ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Story > 3-8

Side Story < Love Story > 3-8

“แขวนเสื้อผ้าทิ้งไว้แล้วอาบน้ำดีไหมน้า”

กรรมการผู้จัดการคิมที่ร้องเพลงฮึมฮัมนึกถึงเรื่องที่บอกว่าหลักฐานของการที่อายุมากขึ้นคือการใส่ทำนองไปในการพูดคนเดียวและหัวเราะออกมา

เขาจัดเสื้อโค้ตขนแคชเมียร์หรูหรากับผ้าพันคอให้เรียบร้อยและเปิดประตูตู้เย็น เขาคิดว่าจะดื่มน้ำก่อนอาบน้ำ ช่วงนี้เขาใส่ใจกับผิวที่หยาบกร้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะได้รับการนวด แต่ก็แค่ตอนนั้นเท่านั้น

ความเครียดเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิว แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ในเมื่อเขาไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้ พอเห็นว่านักแสดงที่อยู่ในระดับที่เป็นหน้าเป็นตาและมีมูลค่ามากที่สุดในบริษัทเอาแต่เล่นไปเรื่อยเหมือนตั๊กแตนอเมริกาความโกรธก็พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งคำแนะนำที่บอกว่าให้รีบหาเงินไว้เยอะๆ ในตอนที่ยังหนุ่ม ทั้งถ้อยคำกำชับที่บอกว่าให้พายเรือตอนที่มีน้ำเข้า[1] ทั้งความโกรธเคืองที่ทำให้ถามว่านายคิดว่าจะได้รับบทดีๆ ไปจนถึงเมื่อไรล้วนส่งไปไม่ถึงอีอูยอนเลยสักนิด

‘ต่อให้ผมรีบหาเงิน มันก็เป็นแค่เศษเงินเท่านั้นเอง แล้วทำไมจะต้องพายเรือด้วย ผมมีเรือยอชต์อยู่แล้วครับ’

‘ถ้าไม่มีบทเข้ามาแล้วให้รีบบอกเลยนะครับ เพราะผมจะลาออกจากวงการทันที และซื้อเกาะไว้เกาะหนึ่งเพื่อใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายกับคุณอินซอบ’

เขาเกลียดคำพูดทุกคำที่อีกฝ่ายพูดออกมามากเสียจนตอนนี้แค่เห็นหน้าของอีอูยอนก็รู้สึกโกรธแล้ว และทันทีที่อินซอบที่นับว่าเป็นความหวังสุดท้ายบอกว่าไม่สามารถโน้มน้าวอีอูยอนได้ กรรมการผู้จัดการคิมก็รู้สึกเหมือนใจสลาย

“เฮ้อ โทษฉันได้เลยถ้าฉันต่อสัญญากับอีอูยอนอีกครั้ง ไอ้คนไร้มารยาทเอ๊ย”

“กลับดึกนะครับ”

“เออ เพราะว่าโมโหก็เลยดื่มเหล้าปะ อ๊ากกก!”

กรรมการผู้จัดการคิมกรีดร้องและทรุดลงไปนั่งกับพื้น อีอูยอนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวอุทานว่า “โธ่” พร้อมกับเดาะลิ้นก่อนจะยื่นขวดน้ำแร่ที่วางอยู่ให้กรรมการผู้จัดการคิม

“นะ นายมีธุระอะไรที่นี่ ไม่สิ เข้ามาได้ยังไง…”

กรรมการผู้จัดการคิมตัวสั่นเหมือนคนเห็นผีและพูด

“กรรมการผู้จัดการยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีรหัสผ่านก็ยังเป็นรหัสเดิม ว่าแต่เพราะเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายแบบนั้นหรือเปล่าถึงได้ทำงานกับคนอย่างผมเรื่อยๆ”

“ไอ้บ้าเอ๊ย นายรู้รหัสผ่านประตูบ้านฉันได้ยังไง!”

“ก็คุณบอกรหัสผ่านของบ้านพักตากอากาศที่คังวอนโดให้รู้ตอนที่ขายบ้านให้ผมก่อนหน้านี้นี่ครับ ตัวเลขแปดตัวน่ะ”

“นายจำมันมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง!”

“งั้นผมควรจะทำยังไงล่ะครับที่เป็นคนฉลาดต่างจากคนที่ใช้รหัสผ่านเดียวกันกับทุกอย่าง”

อีอูยอนทำสีหน้าที่น่าเกลียดชังที่สุดในโลกพร้อมกับยื่นขวดน้ำแร่ให้และถามว่า “ดื่มไหมครับ”

“ไม่ดื่ม!”

“จะว่าไปแล้วทำไมถึงตั้งวันเกิดของหัวหน้าทีมชาเป็นรหัสผ่านล่ะครับ คงไม่ใช่ว่าพวกคุณทั้งคู่คบกันจริงๆ หรอกนะครับ หรือว่าพวกคุณอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ผมดันมาหาโดยไม่ทันได้สังเกตถึงเรื่องนั้น”

“ไอ้บ้า! มาหาโดยไม่ทันได้สังเกตอะไรล่ะ! มาหาเพราะไม่มีความคิดต่างหาก!”

“ใช่ครับ ผมไม่มีทั้งความคิดและมารยาทเลยล่ะครับ แล้วกรรมการผู้จัดการที่ต่อสัญญากับคนอย่างผมเนี่ยไม่มีอะไรกันแน่เหรอครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมมองอีอูยอนที่พูดราวกับเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง และใช้กำปั้นทุบอกตัวเอง

“ปล่อย!”

กรรมการผู้จัดการคิมแยกขวดน้ำแร่มาเปิดฝาและดื่มอั้กๆ พอจิตใจสงบลงประมาณหนึ่ง เขาก็เช็ดปากและจ้องอีอูยอนเขม็งพร้อมกับตะคอก

“นายรู้ไหมว่าถ้าแอบเข้ามาในบ้านของคนอื่นจะมีความผิดฐานบุกรุกเคหสถาน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่อเมริกาเป็นยังไง แต่ที่เกาหลีถ้าฉันแจ้งตำรวจ นายจะโดนจับ?”

“ปกติที่อเมริกาเขาใช้ปืนยิงเลยครับ”

อีอูยอนแกล้งทำมือเป็นรูปปืนพร้อมกับทำเสียง ปัง

“…ถ้ากฎหมายอนุญาต ฉันก็อยากลองยิงนายดูเหมือนกัน”

“ที่กรรมการผู้จัดการคิมยังไม่ถูกยิงมาจนถึงตอนนี้ก็เพราะกฎหมายไม่อนุญาตเรื่องนั้นเหมือนกันแหละครับ”

“ฉันทำไม ฉันพูดอะไรเหรอถึงจะโดนยิง”

“แล้วทำไมถึงสั่งให้คุณอินซอบทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นล่ะครับ”

“อะไร ใครทำ ฉันทำเมื่อไร”

ชเวอินซอบอกว่าจะไม่พูดเรื่องของซอแจฮาต่อหน้าอีอูยอน แม้จะรู้สึกละอายใจอยู่มาก แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็จ้องอีอูยอนและพูดต่ออย่างหน้าไม่อาย

“การขอให้ช่วยเอาเอกสารมาให้จะเป็นเรื่องใหญ่อะไรล่ะ”

“เฮอะ เอกสาร”

อีอูยอนเอียงคอพร้อมกับหัวเราะเสียงต่ำ

“ผมไม่ชอบช็อกโกแลตครับ”

‘คือว่ากรรมการผู้จัดการครับ รู้ไหมครับว่าตอนที่อีอูยอนน่ากลัวที่สุดคือตอนไหน ตอนที่เขาด่าหรือโมโห ผมก็คิดว่าเขาเป็นแค่ไอ้เวรคนหนึ่งเท่านั้น แต่บางครั้งเขาก็โพล่งออกมาอย่างผิดปกติโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนกัน ตอนที่เขาเป็นแบบน่าขนลุกจริงๆ เลยล่ะครับ เรียกว่ารู้สึกเหมือนคุยกับกำแพงหรือเปล่านะ เพราะเขาเหมือนไม่ใช่คนน่ะครับ’

เขานึกถึงคำพูดที่หัวหน้าทีมชาเคยพูดตอนที่ดื่มเหล้าด้วยกัน

ทำไมหมอนี่ถึงมาหาที่บ้านอย่างกะทันหันกลางดึก และพูดถึงเรื่องช็อกโกแลตขึ้นมาซ้ำๆ ล่ะเนี่ย กรรมการผู้จัดการคิมกลั้นเสียงร้องไห้ไว้ในใจและตอบกลับอย่างใจเย็นที่สุด

“ละ แล้วมีอะไรกับช็อกโกแลตเหรอ”

“ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ผมก็คาดหวังกับช็อกโกแลตที่คุณอินซอบซื้อให้ปีละครั้งครับ ไม่ว่าจะอร่อยหรือไม่ ผมก็ชอบที่มันเป็นช็อกโกแลตที่เขาซื้อให้ผม”

“…นี่นายคงไม่ได้มาหากลางดึกเพื่อตอกย้ำเรื่องความรักกับฉันหรอกนะ”

“เห็นผมเป็นคนไม่มีอะไรทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“…”

“แต่เมื่อกี้ผมก็ตอกย้ำจริงๆ แหละครับ”

ไอ้คนเฮงซวยเอ๊ย

แม้จะอยากด่า แต่เนื่องจากมีดที่เสียบไว้ที่ห้องครัวโผล่เข้ามาในสายตาอยู่เรื่อยๆ เขาจึงปิดปากเงียบไว้

“แต่คุณรู้ไหมครับว่าปีนี้เขากลับซื้อช็อกโกแลตราคาถูกจากร้านสะดวกซื้อให้”

“หาเงินได้แล้วเอาไปทำอะไรล่ะ ก็ให้เงินค่าขนมอินซอบเขาหน่อยสิ”

กรรมการผู้จัดการคิมไม่ปล่อยโอกาสที่จะเหน็บแนมอีอูยอน

“ผมลืมให้เงินค่าขนมไปเลยครับ เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการแอบซื้อคฤหาสน์หลังหนึ่งตรงชานเมืองแอลเอไว้เป็นชื่อของคุณอินซอบ”

“…”

เกลียดจริงๆ เลย ชาติที่แล้วฉันทำผิดอะไรไว้นะถึงต้องมาฟังเรื่องความรักชวนอ้วกของหมอนี่

“แม้สิ่งที่เขาให้จะเป็นหิน ผมก็จะกิน แต่ผมจำได้ว่าคุณอินซอบรู้สึกผิดที่ให้ช็อกโกแลตที่ไม่อร่อยและทำตัวไม่ถูกครับ แล้วจู่ๆ เขาก็บอกว่าจะยอมทำทุกอย่าง”

ความปลื้มใจเล็กน้อยฉายบนใบหน้าของอีอูยอนที่พูดแบบนั้น

“วันนั้นเขาอมไอ้นั่นให้ผม แล้วเราก็มีอะไรกันทั้งคืน…”

“อ๊ากกก! พอ! หยุด! หูจะเสีย! บอกว่าหูจะเสียไงเล่า!”

กรรมการผู้จัดการคิมทำสีหน้าเกลียดชังและวิ่งไปที่อ่างล้างจาน เขาเปิดน้ำและล้างหูของตัวเองกับน้ำที่ไหลลงมา

“ฮ่าๆๆ ผมเพิ่งพูดไปได้นิดเดียวก็เป็นแบบนี้ซะแล้ว ฟังต่อสิครับ”

“…ฉันไม่อยากฟังแล้ว แล้วช่วงนี้มีอะไรล่ะ สรุปมาเลย”

“อย่าใช้คุณอินซอบครับ”

อีอูยอนลุกขึ้น

…ไอ้หมอนี่กินและออกกำลังอะไรกันแน่ไหล่ถึงได้กว้างขึ้น

กรรมการผู้จัดการคิมเผลอกลืนน้ำลายและถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

“ผมไม่รู้นะครับว่ากรรมการผู้จัดการพูดอะไรกับเขา แต่ผมไม่ชอบให้เขาทำเป็นพูดเปรียบเทียบผมกับนักแสดงคนอื่น และไม่ชอบให้เขาดูผลงานของคนอื่นด้วยครับ ผมไม่ชอบให้เขาเสิร์ชชื่อนักแสดงคนอื่นด้วยเหมือนกัน ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากให้สมองของเด็กคนนั้นคิดถึงไอ้อีที่ไหนเป็นอันขาดเลยครับ”

“เฮ้ย นั่นไม่ใช่แค่การหึงหวงแล้ว แต่มันไม่มีเหตุผลเลยต่างหาก…”

“ผมรู้ครับว่าเป็นการบังคับ”

แต่เพราะยังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง อีอูยอนจึงยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ

“แต่จะให้ทำยังไงล่ะครับในเมื่อผมไม่ชอบ”

อ๋อ จริงสิ ไอ้หมอนี่มีจิตสำนึกที่ไหนล่ะ

กรรมการผู้จัดการคิมรีบกอบกู้สติและยืดตัวตรง

“มีหลักฐานเหรอว่าฉันสั่งอะไรอินซอบ”

“ไม่มีครับ”

อีอูยอนหมุนตัวไปเปิดตู้เย็น กรรมการผู้จัดการคิมถอนหายใจด้วยความโล่งใจอยู่ในใจ

ใช่แล้ว เถียงให้ถึงที่สุดเถอะ ยังไงก็ไม่มีหลักฐานอยู่แล้ว มันจะทำอะไรได้ล่ะ

“กินไหมครับ”

อีอูยอนที่รื้อค้นตู้เย็นหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งออกมายื่นให้

“หา? ไม่ล่ะ ในเมื่อเสร็จธุระแล้ว…”

เขากำลังจะขอให้อีกฝ่ายรีบไสหัวออกไปจากบ้าน ถ้าอีอูยอนไม่ยื่นมือออกมาหยิบมีดปอกผลไม้เสียก่อน

สวบ สวบ สวบ

กลิ่นและน้ำของแอปเปิลกระจายออกมาในความมืด

แม่มดที่เอาแอปเปิลมามอบให้สโนว์ไวท์ก็เป็นแบบนั้นหรือเปล่านะ…ไม่สิ แม่มดยอมเหน็ดเหนื่อยกับการใส่ยาพิษลงไปในแอปเปิลต่างหาก ถึงจะหัวเราะคิกคักและทำให้มือของตัวเองต้องแปดเปื้อนด้วยการใช้มีด…โอ๊ยๆๆ พอลองคิดๆ ดูแล้วทำไมต้องทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นเพราะสโนว์ไวท์สวยกว่าด้วยล่ะ

กรรมการผู้จัดการคิมค่อยๆ ถอยหลังและโบกมืออย่างช้าๆ

“อูยอน เราก็รู้จักกันมานานแล้วนะ…วางมีดลงเถอะ”

อีอูยอนปอกเปลือกแอปเปิลอย่างเรียบร้อยและหั่นเป็นชิ้นๆ ก่อนจะยื่นให้พร้อมกับพูดเหมือนเดิม

“กินไหมครับ”

“…”

กรรมการผู้จัดการคิมตัวแข็งทื่อและพูดอะไรไม่ออก อีอูยอนจึงหัวเราะและกัดแอปเปิลกิน

“ถึงจะไม่มีหลักฐาน แต่ผมมีความมั่นใจครับ”

อีอูยอนเคี้ยวแอปเปิลกร้วมๆ ก่อนจะพูดต่อ

“ว่ากันตามตรงก่อนหน้านี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาการหึงหวงคืออะไร แล้วผมก็ไม่เข้าใจเรื่องการมีเซ็กซ์กับคนแค่คนเดียวด้วย คนเราจะกินแต่อาหารเดิมๆ ทุกวันได้ยังไง จริงไหมล่ะครับ”

“ชะ ใช่”

พอคิดว่ามีดปอกผลไม้ที่อยู่ในมือของอีอูยอนวูบวาบเป็นพิเศษ กรรมการผู้จัดการคิมก็รีบตอบรับ

“แต่คุณอินซอบไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ ต่อให้กินทุกวันก็ยังโคตรอร่อยอยู่ดี”

“…”

กรรมการผู้จัดการคิมอยากล้างหูอีกรอบ

“ผมจะมีเซ็กซ์กับเขาแค่คนเดียวจนกว่าจะตาย เพราะผมชอบคุณอินซอบจริงๆ จนบางครั้งตัวผมเองยังไม่เชื่อเลยครับ”

อีอูยอนเคี้ยวแอปเปิลกร้วมๆ และพูดต่อ

“แต่เพราะเขา ผมคงไม่ได้ตายตามอายุขัยหรอกครับ แค่คุณอินซอบอยู่กับคนอื่นผมก็โมโหจนท้องไส้ปั่นป่วนถึงขนาดอยากจะอ้วกออกมาแล้วล่ะครับ ถ้าใครแตะต้องเขา ผมสาบานเลยว่าผมจะฆ่ามันให้ตาย”

อีอูยอนที่ทำสายตาดุดันกว่าใบมีดที่อยู่ในมือพูดต่อ

“ว่าแต่จำเป็นต้องทำให้ผมเกิดความหึงหวงด้วยเหรอครับ”

“…”

ไม่หรอกครับ ผมผิดเองครับ ขอโทษด้วยนะครับ ผมลืมไปเลยว่าคุณเป็นคนป่าเถื่อนถึงขนาดนั้น ผมจะ…

“ถึงจะดูไร้ความคิดมาก แต่ก็ประสบความสำเร็จนะครับ”

อีอูยอนวางแอปเปิลกับมีดปอกผลไม้ลง

“…หา?”

