รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 284 ไม่ใช่แล้ว นี่มันไม่เหมือนกับที่คิด!

บทที่ 284 ไม่ใช่แล้ว นี่มันไม่เหมือนกับที่คิด!

บทที่ 284 ไม่ใช่แล้ว นี่มันไม่เหมือนกับที่คิด!

ฉงคูกำลังอัดอั้นตันใจ ก่อนนี้มันถูกเจียงหรานตอกหน้า จดต้องอัปยศอดสู หนนี้มันขอระบายโทสะในใจหน่อยเถิด

ทว่าทันทีที่มันพุ่งตัวออกจากเขาหยงหมิง ลำแสงเจิดจ้าลำหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา จากนั้น พลังสุดแสนน่ากลัวสายหนึ่งจู่โจมเข้ามา ตัวมันกระเด็นออกไปในชั่วพริบตา กระแทกกับพื้นอย่างแรงจนพื้นเป็นหลุมใหญ่ เศษหินดินทรายกระเด็นว่อน

“บัดซบเอ๊ย!”

ฉงคูเดือดดาล โมโหอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสเก้าแห่งตระกูลซางไม่รักษากฎเกณฑ์ ไอ้เวรตะไล บังอาจรังแกเขาทั้งที่ตนเป็นผู้อาวุโสกว่า!

ระยำ!

มันอัดอั้นตันใจอยู่ก่อนแล้ว กำลังจะระเบิดอารมณ์ ผลปรากฏว่ายังไม่ทันได้ระเบิด ก็โดนโจมตีใส่จนกระแทกกับพื้นรุนแรง อย่าให้พูดเลยว่าทรมานใจปานใด!

สะอิดสะเอียน อดสู เสียเกียรติ!

ใช่แล้ว

ลำแสงเจิดจ้าที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของมันคือแสงจากตัวผู้อาวุโสเก้า ผู้อาวุโสเก้าหน้าไม่อาย รังแกผู้ที่รุ่นหลังกว่า!

“สงบเสงี่ยมเถิด มิฉะนั้นข้าจักฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!”

ผู้อาวุโสเก้าถลึงตาใส่ฉงคู ตำหนิเสียงเย็น

เขาไฉนเลยจะทนดูฉงคูลงไม้ลงมือกับท่านเซียนได้

ไม่มีทาง!

“นี่…หมายความว่าอย่างไร?”

“ดูแล้วไม่เข้าใจเลย!”

สิ่งมีชีวิตทั้งหลายมึนงงกันหมด ไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้อาวุโสเก้าถึงลงมือกับฉงคู

ทว่าในไม่ช้าพวกเขาก็กระจ่าง

หลังผู้อาวุโสเก้าเหวี่ยงฉงคูฟาดพื้นแล้ว ก็พาผู้อาวุโสตระกูลซางทั้งหมดเหินไปอยู่หน้ารถลากคันนั้น

จากนั้น ซางเจี๋ย ซางเหิง และโอรสสวรรค์วัยเยาว์ทั้งหลายเหินตามเข้าไป

ไฉนเลยพวกเขาจะไม่เข้าใจ

เห็นได้ชัดว่าผู้ที่อยู่ในรถลากก็คือ คนใหญ่คนโตที่พวกเขารอคอยมานาน!

รู้หรือไม่ ต่อให้เป็นธิดาสวรรค์ และยอดฝีมือจากกลุ่มอำนาจอย่างลัทธิเจี๋ยเทียนมา ตระกูลซางยังมิได้มีพิธีการเยี่ยงนี้ ไม่เคยออกไปต้อนรับอย่างพร้อมเพรียงมาก่อน

ผู้ที่อยู่ในรถลาก ย่อมไม่ธรรมดา!

สาเหตุที่ผู้อาวุโสเก้าลงไม้ลงมือกับฉงคูก็คงเป็นเช่นนี้

ชั่วขณะนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างเพ่งสายตาไปยังรถลากคันนั้น

พวกเขาต่างคิดไม่ถึงว่าภายในรถลากแสนธรรมดาคันนี้ จักมีคนใหญ่คนโตที่พวกเขารอคอยมานานนั่งอยู่!

“คุณชาย แม่นางเซี่ยเหยียน พวกเราเตรียมที่พำนักไว้ให้แล้ว”

ซางเหิงเหินจากด้านหลังไปอยู่ด้านหน้าสุด

“พวกเราได้ยินเรื่องราวมาจากซางเหิงแล้ว หากไม่ได้พวกท่าน ซางเหิงย่อมไม่รอด ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยชีวิตซางเหิง พวกเราตั้งใจมาต้อนรับพวกท่าน!”

ผู้อาวุโสเก้าเหินเข้ามาด้วย

ซางเหิงอธิบายทุกอย่างกับเขาไว้ก่อนแล้ว เขามิกล้าฝ่าฝืนข้อห้ามของท่านเซียน และรู้ว่าท่านเซียนดำรงตนในฐานะปุถุชนอยู่

แม้เขาไม่เข้าใจว่าเหตุไฉนท่านเซียนต้องดำรงตนในฐานะปุถุชนด้วย กระนั้นเขามิกล้าถามมาก ได้แต่ตามน้ำไป มิกล้าแข็งข้อแม้แต่น้อย

น่าขัน นั่นคือท่านเซียนเชียวนะ ไม่ตามน้ำไปมิเท่ากับรนหาที่ตายหรือ!

เขามิกล้าล้อเล่นกับชีวิตของตน…

“มิต้องเกรงใจ”

ภายในรถลาก หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม คิดในใจว่าการช่วยซางเหิงไว้ไม่เลวจริง ๆ

มิฉะนั้น เกรงว่าป่านนี้คงยังไม่มีที่พัก

ไม่เห็นหรือว่าผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรเนืองแน่นเต็มทั้งนอกเขาในเขาไปหมด

เขาตื่นเต้นนิดหน่อย

เขายังไม่เคยเห็นผู้ฝึกตนกับสัตว์อสูรมากมายปานนี้มาก่อน และไม่เคยเข้าร่วมงานชุมนุมของโลกแห่งการฝึกตนเช่นนี้เลย

“ดูท่ารถลากที่ดูเหมือนธรรมดา แท้จริงแล้วไม่ธรรมดาเลย!”

บนยอดเขาใกล้เขาหยงหมิงแห่งหนึ่ง สีหน้าของผู้อาวุโสหูจากลัทธิเจี๋ยเทียนเคร่งเครียดอย่างมาก เขาเปิดประสาทสัมผัสเทวา ต้องการล่วงรู้สถานการณ์ภายในรถลาก

ทว่าเมื่อประสาทสัมผัสเทวาของเขาคืบคลานถึงรถลาก กลับหมดพลังลงเสียอย่างนั้น!

รถลากกีดขวางประสาทสัมผัสเทวาของเขา!

ตัวเขาทรงพลังปานใด เขาเป็นถึงผู้มีฝีมือโดดเด่นแม้ในหมู่ราชันเทวาด้วยกัน รถลากกลับกีดขวางประสาทสัมผัสเทวาของเขาได้ ไม่ต้องสงสัย รถลากคันนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!

“เอ๊ะ ประสาทสัมผัสเทวาของข้าถูกกีดขวางอย่างนั้นหรือ!”

อีกด้าน ฝู่ถูคิ้วขมวดมุ่น เขาเปิดประสาทสัมผัสนักบุญ ด้วยต้องการล่วงรู้สถานการณ์ภายในรถลากเช่นกัน

ทว่าประสาทสัมผัสนักบุญของเขาใช้การไม่ได้ ถูกรถลากกีดขวางไว้!

ขณะเดียวกัน ยอดฝีมืออย่างพระอาจารย์เกาเซิงจากพุทธศาสนาก็พากันเปิดประสาทสัมผัสเทวาและประสาทสัมผัสนักบุญของพวกเขาเช่นกัน หมายจะล่วงรู้สถานการณ์ภายในรถลาก

ทว่าไร้ซึ่งข้อยกเว้น พวกเขาล้มเหลวทั้งหมด ประสาทสัมผัสเทวาและประสาทสัมผัสนักบุญถูกกีดขวาง

สถานที่แห่งนี้มิได้มีฝู่ถูเป็นนักบุญคนเดียว ยังมีนักบุญอื่น ๆ อีกไม่น้อย

มีทั้งนักบุญจากยุคโบราณ และนักบุญจากยุคนี้

พวกเขาต่างถูกเชิญมา ณ ที่แห่งนี้

กระนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว จำนวนนักบุญจากยุคโบราณมีมากกว่า จำนวนนักบุญจากยุคนี้ค่อนข้างน้อย มีอยู่คนสองคนเท่านั้น

สภาพแวดล้อมในยุคนี้ย่ำแย่เกินไป การเป็นนักบุญจึงเป็นเรื่องยากยิ่ง มีนักบุญขึ้นมาได้คนสองคนนับว่าน่าทึ่งมากแล้ว

“อมิต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา! ผู้ที่แย่งพระราชวังพำนักของข้ามาแล้วหรือ ท่านภิกษุน้อยผู้นี้ทนไม่ได้!”

ต้าเต๋อเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ราวกับไม่สนใจสิ่งใดแล้ว เขาต้องการเข้าไป ‘โต้วาที’ กับอีกฝ่ายเท่านั้น!

“อย่าได้ผลีผลาม!”

พระอาจารย์เกาเซิงวางมือข้างหนึ่งบนตัวต้าเต๋ออย่างรวดเร็ว สะกดต้าเต๋อเอาไว้ กลัวว่าอีกฝ่ายจะก่อความผิดใหญ่หลวง

ตระกูลซางยอมล่วงเกินต่อกลุ่มอำนาจแกร่งกล้าต่าง ๆ เพื่อคนในรถลาก สะท้อนให้เห็นว่าคนในรถลากคันนี้ไม่ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย จะผลีผลามไม่ได้เด็ดขาด!

“คุณชายเชิญตามพวกเรามา”

ผู้อาวุโสเก้านำทางอยู่ด้านหน้า อสูรทั้งเก้าลากรถตามอยู่ด้านหลัง จนมาถึงยอดเขาหยงหมิง

พวกเขากางม่านพลังไว้รอบ ๆ อยู่ก่อนแล้ว คนนอกเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด

ผู้อาวุโสเก้ามิกล้าปล่อยให้ผู้ใดเข้ามารบกวนท่านเซียน ม่านพลังที่กางไว้ทรงพลังอย่างยิ่ง อีกทั้งยังส่งยอดฝีมือมากมายในตระกูลมาอารักขาอยู่ในเงา

รถลากลงจอดบนยอดเขา พวกหลี่จิ่วเต้าเดินลงจากรถ

“เชิญด้านใน ที่นี่คือที่พำนักที่พวกเราเตรียมให้พวกท่าน”

ผู้อาวุโสเก้าเอ่ยยิ้ม ๆ ขณะเดินนำทางอยู่ด้านหน้า

ยอดฝีมือทุกคนบนเขาหยงหมิงต่างพุ่งความสนใจไปที่รถลาก ทว่าเมื่อพวกหลี่จิ่วเต้าลงจากรถลากแล้ว พวกเขาชะงักกันไปหมด

นี่มันไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดไว้!

ในหมู่คนที่ลงมาไม่มีคนใหญ่คนโตเกินหยั่งใด ๆ!

ปุถุชนสองคน เด็กแปดคน ผู้ฝึกตนหญิงสามคน…

“นี่มันอะไรกัน!”

“เรื่องเป็นมาอย่างไร!?”

พวกเขาสับสนกันหมด ในบรรดาผู้ที่ลงจากรถลาก ขอบเขตที่สูงที่สุดก็เป็นเพียงขอบเขตเทวาเท่านั้น มิได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิดไว้สักนิด!

“อมิต้าเต๋อฝอ เจ้านี่เอง!”

ต้าเต๋อเห็นอ้ายฉานแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมาในบัดดล หวนนึกถึงศึกชิงวัวยักษ์สีดำในครานั้น!

ท่ามกลางฝูงชน ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงก็อยู่ พวกเขาก็ได้รับเทียบเชิญงานชุมนุม และเดินทางมาอยู่ที่เขาหยงหมิง

พวกเขาสบตากัน ก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมาทั้งคู่

พวกเขาเห็นท่านเซียน!

ยามนี้พวกเขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว เข้าใจว่าเหตุใดตระกูลซางถึงเอิกเกริกเยี่ยงนี้

ท่านเซียนมาทั้งที ตระกูลซางย่อมต้องกระตือรือร้นต้อนรับ

“ไปเถิด ไปหาคุณชาย!”

“ไป!”

พวกเขาสองคนเดินทางขึ้นยอดเขาอย่างรวดเร็ว

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน