เมืองหลวงในฤดูใบไม้ผลิเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที
เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน เด็กกำพร้าทั้งเจ็ดคนนั้นเข้าเมืองอย่างไม่เป็นจุดสนใจ เดินไปถึงจิงจ้าวฝู่อย่างไม่เป็นจุดสนใจ คุกเข่าลงอย่างไม่เป็นจุดสนใจ ก่อนจะตะโกนสิ่งที่น่าตกตะลึงออกมา
ภายใต้สายตาของผู้คนยามกลางวัน เมื่อจิงจ้าวฝู่ได้ยินก็สายเกินไปที่จะหยุดมัน เรื่องนี้ถูกแพร่กระจายไปทั่วเมืองแทบจะในทันที จากนั้นก็แพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน
ภูเขาดอกท้อเงียบสงบขึ้นมาทันที แน่นอนความสงบนี้หมายถึงเรื่องที่วิจารณ์เฉินตันจู ไม่ได้หมายถึงโรงน้ำชาเชิงที่เขาไร้ผู้คน
คนยังคงมีจำนวนมาก เพียงแต่พวกเขาไม่สนใจเรื่องของเฉินตันจูและโจวเสวียนอีก
“ตอนที่ประกาศย้ายเมืองหลวง มีคนจำนวนมากคัดค้าน” อาเถียนเดินตามอยู่ด้านหลังเฉินตันจู เล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากเชิงเขาให้นางฟัง
เมื่อได้ยินเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้ อาเถียนและคนอื่นต่างกังวลขึ้นมา ทั้งสามคนผลัดกันลงไปฟังข่าวที่เชิงเขา จากนั้นรีบขึ้นมาบอกเฉินตันจู
เฉินตันจูนำยาที่หั่นเสร็จแล้ววางไว้ในตะกร้า พลางทำงานพลางส่งเสียงตอบรับ คนจำนวนมากคัดค้านการย้ายเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องประหลาด เมืองหลวงย้ายแล้ว ความสะดวกสบายภายใต้เท้าของโอรสสวรรค์ก็ถูกย้าย โชคชะตาของตระกูลใหญ่ย่อมต้องถูกเปลี่ยน ดังนั้นพวกเขาต้องการหยุดยั้งเรื่องนี้ จึงสร้างปัญหามากมายระหว่างการย้ายเมืองหลวง
“องค์รัชทายาทจัดการปัญหาเหล่านี้ด้วยความอดทน อธิบาย เกลี้ยกล่อม และปลอบประโลมแต่ละเรือน” อาเถียนพูดต่อ พร้อมช่วยเฉินตันจูยกตะกร้าไปตากยังกลางลาน “องค์รัชทายาทโน้มน้าวใจผู้คนมากมายด้วยการทำเช่นนี้ แต่ยิ่งทำให้คนจำนวนมากขุ่นเคือง จนก่อปัญหาร้ายแรงขึ้นมา ทั้งฆ่าคนและวางเพลิง ทำให้ซีจิงตกอยู่ในความโกลาหล”
เฉินตันจูยืนอยู่ในลาน พยุงตะกร้าพยักหน้า เอ่ยถาม “ดังนั้น?”
อาเถียนพูด “ดังนั้นความจริงแล้วคือ เมื่อคนเหล่านี้เดินทางผ่านหมู่บ้านซ่างเหอ เพื่อก่อความตื่นตระหนกให้แก่ราษฎร จึงสังหารคนในหมู่บ้านทั้งหมดทิ้ง”
เฉินตันจูพูด “หากเป็นเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นความผิดขององค์รัชทายาท”
มันคือการตอบโต้เรื่องนี้ของทางองค์รัชทายาท
“ไม่รู้เช่นกัน” อาเถียนพูด “อย่างไรเวลานี้มีสองเสียง หนึ่งเสียงบอกว่าหมู่บ้านซ่างเหอถูกคนร้ายสังหาร อีกหนึ่งเสียงบอกว่าองค์รัชทายาทเป็นผู้สังหารตามที่เด็กกำพร้าที่รอดชีวิตทั้งเจ็ดพูด องค์รัชทายาทไล่สังหารคนร้ายเหล่านั้น ยอมสังหารผิดหนึ่งคน แต่ไม่ยอมปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”
เฉินตันจูถาม “พวกเขามีหลักฐานหรือ”
อาเถียนพยักหน้า เรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้ว เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาท และชีวิตคนนับร้อย ทางที่ว่าการไม่อาจยับยั้งเอาไว้ได้ มิฉะนั้นจะเป็นผลเสียต่อองค์รัชทายาทมากขึ้น ดังนั้นข่าวมากมายจึงแพร่กระจายออกมาจากที่ว่าการอย่างทันเวลา
“เด็กหลายคนนั้นเห็นองค์รัชทายาทปรากฏอยู่ด้านนอกหมู่บ้านกับตา อีกทั้งยังมีจดหมายเลือดของเซี่ยนลิ่งในตอนนั้นเป็นหลักฐาน เซี่ยนลิ่งรู้เรื่องที่องค์ราชทายาทจะทำ เขาสงสารอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน” อาเถียนพูด “สุดท้ายยอมจำนนช่วยเหลือองค์รัชทายาทสังหารหมู่บ้านนี้ เพียงแต่ซ่อนเด็กเหล่านี้เอาไว้ ต่อมา เซี่ยนลิ่งไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้จึงปลิดชีพตนเอง ทิ้งไว้เพียงจดหมายเลือด ให้เด็กเหล่านี้เก็บเอาไว้ รอสักวันเดินทางมาเมืองหลวงร้องขอความเป็นธรรม เด็กทั้งเจ็ดคนนี้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ กว่าจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงในเวลานี้”
เฉินตันจูพูด “เด็กเจ็ดคน สามารถเดินทางมาถึงเมืองหลวงในเวลานี้ถือว่าเร็วมากแล้ว”
ซีจิงห่างไกลจากที่นี่อย่างมาก ผู้ใหญ่เดินทางยังลำบาก เด็กทั้งหลายอายุน้อยเพียงนี้ ไม่รู้จักทาง อีกทั้งไม่มีเงิน…
“เฉินตันจู!”
เสียงตะโกนเรียกของโจวเสวียนดังขึ้นจากภายในห้อง ขัดเสียงสนทนาของเฉินตันจูและอาเถียน
เฉินตันจูหันกลับไปด้วยความขุ่นเคืองและระอา ตะโกนกลับเสียงดัง “ทำอันใด!”
เสียงของโจวเสวียนดังขึ้นอีกครั้ง “เข้ามา!”
อาเถียนพูดด้วยความโกรธ “ให้จู๋หลินโยนเขาออกไปเถิดเจ้าค่ะ”
โยนออกไป นิสัยไร้ความอับอายของโจวเสวียนนี้ยังสามารถกลับมาได้อีก เรื่องนี้ใช้ไม้แข็งจัดการไม่ได้ เฉินตันจูพ่นลมหายใจ กำชับนาง “คดีขององค์รัชทายาทไม่ใช่เรื่องเล็ก พวกเจ้าฟังสนุกอยู่ที่เชิงเขาได้ แต่อย่าพูดต่อ”
ฐานะของนางพิเศษ มีคนมากมายจับจ้อง ไม่ถูกคนอื่นวางแผนทำร้าย ก็ถูกคนหลอกใช้ทำร้ายคนอื่น
อาเถียนตอบรับอย่างหนักแน่น “คุณหนูท่านวางใจ ข้ารู้”
“เฉินตันจู…” เสียงตะโกนของโจวเสวียนดังขึ้นอีกครั้ง
เฉินตันจูทำมือให้อาเถียนไปเถิด ก่อนจะเดินเข้าห้องไป โจวเสวียนนอนคว่ำถลึงตามองนางอยู่บนเตียง
“ทำอันใด” เฉินตันจูพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี
โจวเสวียนพูด “กินน้ำ”
เฉินตันจูมองซ้ายขวา ถาม “ชิงเฟิงเล่า?”
ถึงแม้โจวเสวียนพักอยู่ที่นี่ แต่เฉินตันจูไม่มีทางปรนนิบัติเขา เพียงแค่ดูบาดแผลของเขาในแต่ละวัน ยาก็มีชิงเฟิงทาให้โจวเสวียน
โจวเสวียนพูด “องค์รัชทายาทเกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้ ข้าย่อมต้องให้คนไปดู”
เฉินตันจูพึมพำ “ท่านไปมีประโยชน์อันใด”
โจวเสวียนยิ้มเย้ยหยัน “เห็นได้ชัดว่ามีคนใส่ร้ายองค์รัชทายาท หากสืบพบว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลัง อย่าว่าแต่บาดแผลจากการเฆี่ยนห้าสิบที แม้จะขาขาดข้าก็สามารถไปสังหารกบฏผู้นี้ได้ทันที”
เฉินตันจูส่งเสียงรับรู้ ก่อนจะยื่นชาให้เขา ก้มตัวถามด้วยรอยยิ้ม “ข้าป้อนท่านดีกว่า”
โจวเสวียนมองนางด้วยความสงสัย “ท่านจะทำอันใด”
เฉินตันจูพูด “ท่านจะดื่มชาไม่ใช่หรือ ข้าไม่มีความหมายอย่างอื่น จิตใจเมตตาของผู้เป็นไต้ฟู เวลานี้ท่านบาดเจ็บ ข้าย่อมต้องป้อนท่าน…ท่านคิดว่าองค์รัชทายาทถูกคนใส่ร้ายหรือ?”
โจวเสวียนหัวเราะเสียงเย็น “อย่างไร ท่านเป็นห่วงองค์รัชทายาทมากหรือ?” พูดพลางเลิกคิ้ว “เฉินตันจู ท่านรู้จักจบสิ้นหรือไม่ แม้แต่องค์รัชทายาทท่านก็ยังคิดไม่ซื่อ!”
เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจ นางเป็นห่วงองค์รัชทายาท แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือครานี้องค์รัชทายาทจะตายหรือไม่
ชาติก่อนในเวลานี้ นางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าไม่ได้เกิดขึ้นหรือถูกกดลงไปอย่างไร้เสียง
เวลานี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น โชคชะตาขององค์รัชทายาทจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
เรื่องเลวร้ายอย่างสังหารทั้งหมู่บ้านเช่นนี้ แม้ว่าองค์รัชทายาทไม่ตาย ก็อย่าหวังจะได้เป็นองค์รัชทายาทอีก
“ข้าไม่ได้ชอบองค์รัชทายาท” เฉินตันจูพูด “ข้าเป็นห่วงฝ่าบาท เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ฝ่าบาทต้องเสียพระทัยเพียงใด ดังนั้น หากท่านรู้ข่าว ท่านบอกข้าด้วย”
ถึงแม้โจวเสวียนจะถูกฮ่องเต้ลงโทษ แต่ยังคงไม่ธรรมดาเมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ข่าวที่ได้มาย่อมเป็นสิ่งที่ราษฎรไม่รู้
“บอกท่านมีประโยชน์อันใด” โจวเสวียนส่งเสียงไม่พอใจ
เฉินตันจูยืนตัวตรง “ท่านจะดื่มชาอีกหรือไม่ ไม่ดื่มข้าจะเททิ้งแล้ว”
โจวเสวียนพูด “ดื่ม” เขาอ้าปากออก
เฉินตันจูนั่งป้อนเขาอยู่ข้างเตียง ชิงเฟิงพุ่งเข้ามาเห็นฉากนี้ ฝีเท้าชะงักลงก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังคา
จู๋หลินบนหลังคามองเขาอย่างเย็นชา
“โอ๊ย เจ้าทำข้าตกใจ” ชิงเฟิงตบอกพลางพูด
จู๋หลินพูด “ลงไป”
ชิงเฟิงพูดเสียงเบา “รอก่อน รอก่อน เวลานี้ไม่สะดวก”
จู๋หลินยกขาขึ้นถีบ ชิงเฟิงกลิ้งไปอีกทางหลายตลบ
เมื่อได้ยินเสียงดังจากบนหลังคา เฉินตันจูเลื่อนแก้วออก มองโจวเสวียนด้วยรอยยิ้ม “ท่านไม่กลัวแม้แต่น้อย หากข้าวางยาในน้ำชา?”
โจวเสวียนนอนหนุนแขนหัวเราะออกมา “มีสิ่งใดน่ากลัว เพียงแค่ข้าอยู่พักต่ออีกหลายวัน”
เฉินตันจูเบ้ปาก ต้องการพูดบางสิ่ง แต่ชิงเฟิงกลิ้งลงมาจากหลังคามาบริเวณหน้าประตูเสียงดัง
“ชิงเฟิง” เฉินตันจูขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ปีนกำแพง แต่ปีนหลังคาแทนแล้วหรือ?”
ชิงเฟิงลุกขึ้นวิ่งเข้ามา “คุณหนูตันจู เรื่องนี้ไม่สำคัญ” ก่อนจะมองใบหน้าบึ้งตึงของโจวเสวียน รีบยิ้มเป็นการขอโทษ “คุณชาย ข้าสืบมาแล้ว”
โจวเสวียนไม่พูด เฉินตันจูรีบถาม “เป็นอย่างไร เป็นอย่างไร” พูดพลางรินชาอีกแล้วแล้วยกเข้ามา “ท่านโหวโจว ดื่มชาอีกหน่อยเถิด” จากนั้นนั่งลง แสดงท่าทางว่าข้าจะไม่ออกไป
โจวเสวียนทั้งขบขันทั้งโกรธ อ้าปากคาบแก้วชาเอาไว้
ชิงเฟิงโล่งใจเมื่อเห็นโจวเสวียนหัวเราะ รีบพูดขึ้น “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทจริง เหมือนที่เด็กพวกนั้นพูด องค์รัชทายาทไล่จับคนร้ายเหล่านี้ คนเหล่านี้หลบเข้าไปในหมู่บ้านซ่างเหอ จับราษฎรเป็นตัวประกัน องค์รัชทายาทเขา…”
…
“เสด็จพ่อ กระหม่อมยังไม่ได้ตัดสินใจ พวกเขาก็สังหารคนไปเสียแล้ว” องค์รัชทายาทคุกเข่าอยู่ในตำหนัก มองฮ่องเต้บนบรรลังก์มังกร พูดพลางหลั่งน้ำตา “เสด็จพ่อ กระหม่อมไม่ได้ออกคำสั่ง กระหม่อมยังไม่ได้ออกคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร สีหน้าซีดเผือด “ดังนั้น เจ้าไม่คำนึงถึงราษฎรเหล่านี้จริงหรือ?”
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง