ฮ่องเต้ไม่อยากพบหน้าฮองเฮามานานแล้ว หากคราวนี้เป็นองค์ชายคนอื่น แม้ว่าจะเป็นองค์รัชทายาทถูกฮองเฮาเฆี่ยนตี…ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ ถึงแม้ฮองเฮาจะทำร้ายตนเอง แต่นางไม่มีทางทำร้ายองค์รัชทายาทแม้แต่นิดเดียว…เขาคงไม่สนใจ
แต่เมื่อเป็นโจวเสวียนย่อมไม่ได้
ฮ่องเต้รีบพุ่งตัวไปยังพระตำหนักของฮองเฮา โจวเสวียนถูกเหล่าขันทีกดไว้บนม้านั่งไม้ เตรียมถูกลงโทษ
“หยุด!” ฮ่องเต้ตะโกน “ทำอันใด! วางลง!”
เหล่าขันทีถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะรีบวางไม้ลง
“เจ้ากำลังทำอันใด” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วมองฮองเฮา “ตอนที่พ่อของเขายังอยู่ เขาไม่เคยแตะต้องอาเสวียนแม้แต่น้อย”
ฮองเฮาพูดอย่างขุ่นเคือง “เพราะว่าโจวต้าฟูไม่อยู่แล้ว หม่อมฉันถึงต้องสั่งสอนบุตรชายของเขาแทน เขาไม่เห็นผู้ใหญ่ในสายตา โจวต้าฟูอยู่ด้านล่างคงโกรธจนตายอีกครั้ง”
“เจ้าอย่าใช้โจวชิงเป็นข้อแก้ตัว” ฮ่องเต้ก็โกรธเช่นกัน “เพราะข้าสั่งสอนเขาไม่ดีเอง เจ้าพูดมา เขาทำสิ่งใดผิด ข้ารับโทษแทนเขา”
โจวเสวียนตะโกนจากม้านั่งไม้ “ฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระหม่อม”
ฮ่องเต้หันกลับมาดุ “เงียบ เจ้าทำผิด ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า” หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่ฮองเฮาด้วยสีหน้าไม่ลดละ ทำให้เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดแตะต้องโจวเสวียนได้
ฮองเฮายิ้มเยาะเย้ย “ฝ่าบาทปรนเปรอตามใจเขาเช่นนี้ เป็นเพราะเช่นนี้ ทำให้เขาไม่เคารพผู้ใหญ่”
ฮ่องเต้ไม่ฟังคำของฮองเฮา ถามเพียง “เจ้าแค่บอกว่าเขาทำสิ่งใด”
“หม่อมฉันเรียกให้เขามาคุยเรื่องงานแต่งงาน เขากับจินเหยาอายุมากแล้ว เวลานี้เรื่องของเหล่าท่านอ๋องก็สิ้นสุดลงแล้ว สามารถจัดงานแต่งได้” ฮองเฮาพูด “เรื่องนี้ หม่อมฉันเคยทูลกับฝ่าบาท ฝ่าบาททรงทราบดี”
เรื่องนี้หรือ ฮองเฮาเคยพูดไว้จริง หรืออาจจะบอกว่า ฮ่องเต้ก็คิดเช่นนั้น…
เขาชำเลืองมองไปที่โจวเสวียน
โจวเสวียนไม่เห็นด้วยหรือ เขาเติบโตมากับจินเหยา มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทุกคนในวังต่างเห็นพ้องต้องกันว่าพวกเขาเป็นกิ่งทองใบหยก ทั้งสองคนจะแต่งงานกันไม่ช้าก็เร็ว
ฮองเฮาเยาะเย้ย “เขาไม่ยินยอม เขาไม่ชอบจินเหยา”
โจวเสวียนอธิบายอยู่บนม้านั่งไม้ “ไม่ใช่กระหม่อมไม่ชอบจินเหยา แต่กระหม่อมเห็นนางเป็นเพียงน้องสาว”
ฮองเฮาเยาะเย้ย “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งเหล่านี้กับข้า ความคิดของพวกเจ้าข้ายังไม่รู้หรือ? ไม่ชอบล้วนเป็นน้องสาว” ก่อนจะมองไปยังฮ่องเต้ “เขาไม่ยินยอม หม่อมฉันแค่ตำหนิเขาไม่กี่คำ เขากลับต่อว่าหม่อมฉัน บอกว่าหม่อมฉันยุ่งไม่เข้าเรื่อง ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นแม่ของแผ่นดิน ถามไถ่เรื่องงานแต่งของเขา เป็นการก้าวก่ายหรือเพคะ”
สำหรับคนอื่นอาจจะใช่ แต่สำหรับโจวเสวียน ตอนนั้นเขาบอกกับฮองเฮาว่าให้ดูแลเขาดุจดั่งบุตรของตนเอง บิดามารดาถามไถ่เรื่องงานแต่งของบุตร ไม่ถือเป็นการก้าวก่าย…เจ้าเด็กคนนี้ พูดจาเหลวไหลยิ่งนัก!
ฮ่องเต้มองโจวเสวียนด้วยสีหน้าเดือดดาล “เหลวไหล เจ้าไม่เคารพเหนียงเหนียงเช่นนี้ได้อย่างไร รีบขออภัยและสารภาพผิดเสีย!”
โจวเสวียนนอนคว่ำอยู่บนม้านั่งไม้ บนใบหน้าไม่มีความรู้สึกผิด หากแต่พูด “เหนียงเหนียงต้องรับปากว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องงานแต่งงานของกระหม่อม กระหม่อมจึงจะขออภัย”
ฮองเฮาเยาะเย้ย “ฝ่าบาท พระองค์เห็นกับตาแล้วหรือไม่”
ฮ่องเต้กัดฟันอย่างโกรธจัด “โจวเสวียน เจ้าจะทำอันใด!”
โจวเสวียนนอนคว่ำอยู่บนม้านั่งไม้ มองไปที่ฮ่องเต้ พูดอย่างจริงจังว่า “ฝ่าบาทและฮองเฮาทรงโปรดอย่าก้าวก่ายงานแต่งงานของกระหม่อม”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ผู้ฟังเจ็บปวดยิ่งนัก ฮ่องเต้มองเขา แววตาไม่อาจซ่อนความโศกเศร้าได้ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าจะทำร้ายเจ้าหรืออย่างไร”
โจวเสวียนส่ายหน้า “มิใช่ว่าฝ่าบาทและฮองเฮาจะทำร้ายกระหม่อม แต่กระหม่อมต้องการแต่งงานกับคนที่กระหม่อมต้องการเท่านั้น คนที่กระหม่อมต้องการ ไม่ใช่คนอื่นที่ไม่ต้องการ”
องค์ชายห้าเดินขึ้นมาจากด้านข้าง “โจวเสวียน! จินเหยาไม่คู่ควรกับเจ้าตรงไหนกัน เจ้าทำเกินไปแล้ว! จินเหยารักและดูแลเจ้ามาตลอด แต่เจ้าปฏิบัติกับนางเช่นนี้!” พูดพลางแย่งไม้จากในมือของขันที “ครั้งนี้ไม่ใช่การลงโทษจากเสด็จพ่อและเสด็จแม่ แต่เป็นการแก้แค้นให้น้องสาวของข้าในฐานะพี่ชาย”
เขายกไม้ขึ้น ตีลงไปอย่างแรง
โจวเสวียนไม่หลบ แต่ปล่อยให้ไม้กระทบลงบนตัวของเขาเสียงดัง
องค์ชายห้ายกไม้ขึ้นฟาด ฮ่องเต้ไม่พูดสิ่งใด เพียงแค่มองไปยังโจวเสวียนด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ฮองเฮาดูอยู่ด้านข้าง แววตาฉายแววเย้ยหยันเล็กน้อย
“ฝ่าบาท” นางกล่าว “ถึงแม้จินเหยาไม่ใช่บุตรสาวที่เกิดจากหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันเลี้ยงนางมากับมือ บุตรสาวของหม่อมฉันถูกเหยียดหยามเช่นนี้ ถึงแม้หม่อมฉันจะไม่ใช่แม่ของแผ่นดิน แต่แก้แค้นให้บุตรสาวก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ฮ่องเต้มองไปที่โจวเสวียน “อาเสวียน เจ้าไม่ชอบจินเหยา ไม่ต้องการงานแต่งในครั้งนี้ ข้าไม่โทษเจ้า แต่ท่าทางของเจ้าเกินไป เจ้ารู้ว่าตัวเองผิดหรือไม่”
โจวเสวียนส่ายหน้า “ฝ่าบาท มีเพียงกระหม่อมกระทำเช่นนี้ ถึงทำให้ฝ่าบาทและฮองเฮาเข้าใจสิ่งที่กระหม่อมต้องการได้ มิเช่นนั้น กระหม่อมเกรงว่าจะไม่มีโอกาสเลือก”
พระกรุณาธิคุณของจักรพรรดินั้นยิ่งใหญ่ พระมารดาแห่งโอรสสวรรค์พระราชทานให้เขา หากเขาตอบรับอย่างเกรงใจ จะถูกมองว่าเป็นการตอบรับด้วยการปฏิเสธ ถือเป็นการซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นการปฏิเสธแบบละอายใจ จากนั้นดึงไปดึงมา สุดท้ายจะถูกพระราชทานอย่างบีบบังคับ…
“ดังนั้นเจ้าจึงต้องทำร้ายผู้คนด้วยคำพูด?” ฮ่องเต้พูด น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ข้าในสายตาของเจ้า ข้าห่วงใยเจ้าทุกวิถีทาง เป็นเพียงความเมตตาจากเบื้องบน ไม่มีความอบอุ่นเลยหรือ”
โจวเสวียนยกร่างขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมมิได้หมายความเช่นนั้น…”
“เอาเถิด!” ฮ่องเต้ตัดบท สะบัดแขนเสื้อ ยืนอยู่ข้างตัวฮองเฮา “โจวเสวียนกวนเน่ยโหวเอ่ยวาจาล่วงเกินฮองเฮา ลงโทษเฆี่ยนตีห้าสิบครั้ง เพื่อเป็นการเตือนผู้อื่น!”
มือที่ถือไม้ขององค์ชายห้าสั่นเล็กน้อย แม้ว่าตนเองจะยินดีที่เห็นผู้อื่นถูกเฆี่ยนตี แต่หากห้าสิบครั้งคงเกือบตาย…ถึงแม้ฮ่องเต้ลงโทษเขาตั้งแต่เด็ก แต่รวมกันแล้วก็ยังไม่ถึงห้าสิบครั้ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ โจวเสวียนที่ได้รับความโปรดปรานตลอดก็ไม่ใช่เรื่องดี เมื่อทำให้ฮ่องเต้โกรธ โทษที่ได้รับเท่ากับคนอื่นในหลายปีรวมกัน!
ยังไม่สู้แบ่งห้าสิบไม้นี้เป็นหลายปี คราหนึ่งถูกเฆี่ยนห้าสิบที คนทั่วไปคงรับไม่ไหว!
แม้ว่าขันทีจะเบามือเพราะฮ่องเต้ แต่โจวเสวียนคงลุกจากเตียงไม่ได้เป็นเวลาสิบวันครึ่งเดือน
ในฐานะที่โจวเสวียนยังเป็นประโยชน์กับองค์รัชทายาท องค์ชายห้าจึงอดไม่ได้ที่จะอ้อนวอน “เสด็จพ่อ หนักเกินไป อาเสวียนเป็นคนต้องใช้กำลัง หากได้รับบาดเจ็บจะแย่เอาพ่ะย่ะค่ะ” พูดพลางยกไม้ขึ้นตีโจวเสวียนอีกหลายที “เจ้ารีบยอมรับผิด!”
โจวเสวียนนิ่งเงียบ ฮ่องเต้พูดอย่างเย็นชา “พวกเจ้ายังรออันใด”
ขันทียืนอยู่ด้านข้างรีบรุดไปข้างหน้า สองคนกดโจวเสวียนเอาไว้ อีกสองคนยืนขนาบซ้ายขวา หนึ่งในนั้นไม่ลืมที่จะรับไม้คืนจากองค์ชายห้า
เสียงกระทบดังขึ้น ท่อนไม้ตีลงไปบนร่างกายของโจวเสวียน ตามมาด้วยอีกเสียง ด้านหน้าตำหนักของฮองเฮาเงียบสงัด มีเพียงเสียงของไม้กระทบกับร่างกายเป็นจังหวะ
ชิงเฟิงถูกองครักษ์สองคนจับตัวไว้ด้านข้าง มองไปยังโจวเสวียนที่ไม่ขยับหรือส่งเสียงในขณะที่กำลังถูกตี ร้อนใจจนดวงตาของเขาแดงก่ำ
ห้าสิบไม้ ห้าสิบไม้ เพื่อตีให้ครบห้าสิบไม้ ต้องตีตั้งแต่หลังจนกระทั่งบั้นท้าย มีเพียงตีจนบาดเจ็บไปทั่วตัว ถึงจะรักษาชีวิตของคนผู้นี้เอาไว้ได้
“องค์หญิง” ชิงเฟิงหันไปมองด้านข้าง ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลากำลังจะร้องไห้ออกมา “ได้โปรด ทูลขอร้องฝ่าบาทเถิด”
องค์หญิงจินเหยาที่เสด็จมาหลังจากทราบข่าวยืนมองอยู่ด้านข้าง เวลานี้ส่ายหัว “เสด็จพ่อทำโทษโจวเสวียนเพื่อข้า ข้าจะขอร้องพระองค์ ทำให้พระองค์เสียใจได้อย่างไร” ดวงตาโตอันงดงามของนางมีน้ำตา “เสด็จพ่อถูกโจวเสวียนทำร้ายจิตใจแล้ว ข้าไม่อาจทำร้ายเสด็จพ่อได้อีก”
ชิงเฟิงก้มหน้าลง สีหน้าของเขาดูสิ้นหวังและเศร้าใจ เขาให้องค์หญิงจินเหยาขอร้องได้อย่างไร เป็นเพราะโจวเสวียนปฏิเสธที่จะแต่งงานกับองค์หญิงจินเหยา จึงเกิดการปะทะกับฮ่องเต้และฮองเฮา หญิงสาวที่ถูกปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าผู้คนต้องเสียใจเพียงใด
คนที่เสียใจและเจ็บปวดที่สุดน่าจะเป็นองค์หญิงจินเหยา