นเช่นนี้ กายเนื้อ หทัยเต๋า และวิญญาณของเขาล้วนอ่อนกำลังกว่าขอบเขตพลังของเขา หาได้เสมอภาคไม่

เซี่ยเหยียนเข้าไปอยู่ในที่สถิตวิญญาณของอสูรร้ายแล้วยังลบล้างวิญญาณอสูรร้ายได้อย่างง่ายดาย บ่งบอกว่าพลังวิญญาณของเซี่ยเหยียนนั้นแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย!

นางทำได้เยี่ยงไร!?

เขายากจะเชื่อได้ลงจริง ๆ

เซี่ยเหยียนอายุน้อยถึงเพียงนี้ ไฉนถึงมีขอบเขตพลังสูงส่งและยังมีพลังวิญญาณแกร่งกล้าปานนั้นอีกด้วย

เวลาฝึกฝนของนางพอหรือ?

นึกถึงซางเจี๋ย ลูกรักสวรรค์ผู้โดดเด่นแห่งตระกูลซางของเขา บัดนี้ก็ยังมุ่งเน้นได้เพียงด้านเดียว ขอบเขตพลังของเขาอยู่ในระดับสูง ด้านอื่น ๆ อย่างกายเนื้อ หทัยเต๋า และวิญญาณนั้น ตามขอบเขตไม่ทันเลย…

หรือนี่มิใช่อายุที่แท้จริงของเซี่ยเหยียน แท้จริงแล้วเซี่ยเหยียนบำเพ็ญมาหลายปี เป็นยายเฒ่าอายุเกินร้อย?

ไม่หรอกกระมัง…

เขาปัดความคิดนี้ตกอย่างรวดเร็ว เซี่ยเหยียนดูมีชีวิตชีวา มิใช่สิ่งที่ยายเฒ่าผู้ฝึกฝนมานานจะมีได้

รูปโฉมหยุดยั้งไว้ในวัยสาวได้ แต่ความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ไม่อาจรั้งไว้ได้ กาลเวลาจะลบล้างมันออกไป

เด็กแปดคนนี้ก็น่าทึ่งมากเช่นกัน อายุไม่กี่ขวบก็ก้าวสู่ขอบเขตพรตเต๋าแล้ว!

ซางเหิงทอดสายตามองพวกอ้ายฉานอีกครั้ง นึกอัศจรรย์ใจเช่นกัน

ขอบเขตพรตเต๋าด้วยอายุไม่กี่ขวบ ลูกรักสวรรค์ผู้โดดเด่นแห่งตระกูลซางยังทำไม่ได้เพียงนี้!

น่าเสียดาย เขาติดตามเฉพาะข่าวสารของกลุ่มอำนาจลับเท่านั้น ไม่เคยติดตามข่าวสารผู้อื่น มิฉะนั้น ยามนี้เขาคงไม่สับสนงุนงง ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

อย่างน้อยเขาต้องรู้ภูมิหลังคร่าว ๆ ของเซี่ยเหยียนและเด็กเหล่านี้บ้าง

เครือข่ายข่าวกรองมุ่งเน้นการตามหากลุ่มอำนาจลับและยอดฝีมือผู้เร้นกายเป็นหลัก กระนั้นก็เก็บข้อมูลด้านอื่นอยู่บ้าง แม้มิได้เจาะลึก แต่พอมีข่าวขั้นพื้นฐานอยู่

คุณชาย!

เวลานั้น ซางเหิงก็นึกถึงสรรพนามที่เซี่ยเหยียนใช้เรียกหลี่จิ่วเต้า

ม่านตาของเขาสั่นไหว เบนสายตาไปที่หลี่จิ่วเต้า

ก่อนนี้เซี่ยเหยียนไม่เพียงเรียกหลี่จิ่วเต้าว่าคุณชาย แต่ยังปฏิบัติต่อหลี่จิ่วเต้าด้วยความเกรงอกเกรงใจอีกด้วย หากย้อนคิดดูดี ๆ แล้ว มิใช่แค่เกรงอกเกรงใจเท่านั้น หากแต่ด้วยความเคารพนบนอบ!

ขอให้ลงมือเบา ๆ เพียงประโยคเดียว เซี่ยเหยียนก็ผ่อนแรงทันที ขอให้เก็บไว้กินประโยคเดียว เซี่ยเหยียนก็บุกเข้าไปโจมตียังจุดสถิตวิญญาณของอสูรร้ายด้วยวิญญาณเทวาของตน…

คิดมาถึงนี่ ฉับพลันนั้น เขาผุดความคิดบ้าบิ่นหนึ่งขึ้น!

หลี่จิ่วเต้ามิใช่ปุถุชน แต่เป็นตัวตนแสนน่ากลัวท่านหนึ่ง!

ไม่อย่างนั้นเหตุใดเซี่ยเหยียนถึงเกรงใจปุถุชนผู้หนึ่งขนาดนั้น ถึงขั้นนอบน้อมด้วยซ้ำ!?

ที่เซี่ยเหยียนเก่งกาจทรงพลังถึงเพียงนี้ ที่เด็กทั้งแปดคนสะท้านโลกันตร์ถึงเพียงนี้ ที่รถลากวิวัฒนาการได้ ซ้ำยังมีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียน บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่สูงส่งเกินหยั่งอย่างหลี่จิ่วเต้าก็เป็นได้!

พลันลมหายใจของเขาถี่กระชั้นขึ้น

เพราะยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองคิดถูก!

ถึงอย่างไรหากเป็นเช่นนี้ เรื่องราวทั้งหมดจะอธิบายได้อย่างสมเหตุสมผล!

สวรรค์!

ถ้าหลี่จิ่วเต้าเป็นดั่งที่เขาคิดจริง อีกฝ่ายต้องแข็งแกร่งขนาดไหนเชียว?

จังหวะแห่งเต๋าระดับมหาจักรพรรดิที่ไหลเวียนอยู่ในรถลากคันนี้ต้อยต่ำลงไปทันตา ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง…

หลี่จิ่วเต้า…ท่านเซียนหรือ!?

เขาได้พบท่านเซียนหรือนี่!?

ลมหายใจของเขายิ่งถี่กระชั้น สั่นสะเทือนไปถึงวิญญาณ

‘อย่าวู่วาม ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์!’

เขาพร่ำบอกตัวเองในใจไม่หยุด พยายามทำให้ตัวเองสงบก่อน

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท