โจวเสวียนนอนหงายลงบนเตียง รู้สึกราวกับตนเองกำลังนอนอยู่บนแผ่นตะปู บาดแผลคงปริไม่น้อย?
แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ
เขามองหญิงสาวที่ทับอยู่บนตัว มือของนางปิดปากของเขาเอาไว้ เพราะว่าต้องการห้ามไม่ให้เขาพูด อีกทั้งไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้ยินสิ่งที่นางพูด ใบหน้าของนางแนบชิดเข้ามา ใกล้แค่เอื้อม เขาสามารถมองเห็นขนตาเรียงเส้นของนางได้อย่างชัดเจน ดวงตาภายใต้ขนตานั้นสดใส…
มือข้างนั้นนุ่มนิ่มและมีขนาดเล็ก ไม่อาจปิดปากของเขาได้มิด แต่เขาไม่อยากพูดสิ่งใดแล้ว เพียงแค่อยากหัวเราะ
ลมหายใจของเขาพ่นใส่มือของนาง เฉินตันจูตั้งสติกลับมาได้ ลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก…
อาเถียนชะเง้อหน้ามองอยู่ด้านนอกประตู ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ก้าวเข้ามา คุณหนูเริ่มลงมือก่อน ถือว่านางไม่เห็นแล้วกัน
เฉินตันจูยืนอยู่ข้างเตียง มองโจวเสวียนที่นอนนิ่งไม่ขยับอยู่บนเตียง ก่อนจะรีบเข้าไปพยุงเขา คิดจะพลิกตัวของเขากลับมา “แผลของท่าน…”
โจวเสวียนอนนิ่งไม่ขยับ “แผลของข้าไม่เป็นอันใด คุณหนูตันจู ท่านสามารถทำต่อได้”
ใบหน้าของเฉินตันจูแดงก่ำขึ้นมาทันที “ทำต่ออันใดกัน ท่านอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าเพียง ข้าเพียง ไม่อยากให้ท่านพูด”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางมองไปทางซ้ายทางขวา เมื่อเห็นอาเถียนยังยืนเงียบๆ อยู่หน้าประตู เห็นนางมองมา ยังทำมือราวกับบอกว่าคุณหนูวางใจ ทำให้นางทั้งโกรธทั้งขบขัน…
ไม่เข้ามาก็ดี สิ่งที่นางจะพูดกับโจวเสวียนต่อจากนี้ ไม่ให้คนอื่นได้ยินจะดีเสียกว่า ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่ชิงเฟิงลากอาเถียนออกไป นางจึงไม่ได้เอ่ยห้าม
โจวเสวียนอนนิ่งไม่ขยับ ท่าทางอ่อนแรง “ข้าจะไม่พูด ไม่ตะโกน”
เฉินตันจูยื่นมือเขย่าตัวเขาอย่างแรง “ท่านโหวโจว ท่านอย่าเล่น”
การเขย่านี้ทำให้ร่างกายของโจวเสวียนขยับ เนื่องจากนอนหงาย ผ้าห่มที่คลุมอยู่แค่ครึ่งตัวล่างจึงไหลลง เฉินตันจูถลึงตาด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น โจวเสวียนสวมกางเกงอยู่
เมื่อเห็นท่าทางตกใจของนาง โจวเสวียนหัวเราะร่า พลางหัวเราะพลางกระแอมไอ “ก่อนที่ท่านจะมา ข้าสวมกางเกงแล้ว”
“ก็สมควรไม่ใช่หรือ ท่านได้ใจอันใด” เฉินตันจูพึมพำ มองดูชายหนุ่มที่กระแอมไอปนหัวเราะ เฮ้อ เขาคงไม่ได้หัวเราะจนไอออกมา แต่เพราะเจ็บแผลกระมัง
นางยื่นมือพลางพูด “ท่านรีบนอนคว่ำให้ดี” ก่อนจะออกแรงพยุงตัวเขา จากนั้นนางจึงเห็นรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนบนผ้าปูเตียง
โจวเสวียนยืนกรานที่จะไม่ขยับ เขามองเฉินตันจู “ยังพูดไม่จบ เฉินตันจู เหตุใดท่านจึงไม่ให้ข้าพูด” ก่อนจะยิ้ม “ได้ ข้าไม่พูด ท่านพูด เหตุใดข้าจึงปฏิเสธงานแต่งพระราชทาน”
เฉินตันจูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ให้จิตใจสงบลง “เพราะข้าให้ท่านสาบาน ว่าจะไม่แต่งงานกับองค์หญิงจินเหยา”
โจวเสวียนมองนาง มุมปากยกขึ้น ท่าทางราวกับแมลงปอที่กระพือปีกด้วยความได้ใจ “เฉินตันจู เรื่องที่ข้ารับปากท่าน ข้าทำได้แล้ว ข้าทำเพื่อท่าน…”
เมื่อได้ยินเขากำลังจะพูดประโยคนี้อีกครั้ง เฉินตันจูก็ยกมือขึ้นด้วยความร้อนใจ “เดี๋ยว เดี๋ยว ตรงนี้!”
โจวเสวียนฉงน “ตรงนี้คือตรงไหน”
เฉินตันจูสูดลมหายใจเข้า พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านโหวโจว ท่านนอนให้ดีก่อน จัดการบาดแผลใหม่ จากนั้นข้าจะทบทวนกับท่านอย่างละเอียด”
โจวเสวียนเท้ามือไว้กับเตียง ยกตัวขึ้นมองนาง “ท่านจะล้างแผลให้ข้า?”
เฉินตันจูรีบพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ถึงแม้ข้าไม่ชำนาญด้านยาทาแผลมากนัก แต่ล้างแผลยังพอได้”
นางไม่ลืมที่จะแก้ต่างให้ตนเองอยู่ตลอดเวลา โจวเสวียนส่งเสียงในลำคอ พลิกตัวกลับมาด้วยรอยยิ้ม คล่องแคล่วราวกับไม่ได้ถูกเฆี่ยนห้าสิบที
เฉินตันจูมองเขาด้วยความสงสัย “แผลของท่านเป็นของจริงหรือของปลอม”
ร่างที่นอนคว่ำของโจวเสวียนผงะไป ก่อนจะหันมาพูดด้วยความโกรธ “จริงหรือปลอม ท่านใช้มือจับดูก็รู้”
แผลที่เหวอะหวะเป็นสิ่งที่ชัดเจน ไม่ต้องจับดูก็รู้ เฉินตันจูเบ้ปาก “ในเมื่อมีแรงขยับ เช่นนั้นก็ช่วยยกตัวอีกหน่อย” ก่อนจะถาม “ให้สาวรับใช้ของท่านเข้ามาดีหรือไม่”
โจวเสวียนยิ่งโกรธ “ข้าบอกให้ท่านทำ เรียกสาวรับใช้เข้ามาทำอันใด”
คนผู้นี้นิสัยอันใดกัน เพื่อพูดคุยให้ชัดเจน เฉินตันจูกล่อมเขาด้วยความอดทน “ข้าไม่รู้ว่าสิ่งของของท่านวางอยู่ที่ใด ผ้าปูเตียงต้องเปลี่ยน ผ้าห่มก็ต้องเปลี่ยน”
โจวเสวียนนอนหนุนแขน เชิดคางขึ้น “ไม่ต้องเรียกสาวรับใช้ ข้ารู้” เขาชี้บอกเฉินตันจูว่าอยู่ตู้ไหน
เฉินตันจูทำได้เพียงค้นหาด้วยตนเอง จากนั้นสั่งให้โจวเสวียนใช้มือเท้ายกตัวขึ้น ก่อนจะดึงผ้าปูเตียงที่เปื้อนเลือดออก จากนั้นปูผ้าสะอาดผืนใหม่ วุ่นวายอยู่สักพักจนเหงื่อออกท่วมตัว ถึงได้ให้โจวเสวียนนอนคว่ำเหมือนก่อนหน้านี้
เฉินตันจูหยิบยาทาแผลหลากหลายชนิดที่วางอยู่ด้านข้าง จัดการแผลที่ปริออกบนตัวของโจวเสวียน…ขั้นตอนนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า เพราะว่าเพียงแค่แตะ โจวเสวียนก็โอดครวญขึ้นมา
“เจ็บ…”
“ช้าหน่อย ช้าหน่อย”
ไม่รู้โจวเสวียนที่เจ็บนั้นเหงื่อออกหรือไม่ แต่เฉินตันจูเหงื่อท่วมตัว
อาเถียนชะเง้อหน้าไปดู ก่อนจะหันไปพูดกับชิงเฟิงด้วยความเย้ยหยัน “คุณชายเจ้ากลัวเจ็บเพียงนี้ แข็งแกร่งแค่ภายนอก แต่ภายในอ่อนแอหรือ”
ชิงเฟิงที่ไปหยิบขนมกลับมายิ้ม แต่ไม่ตอบ คุณชายแข็งแกร่งแค่ภายนอกแต่ภายในอ่อนแอหรือไม่ เขาไม่อาจตัดสินได้ แต่คุณชายแสร้งทำเก่งมากเสียจริง มือของคุณหนูตันจูจะหนักกว่ามือของขันทีหรือ?
ห้าสิบไม้ตีลงมา แม้ว่าจะยกหนักลงเบา แต่ละไม้ที่กระทบลงมาก็เห็นเลือดเนื้อ เวลานั้นคุณชายไม่ได้ร้องแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องกังวล คุณหนูตันจูฝีมือเก่งกาจ” ชิงเฟิงพูด ก่อนจะยกจานในมือไว้ตรงหน้าของอาเถียน “แม่หญิงอาเถียน นั่งลงกินขนมเถิด”
อาเถียนยืนอยู่ข้างประตูนิ่ง “คุณหนูข้ายังวุ่นวายอยู่ด้านใน ข้าจะกินได้อย่างไร”
จู๋หลินที่นั่งอยู่บนหลังคาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ไม่เลว การกระทำนี้สมกับเป็นการกระทำขององครักษ์หลวง ไม่เหมือนกับผู้ที่ใช้กำลังจากทหารกองเหนือเหล่านั้น
เฉินตันจูจัดการแผลของอีกฝ่ายเสร็จ ตำแหน่งภายใต้กางเกง โจวเสวียนปฏิเสธอย่างแน่วแน่ บอกว่าหลีกเลี่ยงใช้แรงบริเวณบั้นท้ายไปก่อนหน้านี้
เฉินตันจูก็ไม่ได้ต้องการทำแผลบริเวณบั้นท้ายให้เขา นางขึงผ้าเอาไว้เหมือนเดิม ก่อนจะยกน้ำชามาให้โจวเสวียน ป้อนอีกฝ่ายทีละคำ…
“อยากกินซานจา” โจวเสวียนเบะปาก “ไม่ต้องคลุกน้ำตาล กินเปล่าๆ ก็ได้”
เฉินตันจูคิ้วกระตุก อดทนไม่ให้โยนแก้วชาลงบนหน้าเขา “พอได้แล้ว ข้าจะไปหาให้ท่านที่ใดกัน” พูดถึงตรงนี้ก็เลิกคิ้ว “อ่อ หากท่านอยากกินจริงๆ ข้าเข้าวังไปถามองค์…”
โจวเสวียนยกมือ “เอาเถิด เวลานี้ข้าไม่อาจกินของหวานของเปรี้ยวได้ นั่งลงเถิด”
เฉินตันจูกลอกตาก่อนจะนั่งลง สูดลมหายใจเข้า “เรื่องวันนั้น ข้าให้ท่านสาบานไม่…”
โจวเสวียนพูดขัดนาง “รอข้าแผลหายดี ท่านส่งซานจามาให้ข้าใหม่ ถือว่าเป็นของขวัญที่ท่านติดค้างข้าในครานี้”
“โจวเสวียน!” เฉินตันจูเสียงดังด้วยความโกรธ “ไม่มีซานจา ไม่มีของขวัญ ข้ามาเพื่อพูดกับท่านให้กระจ่าง!”
โจวเสวียนมองนางอย่างไม่พอใจ “พูดก็พูด ท่านตะโกนอันใดกัน พูดอันใดให้กระจ่าง”
ไม่ใช่เพราะเขาพูดขัดอยู่ตลอดหรือ เฉินตันจูพ่นลมหายใจ “ข้าให้ท่านสาบานไม่แต่งงานกับองค์หญิงจินเหยา เพราะข้าคิดว่าท่านไม่เหมาะสมกับองค์หญิงจินเหยา ไม่ใช่ ข้าหมายถึง อันที่จริงข้าไม่ได้ให้ท่านสาบาน แต่ข้าถามท่าน ท่านอยากแต่งงานกับองค์หญิงจินเหยาจริงหรือไม่ ท่านคิดดีแล้ว ตัดสินใจเอง คิดด้วยตนเอง”
ถึงแม้อารมณ์จะสงบลงแล้ว แต่สิ่งที่พูดออกมายังคงวกวน พูดถึงตอนสุดท้ายนางก็ไม่อาจพูดต่อได้ จ้องมองโจวเสวียน เอ่ยถาม “ท่านเข้าใจหรือไม่”
โจวเสวียนพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ใช่ เรื่องนี้ข้าคิดดีแล้ว” พูดพลางยิ้มให้นาง
ยิ้มจนเฉินตันจูกลัวเล็กน้อย
“เช่นนั้น กระจ่างแล้วใช่หรือไม่” นางพูด “ท่านปฏิเสธงานแต่งเพราะว่าท่านไม่ชอบองค์หญิงจินเหยา ไม่อยากแต่งงานกับนาง ไม่ใช่เพราะ…”
นางมองโจวเสวียน โจวเสวียนก็มองนางกลับ
“ไม่ใช่เพราะข้า” เฉินตันจูกัดฟันพูด “ข้าให้ท่านสาบานไม่ใช่เพราะข้าชอบท่าน”
โจวเสวียนมองนาง ไม่พูด
พูดออกมาแล้ว เฉินตันจูโล่งใจ เมื่อเห็นโจวเสวียนไม่พูด ทั้งสองคนนั่งมองหน้ากันด้วยความเงียบ นางได้เพียงแต่ถามขึ้นอีกครั้ง “ท่านเข้าใจหรือไม่”
โจวเสวียนมองนางพร้อมพยักหน้า รอยยิ้มภายในดวงตาสลายไป เหลือเพียงสีหน้าเย็นชา “ข้าเข้าใจแล้ว คุณหนูตันจู ท่านจะทอดทิ้งข้า!