“ช่วยจัดตารางให้ผมทีครับ เอาให้ไม่มีเรื่องที่บทจะไปหาซอแจฮาแทนผมเลยนะครับ”

“อีอูยอน…”

กรรมการผู้จัดการคิมเรียกอีอูยอนด้วยสีหน้าที่บอกว่าไม่อยากจะเชื่อ

“ถ้ามีโฆษณาตัวไหนที่ซอแจฮาถ่ายแล้วจะหมดสัญญาลงในอีกไม่นานก็ช่วยติดต่อไปหาเขานะครับว่าผมจะทำ ไม่สิ ต่อให้ยังไม่หมดสัญญา แต่ถ้าทางนั้นอยากเปลี่ยนให้เป็นผม ผมก็ถ่ายได้ทันทีเลยครับ”

“…อีอูยอน? พูดจริงเหรอ…เดี๋ยวนะ ขอฉันอัดเสียงนายไว้หน่อย ลองพูดอีกรอบสิ”

กรรมการผู้จัดการคิมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า และใช้มือกดบันทึกเสียง

“จะมาอัดเสียงให้หงุดหงิดทำซากอะไรล่ะครับ แค่นี้ผมก็อารมณ์เสียมากพออยู่แล้ว อย่าทำให้ผมอารมณ์เสียกว่าเดิมเลยครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมรีบลบคำด่าชัดถ้อยชัดคำซึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงไพเราะที่ถูกบันทึกเสียงไว้ทิ้ง เพราะกลัวว่าจะหลุดไปที่ไหน

“จัดตารางงานอย่างที่คุณอยากจัดเถอะครับ แต่อย่าจัดให้แน่นเกินไปนะครับ”

“เออ! ได้! เข้าใจแล้ว! ฉันไม่ใช่คนที่จะจัดตารางให้อย่างไม่รู้ขอบเขตซะหน่อย! ฮ่าๆๆๆ เชื่อมือฉันได้เลย!”

“งั้นผมขอตัวนะครับ”

“ฮ่าๆๆๆ ใช่ ใช่ ดึกแล้วรีบกลับเถอะ”

ปากของกรรมการผู้จัดการคิมที่ไปส่งอีอูยอนจนถึงประตูหน้าบ้านฉีกจนถึงหู

“เอารถมาหรือเปล่า ถ้าไม่ได้เอามา ฉันจะให้ยืมรถฉันไปคันหนึ่งดีไหม”

“ไม่เป็นไรครับ คุณอินซอบกำลังมารับ”

“เฮ้อ ได้ รีบไปเถอะ อินซอบจะรอ”

กรรมการผู้จัดการคิมดันแผ่นหลังกว้างๆ ของอีอูยอน แต่แล้วความคิดที่ผ่านมาในหัวก็ทำให้เขาเรียกอีกฝ่ายไว้ อีอูยอนที่กำลังจะออกไปจึงหันหน้ากลับมา

“ว่าแต่อินซอบพูดอะไรเหรอ”

เขาวางมีดปอกผลไม้ลงไปแล้ว แถมยังบอกว่าจะถ่ายงานให้ด้วย ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีกแล้ว

“คุณอินซอบไม่เคยพูดอะไรเลยครับ”

“เอ๋? นายไม่ได้โกรธเพราะเขาเปรียบเทียบนายกับซอแจฮาเหรอ”

“เขาไม่ได้เปรียบเทียบครับ แล้วก็ไม่เคยพูดชื่อซอแจฮาออกมาสักครั้งด้วยครับ”

“แล้วทำไม…”

อีอูยอนหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะกลอกตามองบน

“ผมพูดไปแล้วยังไงล่ะ ว่าผมชอบช็อกโกแลตที่คุณอินซอบให้”

[1] พายเรือตอนที่มีน้ำเข้า ตรงกับสำนวนไทยที่ว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท