ตอนที่ 293 ความผิดปกติของแก้วไวน์
หวังเหวินฟางเดินเข้าไปดุฟางจั๋วเยวี่ยทันที “เจ้าลูกคนนี้ คลาดสายตาแค่ไม่กี่นาทีก็เดินหายไปไหนไม่รู้ซะแล้ว”
ฟางจั๋วเยวี่ยพูดพลางกลอกตา “ก็อยู่แล้วไม่มีใครชอบหน้าผมนี่ ผมเลยเดินออกไปสูดอากาศสักหน่อย!”
หวังเหวินฟางสวนกลับ “ใครไม่ชอบหน้าแกกัน? อย่ามาพูดไร้สาระนะ!”
จากนั้นก็จ้องมองไปทางฟางจั๋วหราน ถามไถ่ด้วยรอยยิ้ม “จั๋วหราน เธอกินอาหารมื้อเช้ามาหรือยัง ถ้ายัง เดี๋ยวน้าจะเข้าครัวปรุงบะหมี่ซุปไก่ให้เธอสักชามนะ”
หวังหรงสนับสนุนทันที “สมัยที่พี่จั๋วหรานยังเด็ก เขาชอบกินบะหมี่ซุปไก่มากเลยนะคะ คุณย่าถึงกับตื่นแต่เช้ามาเคี่ยวซุปเพื่อปรุงบะหมี่ซุปไก่ให้พี่จั๋วหรานโดยเฉพาะเลย”
ฟางจั๋วหรานเฝ้าดูสองน้าหลานเดินตรงเข้ามาทักทายเขาราวกับก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใด ๆ ต่อกันแล้วก็อดชื่นชมจิตวิทยาอันแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่ได้ หรืออาจเป็นเพราะหนังหน้าของพวกหล่อนหนาทนเกินไป
เขาตอบกลับเสียงเบา “ไม่จำเป็น ก่อนมาที่นี่ผมแวะกินอาหารมื้อเช้าที่ร้านของม่ายจื่อมาเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างตอนนี้ผมไม่ชอบกินบะหมี่ซุปไก่แล้ว มันเลี่ยนเกินไป”
หวังเหวินฟางไม่อาจคะยั้นคะยอต่อ ได้แต่เก็บงำความผิดหวังไว้ในใจ
หวังหรงเองก็รู้สึกผิดหวังไม่แพ้กัน
ตอนแรกหล่อนวางแผนว่าจะอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นใส่ยาที่หลูจ้าวซิ่งเอามาให้ลงไปในชามบะหมี่ซุปไก่ของฟางจั๋วหราน แต่เขากลับปฏิเสธไม่กินเสียดื้อ ๆ
ไว้ค่อยหาจังหวะดี ๆ ใหม่ก็แล้วกัน
ฟางจั๋วเยวี่ยทำท่าไม่พอใจใส่ฟางจั๋วหรานทันที “ถ้าผมรู้ว่าพี่จะแวะไปกินอาหารมื้อเช้าที่ร้านของม่ายจื่อ ผมคงขอให้พี่ห่อเกี๊ยวน้ำหรือเกี๊ยวนึ่งมาให้ผมสักชุดหนึ่ง อาหารเช้าฝีมือหล่อนอร่อยมากจริง ๆ!”
พูดจบเขาก็แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ราวกับกำลังนึกถึงรสชาติแสนอร่อยของติ่มซำจากร้านอาหารของหลินม่าย ทันทีที่แม่ของเขาได้ยินก็โกรธมากจนควันพุ่งออกหู
ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น จู่ ๆ ฟางจั๋วเยวี่ยก็โพล่งถามขึ้นมา “คุณยายครับ ทำไมจู่ ๆ ถึงนึกอยากไปเยี่ยมหลุมฝังศพของคุณตาขึ้นมาล่ะ?”
ดวงตาของแม่เฒ่าหวังแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที “ช่วงนี้ยายฝันเห็นคุณตาของเธอมาหลายวันแล้ว ยายว่าเขาคงคิดถึงลูกหลาน พักหลังเราไม่ได้แวะไปเยี่ยมหลุมศพของเขาเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ยายเรียกทุกคนมาที่นี่ ไปเยี่ยมหลุมศพให้เขาคลายเหงาสักหน่อย”
ฟางจั๋วเยวี่ยชี้ไปทางครอบครัวของหลูจ้าวซิ่ง “คุณตาคิดถึงพวกเขาด้วยงั้นเหรอครับ?”
สีหน้าของแม่เฒ่าหวังแข็งค้างไปชั่วขณะ
แม่หลูยิ้มพลางตอบอย่างใจเย็น “คุณตาของเธอคงไม่คิดถึงญาติห่าง ๆ ที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเขาเท่าไหร่แบบพวกเราหรอก เราตั้งใจแวะมาเยี่ยมคุณยายของเธอ ก็เพื่อให้ท่านช่วยเป็นแม่สื่อให้กับเยี่ยนจื่อของฉัน ไม่คิดว่าวันนี้จะตรงกับวันครบรอบวันเสียชีวิตของคุณตาเธอพอดี ดังนั้นเราเลยตั้งใจว่าจะไปไหว้หลุมศพของท่านด้วย”
ฟางจั๋วเยวี่ยพูดถากถาง “กว่าผมจะโตมาได้ขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้ยินว่าพวกคุณอยากไปไหว้หลุมศพมากกว่าไปห้างสรรพสินค้า!”
ความลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแม่หลูทันที
หวังเหวินฟางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หันไปพูดกับแม่หลู “ในสำนักงานของฉันมีหนุ่ม ๆ หลายคนเลยล่ะที่อายุถึงคราวแต่งงาน พวกเขาดูเหมาะสมกับเยี่ยนจื่อของคุณมาก ไว้ฉันค่อยเป็นธุระให้พวกเขาได้ทำความรู้จักกันในภายหลังนะคะ”
แม่หลูกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง “ถือเป็นข่าวดีเลยล่ะค่ะ!”
แม่เฒ่าหวังอยากออกไปที่หลุมฝังศพตั้งแต่ช่วงเช้าที่อากาศยังเย็นอยู่ ดังนั้นทุกคนจึงออกเดินทางพร้อมกัน
ระหว่างทาง บางคนก็เชื้อเชิญให้ฟางจั๋วหรานกินผลไม้ บางคนเชื้อเชิญให้เขาดื่มน้ำ และในทุกครั้งคนเหล่านั้นก็จะแสดงท่าทางกระตือรือร้นต่อเขามากเป็นพิเศษ
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ฟางจั๋วเยวี่ยแอบบอกให้ฟางจั๋วหรานรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เขาแอบเห็นและฟังตอนปีนขึ้นไปบนหลังคาเหนือห้องนอนของหวังหรงแล้ว
ฟางจั๋วหรานจึงค่อนข้างระมัดระวังตัวมาก ดื่มแต่น้ำที่ฟางจั๋วเยวี่ยเป็นคนรินให้เท่านั้น และปฏิเสธอาหารแทบทุกอย่างที่คนอื่นพยายามเสนอให้
ฟางเว่ยกั๋วเห็นแบบนั้นก็ไม่พอใจมาก “แอปเปิลก็ไม่กิน สาลี่ก็ไม่กิน งั้นก็ไม่ต้องกินอะไรทั้งนั้น!”
