ถ้าหากบอกว่ายอดเข้าชมภายในห้าชั่วโมงของภาพยนตร์ออนไลน์สามารถก่อให้เกิดการระเบิดของกระแสความโด่งดังในสายตาของเพนกวินวิดีโอ เมาฉ่าง หรือแม้แต่พวกเสิ่นชิง เมื่อหน่วยเวลาในการคำนวณถูกลากยาวเป็นหนึ่งวัน ก็ยิ่งเกิดเป็น ‘การระเบิด’ ในสายตาของผู้คนทั่วไปเช่นกัน!
หลายวันหลังจากนั้น
เมื่อการแนะนำจากเว็บไซต์และกระแสความฮ็อตฮิตของภาพยนตร์บ่มเพาะมาจนถึงจุดหนึ่ง ยอดเข้าชมของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็ทะยานสูงขึ้นในลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับภาพจำและความเข้าใจซึ่งผู้คนเคยมีต่อภาพยนตร์ออนไลน์!
2.03 ล้าน…
3.5 ล้าน…
4.92 ล้าน…
6.25 ล้าน…
ยามที่เวลาล่วงเลยเข้าวันที่เจ็ด ซึ่งก็เป็นเวลาที่สัปดาห์แรกกำลังจะจบลง เมื่อรวมเพนกวินวิดีโอกับเมาฉ่างเข้าด้วยกันแล้ว ยอดเข้าชมเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็ทะลุสิบล้านครั้งอย่างเป็นทางการ!
‘ยังไม่ครบเจ็ดวัน’
‘ภาพยนตร์ออนไลน์’
‘ยอดวิวสิบล้าน’
คีย์เวิร์ดเหล่านี้เมื่อนำมาประกอบเข้าด้วยกัน นับว่าน่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว มากพอที่จะทำให้คนที่มีความรู้เกี่ยวกับแวดวงนี้ต้องตกตะลึงไป ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เว็บไซต์วิดีโอของแดนมังกรที่มักจะวัดและคำนวณยอดเข้าชมด้วยหลักร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
ที่นี่คือบลูสตาร์!
ยอดเข้าชมสิบล้านครั้งของบลูสตาร์ เป็นยอดเข้าชมสิบล้านครั้งที่แท้จริงโดยปราศจากการปั่นยอดแต่อย่างใด เป็นการเข้าชมหลักสิบล้านซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการจ่ายเงินครั้งละห้าหยวน!
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
หากยังไม่เอ่ยถึงภาษี ส่วนแบ่ง และค่าโฆษณา ภาพยนตร์ออนไลน์เรื่องนี้ลำพังแค่ยอดเข้าชมซึ่งผู้ชมกดเข้ามาดู ก็ทำรายได้ 50 ล้านหยวนภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม ไม่รู้ว่ามีแพลตฟอร์มสตรีมวิดีโออีกกี่แห่งที่เป็นต้องกัดฟันกรอดด้วยความอิจฉา ยามที่ต้องมองดูเมาฉ่างและเพนกวินวิดีโอกอบโกยรายได้…
อันที่จริง
เมื่อเรื่องประหลาดเช่นนี้ปรากฏขึ้นในวงการภาพยนตร์ออนไลน์ ผลกระทบของมันก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ตัวภาพยนตร์ออนไลน์อีกต่อไป เพราะยามที่การถกเถียงที่เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากทั้งฉินและฉีก็ให้ความสนใจมาอย่างไม่หยุดหย่อน
และในตอนนั้น
เมื่อเทียบกับกระแสความร้อนแรงในวงการภาพยนตร์ออนไลน์ เหล่าโจวซึ่งอยู่ในห้องทำงานของสตาร์ไลท์ในช่วงที่ผ่านมากลับไม่ได้มีความสุขนัก เพราะยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของเรื่องอัสนีบาต ภาพยนตร์เรื่องแรกที่บริษัทฝากความหวังไว้กลับไม่สู้ดีนัก จะบอกว่าห่วยแตกก็คงไม่ถึงขั้นนั้น ทว่าไม่ได้เป็นที่น่าพอใจ บางทีอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ เหล่าโจวจึงถูกเรียกไปยังห้องทำงานของประธานกรรมการ
เหล่าโจวเข้าไปในห้องประธานกรรมการด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ทำใจดีสู้เสือ กล่าวว่า “ประธานกรรมการไม่ต้องกังวลใจไปครับ จากแนวโน้มของยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของเราในตอนนี้ สุดท้ายแล้วเรื่องอัสนีบาตก็จะถอนทุนคืนได้ไม่ยากครับ”
ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศถล่มทลายนับว่ายอดเยี่ยม
แต่ถ้าหากสามารถคืนทุนได้ เรื่องอัสนีบาตก็จะนับว่าผ่านเกณฑ์เช่นกัน ถึงอย่างไรการได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมายจากภาพยนตร์โพรดักชันขนาดใหญ่เรื่องแรกของบริษัท โดยไม่ขาดทุน ก็นับว่าเป็นกำไรอย่างหนึ่ง เหล่าโจวปลอบใจตนเองเช่นนี้
“อืม”
หลี่ซ่งหวาคล้ายกับไม่ได้สนใจคำพูดของเหล่าโจว เพียงแต่พูดพึมพำว่า “วันนี้จู่ๆ ก็มีเพื่อนผมคนหนึ่งโทรศัพท์มาแสดงความยินดี บอกว่าหนังของบริษัทเราสร้างได้ดีมาก ผลตอบแทนจากที่ลงทุนไปรับรองว่าเกินสิบเท่า”
“เกินไปครับ!”
เหล่าโจวได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วน้อยๆ “ทำไมเพื่อนของประธานกรรมการพูดประชดอย่างนี้ล่ะครับ เรื่องอัสนีบาตถึงยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราบุกวงการภาพยนตร์ ต่อไปตลาดนี้เราจะขยับขยายได้มากขึ้นในอนาคต”
“ใช่…”
ดวงตาของหลี่ซ่งหวาหรี่ลงแลดูอันตราย มองเหล่าโจวอย่างใจลอย “ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาประชด ตอนหลังผมถึงรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง หนังเรื่องนี้ของเราได้รายได้เป็นสิบเท่าจากที่ลงทุนจริงๆ ต่อให้นำไปเทียบกับทั้งวงการก็ยังโดดเด่น!”
“หา?”
เหล่าโจวงุนงงเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคำพูดของหลี่ซ่งหวาหมายถึงอะไร แต่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศในห้องนี้เย็นเฉียบขึ้นมา นั่นหมายความว่าตอนนี้ประธานกรรมการกำลังอารมณ์เสียสุดขีด เหล่าโจวทำใจสุขุม ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ประธานกรรมการช่วยอธิบายหน่อยครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจ…”
“ไม่เข้าใจ?”
เปลือกตาของหลี่ซ่งหวากระตุกตุบๆ เสียงกดต่ำลง “คุณก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรือ หนังเรื่องที่คุณเป็นคนขายไปน่ะ ผมเพิ่งรู้ว่าคุณใจกว้างกว่าผมซะอีก ตามใจพ่อเพลงตัวน้อยของเราจนเกินขีดจำกัดไปแล้วคุณน่ะ!”
“หลินเยวียน”
หัวใจของเหล่าโจวกระตุกวาบ รีบร้อนเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “เรื่องหนังที่หลินเยวียนสร้าง คุณก็ตอบตกลงแล้ว รวมทั้งเรื่องที่ผมขายหนังเรื่องนั้นให้เขา ก็รายงานคุณไปแล้ว คุณก็โอเคแล้วไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่าง หนังเรื่องนั้นทำเงินได้ไม่เท่าไหร่ ขายให้เขาไปก็ไม่เป็นไร ถ้าคำนวณให้ละเอียดยังขาดทุนด้วย…”
“ทำเงินได้ไม่เท่าไหร่? ถ้าคำนวณให้ละเอียดยังขาดทุนด้วย?”
หลี่ซ่งหวาคว้าเอกสารฉบับหนึ่งบนโต๊ะมาทันที ก่อนจะโยนให้เหล่าโจวอย่างไม่สบอารมณ์ “งั้นคุณก็ดูว่านี่อะไร คุณบอกผมสิว่าหนังของเขาทำเงินได้ไม่เท่าไหร่ แถมยังขาดทุน? งั้นเรื่องอัสนีบาตของคุณทำเงินได้เท่าไหร่”
เหล่าโจวชะงักไป
เขาพลิกเปิดเอกสาร
ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง!
เพราะเอกสารฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงยอดเข้าชม รายได้ รวมไปถึงการวิเคราะห์โดยละเอียดในแต่ละด้านของภาพยนตร์เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ตัวเลขในนั้นแทบจะทำให้เหล่าโจวกรีดร้องออกมา
“ห้าสิบล้าน!? หนึ่งอาทิตย์!?”
ถ้าหากเจ้าเอกสารนี้ หลี่ซ่งหวาไม่ได้เป็นคนโยนมา เหล่าโจวจะต้องสงสัยว่านี่เป็นตัวเลขปลอมที่มีคนทำขึ้นอย่างแน่นอน แต่เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของหลี่ซ่งหวา เหล่าโจวจึงไม่นึกคลางแคลงในความถูกต้องของเอกสารฉบับนี้เลย
จะโทษที่สัญชาตญาณของเหล่าโจวย่ำแย่ก็คงไม่ได้
ต่อให้วงการภาพยนตร์ออนไลน์ดิ้นรนมากกว่านี้ ปกติแล้วจะทำเงินได้น้อยนิดเพียงไม่กี่ล้าน ความสนใจของเขาจึงไปรวมอยู่ที่เรื่องอัสนีบาตซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่บริษัทผลิตเป็นหลัก และไม่มีทางไปมัวใส่ใจโปรเจ็กต์ขนาดเล็กจิ๋วแบบนั้นหรอก
ทว่าในตอนนี้
เมื่อเห็นผลงานอันเหลือเชื่อซึ่งเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศทำได้หลังจากเข้าฉายในฐานะภาพยนตร์ออนไลน์ ซึ่งปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในเอกสาร สมองของเหล่าโจวก็แทบแตกเป็นเสี่ยงๆ “งั้นหนะ หนะ หนัง…หนังเรื่องนี้…ดังแล้ว!?”
“…”
หลี่ซ่งหวาคลึงขมับ
เรื่องนี้อย่าว่าแต่เหล่าโจวเลย เขาเองก็เพิ่งตระหนักได้ว่าภาพยนตร์ออนไลน์มีผลงานระดับปีศาจแบบนี้ก็หลังจากที่กระแสความฮ็อตฮิตของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ สั่งสมมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ
นี่มันเรื่องอะไรกันฟระ
เหล่าโจวรู้สึกว่าตนกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
มิน่าล่ะประธานกรรมการถึงได้บอกว่าตนตามใจหลินเยวียนจนเกินขอบเขต…หายนะของตนเกิดขึ้นแล้ว หนังทำเงินอย่างเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศนี้ ตนก็ห่อใส่กล่องให้หลินเยวียนไปในราคาสิบล้านเนี่ยนะ?
ฉันแก่แล้วใช่ไหม
หนังเรื่องนี้ก็ดังได้หรือ?
เดี๋ยวก่อนนะ ยังต้องมาแบกรับความผิดอีก!
จู่ๆ เหล่าโจวก็โมโหจนฮึกเหิมขึ้นมา จ้องหน้าหลี่ซ่งหวา บอกว่า “เรื่องนี้ประธานกรรมการเองก็มีส่วนผิดนะครับ ผมรายงานกับคุณตลอดทุกขั้นตอน ต่อให้เรื่องนี้เป็นปัญหา ก็จะมาโทษผมคนเดียวไม่ได้!”
“คุณแน่ใจ?”
แววตาของหลี่ซ่งหวาดูน่าเกรงขาม
เหล่าโจวอ้าปากพะงาบ ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมา ในคำพูดเปี่ยมไปด้วยปฏิภาณไหวพริบและวุฒิภาวะระดับมืออาชีพ “ผมขายเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศให้ไปโดยที่ประธานกรรมการไม่ทราบเรื่อง ก่อนหน้านี้ประธานกรรมการชอบหนังเรื่องนี้มากทีเดียว น่าเสียดายที่ผมไม่ได้คิดให้รอบคอบ”
“ใช่ไหมล่ะครับ”
หลี่ซ่งหวาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ กระแอมครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ครั้งก่อนคุณยังโน้มน้าวไม่ให้ผมให้เงินเซี่ยนอวี๋ลงทุนทำหนังอีก ผมบอกคุณว่ายังไง เด็กเขาอยากทำหนัง เราก็ต้องสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่! บทที่เขาเขียน ผมมองปราดเดียวก็รู้ว่าสุดยอด คนสายตาเฉียบแหลมย่อมรู้ว่านี่เป็นหนังที่จะดังเป็นพลุแตก!”
“ใช่ครับ ใช่ๆ”
เหล่าโจวพยักหน้าประหนึ่งไก่จิกเมล็ดข้าว
หลี่ซ่งหวากระแอมอีกครั้ง “ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะขายให้เขาไปแล้ว แต่ในแง่หนึ่งก็ยังเป็นหนังที่บริษัทเราสร้าง เราก็แค่ไม่ไปแย่งเงินค่าขนมกับเด็ก แต่ว่า…”
“เข้าใจแล้วครับ”
ไม่ต้องให้ประธานกรรมการบอก ในใจของเหล่าโจวก็กระจ่างทันที
ไม่ต้องสนใจว่าบริษัทขาดทุนไปเท่าไหร่ สตาร์ไลท์สร้างภาพยนตร์ออนไลน์เรื่องหนึ่ง สุดท้ายแล้วเรื่องจะดังไม่ดังก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพ
“แต่เรื่องนี้ยังมีบางคนในบริษัทที่รู้ เราจะไปฆ่าปิดปากพวกเขาก็คงไม่ได้ล่ะมั้งครับ” เหล่าโจวเป็นกังวล
“งั้นคุณไปบอกพวกเขา”
ความน่าเกรงขามของหลี่ซ่งหวากลับมาอีกครั้ง น้ำเสียงราบเรียบทว่าเด็ดขาด “ตั้งแต่วันนี้ไปหลี่ซ่งหวาจะฆ่าปิดปากของจริง ใครปากอยู่ไม่สุขกล้าเอาไปป่าวประกาศ คุณเรียกเขามาคุยกับผมได้เลย!”
“เซี่ยนอวี๋ล่ะครับ”
เหล่าโจวเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง
สีหน้าของหลี่ซ่งหวาชะงักค้าง จ้องหน้าเหล่าโจวอยู่สักพัก ก่อนจะพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “คุณก็โอ๋เขาหน่อยไม่ได้หรือไง”
เหล่าโจว “…”
ความดุดันไม่เกรงใจใครก่อนหน้านี้ของคุณหายไปไหนแล้วล่ะเนี่ย
ทีนี้เซี่ยนอวี๋ก็กลายเป็นองค์รัชทายาทตัวจริงเสียงจริงแล้ว?
…………………………………………….