แม่ทัพหน้ากากเหล็กเดินเข้าห้องห้องหนึ่ง เฉินตันจูเดินตามติดอยู่ด้านหลัง ก่อนจะชะเง้อหน้ามองออกไปด้านนอก จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ลับๆ ล่อๆ” แม่ทัพหน้ากากเหล็กเดินไปนั่ง “มีสิ่งใดที่ให้ผู้อื่นเห็นไม่ได้”
เฉินตันจูพูด “ไม่ใช่เห็นไม่ได้ แต่อย่าได้รบกวนผู้อื่น” ก่อนจะเดินเข้ามา เมื่อเห็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กนั่งลงแล้ว ตนเองจึงไปดึงเบาะรองนั่งจากด้านข้างมานั่งลง พร้อมทั้งเอนหลังพิงโต๊ะยาวพลางถอนหายใจ “ท่านแม่ทัพอายุมากแล้วไม่เข้าใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กทำเสียงประหลาดใจ “คนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้ามีเรื่องอันใด”
เฉินตันจูถอนหายใจ “ไม่มีเรื่องใด” ก่อนจะนั่งตัวตรง มองน้ำชาและขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ คล้ายคลึงกับทางองค์ชายสาม อาจเป็นเพราะเป็นสำรับของฮ่องเต้ นางรินน้ำชาด้วยตนเอง ก่อนจะหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน พลางพยักหน้า รสชาติก็เหมือนกัน
มีชามีขนมเติมเต็มจิตใจที่สับสน เฉินตันจูถามขึ้น “องค์ชายสามก็พักอยู่ทางนี้หรือ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กตอบ “องค์ชายสามยังมีงานมากมาย วิ่งไปมาระหว่างตำหนักด้านหน้าและด้านหลังเป็นการช้าเกินไป”
เฉินตันจูเคี้ยวขนม “องค์ชายสามเหน็ดเหนื่อยเกินไปแล้ว”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “คนอายุน้อยอย่างเจ้าไม่เข้าใจ เหน็ดเหนื่อยได้เป็นเรื่องดี”
เฉินตันจูเบะปาก จิบชาหนึ่งคำ ก่อนจะสังเกตเห็นว่ามีเพียงตนเองที่กินดื่ม แม่ทัพหน้ากากเหล็กนั่งนิ่งไม่ขยับ นางรีบดันขนมไปทางท่านแม่ทัพ “ท่านแม่ทัพก็เหน็ดเหนื่อยแล้ว กินเสียบ้างเถิด” ก่อนจะรินน้ำชาให้เขา
แม่ทัพหน้ากากเหล็กส่ายหัว “ข้าอายุมากแล้ว ไม่อยากอาหาร ไม่ต้องกินสิ่งเหล่านี้”
“ท่านพ่อข้าก็อายุมาก แต่กินอาหารจำนวนไม่น้อย” เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ทัพไม่อยากถอดหน้ากากใช่หรือไม่ อันที่จริงไม่ต้องสนใจ ข้าไม่กลัว อีกทั้งข้าก็ไม่ใช่คนนอก”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่สนใจนาง อีกทั้งไม่แตะต้องของกินเหล่านั้น
เฉินตันจูไม่บังคับ ตนเองถือขนมกินไปเรื่อยๆ จิตใจเหม่อลอย…องค์ชายสามกับหนิงหนิงผู้นั้นอยู่ด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้นแล้วหรือ องค์ชายสามเรียกขานหานางอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ตนเองจะนั่งอยู่ตรงนั้น แต่ก็ราวกับไม่อยู่
เฮ้อ เฉินตันจูก้มหน้ามองขนมในมือ แต่ก่อนนางรู้สึกว่าตนเองใกล้ชิดกับองค์ชายสามมากแล้ว แต่เมื่อหญิงสาวเมืองฉีปรากฏตัวขึ้น ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนไป
ความสนิทสนมระหว่างนางกับองค์ชายสามเดิมทีอาศัยการฉวยชิงการมาก่อน เวลานี้เจ้าของที่แท้จริงปรากฏตัวแล้ว นางผู้เป็นตัวปลอมย่อมหม่นหมองไป
ก็ดี นางไม่รู้ว่าต้องรักษาองค์ชายสามอย่างไรให้หายดี หญิงสาวเมืองฉีปรากฏตัว ย่อมสามารถรักษาองค์ชายสามได้ ต่อจากนี้องค์ชายสามย่อมไม่ต้องงดอาหารมากมาย ไม่ถูกผู้อื่นวางแผนลอบทำร้ายอย่างง่ายดาย ไม่ต้องติดตามนาง ทำให้ชื่อเสียงของตนเองเสื่อมเสีย…
ถึงแม้จะเข้าใจแล้ว แต่ไม่รู้เหตุใด เฉินตันจูเห็นขนมในมือของตนเองมีน้ำหยดลงไป น่าขันเสียจริง บนขนมมีหยดน้ำเสียด้วย นางหัวเราะออกมา เมื่อหัวเราะจึงดึงสติกลับมาได้ สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นในดวงตา ทันใดนั้นตระหนกเล็กน้อย เหตุใดนางจึงร้องไห้!
มีสิ่งใดต้องร้องไห้กัน! น่าอายยิ่งนัก!
เฉินตันจูเงยหน้าขึ้นมองแม่ทัพหน้ากากเหล็กเงียบๆ แม่ทัพหน้ากากเหล็กตั้งแต่นั่งลงมาก็ไม่เคยเปลี่ยนท่าอีกเลย เขายังคงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หน้ากากเหล็กปิดบังใบหน้า มองไม่เห็นสีหน้าของเขา ไม่รู้ว่าหลับไปแล้วหรือไม่…
อายุมากแล้ว ง่วงนอนง่าย?
เฉินตันจูรีบอาศัยจังหวะการยกชา ใช้แขนเสื้อซับน้ำตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเรียกขานเสียงเบา “ท่านแม่ทัพ?”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กตอบรับ “เรื่องใด”
เฉินตันจูถามอย่างประจบ “เฟิงหลินบอกว่าต่อจากนี้ท่านแม่ทัพจะพักอยู่ในค่ายทหารแล้ว ข้าสามารถไปเยี่ยมท่านแม่ทัพตลอดเวลาได้หรือไม่ ครานี้ข้ามา…”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กขยับตัว พูดขัดนาง “ทำยาใดมาให้ข้าอีก”
ครานี้ไม่มี…นางรีบเดินทางมาพระราชวังเพราะคิดว่าจะได้พบองค์ชายสาม มาอย่างรีบร้อนจึงไม่ได้นำสิ่งใดติดตัวมาด้วย เฉินตันจูทำท่าทางตกใจออกมา “ท่านแม่ทัพ ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ ท่านอยู่กับฝ่าบาท ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพไม่ต้องการยาของข้า ไม่คิดว่า…” นางรีบยื่นมือออกไป “ให้ข้าจับชีพจรให้ท่านแม่ทัพ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กโบกมือ “ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นอันใด ข้าแค่ถาม มิฉะนั้นเจ้ายังมีเหตุผลอื่นมาพบข้าหรือ”
เฉินตันจูผงะ ก่อนจะหัวเราะร่า จริงด้วย แม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นผู้ใดกัน กลอุบายของนางไม่ได้ใช้กับเขา หากแต่ใช้กับผู้อื่น
“ได้ ข้ารู้แล้ว” นางยิ้ม ก่อนจะหยิบขนมขึ้นมาอีกชิ้น “ท่านแม่ทัพพักที่ค่ายทหาร หากข้าอยากพบท่านแม่ทัพ ข้าจะให้จู๋หลินพาไป ไปค่ายทหารไม่ต้องกลัวจะพบกับฮ่องเต้”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ปฏิเสธ ปล่อยนางตามสบาย เมื่อเห็นหญิงสาวกินขนมหมดไปหนึ่งจาน ดื่มน้ำชาหมดไปสองถ้วย ถึงแม้ภายในดวงตายังมีสีแดงเล็กน้อย แต่สีหน้าดีขึ้นไม่น้อย
“กินอิ่มก็กลับไปเถิด” เขาพูด
เฉินตันจูเพิ่งสังเกตว่าเหลือเพียงจานเปล่าแล้ว นางเขินอายเล็กน้อย พูดขึ้น “อาหารในวังไม่ได้มีให้กินบ่อยนัก” พูดพลางยืนขึ้นขอตัวลา “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้ากลับแล้ว”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กตอบรับ มองดูเฉินตันจูเดินออกไป แต่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว นางก็วิ่งกลับมา
“ท่านแม่ทัพ” เฉินตันจูถลึงตา เอ่ยถาม “ท่านเรียกข้ามาด้วยเรื่องใด”
นางลืมไปแล้ว แม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นคนเรียกนางมา…คงไม่ได้เรียกมาเพื่อกินขนมและดื่มชาในวังเท่านั้น
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “เดิมทีมีเรื่อง แต่บัดนี้ไม่มีแล้ว เจ้ากลับไปเถิด”
เช่นนี้หรือ ก่อนหน้านี้องค์ชายสามตรัสว่าท่านแม่ทัพกำลังหารือกับฮ่องเต้ ดังนั้นเรื่องที่เรียกตัวนางมาหารือเสร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว? เมื่อนึกถึงองค์ชายสาม เฉินตันจูก็ห่อเหี่ยวลงเล็กน้อย ตอบรับ “ตันจูลาก่อน ท่านแม่ทัพมีเรื่องใดอีกเรียกข้าได้ทุกเวลา”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กตอบรับ มองดูเฉินตันจูเดินออกไปอีกครั้ง แต่ครานี้ยังไม่ทันได้เดินออกไป นางรีบถอยกลับเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน
“อัน…” แม่ทัพหน้ากากเหล็กถาม
เพิ่งเอ่ยปาก เฉินตันจูก็หันหน้ากลับมาให้เขาเงียบเสียงทันที ก่อนจะหลบอยู่ด้านหลังประตู ชี้ไปยังด้านนอก ใช้ปากพูดอย่างไม่ออกเสียง “องค์ชายสาม…”
องค์ชายสามคงต้องเสด็จไปทรงงานภายในตำหนักต่อหลังจากที่พักผ่อนเสร็จแล้ว แม่ทัพหน้ากากเหล็กถาม “องค์ชายสามอยู่ด้านนอกแล้วอย่างไร ใช่ว่าพบหน้าไม่ได้”
เฉินตันจูโบกมือให้เขาอย่างรีบร้อน พลางกระซิบ “อย่าพูดๆ ท่านแม่ทัพ ท่านไม่เข้าใจ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กส่ายหัว หยิบตำราด้านข้างขึ้นมาอ่าน ไม่สนใจนางอีก
เฉินตันจูยืนหลบอยู่ภายใต้เงาหลังประตู มองเงาคนที่เคลื่อนที่ด้านนอก เหล่าขันทีแบกเกี้ยว มีเสียงหญิงสาวดังขึ้น มีร่างหนึ่งนั่งขึ้นไป จากนั้นเงาบนพื้นหยุดนิ่ง ราวกับผ่านไปเป็นเวลานาน เงาเหล่านั้นถึงสลายไป จากนั้นเสียงฝีเท้าจากไปไกล
เฉินตันจูถอนหายใจเบาๆ องค์ชายสามย่อมไม่ใช่พบไม่ได้ แต่เวลานี้นางไม่อยากพบ หากพบแล้วคงอึดอัดไม่น้อย
“ท่านแม่ทัพ ข้าไปแล้ว” นางพูด ก้มหน้าเดินออกไปด้านนอก
เมื่อเดินออกไปยังสามารถเห็นเกี้ยวขององค์ชายสามมุ่งตรงไปทางตำหนักใหญ่ นางมองอยู่อย่างนั้นชั่วครู่
เฟิงหลินยืนคุยกับจู๋หลินอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นนางออกมาจึงรีบขอโทษ “ข้าถามแล้ว ไม่อาจเข้าวังหลังส่งข่าวให้องค์หญิงจินเหยาออกมาพบท่านได้ แต่ข้าจะบอกองค์หญิงจินเหยาเรื่องนี้ ให้นางรู้ว่าท่านมา”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา “เฟิงหลินเจ้าเกรงใจเกินไปแล้ว ขอบใจเจ้ามาก”
เฟิงหลินรีบยิ้ม “คุณหนูตันจูนิสัยดีเสียจริง จู๋หลินติดตามท่านเป็นโชคของเขา”
จู๋หลินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เหตุใดเจ้าไม่มาดื่มด่ำกับโชคนี้
เฉินตันจูหัวเราะร่า “จู๋หลินก็ดีมาก มีจู๋หลินช่วยข้า ก็เป็นโชคของข้าเช่นเดียวกัน เอาเถิด จู๋หลินพวกเราไปกันเถิด”
ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้า มีเสียงของหญิงสาวดังขึ้นจากอีกฝั่ง “คุณหนูตันจู”
เฉินตันจูหันหน้ากลับไป เห็นในมือของหนิงหนิงถือกล่องเล็กใบหนึ่งเดินเข้ามา
“เจ้าเองหรือ” เฉินตันจูยิ้มให้นาง “มีเรื่องใดหรือ”
หนิงหนิงส่งกล่องเล็กมาให้ “องค์ชายรับสั่งให้นำขนมมาให้คุณหนูตันจู”
เฉินตันจูตอบรับ ยื่นมือออกไปรับมา “ขอบใจเจ้ามาก”
หนิงหนิงยิ้ม “คุณหนูตันจูเกรงใจแล้ว ข้าขอตัวก่อน ข้างตัวองค์ชายขาดคนไม่ได้”
เฉินตันจูตอบรับ มองหนิงหนิงเดินกลับไปทางตำหนักใหญ่ นางถือกล่องใบเล็กมองตามร่างของหนิงหนิง จนกระทั่งนางวิ่งไปถึงข้างเกี้ยว พูดบางสิ่งกับองค์ชายสามบนเกี้ยว ก่อนจะชะเง้อตัวมองมาทางนี้…
ห่างกันไกลเช่นนี้ นางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน เฉินตันจูละสายตากลับมา
“จู๋หลิน พวกเราไปกันเถิด”