ทันทีที่ฟางจั๋วหรานได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็มืดลง หันหลังกลับ เดินจากไปโดยไม่โต้เถียง
แม่เฒ่าหวังร้อนใจขึ้นมาทันที
ถ้าฟางจั๋วหรานไม่พอใจจนขอตัวกลับไปตั้งแต่ตอนนี้ ความพยายามก่อนหน้านี้คงสูญเปล่า
นางรีบหันไปตำหนิฟางเว่ยกั๋ว “จั๋วหรานเขาไม่ชอบกินของว่างหรือผลไม้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาโตแล้วก็อย่าบังคับจิตใจเลยน่า”
แม้แต่หวังเหวินฟางยังหันไปตำหนิฟางเว่ยกั๋วสองสามคำ
คนอื่น ๆ ต่างขอร้องไม่ให้ฟางจั๋วหรานกลับไป ใช้ข้ออ้างว่าไม่อย่างนั้นร่างไร้วิญญาณที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินของผู้เฒ่าหวังคงไม่สบายใจแน่ ฟางจั๋วหรานจึงจำใจต้องอยู่ต่อ
แม่เฒ่าหวังถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พวกเขาเดินทางมาถึงสุสานตั้งแต่ยังไม่ถึงเที่ยงวัน ถึงอย่างนั้นแดดก็ร้อนมาก ทำให้เหงื่อออกและเกิดความรู้สึกวิงเวียน
ทุกคนทำการไหว้หลุมศพบรรพบุรุษอย่างรีบร้อน จากนั้นก็หลบไปยืนอยู่ใต้ร่มไม้ รอจนแม่เฒ่าหวังไหว้หลุมศพเสร็จเพื่อที่จะพากันกลับบ้าน
ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผา แม่เฒ่าหวังบ่นพึมพำอยู่หน้าหลุมศพของสามีผู้ล่วงลับเป็นเวลานาน ขอให้วิญญาณสามีช่วยอวยพรให้แผนการในวันนี้สำเร็จราบรื่นไปด้วยดี จากนั้นจึงพยุงตัวลุกขึ้น เดินทางกลับไปที่บ้านพร้อมกับทุกคน
หวังเหวินฟางกับแม่หรงช่วยกันเข้าครัว ไม่นานอาหารกลางวันมื้อใหญ่ก็ถูกยกออกมาเสิร์ฟ
เมื่อกวาดสายตามองไปยังผู้คนในห้อง แม่เฒ่าหวังก็ยิ้มแย้มยินดี ขอให้หวังหรงไปหยิบไวน์ออกมาเพื่อรินให้ทุกคนดื่ม
ฟางจั๋วเยวี่ยคัดค้านขึ้นมา “พี่ชายผมเป็นศัลยแพทย์ ให้เขาดื่มไวน์คงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เกิดวันนี้เขามีคิวต้องผ่าตัดใหญ่ แล้วประสิทธิภาพในการทำงานลดลงจะทำยังไง?”
แม่เฒ่าหวังพูดพลางโบกมือ “แค่ไวน์แดงธรรมดา ไม่เมามากหรอก”
แขกหลายคนยังช่วยสนับสนุน “โต๊ะอาหารมีอาหารมากมายขนาดนี้ ไม่ดื่มไวน์ดี ๆ สักแก้วคงเหมือนขาดอะไรไป!”
หวังหรงจัดการวางแก้วสำหรับดื่มไวน์ออกมาวางตรงหน้าพวกเขาแต่ละคน
ฟางจั๋วหรานชำเลืองมองแก้วไวน์ของตัวเองอย่างใจเย็น จากนั้นก็เหลือบมองแก้วไวน์ของคนอื่น
บริเวณรอบแก้วมีชั้นของเหลวบางอย่างที่ไร้สีไร้กลิ่นอยู่ข้างใน ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็คงไม่เห็นความแตกต่าง
ในขณะที่แก้วไวน์ของคนอื่นกลับแห้งสนิท ไม่มีคราบชั้นของเหลวอยู่ภายในเลย
เขาจึงระวังตัวมากกว่าเดิม และจำคำพูดที่ฟางจั๋วเยวี่ยแอบบอกเขาได้ ‘หลูจ้าวซิ่งยื่นขวดบรรจุยาที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่นให้หวังหรง’
ชั้นของเหลวที่ติดอยู่ในแก้วไวน์ของเขาคงเป็นยาตัวนั้นไม่ผิดแน่
หวังหรงช่างเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ ใส่ยาลงในแก้วไวน์แบบนี้ ใครบ้างจะสังเกตเห็น?
ต่อให้สังเกตเห็นเข้าจริง ๆ ก็คงคิดว่ามันเป็นคราบน้ำธรรมดาที่หลงเหลือจากการล้างทำความสะอาดแก้วไวน์
ถ้าฟางจั๋วเยวี่ยไม่เตือนเขาล่วงหน้า เขาเองก็อาจไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ก็เป็นได้
แม่เฒ่าหวังและคนพวกนั้นวางแผนจะลอบกัดเขาทุกวิถีทางเลยสินะ!
ฟางจั๋วหรานแอบหันไปขยิบตาให้ฟางจั๋วเยวี่ยทันที
ฟางจั๋วเยวี่ยเข้าใจสัญญาณของเขา พอหวังหรงแจกจ่ายแก้วไวน์ให้แขกทุกคนเสร็จและกำลังจะรินไวน์ เขาก็อุทานขึ้นอย่างกะทันหัน “ตัวอะไรคลานผ่านหลังเท้าของผมไปน่ะ?!”
ทุกคนรีบก้มลงมองไปยังใต้โต๊ะตรงบริเวณที่เขานั่งอยู่ทันที และเห็นว่างูตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งกำลังเลื้อยอยู่บนหลังเท้าของฟางจั๋วเยวี่ย
ใครคนหนึ่งตะโกนลั่นทันที “งู!”
ผู้หญิงทั้งหมดตรงนั้นรีบผุดลุกหนีด้วยความแตกตื่น แม้แต่หวังหรงเองก็เช่นเดียวกัน
ในชั่วขณะที่ทั้งห้องตกอยู่ในความโกลาหล สองพี่น้องตระกูลฟางฉวยโอกาสที่ทุกคนเบี่ยงเบนความสนใจไปที่อื่นสลับแก้วไวน์ของตัวเองทันที
พอหวังหรงสงบสติอารมณ์ลงแล้ว หล่อนก็รีบหันขวับไปมองแก้วไวน์ของฟางจั๋วหราน
เขายังคงยืนนิ่งอยู่ข้างโต๊ะอย่างสงบ เฝ้ามองญาติผู้ชายของตระกูลหวังช่วยกันไล่ตีงูตัวเล็ก ๆ ส่วนแก้วไวน์ที่วางไว้ตรงหน้าที่นั่งของเขา ดูเหมือนจะยังไม่มีใครแตะต้องมัน
หวังหรงแอบลูบหน้าอกตัวเอง เมื่อรู้ว่าทุกอย่างยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม
หลังจากนั้นไม่นาน งูตัวเล็กตัวนั้นก็ถูกตีจนตาย ญาติห่าง ๆ ของหวังหรงหากิ่งไม้แถวนั้นมาเขี่ยซากแล้วโยนมันออกไป
แม่หรงหันไปพูดกับแม่เฒ่าหวังอย่างตื่นกลัว “คุณแม่คะ ถึงบ้านหลังนี้จะร่มรื่นดี แต่บางทีก็รกเกินไปนะคะ คุณแม่ปลูกดอกไม้ต้นไม้ไว้เยอะ ไม่แปลกหรอกที่จะมีงูมาอยู่ด้วย คราวหน้าถ้าคุณแม่มาทำงานในสวนคงต้องดูหน้าดูหลังให้ดีแล้วล่ะค่ะ”
แม่เฒ่าหวังพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ “ได้ๆๆ เอาล่ะ ทุกคนรีบกลับมากินอาหารกันเถอะ ไม่อย่างนั้นกับข้าวคงเย็นชืดไปเสียหมด”
ฟางจั๋วเยวี่ยพูดขัดจังหวะ “วันนี้อากาศร้อนจะตาย กับข้าวคงไม่เย็นชืดง่าย ๆ หรอกมั้ง? คุณยายอายุมากขึ้นทุกวัน คงสับสนกับสภาพอากาศแล้ว”
ฟางจั๋วหรานเองก็มองไปทางแม่เฒ่าหวังด้วยรู้สึกผิดสังเกต
แม่เฒ่าหวังรีบแก้ตัวทันที “เปล่าซะหน่อย!”
ทุกคนทยอยกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง
มีแค่สองพี่น้องตระกูลฟางที่สับเปลี่ยนที่นั่งกัน
สีหน้าของหวังหรงเปลี่ยนไป
ฟางจั๋วเยวี่ยนั่งลงตรงตำแหน่งเดิมของพี่ชายเขา หมายความว่าแก้วไวน์ที่หล่อนเตรียมไว้สำหรับฟางจั๋วหรานโดยเฉพาะก็จะถูกเขาใช้เช่นเดียวกัน
หล่อนรีบมองไปทางแม่เฒ่าหวังเพื่อขอความช่วยเหลือ
แม่เฒ่าหวังเองก็สังเกตเห็นสิ่งนี้
หญิงชราชักสีหน้าพลางพูดว่า “จั๋วเยวี่ย ทำไมจู่ ๆ ถึงสลับที่นั่งกับพี่ชายของเธอล่ะ? ไม่เห็นเหรอว่ายายสั่งให้หรงหรงยกเมนูโปรดสองสามจานมาวางไว้ตรงหน้าเขา? รีบเปลี่ยนที่นั่งกลับเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้!”
ฟางจั๋วเยวี่ยทำหน้าตายไม่ขยับเขยื้อน “ผมนั่งที่เดิมของพี่ชายแล้วจะเป็นอะไรไปครับ? ถึงยังไงเขาก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมอยู่แล้ว อาหารพวกนี้ไม่ได้วางอยู่ไกลจนเขาเอื้อมตักไม่ถึงซะหน่อย”
สาเหตุที่สองพี่น้องสลับที่นั่งกัน ก็เพื่อยืนยันว่าแก้วไวน์ที่หวังหรงเตรียมไว้ให้ฟางจั๋วหรานนั้นมีอะไรผิดปกติจริงหรือเปล่า
หลังจากเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ปรากฏว่าผิดปกติแน่ร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อทดสอบจนแน่ใจแล้ว ฟางจั๋วหรานก็แกล้งทำตัวเป็นคนว่านอนสอนง่าย
เขาดึงฟางจั๋วเยวี่ยให้ลุกขึ้น จากนั้นก็สลับที่นั่งกับน้องชาย “เรากลับไปนั่งที่ใครที่มันตามเดิมดีกว่า อย่าทำให้คุณยายของนายต้องมาอารมณ์เสียด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เลย”
แม่เฒ่าหวังดีใจที่ได้ยินแบบนั้น
ท้ายที่สุดหลานชายคนนี้ก็ยังคงไว้หน้าตัวเองอยู่บ้าง จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แผนการในวันนี้จะต้องสำเร็จลุล่วงด้วยดีอย่างไม่ต้องสงสัย
นางพูดยิ้ม ๆ “จั๋วหรานยังกตัญญูต่อฉันเสมอ”
ฟางจั๋วหรานตอบกลับอย่างจริงจัง “คุณยายหวัง ผมไม่ใช่หลานชายของคุณอีกต่อไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องกตัญญูต่อคุณอีก อย่าคิดเข้าข้างตัวเองอย่างนั้นเลยครับ ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้คุณเก็บเอาไปเป็นข้ออ้างในการทำลายชื่อเสียงของผม”
รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่เฒ่าหวังแข็งค้างอีกครั้ง
ฟางเว่ยกั๋วตบตะเกียบในมือลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ จ้องเขม็งมองลูกชายคนโตของเขา “แกไม่ควรพูดกับคุณยายของแกแบบนี้!”
ฟางจั๋วเยวี่ยเป็นคนออกตัวแทนด้วยสีหน้าบึ้งตึง “พ่อครับ ตอนที่พี่ชายถูกคุณยายบีบบังคับให้จ่ายเงินทดแทนบุญคุณ ทำไมตอนนั้นพ่อไม่เห็นออกมาพูดอะไรเพื่อปกป้องพี่ชายบ้าง? เมื่อกี้นี้ที่พี่ชายพูดก็เป็นความจริงทั้งนั้น แต่พ่อกลับยอมรับไม่ได้ ช่างเป็นเขยตระกูลหวังที่ซื่อสัตย์จริง ๆ เลย!”
ใบหน้าฟางเว่ยกั๋วเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันทีเมื่อได้ยินคำกระทบกระเทียบจากลูกชายคนเล็ก
แม่เฒ่าหวังพยายามประคับประคองบรรยากาศด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว หรงหรง รินไวน์ให้แขกเร็วเข้า”
หวังหรงเดินเข้ามารินไวน์แดงให้แขกทุกคนตามคำสั่ง
ไวน์แดงแก้วนี้รสชาติดีมาก ฟางจั๋วหรานดื่มจนหมดแก้วภายในอึดใจเดียว
หวังหรงรีบรินไวน์ให้เขาเพิ่มอีกแก้วหนึ่ง
ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที ฟางจั๋วหรานดื่มไวน์แดงจนหมดไปเกือบครึ่งขวด
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ร้ายกาจมาก ป้ายยาเนียนมาก ถ้าไม่รู้ก็นึกว่าคราบน้ำธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นก็ร้ายสู้สองพี่น้องตระกูลฟางไม่ได้หรอก ซ้อนกลเนียนกว่า
ไหหม่า(海馬)