ในวันที่โจวเสวียนถูกเฆี่ยน เฉินตันจูก็รู้แล้ว
เมืองหลวงที่คนพลุกพล่าน มีคนเห็นโจวเสวียนถูกหามออกจากวังตั้งแต่แรก นาทีถัดมาคนนอกประตูเมืองต่างเห็น
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงถูกเฆี่ยน…เมืองหลวงไม่ได้เกิดกบฏ จิงจ้าวฝู่ยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยตามปกติ ค่ายทหารก็มั่นคงราวกับภูเขา…เช่นนั้นย่อมเป็นการทำให้ฮ่องเต้โกรธเคือง อีกทั้งยังไม่ใช่เรื่องเล็ก มิฉะนั้นผู้ที่ได้ความโปรดปรานอย่างกวนเน่ยโหวจะถูกลงโทษได้อย่างไร
อาเถียนพูดกับเฉินตันจูเสียงเบา “ว่ากันว่า ตีจนไม่เหลือสภาพคน”
เฉินตันจูจับพู่กันส่งเสียงรับรู้ นางกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับสูตรยา พิษในร่างกายขององค์ชายสามเดิมทีก็รุนแรงอยู่แล้ว อีกทั้งเขายังใช้พิษกำจัดพิษอยู่มานานหลายปี นางคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งนับถือหนิงหนิงหญิงสาวเมืองฉี ในโลกนี้มีเรื่องที่เจ้าทำไม่ได้ แต่สำหรับผู้อื่นช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
อันที่จริงนางไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้แล้ว หญิงสาวเมืองฉีปรากฏตัวแล้ว นางจะรักษาองค์ชายสามให้หายเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเวลา หากนางอยากรู้จริงๆ แค่ถามก็พอ
นางคิด อาศัยความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ องค์ชายสามคงยอมให้หญิงสาวเมืองฉีบอกนาง…ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางคงถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
แต่นางยังต้องการที่จะลองด้วยตัวเอง อย่างไรนางก็ไม่มีสิ่งใดทำ
เฉินตันจูคิดอย่างเหนื่อยหน่าย สำหรับเรื่องที่โจวเสวียนถูกเฆี่ยนตีก็ไม่มีความสนใจมากนัก หากแต่ถูกอาเถียนจ้องมองจนสงสัย นางจึงเอ่ยถาม “เป็นอันใด”
อาเถียนมองไปรอบด้าน ลดเสียงลง “มีคนที่เชิงเขาคาดเดาว่าโจวเสวียนอาจจะตายแล้ว คุณหนู ท่านรู้มาก่อนอยู่แล้ว ดังนั้น…”
ดังนั้นจึงขายจวนให้โจวเสวียนอย่างดีใจ อีกทั้งยังบอกว่ารอเขาตายค่อยเอาจวนคืน
เฉินตันจูผงะ ก่อนจะหัวเราะขึ้นทันที “ไม่ ไม่ เขา…” ก่อนจะหยุดหัวเราะลง ถอนหายใจเบาๆ อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ตายตอนนี้…
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดโจวเสวียนถึงถูกเฆี่ยน แต่เนื่องจากรู้ความลับนั้น เฉินตันจูจึงห้ามอาเถียนและคนอื่นลงไปฟัง
“คุณหนูตันจู ท่านรู้ว่าคุณชายของพวกเราถูกเฆี่ยนหรือไม่” ชิงเฟิงนั่งอยู่บนระเบียงทางเดิน หน้าสลดใจ ถอนหายใจ แม้แต่ขนมและชาที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่มีจิตใจจะกิน
เฉินตันจูพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “รู้แล้ว ข้ากำลังดีใจ”
อาเถียนและคนอื่นต่างยิ้มให้เขา
ชิงเฟิงเสียใจเล็กน้อย “พวกท่านดีใจเช่นนี้ได้อย่างไร”
เฉินตันจูยิ้ม “ชิงเฟิง เจ้าเป็นคนดี แต่คุณชายของเจ้าสำหรับข้าเขาไม่ใช่คนดี เขาถูกเฆี่ยน ข้าย่อมดีใจ หากเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเฆี่ยน ข้าย่อมต้องเสียใจ”
อาเถียน เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อต่างพยักหน้า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
“พี่ชิงเฟิง หากพี่ถูกเฆี่ยน พวกเราต้องเสียใจมาก”
“พี่ชิงเฟิงต้องระวัง อย่าถูกเฆี่ยน”
เสียงหญิงสาวล้อมรอบชิงเฟิง ทำให้เขาอดฉีกปากยิ้มไม่ได้ จู๋หลินที่นั่งอยู่บนหลังคาไม่อาจทนดูได้ ช่างเถิด เขาคงไม่อาจคาดหวังมากเกินไป คนที่มาจากค่ายทหารเป่ยจวินคงไม่อาจเทียบกับองครักษ์หลวงได้
ชิงเฟิงหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเก็บรอยยิ้ม คุณชายของเขาถูกเฆี่ยน เขาไม่อาจดีใจเช่นนี้ได้
“คุณหนูตันจู” เขารีบทำหน้าเศร้า “ท่านฟังข้า ครานี้คุณชายของข้าถูกเฆี่ยนตีอย่างน่าสงสาร เพราะว่าเขาปฏิเสธพระราชทานงานแต่งกับองค์หญิงจินเหยาของฝ่าบาทและเหนียงเหนียง เขาถึงถูกเฆี่ยนตี”
ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้ เมื่อได้ยินความจริงอย่างกะทันหัน อาเถียนและคนอื่นต่างตกตะลึง ส่วนทางเฉินตันจูยิ่งตกตะลึงกว่าพวกนาง พู่กันที่ถือเอาไว้ในมือร่วงลงบนโต๊ะ กระดาษที่เขียนไปครึ่งหนึ่งเปรอะเปื้อนหมึกในทันที
“องค์หญิงจินเหยา พระราชทานงานแต่ง?” นางถามอย่างตะกุกตะกัก
ชิงเฟิงพยักหน้า “ใช่ เหนียงเหนียงพระราชทาน แต่คุณชายของพวกเราปฏิเสธ ฝ่าบาทและเหนียงเหนียงโกรธมาก จึงลงโทษคุณชาย เฮ้อ เฆี่ยนตีอย่างหนัก ห้าสิบครั้ง คุณหนูตันจู ท่านรู้ว่าห้าสิบครั้งหมายความว่าอย่างไรหรือไม่”
ถึงแม้เฉินตันจูจะไม่เคยถูกเฆี่ยนตี แต่ในฐานะบุตรสาวของแม่ทัพ ความหมายของห้าสิบครั้งเป็นจำวนมากเท่าใดนางรู้ดี ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส…
“ช่าง ช่างหนักเหลือเกิน” นางพึมพำ
ในที่สุดก็เห็นความเป็นห่วงของนางแล้ว ชิงเฟิงรีบพูด “ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่ คุณหนูตันจู ท่านควรไปเยี่ยมคุณชายของพวกเราเสียบ้าง”
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็เห็นสีหน้าตกใจของเฉินตันจู อีกทั้งนางยังเอนตัวไปด้านหลัง “ข้า เหตุใดข้าต้องไป”
ชิงเฟิงกะพริบตา ทำท่าครุ่นคิด “เพราะว่าท่านกับองค์หญิงจินเหยาสนิทกัน”
เฉินตันจูหัวเราะ “เช่นนั้นข้าควรดีใจ อีกทั้งไปตำหนิเขา”
เสียงหัวเราะขับไล่ความตื่นเต้น เฉินตันจูคิดในใจ ท่าทางโจวเสวียนยังไม่ได้บอกผู้อื่นเรื่องที่ตนเองให้เขาสาบาน
ชิงเฟิงดีใจอย่างมาก “ได้ๆ ท่านไปตำหนิคุณชายของพวกเราแทนองค์หญิงจินเหยาเถิด” ไม่ว่าอย่างไร คนไปก็พอแล้ว
เฉินตันจูระอาเล็กน้อย แต่ในเวลาหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ นางหยิบพู่กันขึ้นมาใหม่ กำไว้ในมืออย่างเหม่อลอย ไม่คิดว่าโจวเสวียนจะถูกเฆี่ยนตีเพราะปฏิเสธพระราชทานงานแต่ง แต่เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางจริง
นางสมควรไปเยี่ยมโจวเสวียนเสียหน่อย
“ได้” เฉินตันจูพูด “ข้าจะไปเยี่ยมเขา ถามว่าเกิดอันใดขึ้น”
นางลุกขึ้นยืน เรียกขานอาเถียน อาเถียนรีบเรียกให้จู๋หลินเตรียมรถม้า ชิงเฟิงกระโดดพลิกตัวขึ้นบนกำแพงอย่างดีใจ “ข้ากลับจวนไปให้คุณชายของพวกเราเตรียมต้อนรับ”
“คุณชายเจ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ยังต้อนรับอันใดอีก” เฉินตันจูหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะประหม่าเล็กน้อย ชิงเฟิงดีต่อนางเช่นนี้ ผู้ติดตามคนสนิทเป็นเช่นนี้ บางทีอาจจะรับรู้ความคิดของเจ้านาย ความคิดของเจ้านายเป็นอย่างไร เฉินตันจูไม่อยากจะคิด…บางทีนางอาจคิดมากไปเอง
นางก็ใช่ว่าจะไม่เคยคิดมาก อาทิองค์ชายสาม
วันนั้นในงานเลี้ยงจวนโหว มือที่กุมกันอย่างไม่เจตนา แต่ก็ไม่ยอมปล่อย ทำให้นางคิดมากอย่างมาก สุดท้าย? ยังไม่รอให้นางได้คิดอีกหลายวัน เมื่อเข้าวังพบกับองค์ชายสามอีกครั้ง ถึงแม้ยังปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยน อมยิ้มถามไถ่ แต่ความรู้สึกแตกต่างกันไปแล้ว…
นางไม่ใช่เด็กเล็กที่ไร้เดียงสา อันที่จริงนางอายุยี่สิบกว่าแล้ว โตกว่าองค์ชายสามหลายปี
นางรู้ว่าสิ่งใดคือความรักระหว่างหญิงสาวและชายหนุ่ม รู้ว่าสิ่งใดคือคิดไปเอง
เฉินตันจูนั่งอยู่ในรถอย่างเหม่อลอย อาเถียนเห็นท่าทางของนาง จึงไม่กล้าพูดสิ่งใดมาก เพียงแค่คิดว่านางเสียใจแทนองค์หญิงจินเหยา…โจวเสวียนร้ายยิ่งนัก องค์หญิงจินเหยาเป็นคนที่ดีเช่นนี้ เขาบังอาจปฏิเสธ
องค์หญิงผู้น่าสงสาร ต้องเสียใจมากเพียงใด
เฉินตันจูลงจากรถอย่างอ่อนเพลีย ไม่สนใจองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกจวนโหว เดินเข้าไปอย่างอ่อนแรง
ผู้คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกจวนโหวคึกคักทันที
“เห็นหรือไม่ ผู้อื่นเข้าไม่ได้ เฉินตันจูเข้าได้”
“ไม่มีสิ่งใดแปลก เฉินตันจูแม้แต่พระราชวังยังเข้าได้”
“เวลานี้โจวเสวียนหมดความโปรดปราน เฉินตันจูยิ่งเหิมเกริม ไม่แน่ว่าอาจตีกันขึ้นมาอยู่ด้านในก็เป็นได้”
ความคึกคักด้านนอก เฉินตันจูไม่รู้และไม่สนใจ แม้แต่เหล่าขันทีในจวนนางก็ไม่สนใจ นางเพียงแค่เดินตรงเข้าไปในห้อง
ภายในห้องนอกจากชิงเฟิงแล้ว ไม่มีบ่าวรับใช้แม้แต่คนเดียว ท่าทางจะทำให้ฮ่องเต้โกรธอย่างมาก จึงมีสภาพน่าอนาถเช่นนี้…
เฉินตันจูมองชายหนุ่มที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง หัวของเขาหันเข้าไปด้านใน ราวกับกำลังหลับ แขนของเขาห้อยลงอย่างอ่อนแรง
“คุณชาย” ชิงเฟิงเรียกอย่างดีใจ “คุณหนูตันจูมาเยี่ยมท่านแล้ว”
เฉินตันจูตกใจกับเสียงตะโกนของชิงเฟิง นางรีบบอกให้ชิงเฟิงเงียบเสียง “ไม่ต้องเสียงดังเพียงนี้ คุณชายของเจ้าหลับแล้วก็อย่ารบกวน…”
นางยังพูดไม่ทันจบ คุณชายที่นอนหลับใหลหันหน้ากลับมา ดวงตาแพรวพราวจ้องมองนาง
เสียงของเฉินตันจูชะงักไป กระแอมไอเสียงเบา “ทำให้ท่านตื่นหรือ หรือไม่ท่านนอนก่อน ข้ามาในภายหลัง?”
โจวเสวียนหัวเราะ พ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะขมวดคิ้ว “คุณหนูตันจู ท่านมาทำอันใด”
ดู คิดไปเองจริงด้วย! เขาไม่ต้อนรับ เฉินตันจูพูด “ข้ามาเยี่ยมท่าน แน่นอน หากท่านไม่ต้อนรับ ข้าจะไปบัดนี้”
โจวเสวียนพูดขัดนาง “ท่านมาเยี่ยมข้า เหตุใดจึงมามือเปล่า”