รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 283 ที่จับตาของทั้งปวง รถลากคันหนึ่งค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามา!

บทที่ 283 ที่จับตาของทั้งปวง รถลากคันหนึ่งค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามา!

บทที่ 283 ที่จับตาของทั้งปวง รถลากคันหนึ่งค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามา!

เขาหยงหมิงโกลาหลกันหมด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไม่หยุดหย่อน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนกำลังจับตาดูว่าผู้ที่กำลังจะมานั้นเป็นคนใหญ่คนโตเช่นไร

ต้าเต๋อ ฉงคู ฝู่ถู และสิ่งมีชีวิตตนอื่นที่ถูกเปลี่ยนที่พำนักกำลังจับตาดูเช่นกัน จับตาดูว่าพวกเขาต้องหลีกทางให้ผู้ใด

เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ สิ่งมีชีวิตที่เดินทางมายังเขาหยงมิงมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ด้านนอกภูเขาก็เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมาเข้าร่วมงานรื่นเริง

ห่างออกไปไกล กระเรียนขาวตัวหนึ่งบินเข้ามาบนท้องฟ้าสูงระดับ ขนนกของมันขาวผุดผ่องดั่งหิมะ วาววามทุกเส้น เปล่งประกายมงคล ดูสูงส่งศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง

บนหลังของกระเรียนขาวมีหญิงอาภรณ์เขียวคนหนึ่งยืนตระหง่าน รูปโฉมสะคราญเมือง เรือนร่างสะโอดสะอง บุคลิกสูงส่งเหนือโลกีย์

แสงเทวะระยิบระยับขึ้นรอบตัวนางเป็นครั้งคราว ดวงตาคู่งามเปล่งประกายเทวาเหลือล้น นางคือเทพธิดาผู้ก้าวสู่ขอบเขตเทวาแล้ว!

“นางเซียนจากลัทธิเจี๋ยเทียนมาหรือ ใช่นางหรือไม่”

สิ่งมีชีวิตบางตนจำสตรีอาภรณ์เขียวได้ สายตาพลันเร่าร้อน

ลัทธิเจี๋ยเทียนเป็นลัทธิเก่าแก่ในดินแดนฮวง ตั้งมั่นอยู่ท่ามกลางกาลเวลาอันเนิ่นนานมิรู้วาย มีการสืบสานมาอย่างช้านาน รากฐานลึกล้ำเกินหยั่ง

ต่อให้เป็นตระกูลซาง เมื่ออยู่เบื้องหน้าลัทธิเจี๋ยเทียนก็มีราศีหมองลงไปบ้าง

สตรีอาภรณ์เขียวผู้นี้นามเจียงหราน พรสวรรค์โดดเด่นเหนือผู้ใด ชื่อเสียงกึกก้องในบรรดาคนรุ่นเยาว์จากดินแดนฮวง น้อยนักจักมีสิ่งมีชีวิตตนใดเทียบเคียงนางได้

โฮก!

ทันใดนั้น เสียงอสูรคำรามดังมาจากภายในเขาหยงหมิง จากนั้นลำแสงดุดันลำหนึ่งพวยพุ่งออกจากเขาหยงหมิง ถลาไปทางเจียงหรานอย่างรวดเร็ว

ต่อมาสถานที่ตรงนั้นมีศึกใหญ่ปะทุ มิติสั่นคลอน ฟ้าดินกู่ร้อง คลื่นพลังควันหลงแสนน่ากลัวซัดสาดออกไปหลายพันลี้ ภาพการณ์สยดสยองเหลือคณา

ด้านเขาหยงหมิงมียอดฝีมือออกโรง ดึงม่านพลังมโหฬารขึ้น ปกคลุมคุ้มกันเขาหยงหมิง กีดกันคลื่นพลังควันหลงไว้ข้างนอก

“นั่นมัน…ฉงคู!”

เผ่าของมันทนเห็นสัตว์อสูรเป็นสัตว์พาหนะให้ผู้ฝึกตนมนุษย์ไม่ได้ ทะนงตนสูงส่ง ดูหมิ่นเผ่ามนุษย์…

ศึกใหญ่ปะทุ ผู้คนได้เห็นว่าผู้ใดจู่โจมเจียงหราน ลูกหลานสายเลือดบริสุทธิ์แห่งเผ่าฉงฉี ฉงคูนั่นเอง!

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เสียงระเบิดน่าหวาดหวั่นดังไม่หยุดหย่อน พลังชั่วร้ายของฉงคูท่วมท้นนภา สมเป็นทายาทเลือดบริสุทธิ์ของอสูรร้าย พลังในตัวน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง

ทว่ามันหาเรื่องผิดคน เจียงหรานมิใช่ผู้ที่จะจัดการได้ง่าย ๆ

แสงเทวะท่วมท้นออกมารอบกายเจียงหราน สูงส่งเกินมนุษย์หยั่ง เมื่อเผชิญกับการจู่โจมอย่างป่าเถื่อนดุดันของฉงคู นางไม่มีท่าทีกดดันแม้แต่น้อย

นางนั้นเฉิดฉันน่าทึ่ง แม้ว่าอยู่ในการต่อสู้แสนสยองเยี่ยงนี้ กระนั้นยังคงโฉมสะคราญไร้ผู้ใดเทียบเทียม ทุกอากัปกิริยาล้วนงดงามหมดจด ชวนหลงใหลยิ่ง

นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้คนทึ่งไปกว่านั้นคือพลังของเจียงหราน!

ศึกใหญ่นี้มิได้ดำเนินต่อไปนานนัก ฝูงชนก็เห็นฉงคูกระอักเสียงทุ้ม ร่างกายกระเทือนจนถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นฉงคูล่าถอยกลับมา

เห็นได้ชัดว่า ฉงคูเสียเปรียบต่อเจียงหราน มิเช่นนั้นด้วยนิสัยของฉงคู ไฉนเลยจะยอมถอยกลับมา?

ไม่มีทาง!

เจียงหรานสมเป็นธิดาสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งดินแดนฮวง!

ฉงคูกล้าแกร่งปานใด?

ในรุ่นราวคราวเดียวกันนั้นยากจะมีสิ่งมีชีวิตตนใดกำราบได้!

แต่เจียงหรานทำได้ เจียงหรานน่าทึ่งจริง ๆ!

ฟึ่บ!

เวลานั้น เจียงหรานกระโดดลงจากกระเรียนขาว มาอยู่ที่เขาหยงหมิง

“เก่งกาจยิ่งนัก ลัทธิเจี๋ยเทียนได้ศิษย์ดี!”

ผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางก้าวเข้ามา เอ่ยชมเจียงหรานจากใจจริง

“ท่านอาวุโสชมเกินไปแล้ว”

เจียงหรานยิ้มถ่อมตน

“ฮ่า ๆ เราสองคนมีสิทธิ์เข้าพักพระราชวังชั้นสูงใช่หรือไม่!”

เสียงหัวเราะร่วนเสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้เฒ่าชุดเทาคนหนึ่งเดินออกจากมิติ มาอยู่ข้างกายเจียงหรานในพริบตา

เขาคือผู้อาวุโสหูแห่งลัทธิเจี๋ยเทียน เดินทางมาพร้อมกับเจียงหราน

เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงพระราชวังชั้นสูงมีอยู่ทั่วเขาหยงหมิง เขาไม่อยากรู้ยังยาก

ในความคิดของเขา เขากับเจียงหรานคิดจะเข้าไปอยู่นั้นไม่เป็นปัญหา

ถึงอย่างไรลัทธิเจี๋ยเทียนมีรากฐานแกร่งกล้า อยู่ในระดับชั้นยอดของกลุ่มอำนาจฝึกตนในยุคนี้!

“เรื่องนั้น…ไม่ได้”

ผู้อาวุโสเก้าเอ่ยด้วยท่าทางอึดอัดนิดหน่อย

ทว่าเขาเอ่ยต่อทันที “แต่เราเตรียมสถานพำนักแห่งอื่นให้ลัทธิของท่านแล้ว”

เดิมผู้อาวุโสหูมีท่าทีตื่นเต้นอารมณ์เบิกบาน หลังได้ยินคำตอบของผู้อาวุโสเก้า สีหน้าของเขาอึมครึมในบัดดล

อะไร…กันนี่!

เขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า

เขามีศักดิ์สูงถึงผู้อาวุโสแห่งลัทธิเจี๋ยเทียน ซ้ำเจียงหรานยังมีฝีมือโดดเด่นน่าทึ่งเยี่ยงนี้ แต่ยังเจอตอ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปพักอีกหรือ?

“เยี่ยม!”

เขาเอ่ยอย่างเคียดแค้น ก่อนจะพาเจียงหรานจากไป

ในเมื่อไม่ให้เกียรติลัทธิเจี๋ยเทียนของเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติตระกูลซาง

ทว่าเขาไม่ได้พาเจียงหรานจากไปอย่างสิ้นเชิง แต่ผ่าพิภพถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดเขาใกล้ ๆ กับเขาหยงหมิง เพื่อพำนักเป็นการชั่วคราว

งานชุมนุมผู้มีพรสวรรค์สูงส่งในครานี้เป็นเพียงฉากหน้า ซึ่งมีความนัยแอบแฝงอยู่มากกว่านี้

หากมิใช่เช่นนั้น เขาคงพาเจียงหรานกลับไปนานแล้ว ไม่มีทางอยู่ต่อ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สิ่งมีชีวิตอีกคณานับเดินทางมาถึงเขาหยงหมิง กลุ่มอำนาจซึ่งมีภูมิหลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างลัทธิเจี๋ยเทียนก็มีมาไม่ขาดสาย

ทว่าเรื่องที่สิ่งมีชีวิตบนเขาหยงหมิงต่างต้องอึ้งคือ สิ่งมีชีวิตจากกลุ่มอำนาจเหล่านี้ล้วนเจอตอ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพักพระราชวังชั้นสูงบนยอดเขา

“น่าตกใจเกินไปแล้ว!”

“ยังมีกลุ่มอำนาจที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่กว่าลัทธิเจี๋ยเทียนอีกหรือ?”

สิ่งมีชีวิตในเขาหยงมิงส่งเสียงเกรียวกราว ความตะลึงโถมทับจิตใจ

บรรดากลุ่มอำนาจโบราณทรงพลังล้วนไม่ได้ ตระกูลซางเตรียมการเพื่อผู้ยิ่งใหญ่ระดับไหนเชียว

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ยามนั้น รถลากที่ดูสุดแสนธรรมดาคันหนึ่งโดยมีสัตว์อสูรเก้าตัวซึ่งพลังมิได้กล้าแกร่งมากนักลากเหินเข้ามา

หากเป็นก่อนหน้า สิ่งมีชีวิตในเขาหยงหมิงไม่มีทางสังเกตเห็นรถลากคันนี้

ถึงอย่างไรรถลากคันนี้ก็ดูธรรมดาเกินไป แม้นมีสัตว์อสูรลากรถเยอะ กระนั้นระดับพลังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ห่างจากขอบเขตพรตเต๋าอีกไกลโข!

สิ่งมีชีวิตที่มาอยู่ ณ ที่นี้ล้วนมีพลังแกร่งกล้า ภูมิหลังยิ่งใหญ่ ผู้ใดจะให้ความสนใจรถลากแสนธรรมดาเยี่ยงนี้

ทว่ายามนี้ต่างออกไป

ตอนนี้ทุกคนต่างเฝ้ารอสิ่งมีชีวิตที่มาอยู่ ณ เขาหยงหมิงยิ่ง อยากเห็นว่าคนใหญ่คนโตที่ตระกูลซางรอคอยเป็นผู้ใด

สิ่งมีชีวิตตนใดที่เดินทางมายังเขาหยงหมิงล้วนเป็นที่สนใจอย่างมาก

“สัตว์อสูรลากรถ ซ้ำยังมากถึงเก้าตน มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว!”

“ผู้ใดว่าไม่ใช่เล่า! ฉงคูทนเห็นภาพเช่นนี้ไม่ได้เลย ก่อนหน้านี้ยังเสียเปรียบต่อเจียงหรานอย่างมาก ตอนนี้มันคงอัดอั้นตันใจอย่างยิ่งยวด!”

สิ่งมีชีวิตไม่น้อยเอ่ยขึ้น

และก็จริง หลังจากเก้าอสูรผู้ลากรถปรากฏตัว นัยน์ตาฉงคูเปล่งประกายน่ากลัวออกมาทันที กลิ่นอายชั่วร้ายพวยพุ่งปกคลุมฟ้าดินผืนนี้อีกครั้ง!

โฮก!

มันคำรามกราดเกรี้ยว กระโจนขึ้นจากเขาหยงหมิง พุ่งไปทางสัตว์อสูรทั้งเก้า

“แม่เจ้า ผีหลอกหรือนี่”

“เจ้านี่ตายไปแล้วมิใช่หรือ?”

อสูรทั้งเก้าสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเห็นฉงคูที่กำลังพุ่งมาหาพวกมัน พวกมันคิดว่าฉงคูคือ อสูรร้ายตัวเดียวกับที่พวกมันพานพบก่อนหน้านี้เสียอีก

ฉงคูกับน้องชายเป็นอสูรร้ายสายเลือดฉงฉีทั้งคู่ จึงมีร่างกายเหมือนกัน ไม่มีความแตกต่างสักนิด

“เจ้าพวกไร้ศักดิ์ศรี ทำให้เผ่าอสูรอย่างเราต้องขายหน้า ความผิดของพวกเจ้าจักไม่ได้รับการยกเว้น พวกเจ้าสมควรตาย!”

ฉงคูตวาดเสียงเย็น จิตสังหารในตัวพลุ่งพล่าน

เป็นตามที่สิ่งมีชีวิตตนอื่นคิด มันโดนเจียงหรานตอกหน้า โทสะปะทุอยู่ในใจ จิตสังหารรุนแรงเป็นพิเศษ

หากมิใช่ว่าโดนเจียงหรานตอกหน้า ถึงแม้มันจะยังมีจิตสังหาร กระนั้นคงไม่รุนแรงปานนี้ อย่างน้อยมันก็ต้องยอมละเว้นอสูรทั้งเก้าตน

มันในตอนนี้ไม่มีทางทำเช่นนั้น คิดสังหารอสูรทั้งเก้าตนด้วย!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท