รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 285 พลังขอบเขตใช้การไม่ได้ หรือว่าจะสุดยอดยิ่งกว่ายอดนิกายมหาเต๋า

บทที่ 285 พลังขอบเขตใช้การไม่ได้ หรือว่าจะสุดยอดยิ่งกว่ายอดนิกายมหาเต๋า

บทที่ 285 พลังขอบเขตใช้การไม่ได้ หรือว่าจะสุดยอดยิ่งกว่ายอดนิกายมหาเต๋า

คนลงมาจากรถลาก แม้ขอบเขตของพวกเขาจะไม่สูงนัก ขอบเขตสูงที่สุดอยู่แค่ขอบเขตเทวาเท่านั้น

แต่เหล่ายอดฝีมือเขาหยงหมิงไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลน

จะกล้าดูแคลนได้อย่างไร?

ตระกูลซางถึงกับเหาะเหินออกมาจากตำหนักเพื่อต้อนรับคนเหล่านี้ คนพวกนี้จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

ไม่จำเป็นต้องให้มากความก็รู้คนพวกนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา!

ขอบเขตไม่สูงหากไม่ใช่แข็งแกร่งอย่างที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว

คนจากรถลากเหล่านี้ จะต้องมีภูมิหลังอันทรงพลังซ่อนอยู่!

ตระกูลซางถึงกับให้หน้าเบื้องหลังคนเหล่านี้!

“น่าจะเป็นเช่นนี้…”

ผู้อาวุโสหูของลัทธิเจี๋ยเทียนหรี่ตาพลางกล่าว “ เด็กทั้งแปดคนอายุเพียงไม่กี่ขวบ แต่พวกเขาทั้งหมดก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าแล้ว หากเบื้องหลังไม่มียอดนิกายโบราณคอยสนับสนุน จะสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ใช่แล้ว!”

ด้านข้างเจียงหรานพยักหน้าเล็กน้อยเห็นด้วยพลางกล่าว “นี่เป็นต้องเป็นยอดยนิกายโบราณอย่างแน่นอน มิฉะนั้นไม่ว่าพรสวรรค์จะน่าทึ่งเพียงใด เด็กทั้งแปดคนก็คงจะไม่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าได้ตั้งแต่อายุยังน้อย!”

นางกล่าวต่อไปว่า “เส้นทางการฝึกตน แม้พรสวรรค์จะเป็นสิ่งสำคัญ แต่แหล่งทรัพยากรสนับสนุนก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งสองอย่างนี้ส่งเสริมเกื้อกูลทำให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว”

เรื่องนี้นางเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

พรสวรรค์ของนางนั้นน่าทึ่งไร้ผู้เทียบเคียง แต่ยังคงต้องพึ่งพาลัทธิเจี๋ยเทียนสั่งสอนเช่นกันจึงประสบความสำเร็จ

หากตัวนางเพียงคนเดียว ปราศจากการดูแลสั่งสอนอย่างเอาใจใส่จากลัทธิเจี๋ยเทียนนางคงไม่ประสบความสำเร็จมากมายถึงเพียงนี้อย่างแน่นอน!

“ต้าเต๋อ เจ้ารู้จักคนเหล่านี้หรือไม่?”

พระอาจารย์เกาเซิงได้ยินดังนั้นจึงหันไปหาต้าเต๋อพลางถามต้าเต๋อ

เมื่อครู่ต้าเต๋อกล่าวว่า ‘เจ้านี่เอง!’ เห็นได้ชัดว่าต้าเต๋อกับคนเหล่านี้เคยเจอกันมาก่อน

“ไม่รู้จัก แต่ข้าเคยประมือกับแม่นางด้านใน”

ต้าเต๋อยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพ่ายแพ้ให้กับคนรุ่นเดียวกัน เขาจึงจำมันได้แม่น จวบจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ลืม

“เจ้าเล่าเรื่องนี้ให้ข้า…”

ดวงตาของพระอาจารย์เกาเซิงเปล่งประกาย

“เล่าไร้สาระอะไรกัน! เณรน้อยเช่นข้าไม่บอกหรอก!”

ต้าเต๋อทำหน้ามุ่ย เขาไม่อยากกล่าวถึงเรื่องน่าอับอายเช่นนี้

พระอาจารย์เกาเซิงทำหน้าดุ จนเกิดเป็นรอยย่นตรงหน้าผาก เขาบำเพ็ญมาหลายปี จิตพุทธะแน่วแน่ไร้เทียมทานแต่เมื่ออยู่กับต้าเต๋อ จิตพุทธะของเขาคล้ายกำลังถูกท้าทายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกือบแตกกระเจิง!

“เล่ามา!”

แม้จิตพุทธะของเขาจะแตกกระเจิง เขาก็ต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้

นี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่

“พระอาจารย์ถามสิ่งใดกัน เณรน้อยบอกแล้วไม่เล่าก็คือไม่เล่า!”

ต้าเต๋อกล่าวตัดบท

แต่แล้วดวงตาเล็ก ๆ ของเขากลอกไปมาอย่างรวดเร็วพลางหัวเราะส่งเสียงฮี่ๆ กล่าวว่า “เรื่องนี้สามารถเจรจากันได้ เพียงช่วยข้าทำเรื่องหนึ่งเป็นอันว่าตกลง”

“เรื่องอะไรหรือ?” พระอาจารย์เกาเซิงถาม

“ฮี่ฮี่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ช่วยข้าจับหมีตัวใหญ่ออกมาจากตำหนักพระเวทโพธิสัตว์*[1] ข้าคิดอยากกินอุ้งเท้าของหมีตัวใหญ่มานานแล้ว ตัวหนึ่งนึ่ง อีกตัวหนึ่งตุ๋นน้ำแดง”

ต้าเต๋อเอียงศีรษะซึ่งไร้เส้นผม กลมเกลี้ยงจนส่องประกายแวววับและกล่าวว่า “ใช่แล้ว หากเป็นไปได้ จับปลาจากสระบัวตำหนักพระเวทโพธิสัตว์ให้ข้าด้วยก็ดี ให้ข้าเอากลับมาต้มน้ำแกงปลาดื่ม”

“…”

ฟังคำพูดของต้าเต๋อจบ สีหน้าพระอาจารย์เกาเซิงก็มืดครึ้ม จิตพุทธะที่เพิ่งจะสงบเริ่มสั่นคลอนอีกครั้ง

เขาถึงกับก่นด่าอยู่ในใจ!

สถานะของพระเวทโพธิสัตว์นั้นสูงส่งยิ่ง เขาเป็นหนึ่งในผู้นำของเก้าพุทธศาสนาในโลก ขอบเขตบำเพ็ญเพียรของเขาไปถึงระดับที่ไม่รู้จักแล้ว

อีกอย่าง หมีตัวใหญ่ที่อยู่ใต้ตำหนักได้ทะลวงผ่านขอบเขตนักบุญไปแล้ว มันเป็นถึงราชันนักบุญสัตว์อสูร!

ในสระบัวของพระเวทโพธิสัตว์ ปลาเหล่าหาใช่ปลาธรรมดาไม่ แต่ละตัวเป็นปลาเทวา ถึงกับมีปลาระดับนักบุญอาศัยอยู่!

ต้าเต๋อไม่ถือศีลก็แล้วไปเถอะ แต่ถึงขนาดอยากกินอุ้งเท้าของหมีตัวใหญ่ขั้นราชันนักบุญด้วยแล้ว ยังอยากจะซดน้ำแกงจากปลาเทวาในสระบัวด้วยอีก…

เจ้าเด็กนี่… ยิ่งคิดจิตพุทธะของเขายิ่งสั่นคลอนแทบแตกสลายอย่างรวดเร็ว!

“วางใจเถอะ เณรน้อยอย่างข้าเป็นคนรักษาสัจจะมาก ถึงเวลาจะให้ท่านกินอุ้งเท้าของหมี ดื่มน้ำแกงปลาด้วยกัน ”

ต้าเต๋อไม่ได้สังเกตสีหน้าของพระอาจารย์เกาเซิงที่ดำคล้ำเสียจนไม่อาจคล้ำไปกว่านี้แล้ว เขายังคงกล่าวต่อไป

ตอนนี้เอง พระอาจารย์เกาเซิงรู้สึกทนไม่ไหว จิตพุทธะพังทลายในที่สุด ปาก จมูกและหูโมโหจนควันแทบออก!

“ข้าจะให้เจ้ากิน ข้าจะให้เจ้าดื่ม!”

เขากล่าวกับต้าเต๋อพลางลงมือทุบอย่างดุร้ายทันที ทุบตีจนต้าเต๋อแหกปากร้องไห้ลั่น

พระอาจารย์เกาเซิงทุบตีคนด้วยความโมโห???

สิ่งมีชีวิตรอบข้างเห็นฉากนี้แล้ว บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา

สิ่งมีชีวิตของศาสนาพุทธจะต้องละเว้นความโกรธ ความไม่พอใจ ยิ่งระดับการบ่มเพาะของสิ่งมีชีวิตในศาสนาพุทธสูงส่งเท่าใด จิตพุทธะก็ยิ่งมั่นคงมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาไม่ใช่คนโมโหง่าย

ทว่าตอนนี้พระอาจารย์เกาเซิงควันแทบออกปาก จมูก หู ซ้ำยังโมโหลงมือทุบตีอย่างรุนแรง

พระผู้นี้ช่างเจ้าอารมณ์เหลือเกิน!

อีกอย่าง เรื่องนี้ช่างแปลกยิ่งนัก!

สุดท้ายถูกพระอาจารย์เกาเซิงทุบตี ต้าเต๋อก็ข่มอารมณ์ขุ่นข้องใจเล่าทุกอย่างออกมา

“หนึ่งลมหายใจแยกร่างนับพัน?”

สีหน้าพระอาจารย์เกาเซิงพลันเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า “เป็นไปได้ว่าเบื้องหลังของพวกเขามียอดนิกายเหนือจินตนาการอยู่!”

ตอนแรกเขายังรู้สึกอีกว่าพวกเซี่ยเหยียนได้รับการสนับสนุนจากตัวตนเหนือจินตนาการด้วย พอตอนนี้ได้ที่ต้าเต๋อเล่า เขาก็ยิ่งแน่ใจมากขึ้น

หนึ่งลมหายใจแยกร่างนับพัน ใช้พลังเจ็ดส่วนของร่างหลักได้ด้วย!

เคล็ดวิชาเช่นนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!

ในพุทธศาสนาของพวกเขา เรื่องจำนวนของการแยกร่างถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ต้องพูดถึงว่าแยกร่างแล้วยังต้องควบคุมพลัง เทียบกับพวกอ้ายฉานแล้ว ช่างห่างชั้นกันยิ่งนัก!

มิแปลกใจเลยว่า เคล็ดวิชาแยกร่างของอ้ายฉานนั้นจะต้องเป็นวิชาขั้นสูงอย่างแน่นอน ซ้ำแล้วอาจจะเหนือยิ่งกว่าเคล็ดวิชามหาจักรพรรดิเสียอีก!

“เหยียนโจวของแดนหยินเดิมทีก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ที่แห่งนี้เคยกำเนิดยอดนิกายมหาเต๋ามาก่อน ว่ากันว่าสืบทอดกันผ่านทางสายเลือด ยกตัวอย่างเช่นราชวงศ์อวี่ฮว่าที่เคยปกครองโลกทั้งใบ ได้รับความเคารพจากทุกเผ่าพันธุ์…”

พระอาจารย์เกาเซิงกระซิบและดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ แสดงความลุ่มลึกยิ่งขึ้น

ราชวงศ์อวี่ฮว่าอยู่จุดสูงสุด แม้แต่พุทธศาสนาของพวกเขายังต้องเคารพ…

ตอนนี้คาดว่ายอดนิกายมหาเต๋าอันน่าหวาดเกรง เฉกเช่นราชวงศ์อวี่ฮว่าจะปรากฏบนโลกนี้อีกครั้ง?

“แมวน้อยสีขาวตัวนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย…”

ในอีกด้านหนึ่ง หานเยว่จากตระกูลหานหรี่ดวงตากลมโตของนาง จดจ้องมองแมวสีขาวตัวน้อย ถัดจากร่างของหลี่จิ่วเต้า พลางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเป็นพิเศษ

“เยว่เอ๋อร์ ความรู้สึกของเจ้าช่างเฉียบแหลมยิ่งนัก!”

ถัดจากหานเยว่ เป็นหญิงชรารูปร่างหลังค่อม ยันไม้เท้าหลีมู่และกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ้มลึก “แมวสีขาวตัวน้อยตัวนี้ไม่เพียงแต่ไม่ธรรมเท่านั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดาที่สุดแล้ว! สายเลือดในร่างกายของมันทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัวอย่างไร้สิ้นสุด!”

จากนั้นนางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่คาดไม่ถึงว่า “สายเลือดเช่นนี้ช่างน่ากลัวนัก ขนาดที่ว่าสายเลือดของอสูรร้ายอย่างฉงฉีก็ไม่สมควรพูดถึงต่อหน้าสายเลือดแมวน้อยสีขาว แมวน้อยสีขาวตัวนี้สืบสายโลหิตของอสูรร้ายบรรพกาลทั้งสิบมาใช่หรือไม่?”

“อสูรร้ายบรรพกาลทั้งสิบ!”

หานเยว่ตกตะลึง อดไม่ได้ที่เอ่ยออกมาว่า “น่ากลัวเพียงนั้นเชียวหรือ?”

อสูรร้ายทั้งสิบอยู่ยงคงกระพันบนโลกใบนี้ เป็นผู้อ้างตนว่ารับใช้ท่านเซียน!

สายเลือดของแมวขาวตัวเล็กน่ากลัวถึงเพียงนี้เชียว?

[1] พระเวทโพธิสัตว์ เป็นเทพธรรมบาลผู้คุ้มครองธรรมในพุทธศาสนา โดยมากนิยมนับถือในศาสนาพุทธแบบจีน

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท