ชาจองวอน นักแสดงที่ได้รับการเลือกให้เป็นนางเอกคู่กับอีอูยอนในละครเรื่องนี้นั่นเอง อินซอบนึกว่าตัวเองมาผิดห้อง และเช็กเลขห้องด้วยสีหน้ามึนงง
“มาหาใครเหรอคะ”
ชาจองวอนเอ่ยถาม
“คุณอีอูยอน…”
มือขนาดใหญ่ที่ยื่นมาจากในห้องจับไหล่ของอินซอบไว้ราวกับจะแย่งชิงมาและทำให้ยืนตัวตรงโดยที่ไม่ทันได้มีเวลาให้พูดจบ
“ผู้จัดการส่วนตัวของผมเองครับ”
“อ๋อ อย่างนั้นเองเหรอคะ เหมือนจะเพิ่งเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรกเลย”
“เข้าไปเถอะครับ”
อีอูยอนยิ้มพลางเอ่ยขึ้น ด้านในไม่ได้มีเพียงชาจองวอนเท่านั้น แต่ยังมีคนอีกหลายคนกำลังดื่มเหล้าอยู่ คนพวกนั้นคือบรรดานักแสดงหนุ่มสาวที่แสดงละครเรื่องนี้
ประตูถูกปิดลง
“มีอะไรเหรอครับ”
พออีอูยอนเอ่นถามแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง อินซอบก็รู้สึกตกใจกลัวจนมือสั่นอย่างไม่มีเหตุผล
“…ผะ ผมมาเช็กกำหนดการวันพรุ่งนี้ครับ”
ตอนนี้ไม่ใช่บรรยากาศที่เขาควรจะพูดว่าเพราะคุณบอกว่าเหลือเรื่องที่จะทำที่ห้อง ผมเลยนึกว่าคุณจะใช้เวลากับผม และตื่นใจดีใจจนหยิบเหล้ามาหา
เขาได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ บนหัว อินซอบทำตัวไม่ถูกและได้แต่ก้มหน้า เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ที่มาหาโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ
“พรุ่งนี้เครื่องจะออกตอนสิบโมง และยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ”
“ขอโทษครับ…งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
อีอูยอนคว้าอินซอบที่โค้งคำนับและกำลังจะออกไปไว้ ด้วยเหตุนั้นเบียร์กระป๋องหนึ่งที่ใส่ไว้ในกระเป๋าก็กลิ้งไปตามทางเดิน ต้นคอของอินซอบแดงเหมือนผลแอปเปิลสุก อีอูยอนก้มลงไปหยิบเบียร์
“…เอาไปดื่มกับคนอื่นๆ นะครับ”
อินซอบหยิบเบียร์อีกกระป๋องที่อยู่ในกระเป๋าออกมายื่นให้อีอูยอน อีอูยอนที่รับเบียร์ไปถือไว้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขากัดริมฝีปากล่างราวกับอดกลั้นกับอะไรบางอย่างอยู่ก่อนจะเอ่ยปากพูด
“คุณอินซอบ…”
ประตูถูกเปิดออก
“ผู้จัดการส่วนตัวของคุณอีอูยอนก็เข้ามาดื่มด้วยกันสิ”
ชาจองวอนยื่นหัวออกมาพูด
“ไม่เป็นไรครับ! ผมแวะมาเช็กกำหนดการแค่ครู่เดียวเท่านั้นครับ งั้นขอให้สนุกนะครับ”
อินซอบรีบโค้งคำนับ และรีบเดินข้ามทางเดินไปอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นมาที่ชั้น 7 เขาก็หันหลังกลับไปมอง อีอูยอนไม่ได้ตามมา แม้จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ดี
วันนั้นอินซอบจัดของให้เสร็จตั้งแต่เนิ่นๆ และนอนลงบนเตียง แล้วเขาก็ได้รู้ว่าหลังจากที่ทะเลาะกัน อีอูยอนไม่ได้แตะต้องตนเลย ความกลัวที่ลืมไปแล้วก่อตัวขึ้นมาใหม่ เขากลัวว่าระยะที่ห่างออกไปจะไม่กลับมาแคบลงแล้ว
…และเขาก็นอนไม่หลับ
***
ตลอดระยะทางที่ไปสนามบิน อีอูยอนเงียบและไม่พูดอะไรเป็นพิเศษ อินซอบเองก็ไม่พูดอะไรกับอีกฝ่ายเช่นกัน ส่วนหัวหน้าทีมชาที่เมื่อคืนดื่มเหล้าอยู่จนเช้าก็ส่งเสียงหาวออกมาเป็นระยะ
พอมาถึงสนามบิน หัวหน้าทีมชาเตรียมตัวสำหรับการเช็กอิน
“เอาพาสปอร์ตมา ฉันจะไปเอาตั๋วมาให้”
“ไม่เอาครับ”
อีอูยอนยิ้มพร้อมกับโต้ตอบ
“อย่ามัวแต่เล่นอยู่เลย ปล่อย เวลามันกระชั้นชิดแล้วนะเพราะรถติด”
“ผมไม่ได้ล้อเล่นหรือเปล่าครับ ผมไม่ได้จะไปเกาหลี”
“ว่าไงนะ”
หัวหน้าทีมชาเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เหมือนจะถามว่า “นี่แกกำลังพูดไร้สาระอะไรอีก”
“ผมจะไปเที่ยวที่เกาะข้างๆ ต่อน่ะครับ แล้วผมก็ได้รับอนุญาตจากกรรมการผู้จัดการคิมแล้วด้วย แลกกับการถ่ายโฆษณาเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น”
“…งั้นนายบอกว่าตารางงานเปลี่ยนได้ยังไง…”
หัวหน้าทีมชากัดฟันพร้อมกับมองอีอูยอน
“ครับ มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันนะครับ แต่หัวหน้าทีมชาต้องเหนื่อยหน่อยนะครับ เนื่องจากผมรีบซื้อตั๋ว คุณเลยต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงก่อน เพราะว่าไม่มีเที่ยวบินที่บินตรง”
“ว่าไงนะ ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันแก่แล้วนะ ถ้าต้องเปลี่ยนเครื่องฉันก็เหนื่อยตายกันพอดี”
“งั้นเหรอครับ”
อีอูยอนทำสีหน้าที่บอกว่า “คุณจะตายหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม” และยิ้มอย่างสดใส
“ไอ้คน…โอ๊ย ให้ตายสิ”
เนื่องจากไม่กล้าด่าต่อหน้าเจ้าตัว หัวหน้าทีมชาจึงหายใจฟึดฟัดและทำให้ความโมโหลดลง
“งั้นฉันจะไปขึ้นเที่ยวบินระหว่างประเทศ และขอให้มีแค่นายเท่านั้นที่ได้รับความทุกข์จากภูเขาไฟระเบิดที่เกาะที่นายไปโดยที่คนอื่นรอดกันหมด”
หัวหน้าทีมชาพ่นคำสาปแช่งที่ใจดีเป็นอย่างมากก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางจากไป อินซอบจับตัวลากกระเป๋าเดินทางและเอ่ยลาอีอูยอน
“งั้นผมขอตัว…”
อีอูยอนคว้าต้นคอของอินซอบไว้
“จะไปไหนครับ”
“ไปขึ้นเครื่อง…”
อีอูยอนหัวเราะราวกับเป็นเรื่องน่าขำ
“ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมทำตัวปกติมากไปเหรอครับ เพราะอย่างนั้นคุณเลยลืมว่ากำลังคบกันคนแบบไหนอยู่เหรอครับ”
“ครับ?”
“ผมบอกแล้วไงครับ ว่าถ้าเสร็จงานแล้ว ผมจะมีเซ็กซ์กับคุณสักสามคืน สี่วัน”
“…!”
หน้าของอินซอบแดงขึ้นมาทันที เพราะคำพูดลามกที่ได้ยินในสภาพที่ไม่พร้อมรับมือ
“รีบไปเถอะครับ เราจะตกเครื่องบินแล้ว”
“แล้วหัวหน้าทีม…”
“เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ต้องไปเองได้สิ”
“แต่ยังไม่ได้ร่ำลากันเลย…”
“พอกลับไปที่เกาหลีคุณจะได้ทักทายเขาจนเบื่อเลยครับ นอกเสียจากว่าเขาจะตายเพราะเครื่องบินตก”
อีอูยอนฉุดแขนอินซอบพร้อมกับพูดเรื่องที่น่ากลัวด้วยสีหน้าที่สงบที่สุดในโลก จากนั้นก็ลากกระเป๋าเดินทางไปทางอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ หลังจากเช็กอินและส่งสัมภาระไปแล้ว พวกเขาก็ขึ้นมานั่งบนเครื่องบินขนาดเล็ก[1] พอตั้งสติได้ พวกเขาก็มาถึงที่สนามบินที่สวยงามแล้ว
“เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับ”
อินซอบเอ่ยถามอย่างระมัดระวังหลังจากที่ขึ้นมาบนรถตู้สีขาวที่รออยู่หน้าสนามบินแล้ว
“ทำไมครับ กลัวผมจะเอาคุณอินซอบไปขายที่ไหนเหรอครับ”
“…”
“ไม่ต้องกังวลนะครับ ต่อให้บอกว่าจะแลกกับเกาะนี้ผมก็ไม่ขาย”
อีอูยอนนั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับยิ้มจนตาหยี ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้เห็นทิวทัศน์ของเกาะ
ทั้งต้นไม้ตามสองข้างทางที่งดงามและทอดยาวไปตามถนน ถนนที่เงียบสงบ และไม่เจอรถที่วิ่งสวนมาเลยแม้แต่คันเดียวราวกับเป็นเรื่องโกหก และท้องฟ้าที่เหมือนกับภาพวาดที่บรรจบกับถนน
อินซอบอุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ชอบไหมครับ”
“เอ่อ ครับ…เท่มากเลยครับ”
“โล่งอกไปทีนะครับที่คุณชอบ”
“แต่ไม่ค่อยมีคนเลยนะครับ”
คนที่ขึ้นเครื่องบินขนาดเล็กมาด้วยกันมีไม่ถึงสิบคนตั้งแต่แรกแล้ว และคนหลายคนในจำนวนนั้นก็ขึ้นรถตู้คันอื่นไปแล้ว ภายในรถคันนี้จึงมีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
“เพราะเกาะนี้เป็นเกาะส่วนตัวน่ะครับ”
“…คุณอูยอนไม่ได้เป็นเจ้าของใช่ไหมครับ”
อีอูยอนหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ มันเป็นเรื่องที่คุณต้องถามด้วยสีหน้าหวาดกลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
อินซอบถามซ้ำว่า “อย่าบอกนะครับว่าจริง” ด้วยดวงตาที่ยังคงหวาดกลัวอยู่
“เปล่า ผมยังไม่มีเกาะของตัวเองหรอก แต่ถ้าคุณอยากได้เกาะนี้จริงๆ ผมจะซื้อให้ครับ”
“ไม่ครับ ผมไม่ต้องการของแบบนั้นเลยสักนิดครับ”
อินซอบทำหน้าตาจริงจังและส่ายหน้า แม้เขาจะบอกว่าจะซื้อเกาะที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในฮาวายให้ถ้าคุณอยากได้ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าตาหวาดกลัวราวกับได้รับซากหนูที่เปื้อนไปด้วยเลือดเป็นของขวัญ
“งั้นคุณอยากได้อะไรล่ะ”
อีอูยอนแกล้งถาม
“…ขอให้คุณหายโกรธได้ไหมครับ”
อีอูยอนมองคนรักที่พูดพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อเอาไว้ราวกับเป็นคนที่ขอร้องในเรื่องที่ยากมากๆ และเป็นคนรักที่น่ารักอยู่สักพัก
เขาจงใจขีดเส้นและรักษาระยะห่าง ตัวเขาที่มีนิสัยไม่ดีติดตัวมาตั้งแต่เกิดไม่สามารถเชื่อใจตัวเองได้เลยว่าจะทำอะไร ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องทำตัวไม่ให้อินซอบที่ใจดีและอ่อนโยนเข้ามาหา และทำตัวเย็นชาพอสมควร แต่การมองอินซอบอย่างเดียวก็เป็นงานที่ยากแล้ว
ตอนที่รู้ความจริงว่าอินซอบที่โดยสารลิฟต์ด้วยสภาพที่ผมเถ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรงไปที่ห้องของตัวเอง ตอนที่เห็นอินซอบถูกห้อมล้อมและได้รับความรักจากคนอื่น ตอนที่รู้สึกว่าอินซอบส่งสายตามาทางตัวเองหลายครั้ง เพราะอยากให้เขาได้เห็นทิวทัศน์ของทะเลที่ทอดยาวไปตามถนนเลียบชายหาด ตอนที่สบตากัน ตอนที่อีกฝ่ายยิ้ม และตอนที่หายใจ…เขาไม่สามารถทนได้เลย เพราะอยากจะคว้าอินซอบไว้และแสดงความต้องการที่สกปรกของตัวเองไปอย่างเปิดเผย
เขาโทรศัพท์หากรรมการผู้จัดการคิมเพื่อบอกว่าจะไปที่เกาะข้างๆ เดี๋ยวนี้ อีกฝ่ายโมโหเป็นฟืนเป็นไฟและถามว่า “นั่นมันเรื่องสาระอะไรอีก” เขาจึงตอบไปว่า “ผมว่าให้ผมออกไปก่อนที่จะก่อเรื่องต่อหน้าคนอื่นจะดีกว่า”
ความอดทนของเขากำลังหมดลงไปเรื่อยๆ และตอนที่เห็นว่าอินซอบเอาเบียร์ใส่กระเป๋าและมาที่ห้องของตัวเองในวันสุดท้าย เขาก็เกือบจะเป็นบ้าไปจริงๆ เขาหลบออกมาจากวงเหล้า และเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องของอินซอบสลับกับกลับมาที่ห้องของตัวเองจนถึงเช้า
เขาพาอินซอบมาที่ฮาวายเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองกำลังทำตัวเป็นคนปกติตามที่อินซอบต้องการ เขากินอาหาร ดื่มเหล้า และตามไปเที่ยวกับคนอื่นพร้อมกับแสร้งยิ้มอย่างคนดี
เขาทำแบบนั้นเพราะอยากขอให้อินซอบยกโทษให้ ไม่สิ ความจริงแล้วเขากำลังขอทานต่างหาก เขาแค่อยากแสดงให้เห็นถึงข้อดีที่ขยะอย่างเขามีอยู่น้อยนิด และดูดีในสายตาของอีกฝ่ายเท่านั้น
แม้แต่ตอนที่ยิ้มไปอย่างนั้น สายตาของเขาก็มองตาอินซอบอยู่ตลอด เขาหวังจะให้อีกฝ่ายมอง เขาปลอบโยนความกังวลใจที่ชั่วร้ายด้วยการมองจนแน่ใจว่าอินซอบยังอยู่ในสายตา และอดทนต่อไป เขาคิดที่จะขอโทษอินซอบอย่างเป็นกิจจะลักษณะเมื่องานเสร็จ
เขาจะบอกว่าขอโทษ และขอให้ยกโทษให้กับตัวเองที่เป็นแบบนี้อีกสักครั้ง และยังตัดสินใจที่จะจูบพร้อมกับอ้อนวอนอีกฝ่ายอีกด้วย แต่คราวนี้อินซอบก็เป็นฝ่ายขอให้ตัวเองยกโทษให้ก่อนเหมือนอย่างเคย
อีอูยอนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับเอ่ยปาก
“คิดว่าผมกำลังโกรธคุณอินซอบอยู่เหรอครับ”
อินซอบพยักหน้าเบาๆ ความไม่สบายใจและความกลัดกลุ้มซ่อนอยู่ในดวงตากลมโตของอินซฮบ
“ทำไม”
“…เพราะผมพูดไม่คิด ดื้อ แล้วก็…ป่วย”
คำที่พูดเสริมขึ้นมาในตอนสุดท้ายทำให้อีอูยอนหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง
“ผมขอโทษนะครับ…ที่ต่อให้พยายามแล้วผมก็ยังทำไม่ได้”
อินซอบขอโทษ อีอูยอนมองอินซอบอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยเรียก
“อินซอบ”
เสียงพึมพำที่ดูเจ็บปวดของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับพูดคนเดียว
“…อย่าขอโทษเรื่องนั้นเลย เพราะผมเองก็ตกนรกทั้งเป็นเหมือนกัน”
“…”
หลังจากนั้นอีอูยอนก็ไม่พูดอะไรอีก อินซอบเอาแต่สังเกตอีกฝ่าย เพราะคิดว่าคงจะเผลอพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
รีสอร์ตที่มาถึงหลังจากวิ่งมาตามเส้นทางในป่าถูกโอบกอดไว้ด้วยความเงียบสงบ ในระหว่างที่เช็กอินอยู่ที่แผนกตอบรับ นอกจากพนักงานแล้วเขาแทบจะไม่เห็นแขกคนอื่นเลย และเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าทำไมอีอูยอนถึงเลือกที่นี่
แต่อีกฝ่ายที่มักจะถามอินซอบว่าชอบหรือเปล่าทันทีที่มาถึงหากเป็นเวลาปกติกลับปิดปากเงียบ แม้แต่ตอนที่ถูกพาไปที่ห้องพักและฟังคำอธิบายถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ความสนใจทั้งหมดของอินซอบก็ยังมุ่งไปที่อีอูยอนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“หากเกิดความไม่สะดวกหรือมีข้อสงสัยในระหว่างที่ใช้งาน สามารถติดต่อมาได้ทุกเมื่อเลยนะคะ”
พนักงานออกไปหลังจากที่อธิบายเสร็จ และประตูก็ถูกปิดลง อินซอบสูดลมหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“ที่นี่…”
เขากำลังจะบอกว่าเท่มาก และขอบคุณนะครับที่พามาที่นี่ ถ้าอีอูยอนไม่วิ่งใส่เขาราวกับขาดสติเสียก่อน
“อ๊ะ…”
อีอูยอนกัดริมฝีปากของเขาหลังจากฉวยด้านหลังหัวของเขาไว้ราวกับตะครุบ เขาถูกดันเข้าไปจนเหมือนกับถูกกดเข้ากับกำแพงแข็งๆ และมือขนาดใหญ่ก็จับเอวของเขาไว้พร้อมกับดึงกางเกงลงมา แต่การขยับมือที่งุ่นง่านทำให้พลาดไปอยู่หลายครั้ง แม้อินซอบจะพยายามช่วยถอดเสื้อ แต่อีอูยอนกลับปัดมือของอินซอบออกด้วยความดื้อรั้น
แปลก ต่อให้บอกว่าไม่ได้ทำกันนานขนาดไหน แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่น่าจะทำตัวงุ่นง่านถึงขนาดนี้ อีอูยอนเหมือนคนจมน้ำ เขาจับ กัด และบดเบียดตัวเข้ามาโดยไม่เลือก เขาทำตัวราวกับว่าหากไม่ทำแบบนั้น เขาจะตายทันที
[1] เครื่องบินขนาดเล็ก เป็นเครื่องบินที่มีจำนวนที่นั่งประมาณ 2 ถึง 8 ที่นั่งเท่านั้น