รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 299 ผู้เรียกตนเองว่าไหสุราใบน้อยเมาแล้วจ้า!

บทที่ 299 ผู้เรียกตนเองว่าไหสุราใบน้อยเมาแล้วจ้า!

บทที่ 299 ผู้เรียกตนเองว่าไหสุราใบน้อยเมาแล้วจ้า!

“ปู้ยี่ปู้ยำบ้านเจ้าน่ะสิ!”

อ้ายฉานไร้คำพูดจะเอื้อนเอ่ย เณรน้อยผู้นี้จะต่ำช้าเกิดไปแล้ว!

หากไม่ใช่ว่าท่านเซียนอยากเจอเณรน้อยรูปนี้ นางก็ไม่อยากจะอยู่กับเขาแม้แต่ลมหายใจเดียว!

“เจ้า…หมายความว่าอย่างไร ไม่ใช่ว่าเห็นข้าหล่อเหลาหรอกหรือ? แล้วเจ้าลากข้าเข้ามาในวังนี้ทำไม!”

“รักษาหน้าเจ้าไว้บ้างเถอะ!”

อ้ายฉานไม่อยากยุ่งกับเณรน้อยผู้นี้มากเท่าใดนัก นางเพียงกล่าวว่า “คุณชายอยากเจอเจ้า ข้าพาเจ้ามาพบคุณชายต่างหาก”

เณรน้อยขมวดคิ้วพลางถาม “คุณชาย…คุณชายอะไร?”

“ฐานะของคุณชาย ข้าคงบอกเจ้ามากกว่านี้ไม่ได้ หลังพบคุณชายเจ้าจะเข้าใจทุกอย่างเอง”

อ้ายฉานมองเณรน้อย แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “สิ่งที่ข้าอยากจะเตือนเจ้าก็คือ คุณชายกำลังท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน จงอย่าละเมิดข้อห้ามนี้เด็ดขาด ที่สำคัญต่อหน้าคุณชายอย่าได้ไม่เจียมตน ไม่เช่นนั้นต่อให้เจ้ามีหลายชีวิตก็ไม่พอให้ชดใช้!”

นางลากเณรน้อยเข้าไปในวังที่นางพำนักอยู่ เพื่อบอกเรื่องนี้กับเณรน้อย กลัวว่าเณรน้อยจะทำคุณชายโมโห ส่วนเรื่องความเป็นหรือความตายของเณรน้อย นางไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด

ที่นางใส่ใจคือคุณชาย!

นางไม่อยากให้คุณชายโมโห เพราะเขาปฏิบัติต่อนางอย่างดี

“กำลังท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน…”

เณรน้อยนึกถึงหลี่จิ่วเต้าทันที

พวกอ้ายฉานมีปุถุชนสองคน คนหนึ่งคือหลี่จิ่วเต้า ส่วนอีกคนคือหลิงอิน

หลิงอินเป็นผู้หญิงย่อมไม่มีทางเป็นคุณชาย คุณชายผู้นี้ย่อมเป็นหลี่จิ่วเต้าอย่างไม่ต้องสงสัย

หากเป็นเช่นนี้…ที่พวกเขาคาดเดาก่อนหน้านี้ ล้วนผิดทั้งหมดน่ะสิ!

หลี่จิ่วเต้าอาจเป็นหนึ่งในสมาชิกของยอดนิกาย ไม่ใช่ปุถุชนธรรมดาอย่างที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้

‘หวนคืนสู่เป็นความจริง คือแก่นแท้ของการฝึกตนหวนคืนชาติกำเนิดดังเดิมใช่หรือไม่? พระพุทธเจ้าก็ทรงจุติเป็นปุถุชน เดินทางผ่านท่ามกลางธุลีแดงเป็นเวลานาน…’

เขารำพึงอยู่ในใจ นึกถึงพระพุทธเจ้าของศาสนาพุทธของพวกเขา พระอมิตาภพุทธเจ้า

ในคัมภีร์สำนักพระพุทธศาสนาของพวกเขา พระพุทธเจ้าเคยจุติเป็นปุถุชนก่อนจะบรรลุพุทธะ

ดูเหมือนว่าหลี่จิ่วเต้าก็เป็นเช่นนี้เดียวกัน…

“เข้าใจหรือไม่!”

เมื่อเห็นว่าเณรน้อยเงียบไป อ้ายฉานจึงถามเสียงดัง

“เข้าใจแล้ว! วางใจเถอะ ข้าไม่ล้อเล่นกับชีวิตตัวเองหรอก!”

เณรน้อยหัวเราะ

เขาไม่ได้โง่สักหน่อย ในทางกลับกันเขาฉลาดมาก!

ถึงเรื่องไร้สาระในอดีตจะเป็นความจริง แต่เขาก็พอรู้จักประเมินสถานการณ์ หากมีเรื่องเกิดขึ้นเขาก็ไม่ใช่คนทำตัวไร้สาระ

“เข้าใจแล้ว” หลังจากได้ยินคำพูดยืนยันแล้ว อ้ายฉานก็พาเณรน้อยออกจากวังของตน และมาที่วังของท่านเซียน

“หอมจัง!”

เมื่อมาถึงลานวังของหลี่จิ่วเต้า เณรน้อยสูดลมหายใจเข้าอยู่หลายครั้ง เพราะได้กลิ่นของเนื้อหอมกว่าเดิม

หลี่จิ่วเต้าเห็นท่าทีของเณรน้อย ในใจก็คิดว่าเณรน้อยรูปนี้เป็นอย่างที่อ้ายฉานว่าไว้จริง ๆ ไม่ใช่สมณะศาสนาพุทธหัวโบราณที่เคร่งครัดปฏิบัติตามกฎระเบียบ

หากเป็นบรรดาสมณะศาสนาพุทธโบราณเคร่งครัดตามปฏิบัติกฎระเบียบ จะมาดมกลิ่นเนื้อเช่นนี้ได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!

บรรดาสมณะศาสนาพุทธโบราณเคร่งครัดปฏิบัติตามกฎระเบียบ ต้องทนดมกลิ่นเนื้อเช่นนี้ไม่ได้เป็นแน่ อาจถึงขั้นนั่งเทศน์ให้ฟังอีกด้วย

ขณะเดียวกันนั้น พวกเซี่ยเหยียนก็มองเณรน้อยด้วยสายตาแปลก ๆ

เณรน้อยรูปนี้ต่างจากเณรที่พวกเขาเคยรู้จัก

เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังมองมาที่ตน เณรน้อยก็ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกล่าวว่า “สวัสดีขอรับคุณชาย สวัสดีทุกท่านด้วย!”

เขากล่าวทักทายหลี่จิ่วเต้า พวกเซี่ยเหยียน ตามด้วยเด็กคนอื่นตามลำดับอย่างสุภาพ

เซียเหยียนแย้มยิ้ม เริ่มคิดว่าเณรน้อยรูปนี้ไม่ได้น่าชังอย่างที่อ้ายฉานว่าไว้

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชอบกินเนื้อกับดื่มสุราหรือ?”

หลี่จิ่วเต้าถามเณรน้อย

เณรน้อยยิ้มอย่างไร้เดียงสาพลางกล่าว “พระพุทธเจ้าตรัสว่า การฝึกตนคือการฝึกจิต ควรทำปฏิบัติด้วยใจ หากบังคับฝืนจิตใจตนเองก็นับได้ว่าการฝึกนั้นไร้ความหมาย กินเนื้อดื่มสุราเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ โยนมันทิ้งไป ถือว่าฝืนสันดานของมนุษย์จริง ๆ”

เขากล่าวได้อย่างชาญฉลาด ก่อนเขาจะเข้าใจนิสัยใจคอของหลี่จิ่วเต้า เขาก็แสดงท่าทางเรียบง่าย รู้จักทะนงตนเจียมเนื้อเจียมตัวไว้ก่อน

อ้ายฉานเห็นท่าทีเช่นนั้นแล้วในใจกลับรู้สึกดูแคลน

เณรน้อยรูปนี้ช่างเสแสร้งเก่งนัก!

ตอนอยู่ต่อหน้านางไม่ได้มีท่าทางเช่นนี้เสียหน่อย!

“ฮ่า ๆ กล่าวได้ดี แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงปุถุชน ไม่เคยฝึกตนมาก่อน แต่ข้าก็ถูกใจคำพูดของเจ้าเช่นกัน”

หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม นิสัยใจคอเณรน้อยรูปนี้น่าจะเข้ากับเขาได้

เป็นเพียงปุถุชน?

อย่างที่อ้ายฉานบอกเลย

เณรน้อยครุ่นคิดกับตัวเอง

“ไม่ใช่สิ่งข้ากล่าว แต่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวเอาไว้ พระพุทธเจ้าถือเป็นผู้รู้แจ้ง ดังนั้นพระองค์ย่อมไม่น่าผิดพลาดได้ น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ในสำนักพุทธตีความหมายของพระพุทธเจ้าผิด ผูกมัดตนเองมากเกินไป”

เณรน้อยกล่าวอย่างถ่อมตน

เขาส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “หากข้าเป็นผู้นำของพุทธศาสนาในอนาคต ข้าจะช่วยให้สมณะพุทธหลุดพ้นจากพันธนาการเหล่านี้อย่างแน่นอน การปฏิบัติธรรมอันบริสุทธิ์นั้นดีที่สุด การผูกมัดมากเกินไปรังแต่จะกลายเป็นเครื่องพันธนาการตนเอง”

เด็กน้อยเช่นนี้ถึงกับมีความสามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง

หลี่จิ่วเต้ารู้สึกชื่นชมจากใจจริง ผู้อยู่ในวิถีการฝึกนั้นแตกต่างจากคนทั่วไปจริง ๆ พวกเขามีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนในวัยเดียวกัน

“เจ้ามีคุณสมบัติและมีศักยภาพ ข้าคิดว่าเจ้าสามารถเป็นผู้นำของพุทธศาสนาได้แน่นอน ลองคิดดูสิหากในอนาคตเจ้าเป็นผู้นำของพุทธศาสนา ศาสนาพุทธคงจะน่าสนใจขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว”

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ

“ขอบคุณสำหรับคำอวยพร คุณชาย”

เณรน้อยตอบกลับ

“ฮ่า ๆ เนื้อตุ๋นใกล้จะเสร็จแล้ว มากินเนื้อกับดื่มสุรากันเถอะ”

หลี่จิ่วเต้าเชิญเณรน้อยนั่ง พวกเขาจัดโต๊ะและเก้าอี้ในลานวังแล้ว

เณรน้อยนั่งลงอย่างสุภาพ ขณะที่เซี่ยเหยียนกับอันหลานเสวี่ยตักเนื้อออกจากหม้อใส่จานนำมาให้ที่โต๊ะ

หลี่จิ่วเต้าเทสุราหนึ่งจอกให้เณรน้อยพลางกล่าวว่า “ลองชิมดู นี่คือสุราที่ข้าหมักเอง”

จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “จริงด้วย ค่อย ๆ ดื่มเล่า สุราของข้าเป็นสุราฤทธิ์แรง”

ฤทธิ์แรง?

ในใจเณรน้อยไม่ได้คิดเช่นนั้น

อย่าเห็นว่าเขาอายุน้อย แต่เขาดื่มมามาก ถึงกับเรียกตนเองว่าเป็นไหสุราใบน้อย!

มีผู้ฝึกตนนักบุญโบราณไม่น้อยในเขาหยงหมิงที่รักการดื่มสุรา เขาเคยดื่มกับผู้ฝึกตนนักบุญอยู่หลายคน ตอนนั้นผู้ฝึกตนหลายคนดื่มจนฟุบโต๊ะ

ในขณะที่เขายังไม่เมา เพราะวิญญาณของเขาแตกต่างจากคนทั่วไป ผู้ฝึกตนนักบุญโบราณตื่นขึ้นมาถึงกับตกใจ เพราะคาดไม่ถึงว่าวิญญาณของเขาจะน่าทึ่งถึงเพียงนี้

เพียงแต่ถึงเขาจะไม่เห็นด้วย ทว่าเขาก็ไม่กล้าทะนงตนเกินไป

อีกอย่างเขายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวตนของหลี่จิ่วเต้าด้วย

ซ้ำแล้วที่แห่งนี้ยังมีเซี่ยเหยียนอยู่ด้วย เขาไม่กล้าไม่เจียมตนแน่นอน!

ต้าเต๋อจิบสุราหนึ่งอึกเพื่อแสดงความเคารพต่อหลี่จิ่วเต้า

แต่หลังจากสุราเข้าปาก ร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เขาเมาแล้วจริง ๆ!

ต้าเต๋อถึงกับตกใจจนชะงักไป

นี่มันสุราอะไรกัน!?

ออกฤทธิ์น่ากลัวถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!

แม้ว่าเขาจะเมาเล็กน้อย แต่เขาดื่มไปได้นิดเดียว แค่สองหรือสามหยดเท่านั้นเองนะ!

ถ้าคุณชายไม่เตือนเขา เขาคงดื่มสุราจอกนี้ในอึกเดียว แล้วหลังจากนั้นเขาจะต้องเมาทันที ฟุบลงกับโต๊ะอย่างแน่นอน!

อีกสิ่งที่ทำให้เขาเหลือเชื่อยิ่งกว่าคือ เพียงสุราสองหรือสามหยดเท่านั้นกลับมีพลังมหาศาลเหนือจินตนาการ!

นี่… นี่เป็นสุราเซียนหรือ!?

ภายในใจของเณรน้อยตกตะลึงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน