หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 940 ขอบคุณผู้อาวุโส!

บทที่ 940 ขอบคุณผู้อาวุโส!

หวังเป่าเล่อพูดอย่างมุ่งมั่นเด็ดขาดและยังเผยให้เห็นความไม่เกรงกลัวราวกับว่าชีวิตของเขานั้นพ่ายแพ้ได้ แต่หากต้องตายก็จะขอยืนตายแทนการคุกเข่าจำนน ดังนั้นเขาสามารถช่วยอีกฝ่ายได้ แต่นั่นไม่ใช่เพราะคำข่มขู่ แต่เพราะเขาตั้งใจจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว

เขาเป็นคนที่รู้จักตอบแทนบุญคุณ อีกทั้งยังก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด จิตใจล้วนเต็มไปด้วยความจริงใจ

แม้แต่ขณะที่พูดอยู่ หวังเป่าเล่อก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นเช่นนั้น ดังนั้นสายตาจึงล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ เขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับต้นสนและจับจ้องไปยังกระดาษรูปมนุษย์ก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบา

“ขอผู้อาวุโสโปรดอย่าข่มขู่กันอีก มิเช่นนั้นการตอบแทนของผู้น้อยจะกลายเป็นการรักตัวกลัวตายแทนที่จะเป็นการเต็มใจ”

“เพราะฉะนั้นขอให้ผู้อาวุโสเก็บคำพูดนั้นกลับไปด้วย!” หวังเป่าเล่อทำหน้าไม่พอใจ เมื่อพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อ สีหน้าบูดบึ้ง

นั่นทำให้กระดาษรูปมนุษย์ชะงักไป

แม้จะเฝ้าดูหวังเป่าเล่อมานานและเข้าใจความคิดของเขาอยู่บ้าง ทว่าก็ยังตกใจกับคำพูดของหวังเป่าเล่อไปครู่หนึ่ง แม้สีหน้าจะยังมีความเคารพ แต่ในไม่ช้าก็รู้สึกว่าท่าทางของอีกฝ่ายไม่ค่อยสอดคล้องกับที่เขารับรู้มา

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกายหวังเป่าเล่อมานานขนาดนั้น เขาจึงไม่สามารถตัดสินได้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เลิกคิดแล้วพยักหน้าให้หวังเป่าเล่อ

“เป็นข้าที่พูดผิดไป ต่อไปข้าจะพูดให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม…ขอบคุณสหายเซี่ยที่ช่วยเหลือ!”

ได้ยินเช่นนี้สีหน้าหวังเป่าเล่อจึงผ่อนคลายลง เขามองกระดาษรูปมนุษย์ก่อนจะส่ายหน้าและถอนหายใจ

“ช่างเถอะ ผู้อาวุโสเองก็อยากที่จะมีชีวิตรอด ผู้น้อยเดาได้ว่าเรื่องที่ผู้อาวุโสต้องการให้ผู้น้อยทำนั้นเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของจักรวรรดิดาวตก อยากให้ข้าทำอย่างไร เมื่อถึงเวลาที่ผู้อาวุโสเห็นว่าเหมาะสมก็บอกข้าได้ ถึงผู้น้อยแซ่เซี่ยจะมีตบะต่ำ แต่ก็มีเลือดเนื้อให้เสีย!”

“แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ ผู้น้อยเองก็มีเรื่องให้ผู้อาวุโสช่วยเช่นกัน…ผลึกมายาอยู่ที่ไหนกันแน่” หวังเป่าเล่อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ในใจเขายังพอใจกับสีหน้าท่าทางที่ตนแสดงออกไปมาก ในอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงเคยกล่าวไว้ว่าการเคารพซึ่งกันและกันเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการสร้างความพึงพอใจระหว่างสองฝ่าย!

อย่างเช่นตอนนี้ หวังเป่าเล่อคิดว่าหากตนทำให้ผู้อื่นคิดว่าร่วมมือด้วยเพราะโดนข่มขู่ เช่นนั้นแล้วระหว่างที่ร่วมมือกันเขาก็ต้องโดนกดขี่ไปตลอด หากคิดจะได้ผลประโยชน์เพิ่มเติมคงเป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว

อันที่จริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หากหวังเป่าเล่อไม่ยอมช่วย กระดาษรูปมนุษย์ก็ยังสามารถใช้วิธีบีบบังคับแบบอื่นได้ แต่หวังเป่าเล่อดูจริงใจหาใดเปรียบราวกับช่วยจากก้นบึ้งหัวใจ นั่นทำให้กระดาษรูปมนุษย์ไม่อาจใช้กำลังบังคับรุนแรงได้ ในเมื่ออีกฝ่ายเต็มใจช่วยก็บรรลุจุดประสงค์ของเขาแล้ว

หากยังใช้กำลังบังคับอีกก็ไร้เหตุผลจริงๆ

เพียงแค่เปลี่ยนจากการร่วมมือกันเป็นการช่วยเหลือ บรรยากาศก็เปลี่ยนไป ซึ่งทำให้กระดาษรูปมนุษย์สับสนอยู่ในใจ

“แค่พูดไม่กี่คำก็กลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” กระดาษรูปมนุษย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีความลับมากมาย แต่ใจจริงเขาให้ความสำคัญกับภูมิหลังและที่มาของเขาเท่านั้น ไม่สนใจตัวเขามากนัก

แต่ตอนนี้…ต่างออกไปแล้ว กระดาษรูปมนุษย์ที่ตอบสนองกลับมาได้ตระหนักแล้วว่าผู้ฝึกตนจากนอกพิภพตรงหน้า ไม่ใช่แค่มีภูมิหลังลึกลับ ที่มาไม่ธรรมดา แต่ยังสติปัญญาดี คนแบบนี้ต่อให้ในวันนี้ตบะไม่สูง แต่หากให้เวลาเขาได้เติบโต จักรวาลในวันหน้าคงจะมีตำแหน่งที่เหมาะสมกับคนคนนี้

ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นยามมองหวังเป่าเล่ออย่างลึกซึ้ง หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เปลี่ยนความคิด เดิมเขาตั้งใจจะเปิดเผยเบาะแสบางอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายหาผลึกมายาได้ในตอนสุดท้าย วิธีนี้เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขาและไม่ยุ่งยาก

แต่ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองสามารถบอกไปตรงๆ ได้เลย ถึงอย่างไร…ความจริงใจของอีกฝ่ายนั้นเขาก็ไม่อยากเมินเฉย ดังนั้นหลังจากเหลือบมองหวังเป่าเล่อ กระดาษรูปมนุษย์ก็พูดช้าๆ

“สหายน้อย ข้ามีเหตุผลไม่ดีบางอย่างจะบอก ข้าไม่สะดวกที่จะเผยตัวนานเกินไป ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ข้าจึงไม่สามารถปรากฏตัวได้ แต่ข้าสามารถใช้สัมผัสเชื่อมต่อของตัวข้าช่วยเจ้าหาตำแหน่งผลึกมายาได้ เจ้าต้องเป็นคนไปหยิบเอง”

ทันทีที่หวังเป่าเล่อได้ยิน ในดวงตาก็เผยแสงจ้าและรีบพยักหน้าทันที

เมื่อบรรลุข้อตกลงกับหวังเป่าเล่อ กระดาษรูปมนุษย์ก็หลับตาลง ก่อนที่ร่างของเขาจะบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนจะใช้เคล็ดวิชาที่หวังเป่าเล่อไม่เข้าใจสัมผัสเชื่อมต่อไปทั่วทั้งดาวมายา ผ่านไปไม่นานหรือก็คือช่วงเวลาสิบกว่าอึดใจ กระดาษรูปมนุษย์ก็ลืมตา ก่อนจะยกมือขวาขึ้นรวมพลังออกมาเป็นแสงลูกหนึ่งและส่งไปตรงหน้าหวังเป่าเล่อ

“สัมผัสสิ่งนี้ ข้างในจะมีตำแหน่งของผลึกมายาอยู่!”

“ขอบคุณผู้อาวุโส!” หวังเป่าเล่อสีหน้าดีอกดีใจ หลังจากชั่งน้ำหนักในใจอย่างรวดเร็วก็คิดว่าตอนนี้อีกฝ่ายไม่น่าจะทำร้ายเขาแล้ว เขาจึงตัดสินใจถือแสงตรงหน้า ก่อนจะกวาดจิตใต้สำนึกออกไป ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นในหัวและควบแน่นเป็นพลังนำทาง

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ณ ที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ราวกับมีเสียงสะท้อนกับตัวเขา ดังนั้นหลังกำหมัดคำนับกระดาษรูปมนุษย์แล้ว หวังเป่าเล่อก็ไม่รอช้าสะบัดร่างออกไปยังทิศที่เสียงสะท้อนนำทางด้วยความเร็วเต็มกำลัง

หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หวังเป่าเล่อก็มาถึงจุดที่มีเสียงสะท้อนแล้ว ที่แห่งนี้ดูเหมือนแอ่งน้ำ บริเวณโดยรอบว่างเปล่า มีเพียงร่างมายาหลายสิบร่างที่กระจายตัวมาที่นี่เดินเตร่อยู่

หวังเป่าเล่อไม่คุ้นหน้าร่างมายาพวกนี้จึงรู้ได้ว่ามันไม่ใช่คนที่ถูกเขาสังหาร คงจะเป็นร่างมายาที่ตายจากฝีมือมหาศิษย์แห่งเต๋าคนอื่นๆ เขาจึงแผ่ขยายจิตใต้สำนึกออกไปอีกครั้ง หลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีคนอื่นอยู่รอบๆ หวังเป่าเล่อก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและพุ่งลงไปในแอ่งน้ำทันที

การกระทำของเขาดึงดูดความสนใจจากร่างมายาพวกนั้นในพริบตา แต่ละร่างเงยหน้ามองไปยังหวังเป่าเล่อและในชั่วอึดใจก็ส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่ง

แต่ร่างมายาพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นขั้นจุติวิญญาณ ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเพียงขั้นเชื่อมวิญญาณเท่านั้น สำหรับหวังเป่าเล่อแล้วพลังโจมตีของพวกมันล้วนด้อยกว่ายุง ไม่ต้องมองให้เสียเวลาด้วยซ้ำ เพียงแค่ผิวปาก ลมพายุที่ก่อตัวขึ้นก็ฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ ได้แล้ว เมื่อไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ อีก หวังเป่าเล่อก็เข้าสู่ส่วนลึกของแอ่งได้ในพริบตา

ครู่ต่อมา เมื่อร่างของเขาพุ่งออกมาก็มีสีหน้าตื่นเต้น ในมือถือหินผลึกสีขาวขนาดเท่ากำปั้นอยู่หนึ่งก้อน

หินก้อนนี้ใสกระจ่าง ดูเหมือนมีพลังวิเศษบางอย่างที่หากจ้องนานๆ จะทำให้คนเกิดภาพหลอนได้

นั่นคือ…ผลึกมายา!

“สหายน้อย เมื่อถือสิ่งนี้อยู่ในมือ เจ้าก็มองหาที่ซ่อน แล้วรอเวลาที่การทดสอบจะสิ้นสุดลง จากนั้นเจ้าก็สามารถใช้ผลึกนี้เข้าสู่การทดสอบถัดไปและชิงไม้กลองน้อมดาราได้แล้ว!” ร่างของกระดาษรูปมนุษย์โผล่ออกมาข้างๆ หวังเป่าเล่อและเอ่ยช้าๆ

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือ!” หวังเป่าเล่อได้ยินก็กำมือทันที เดิมทีการทดสอบนี้ยากมาก ทว่าตอนนี้เขาตระหนักได้ถึงความสุขของการเป็นบุตรที่สวรรค์เลือกแล้ว การได้ผลึกมายามาง่ายดายเช่นนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบิกบานใจ หลังจากกะพริบตาก็แสดงสีหน้าขอบคุณ ดวงตาร้อนผ่าว ก่อนจะพูดต่อ

“ผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าท่านสามารถพาข้าไปค้นหาผลึกมายาที่เหลือทั้งหมดได้หรือไม่”

“ผลึกมายาทั้งหมด?” กระดาษรูปมนุษย์แปลกใจเล็กน้อย

“ได้มันก็ได้อยู่ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น การทดสอบนี้จำเป็นต้องมีจำนวนคนสามสิบคนเพื่อให้ผลึกมายาทั้งหมดเปิดใช้งานได้ อีกอย่างแต่ละคนสามารถมีผลึกมายาได้เพียงก้อนเดียวเท่านั้น ต่อให้เจ้าเอามาได้ทั้งหมด ไม่กี่ชั่วยาม อีกยี่สิบเก้าก้อนก็จะสลายไปเองและไปปรากฏอยู่ที่ตำแหน่งเดิม”

“แบบนี้นี่เอง…” หวังเป่าเล่อได้ยินก็เศร้าใจเล็กน้อย เดิมทีเขาตั้งใจว่าหากทำได้ ก็จะเปรียบได้กับการมีอำนาจตัดสินใจในการทดสอบนี้ เมื่อเจอคนที่ถูกใจก็จะขายให้อีกฝ่ายในราคาถูกสักหน่อย วิธีนี้ผลึกมายาสามสิบก้อนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขารวยล้นฟ้า

“ข้าขายตำแหน่งก็ได้นี่…แต่ราคาก็จะไม่สูงเท่าไหร่” หวังเป่าเล่อถอนหายใจและรู้สึกว่าการหาเงินเป็นเรื่องยากจริงๆ ขณะที่กำลังจะล้มเลิกความคิดนี้ แต่ในวินาทีต่อมาในหัวเขาก็สว่างวาบ เขาหันไปมองกระดาษรูปมนุษย์และเอ่ยปาก

“ผู้อาวุโส ไม่รู้ว่าท่านมีวิธีทิ้งผนึกอะไรไว้บนผลึกมายาหรือไม่ เพื่อที่ว่าหลังจากคนอื่นหาพบ เมื่อสิ้นสุดการทดสอบแล้วผนึกยังไม่ถูกปลดออกก็ไม่สามารถเข้าสู่การทดสอบถัดไปได้”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท