“ร้องไห้ทำไมครับ”
อีอูยอนใช้หลังมือเช็ดน้ำกามก่อนจะเอ่ยถาม
“…ครับ?”
“ร้องไห้เพราะกลัวเหรอ”
ด้วยความมึนงงอินซอบจึงได้แต่กะพริบตาโดยที่ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ และช้อนตามองอีอูยอน
“ตอนนี้คุณควรจะชินแล้วนี่ครับ”
อีอูยอนเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้ก่อนจะพูดต่อ
“ผมเองก็มีช่วงที่มีอารมณ์จนแทบบ้าในขณะที่อมไอ้นั่นของผู้ชายเหมือนกัน”
อีอูยอนเอาแก่นกายที่แข็งขืนอย่างเต็มที่ของตัวเองถูไถกับหว่างขาของอินซอบพร้อมกับพูด
“ไม่ ผม…”
อีอูยอนถอดเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่ออกและโยนทิ้งไป เขาดึงกางเกงและกางเกงชั้นในของอินซอบลงมาพร้อมกันก่อนจะทาบทับลงไปบนตัวอีกฝ่าย
“แค่มองคุณผมก็แทบบ้าแล้ว”
“…”
“จนบางครั้งผมก็กลัว”
…เพราะผมรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ต่อไปผมอาจจะเป็นบ้าจริงๆ ก็ได้
อีอูยอนกระซิบถ้อยคำสุดท้ายก่อนจะกลืนกินริมฝีปากของอินซอบเข้าไป ตัวของอินซอบร้อนจากการถึงจุดสุดยอดไปแล้วหนึ่งครั้ง และภายในปากของเขาก็ร้อนเช่นกัน การจูบที่นุ่มนวลค่อยๆ กลายเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความใคร่ อีอูยอนจับขาของอินซอบให้อ้าออก และสอดใส่แก่นกายของตัวเองเข้าไป อินซอบเบิกตาโพลง เพราะแก่นกายที่ถูกสอดใส่เข้าไปอย่างกะทันหัน
“คุณทำตัวเหมือนเป็นครั้งแรกทุกครั้งที่ทำกันได้ยังไง เป็นแบบนี้ไอ้เหี้ยแบบผมถึงได้หลงจนวิ่งเข้าใส่น่ะสิ”
“อ๊ะ…ฮึก…ค่อยๆ”
อินซอบหอบหายใจก่อนจะอ้อนวอนอีอูยอน อีอูยอนก็กระแทกท่อนล่างเข้าไปอย่างแรงโดยไม่สนใจว่าเขาจะพูดอะไร อีอูยอนกัดริมฝีปากล่างไว้ เพราะความรู้สึกที่ไหลลงไปรวมกันที่ช่วงล่าง เขาชอบชเวอินซอบจนบางครั้งก็ไม่เข้าใจตัวเอง แม้จะเป็นเซ็กซ์ที่เกิดจากเรื่องโกหกที่สมองของเขาสร้างขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าหัวใจแทบระเบิด
“คุณอินซอบ…คุณอินซอบ”
อีอูยอนกระแทกเอวและเรียกชื่ออินซอบไม่หยุด สมองของเขาเดือดพล่าน ความต้องการไม่สามารถควบคุมได้ทำให้เส้นประสาททุกเส้นในร่างกายตื่นตัว แม้จะสะอึกสะอื้นอยู่ใต้ร่างของอีกฝ่าย แต่อินซอบตั้งใจว่าจะตอบให้ได้และเงยหน้าขึ้นไปสบตา ตอนที่สายตาประสานกัน ความรู้สึกที่กดเอาไว้อย่างยากลำบากก็พลุ่งพล่าน
“…เป็นเพราะคุณ…”
อีอูยอนซบไหล่อินซอบ และสารภาพคำพูดที่จะไม่พูดกับอินซอบเด็ดขาดหากมีสติครบถ้วน
“ผมพังไปหมด…ผมนอนไม่หลับ และก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ผมชอบ…”
ถ้าวันที่ต้องเสียอินซอบไปมาถึง เราจะทนได้ไหม ขนาดห่างกันแค่ไม่กี่วัน เรายังรู้สึกไม่มั่นคงและเป็นทุกข์จนนอนไม่หลับ
“…ผมชอบคุณมาก มากซะจนผมอยากจะมัดคุณไว้ให้ไปไหนไม่ได้ ขอโทษนะครับ…ที่ผมแม่งโคตรชอบคุณเลย ขยะอย่างผมชอบคุณ ไม่ว่าคุณยายของคุณจะตายหรือไม่ ผมก็ไม่สามารถรู้สึกเศร้าได้ แม้จะพยายามทั้งชีวิตก็ตาม ขอโทษนะที่เป็นคนเหี้ยๆ แบบนี้”
อีอูยอนพ่นคำพูดที่ไม่มีเหตุผลออกมาพร้อมกับโอบคอของอินซอบไว้ เขาทนไม่ไหวแล้ว เพราะเขาอยากจะทำลายความอ่อนโยนนั้นและแทรกตัวเข้าไป เพราะเขาอยากจะสัมผัสอินซอบให้มากขึ้นอีกนิด แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม
“คนที่บอกว่าชอบผมที่เป็นแบบนี้คือคุณอินซอบนี่ครับ คุณก็รู้นี่ครับ ว่าผมไม่ใช่มนุษย์ปกติ …เพราะฉะนั้นผมจึงปล่อยคุณไปไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าคุณหนีไป ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็จะลากคุณกลับมา มัดคุณเอาไว้เหมือนกับตอนนี้และข่มขืนคุณ”
เขารู้สึกเหมือนตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำทุกครั้งที่ออกแรงกระแทกเข้าไปในรอยแยกที่ขยายตัวออกได้อย่างยากลำบาก อีอูยอนดูดต้นคอของอินซอบราวกับเคี้ยวในขณะที่เสร็จสม ลมหายใจของสัตว์ที่มีอารมณ์ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบ
“…ช่วยแกะให้ด้วยครับ”
อินซอบพูดแบบนั้นด้วยริมฝีปากที่แห้งผาก พออีอูยอนปรับลมหายใจและเงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลมโตก็ถูกช้อนขึ้นเพื่อมองเขาก่อนจะพูดอีกครั้ง
“ช่วยแกะมือผมด้วยครับคุณอูยอน…”
เกิดรอยแดงขึ้นบนข้อมือบางโดยที่เขาไม่รู้ตัว อีอูยอนสบถเบาๆ ก่อนจะดึงสายรัดผ้าม่านที่มัดข้อมือของอินซอบอยู่ออก เขาคิดว่าถ้าโดนอินซอบตบในฝันก็คงจะดี เพราะการลงโทษเป็นยาสำหรับไอ้บ้าอย่างเขา
“ขอโทษครับ ถ้าอยากจะตบผม…”
อีอูยอนไม่สามารถพูดต่อได้ คอของเขาถูกแขนของอินซอบโอบกอดเอาไว้
“คุณไม่ได้บังคับผมนี่ครับ ไม่เลย”
อินซอบพูดแบบนั้นก่อนจะจูบแก้มของอีอูยอน เขาจูบอย่างแผ่วเบาอยู่หลายครั้งและเปิดเผยความในใจของตัวเอง
“ผมเองก็ชอบครับ และเพราะชอบ…สิ่งนี้จึงไม่ใช่การบังคับให้ผมทำครับ”
“…”
อีอูยอนมองอินซอบโดยไม่พูดอะไร
ตอนนี้ชเวอินซอบกำลังให้เขาวางใจ ว่าการกระทำนี้ไม่ใช่การบังคับ และไม่ต้องรู้สึกเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้
“ขอโทษครับ ต่อไปผมจะไม่ปล่อยให้บ้านว่างนานแบบนี้อีกแล้วครับ”
แล้วอีอูยอนก็ได้รู้
ว่าสมองที่เสียหายของตัวเองที่เมาทั้งเหล้าและยาไม่สามารถสร้างความอ่อนโยนแบบนี้ได้
“…คุณอินซอบ”
อีอูยอนลูบแก้มของอินซอบดูสีหน้าเหม่อลอย สัมผัสที่ปลายนิ้วบอกให้เขารู้ว่าเป็นความจริง
“ขอโทษที่กลับมาช้าครับ…ขอโทษที่ทำให้คุณพัง แต่ผมจะอยู่ข้างๆ คุณเองครับ ผมอยากทำแบบนั้น ผมจะไม่ไปไหน และจะอยู่ข้างคุณอูยอน…”
อินซอบร้องไห้ไปขอโทษไป อีอูยอนกอดอินซอบด้วยแรงทั้งหมดที่มี ช่วงเวลาหลังจากนั้นเลือนราง เขาเหมือนจะอ้อนวอน ร้องขอการให้อภัย และกระซิบคำว่ารักกับอินซอบ สิ่งเดียวที่ยังเหลือในความทรงจำคือเขาจะไม่ปล่อยมือที่จับอินซอบไว้เด็ดขาด
การนอนหลับในรอบหนึ่งสัปดาห์ทั้งลึกและหวานจนเขาไม่สามารถจินตนาการได้
***
“…”
แม้จะลืมตาแล้ว แต่อีอูยอนก็ยังไม่ยอมขยับอยู่พักใหญ่ เขาปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิด
แล้วเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าคำพูดของหมอที่ห้ามไม่ให้กินยาพร้อมกับเหล้าหมายความว่าอย่างไร เขาใช้มือบีบขมับพร้อมกับนิ่วหน้า แต่ก็ต้องรีบลุก เพราะความคิดที่ผ่านเข้ามาในหัว
ข้างตัวของเขาว่างเปล่า แต่ร่องรอยของการร่วมรักที่เหลืออยู่ตามผ้าปูที่นอนแสดงให้เห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ใช่ภาพลวงตาที่สมองที่เป็นบ้าของตัวเองสร้างขึ้น
อีอูยอนหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมและเปิดประตูห้องน้ำ เขาไม่เห็นอินซอบในนั้น
“คุณอินซอบ”
แม้จะเรียกชื่อของอินซอบที่ทางเดินชั้นสอง แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา ห้องของอินซอบก็ว่างเปล่าเหมือนกัน ความกระวนกระวายใจที่พยายามกดไว้อย่างยากลำบากลอยขึ้นทุกครั้งที่ก้าวเดิน
แล้วถ้าตอนนี้เป็นความฝันเหมือนกันล่ะ? ถ้ารอยที่เห็นเมื่อกี้เป็นภาพลวงตามที่สมองที่เมายาสร้างขึ้นล่ะ?
“เฮ้อ…อยากจะบ้า”
อีอูยอนเสยผมพร้อมกับขมวดคิ้ว เขามาถึงขีดจำกัด และคิดว่าถ้าตรวจดูที่ชั้นหนึ่งแล้วไม่เจออินซอบ เขาจะขับรถไปที่โรงพยาบาลที่อินซอบอยู่เดี๋ยวนี้เลย
“…”
ขณะที่เดินลงบันได เขาก็ชะงักและหยุดอยู่กับที่
หิมะกำลังตก
หิมะเกล็ดใหญ่กำลังเทลงมาในที่ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยมากกว่าสิบองศาเซลเซียล
อีอูยอนยืนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใจลอย จากนั้นก็หัวเราะจนตาหยี ในที่สุดเราก็บ้าไปแล้วจริงๆ สินะ นี่คือความคิดที่โผล่ขึ้นมาในตอนที่มองดูทิวทัศน์ที่งดงามจนเรียกได้ว่าปาฏิหาริย์พร้อมกับการถอนหายใจ
ในขณะที่คิดว่าต้องตั้งสติให้ได้ก่อนไปโรงพยาบาลที่อินซอบอยู่ เขาก็เห็นอินซอบกอดห่อของขวัญเอาไว้ และปัดหิมะออกก่อนจะเปิดประตู
“ตื่นแล้วเหรอครับ ผมลืมของขวัญไว้ในรถก็เลย…”
“…”
อีอูยอนก้าวไปหาอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร
“ประตูโรงจอดรถเย็นเป็นน้ำแข็งก็เลยเปิดไม่ออกน่ะครับ อีกเดี๋ยว…”
อีอูยอนสวมกอดอินซอบ ห่อของขวัญตกลงบนพื้น อินซอบที่ตัวแข็งทื่อราวกับตกใจในตอนแรกค่อยๆ ซบหน้ากับไหล่ของอีอูยอนและโอบกอดร่างสูงไว้ จากนั้นก็ลูบหลังเบาๆ อีอูยอนรู้สึกว่าเส้นประสาทที่ตื่นตัวอย่างไวต่อความรู้สึกสงบลงอย่างนุ่มนวล
“ให้ของขวัญคนเลวอย่างผมด้วย ถ้าซานต้ารู้คงได้หงายหลังแน่เลย”
เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของอินซอบ ความรู้สึกที่บอกให้รู้ว่าเป็นเรื่องจริงค่อยๆ กลับคืนมา
“…คุณยายไม่เป็นไรแล้วเหรอครับ”
“ครับ ผมเฝ้าจนท่านมีสติกลับมาครบถ้วนแล้วถึงกลับมา คุณยายฝากมาขอบคุณเรื่องดอกไม้ด้วยครับ”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“ขอบคุณนะครับ เป็นดอกไม้ที่คุณยายชอบที่สุดเลย”
เขาเพียงแค่ส่งดอกไม้นั้นไป เพราะจำที่อินซอบเคยบอกได้ว่าในสวนที่บ้านของคุณยายมีดอกกุหลาบสีชมพูที่เธอชอบที่สุดบานสะพรั่ง อีอูยอนตอบกลับไปอย่างติดปากว่า “โล่งอกไปทีนะครับที่ชอบ”
เขากอดหัวของอินซอบไว้ และพูดต่อช้าๆ ขณะที่ยังฝังจมูกลงกับต้นคอของอีกฝ่าย
“น่าจะกลับมาตอนเช้านะครับ กลับมากลางดึกมันอันตราย”
“ก็ผมคิดถึงนี่ครับ”
อินซอบผละกายออกจากอีอูยอน และพูดอีกครั้ง
“ผมมาเพราะคิดถึงคุณอีอูยอนมากๆ เลยครับ”
“…”
อีอูยอนพูดอะไรไม่ออก เขาควรต้องพูดอะไรสักอย่าง แต่เขารู้สึกว่าสมองขาวโพลนไปหมด เพราะดีใจ ชอบ และมีความสุขมาก
“คุณส่งดอกไม้มาให้นี่ครับ คุณส่งมาโดยไม่ลืมคำพูดที่ผมเคยพูด…คุณอีอูยอนที่เป็นแบบนั้นน่ารักมากเลยครับ”
ดวงตากลมโตที่มองเขาทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังถึงความรู้สึกที่แท้จริง
“รักนะครับ”
อินซอบโอบคอของอีอูยอนอีกครั้งก่อนและกระซิบ
อีอูยอนหายใจเข้าลึกๆ
ไร้ซึ่งหนทางที่จะแก้ไขแล้ว เขาถูกอินซอบทำให้พัง และดึงให้ตกลงไปข้างล่างหลายต่อหลายครั้ง หัวใจที่เชื่อว่าไม่สามารถใหญ่ขึ้นได้หนักขึ้น และเขาอาจจะหายใจไม่ออกตายตอนไหนก็ได้ แต่เพราะชอบ เขาจึงอยากให้เป็นเหมือนอย่างวันนี้ต่อไป
“…หิมะตกครับ”
อีอูยอนพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ครับ” ให้กับคำพูดของอินซอบ เขาเพิ่งรู้สึกตอนนั้นเองว่าภาพหิมะตกที่ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อกี้เข้ามาหาอย่างสงบสุข
“เป็นหิมะในรอบเกือบร้อยปีเลยนะครับ ข่าวบอกว่าเป็นคริสต์มาสที่เหมือนกับปาฏิหาริย์ด้วยครับ”
อินซอบเงยหน้ามองอีอูยอนด้วยแววตาที่สดใส จากนั้นก็พูดว่า “จริงด้วย” พร้อมกับจูบแก้มเขา
“เมอร์รี่คริสต์มาสครับ”
คำอวยพรที่ธรรมดาทำให้อีอูยอนรู้ว่าปาฏิหาริย์ที่เขาจะมีไปชั่วชีวิตคืออะไร เขาจูบแก้มของคนรักอย่างแผ่วเบา และกระซิบว่า “เมอร์รี่คริสต์มาส”
นี่เป็นไวท์คริสต์มาสที่เขาจะจดจำไปตลอดกาล