“โอ๊ะ ฉันหาตั้งนานแหนะ”
อินซอบมองผู้ชายที่ทำหน้าตาดีใจพร้อมกับเดินเข้ามาหา และก้มหัวทักทายโดยอัตโนมัติ
“สวัสดีครับ”
“ได้ยินว่าเป็นผู้จัดการของอีอูยอน”
เขาคือผู้จัดการส่วนตัวของชเวฮาซองที่เห็นที่ห้องอาหารเมื่อสักครู่นี้
“ครับ ใช่ครับ ผมชเวอินซอบครับ”
“ทำไมตอนถ่ายทำถึงไม่เคยเห็นหน้าสักครั้งเลยล่ะ”
“ผมทำงานอยู่ที่ออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่น่ะครับ”
อินซอบถูกจี้ใจดำโดยไม่จำเป็นจึงได้แต่ก้มหน้าตอบออกไป
“อย่างนั้นเองสินะ แต่ก็ทำได้ดีมากเลยนะ วันนี้ไม่มีกำหนดการอะไรใช่ไหม”
“ผมเหรอครับ”
อินซอบตกใจและถามย้ำอีกครั้ง
“ก็ตรงนี้มีแค่คุณชเวอินซอบไม่ใช่เหรอ”
“…”
“ไม่มีกำหนดการอะไรตอนบ่ายใช่ไหม”
“เอ่อ คือว่า”
เขาเพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ และกำลังจะไปหาอีอูยอน เขาตั้งใจว่าจะทำตัวให้ตรงกับกำหนดการของอีอูยอน
“ผมต้องทำตามกำหนดการของคุณอีอูยอนน่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
“ฉันเพิ่งเจออีอูยอนมา เห็นเขาบอกว่าวันนี้ไม่มีกำหนดการหรือเปล่า? แล้วก็จะพักอยู่ที่ห้อง”
“…”
เพราะฉะนั้นกำหนดการของผมก็เป็นแบบนั้นด้วยยังไงล่ะครับ
อินซอบเก็บคำที่ไม่สามารถพูดออกไปได้เอาไว้
“วันนี้นายช่วยพาคุณนักแสดงของฉันกับคนอื่นๆ ไปเที่ยวหน่อยได้ไหม”
“ผมเหรอครับ”
ตาของอินซอบเบิกกว้างขึ้นอีกขั้น
“เห็นเมื่อกี้นายพูดภาษาอังกฤษเก่งมากเลย แล้วยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็คือคุณนักแสดงของฉันชอบนายมาก”
อินซอบหัวเราะอย่างทำตัวไม่ถูกและมองไปรอบๆ หัวหน้าทีมชาดันบอกว่าจะไปสูบบุหรี่ตอนนี้พอดีจึงไม่ได้อยู่ด้วย
“คุณอีอูยอนเองก็ไม่ได้มีกำหนดการอะไร นายก็ช่วยเถอะ ฉันว่ามันดีสำหรับพวกเราทั้งคู่นะ”
“ขอโทษครับ เนื่องจากกำหนดการของผมจำเป็นต้องปรับให้ตรงกับนักแสดงของทางเรา ผมจึงไม่สามารถตัดสินใจโดยพลการได้ครับ เพราะหลังจากนี้กำหนดการอาจจะเปลี่ยนก็ได้”
อินซอบปฏิเสธอย่างมีมารยาทที่สุด
“งั้นนายไปถามคุณอีอูยอนแล้วขออนุญาตได้ไหม”
“ครับ? เอ่อ…ครับ”
อินซอบเอ่ยตอบอย่างลืมตัว ยังไงอีอูยอนก็คงไม่อนุญาตอยู่แล้ว แล้วหัวหน้าทีมชาที่ออกไปสูบบุหรี่ก็กลับเข้ามาพอดี
“ชะชะช่า ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ไม่เจอกันนานอะไรล่ะ เพิ่งไปดื่มด้วยกันมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”
ผู้จัดการของชเวฮาซองพูดคุยกับหัวหน้าทีมชาอย่างเป็นกันเอง เนื่องจากรู้จักกันอยู่แล้ว
“ชะชะช่า ฉันขอยืมโทรศัพท์มือถือหน่อยได้ไหม ฉันต้องโทรหาใครสักคนน่ะ”
“ไม่เอา ทำไมฉันต้องให้ยืมด้วย”
หัวหน้าทีมชายิ้มอย่างขี้เล่นก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ามายื่นให้ ในระหว่างที่อีกฝ่ายไปคุยโทรศัพท์กับชเวฮาซอง หัวหน้าทีมชาก็มองอินซอบก่อนจะเอียงคอ
“พวกนายคุยอะไรกันอยู่เหรอ”
“เอ่อ คือว่า…”
ในจังหวะที่อินซอบกำลังจะอธิบาย ผู้จัดการส่วนตัวจองชเวฮาซองก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับสีหน้าร่าเริง
“เรียบร้อยแล้ว เขาอนุญาต”
“อนุญาตอะไร”
หัวหน้าทีมชาเอียงคอ ผู้จัดการของชเวฮาซองจึงพูดว่า “ก็เรื่องนั้นไงล่ะ” พร้อมกับมองอินซอบและแสยะยิ้ม
…คนเจ้าเล่ห์อีซังพิลคือคนคนนี้เองสินะ
แม้จะรู้สึกเสียใจในภายหลัง แต่เขาก็ไม่สามารถเรียกเก็บคำพูดที่พูดออกไปแล้วกลับมาได้
***
“ห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอ”
“เดินไปข้างหน้านั้นจะมีห้องน้ำชั่วคราวอยู่ครับ แต่เหมือนจะไม่สะอาดเท่าไร ไว้ผมเจอห้องน้ำที่สะอาดแล้วจะบอกนะครับ”
“รถขายกุ้งใช่ไหม ที่เขาบอกว่าอร่อยน่ะ”
“ครับ ถ้าไปอีกหน่อยจะเจอครับ”
“เดี๋ยวจะไปไร่สับปะรดอะไรนั่นด้วยได้ไหม พอดีหลานฉันขอให้ซื้อของที่ระลึกให้น่ะ”
“ครับ ทราบแล้วครับ เนื่องจากเป็นทางผ่านพอดี เดี๋ยวผมจะแวะให้สักครู่นะครับ”
อินซอบอธิบายคำถามที่ถาโถมเข้ามาทีละคำถามอย่างใจเย็น
อินซอบกลายเป็นไกด์ของนักแสดงอาวุโสทั้งสี่คนที่ร่วมแสดงในละครเรื่องนี้หนึ่งวัน พวกผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดงเหล่านั้นบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายราวกับนัดกันไว้ และไม่สามารถมาร่วมเที่ยวด้วยได้ เรียกได้ว่าอินซอบได้กลายเป็นทีมเก็บกู้ระเบิดไปแล้ว
“ขับรถดีมากเลยนะ ชื่ออะไรล่ะ”
ชเวฮาซองที่ลงจากรถเป็นคนสุดท้ายถามอินซอบ เขาถามชื่อเป็นครั้งที่ห้าของวันนี้แล้ว
“ชเวอินซอบครับ”
“เหมือนจะยังเด็กอยู่เลยนะ ทำไมถึงทำงานแบบนี้ล่ะ”
“ผมไม่ได้เด็กขนาดนั้นหรอกครับ”
ชเวซองฮาไล่มองอินซอบตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับกอดอกและร้อง “อืม”
“เมื่อกี้เธอเก่งภาษาอังกฤษมากเลยนะ เรียกภาษาอังกฤษมาจากไหนล่ะ”
“…จากที่บ้านครับ”
เขาไม่ได้โกหก
“ไม่ไปเรียนพิเศษแล้วเก่งภาษาอังกฤษได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ช่วยบอกวิธีนั้นให้หลานของฉันหน่อยสิ เขาโกยเงินของฉันไปเรียนเมืองนอกเยอะมาก แต่ทุกครั้งที่กลับมานะ อย่าว่าแต่ภาษาอังกฤษจะดีขึ้นเลย กลับมีแต่รอยสักเท่านั้นทีเพิ่มขึ้นเป็นสิบ”
“เพราะการเรียนภาษาเป็นเรื่องที่ยากที่สุดน่ะครับ หลานของคุณจะต้องเก่งขึ้นอย่างแน่นอนครับ”
อินซอบเอ่ยตอบอย่างรอบคอบ
“จะทำงานนี้ไปเรื่อยๆ ไหม”
“ครับ? เอ่อ…ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”
ชเวฮาซองร้อง “อืม” พร้อมกับไล่มองอินซอบตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง
หรือว่าจะมองออกว่าเราไม่ใช่ผู้จัดการส่วนตัว…แต่ก่อนหน้านี้เราก็เคยเป็นผู้จัดการส่วนตัวนี่นา
อินซอบถูแก้มอย่างไม่มีเหตุผลก่อนจะก้มหน้าลง
“คุณอินซอบ! ช่วยถ่ายรูปให้พวกเราหน่อย”
“ครับ! ทราบแล้วครับ”
เสียงเรียกให้ช่วยถ่ายรูปให้จากทางด้านนั้นทำให้อินซอบก้มหัวเพื่อขอตัวจากชเวฮาซองก่อนจะวิ่งไป
“ช่วยถ่ายให้เห็นวิวด้านหลังเป็นทะเล ให้ดูหน้าเล็กๆ ให้แสงในรูปสวยๆ แล้วก็อย่าให้เห็นริ้วรอยนะ”
คำขอที่ซับซ้อนถูกพูดอย่างต่อเนื่อง
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
อินซอบรับโทรศัพท์มือถือมา และถ่ายรูปให้หลายใบด้วยการพยายามใช้มุมกล้องช่วย ใบหน้าของนักแสดงที่ดูรูปภาพสดใสขึ้น
อินซอบยิ้มอย่างเงียบๆ ให้กับท่าทีที่เหมือนเด็กๆ ของเหล่าผู้อาวุโสที่มีอายุ แม้สุดท้ายเขาจะได้รับภาระงาน แต่อินซอบก็ไม่ได้เกลียดงานในครั้งนี้ เพราะเมื่อเห็นคนมีอายุเหล่านี้ เขาก็นึกถึงคุณยาย
เว้นก็แต่
“…”
อินซอบมองภาพทิวทัศน์อันงดงามที่ทอดยาวไปตามถนนเลียบชายหาด ทะเลสีฟ้าเป็นระลอกคลื่นระยิบระยับจนแสบตา
แม้จะไม่รู้ว่าอีอูยอนอนุญาตให้ใช้ตนเป็นไกด์ด้วยความคิดแบบไหน แต่เขากลับรู้สึกเสียดายทุกครั้งที่ได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงาม
ถ้ามาด้วยกันก็คงจะดี
เขานึกถึงอีอูยอนทุกครั้งที่ได้กินอาหารอร่อยๆ หรือเห็นที่สวยๆ แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยและไร้ค่า แต่เขาก็อยากแบ่งปันสิ่งดีๆ ทั้งหมดที่ตนมีกับอีอูยอน
…เราสามารถชอบใครสักคนได้ถึงขนาดนี้ในทุกช่วงเวลาที่มีเลยสินะ
อินซอบเสยผมที่ยุ่งเหยิงด้วยแรงลมขึ้นพร้อมกับกลั้นยิ้ม
“คุณอินซอบ ฉันถ่ายรูปเสร็จหมดแล้ว เราไปกันเถอะ”
“ครับ ทราบแล้วครับ”
เสียงที่เอ่ยเรียกตนทำให้อินซอบรีบหันหน้ากลับไปตอบ หลังจากขึ้นมานั่งบนที่นั่งคนขับและดูแผนที่แล้ว อินซอบก็หันไปพูดกับทางด้านหลัง
“คาดเข็มขัดนิรภัยด้วยนะครับ ผมจะออกรถแล้ว”
เขาเปิดวิทยุ และเสียงเพลงของเอดิต ปียัฟก็ลอยออกมา
เขาดูภาพยนตร์ที่บ้านกับอีอูยอนสัปดาห์ละครั้ง แม้จะไม่ได้สัญญากันว่าจะทำแบบนั้น แต่แล้วสิ่งนั้นก็กลายเป็นกิจวัตรที่ทำเป็นประจำจนกลายเป็นความเคยชิน
เมื่อไม่นานมานี้เขาเผลอหลับไประหว่างที่ดูภาพยนตร์ชีวประวัติของเอดิต ปียัฟ พอลืมตาขึ้นมา เสียงเพลงก็ดังขึ้นพร้อมกับเอนเครดิตของภาพยนตร์แล้ว และอีอูยอนที่คิดว่ากำลังดูภาพยนตร์อยู่ก็กำลังก้มมองอินซอบ ตอนที่สบตากัน ดวงตากับริมฝีปากของอีอูยอนก็ยิ้มอย่างนุ่มนวล
อินซอบเผลอจูบปากของอีกฝ่ายที่ยิ้มอย่างซุกซน ใบหน้าเหมือนเด็กหนุ่มที่อีกฝ่ายแสดงออกมาอย่างไม่รู้ตัวนั้นน่ารักจนทำให้ทุกอย่างดีไปหมด พวกเขานั่งจูบกันอยู่บนโซฟาจนกระทั่งเพลงจบลง ด้วยเหตุนั้นเมื่อได้ยินเพลงนี้ อินซอบจึงนึกถึงอีอูยอนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
เขาได้ยินเสียงร้องฮึมฮัมตามเพลงจากด้านหลัง
“ให้ผมเพิ่มเสียงดีไหมครับ”
“ดีเลย ช่างสังเกตเหมือนกันนะคุณอินซอบเนี่ย”
อินซอบเพิ่มเสียงเพลงให้ พอเขาเปิดหน้าต่างรถออกเล็กน้อย ลมทะเลก็พัดเข้ามา
ถ้าอยู่ด้วยกันก็น่าจะดี
อินซอบขับรถพร้อมกับคิดถึงอีอูยอนตลอดเวลา
“คุณอินซอบ เหมือนจะต้องเร่งความเร็วขึ้นอีกนิดหรือเปล่า”
“ผมขับช้าไปเหรอครับ”
“เปล่าหรอก แต่เหมือนรถคันหลังจะบีบแตรตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”
อินซอบรีบลดเสียงเพลงลงและมองกระจกหลัง รถคันหลังกำลังบีบแตรอยู่จริงๆ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เขาไม่ได้ขับช้าจนทำให้รถคันหลังรำคาญ และถึงแม้จะเป็นถนนสองเลน แต่ถ้าตัดสินใจแล้วก็สามารถแซงขึ้นไปเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นอินซอบจึงทำสัญลักษณ์มือบอกว่าขอโทษให้ และรีบขับรถให้ชิดไหล่ทาง แต่รถคันหลังที่คิดว่าจะแซงขึ้นไปทันทีกลับขับตามอยู่อย่างนั้นพร้อมกับบีบแตร
“อะไรกัน เขาสั่งให้จอดเหรอ”
“อย่าจอดนะ คิดว่าจอดแล้วจะเจอกับเรื่องอะไรล่ะ มันมีพวกอันธพาลที่พกปืนไปไหนมาไหนด้วยอยู่นะ”
ชเวฮาซองพูดพร้อมกับทำสีหน้าเคร่งเครียด แม้จะกังวล แต่อินซอบก็เลือกที่จะจอดรถก่อน
“อยู่ที่นี่แล้วอย่าออกไปนะครับ เดี๋ยวผมกลับมาครับ”
อินซอบพูดพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัย แม้จะกลัว แต่ผู้ดูแลของทุกคนในตอนนี้มีเพียงตนเท่านั้น
รถคันหลังก็จอดรถตรงไหล่ทางด้วย อินซอบสูดลมหายใจเข้าไปทั้งๆ ที่เต็มไปด้วยความกังวล พอเห็นคนที่ลงมาจากที่นั่งคนขับของรถยนต์สีดำ อินซอบก็ไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง
“…คุณอูยอน?”
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
อีอูยอนถอดแว่นกันแดดก่อนจะยิ้มอย่างสบายๆ แล้วหัวหน้าทีมชาที่สวมแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงว่ายน้ำก็ลงจากรถตามมาด้วยสีหน้าบึ้งบูด
“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ ไม่สิ คุณมาได้ยังไงครับ”
อินซอบไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และทำมึนงง
“…อีอูยอนชวนไปที่ดีๆ แล้วก็ลากมาน่ะ”
หัวหน้าทีมชาตอบด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
“ผมก็พามาที่ดีๆ อยู่นี่ไงครับ”
อีอูยอนกวาดตามองทะเลที่ทอดยาวไปตามถนนเลียบชายหาดก่อนจะยิ้มให้ หัวหน้าทีมชาขบฟันแน่น เขาไม่กล้าพูดกับอินซอบว่าตอนที่อีอูยอนบอกว่าจะพาไปที่ดีๆ เขานึกว่าอีกฝ่ายจะเอาเขาไปฝังที่ไหนสักที่และส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวาย
อินซอบกระตุกชายเสื้อของหัวหน้าทีมชาอย่างระมัดระวัง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“เพราะซังพิลใช้โทรศัพท์มือถือของฉันโทรหาอีอูยอน เขาก็เลยนึกว่าเป็นฉันน่ะ”
“ใครเหรอครับ”
“…ผู้จัดการส่วนตัวที่ขอยืมโทรศัพท์ฉันไปแป๊บหนึ่งไง”
“อ๋อ…”
ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด เพราะผู้จัดการส่วนตัวของชเวฮาซองใช้โทรศัพท์มือถือของหัวหน้าทีมชาโทรหา อีอูยอนจึงเข้าใจผิด
“ฉันกำลังนอนดื่มค็อกเทลอยู่บนเตียงริมสระว่ายน้ำ พอหมอนั่นเห็นฉัน เขาก็ถามว่าทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่ แล้วก็ลากฉันออกมาเลย…เฮอะ ฉันนึกว่าจะไม่ได้แก่ตายแล้ว”
“…ขอโทษครับ”
“ไม่มีอะไรที่คุณอินซอบจะต้องขอโทษเลยนะ ทุกอย่างเป็นความผิดของกรรมการผู้จัดการคิมต่างหาก”
หัวหน้าทีมชายังด่ากรรมการผู้จัดการคิมที่ต่อสัญญากับอีอูยอนอยู่ทุกครั้งที่เมาเหล้า
“แล้วตอนนี้จะทำยังไงล่ะครับ”
หัวหน้าทีมชาตอบคำถามของอินซอบด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“จะทำยังไงได้ล่ะ ก็ต้องเริ่มทัวร์ฮาวายแบบนรกแตกกับอีอูยอนน่ะสิ”