ดวงตาขององค์ชายสามสดใส เฉินตันจูจ้องมอง ดุจดั่งย้อนกลับไปในวันแรกที่พบกัน
“องค์ชาย” นางรีบพูด “เหตุใดจึงไม่เข้ามานั่งก่อนเพคะ”
องค์ชายสามตรัส “รถที่เชิงเขารอออกเดินทาง เรื่องเร่งด่วน ข้าไม่กล้ารอช้า”
แต่เขายังคงหยุดเพื่อขึ้นเขามาร่ำลานาง เฉินตันจูยิ้ม เดินเข้าไปใกล้
“อากาศยังคงหนาวเย็น เหตุใดจึงไม่สวมผ้าคลุมเพคะ” นางพูดด้วยความเป็นห่วง
องค์ชายสามยิ้ม “ข้ามาเพื่อบอกข่าวดีนี้กับเจ้าด้วยตนเอง พิษที่คั่งค้างในร่างกายข้าถูกขจัดแล้ว ต่อจากนี้ข้าเป็นคนปกติ” เขายื่นมือชี้ไปยังชุดกระโปรงของหญิงสาว “คุณหนูตันจูไม่สวมผ้าคลุม ข้าย่อมไม่สวมได้”
ข่าวดีนี้เฉินตันจูย่อมรู้มานานแล้ว แต่ยังคงรีบส่งเสียงดีใจออกมาทันที ทำให้นกในป่าต่างตกใจจนบินหนี “ดีเสียจริง ดีเสียจริง!”
เฉินตันจูยิ้มอีกครั้ง “หม่อมฉันอยากให้องค์ชายเห็นความดีใจของหม่อมฉันด้วยตนเองเช่นกันเพคะ”
องค์ชายสามหัวเราะร่า
“แต่มีความเสียดายเล็กน้อย” เฉินตันจูยื่นนิ้วแกว่งไปมาตรงหน้าเขา
นิ้วขาวนุ่ม แม้แต่เล็บยังเป็นสีชมพูอ่อน องค์ชายสามถามด้วยรอยยิ้ม “เสียดายอันใด”
คนที่รักษาองค์ชายให้หายดีไม่ใช่หม่อมฉัน…เฉินตันจูพูดอยู่ในใจ ก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่ได้เห็นเวลานั้นกับตา!”
องค์ชายสามพูดด้วยรอยยิ้ม “ต่อจากนี้ล้วนเป็นเวลานี้ เจ้าอยากเห็น ย่อมสามารถเห็นได้ทุกวัน”
เฉินตันจูหัวเราะ “องค์ชายโกหก ท่านกำลังจะเสด็จไปเมืองฉีแล้ว จะเห็นได้ทุกวันอย่างไรเพคะ”
องค์ชายสามยื่นมือ “คุณหนูตันจูไปด้วยกันย่อมเห็นได้”
ไปด้วยกันหรือ จริงหรือเท็จ เฉินตันจูมองมือที่ยื่นออกมาขององค์ชายสาม มือข้างนี้นางเคยกุมเอาไว้ ใบหน้าของนางแดงขึ้นเล็กน้อย หากเวลานี้ยื่นออกไปกุมไว้อีก…อันที่จริงใช่ว่าจะไปไม่ได้ นางยังไม่เคยไปเมืองฉี…
“องค์ชายสาม…”
“เฉินตันจู…”
เสียงของชายหญิงดังขึ้นตามกัน เฉินตันจูมองผ่านองค์ชายสาม เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินขึ้นมา นางคลุมผ้าคลุม ถูกขันทีเสี่ยวชวีพยุงเอาไว้ ร่างกายส่ายไปมาดุจดั่งต้นหลิวที่ถูกลมพัดผ่าน
นางเงยหน้ามองทางนี้ ดวงตาคู่หนึ่งลุกวาว
ส่วนองค์ชายสามมองผ่านเฉินตันจู เห็นโจวเสวียนที่ยืนอยู่หน้าประตูอาราม โจวเสวียนยืนจับประตูเอาไว้ ไม่ได้ให้ชิงเฟิงพยุง
โจวเสวียนส่งเสียงไม่พอใจ “องค์ชายมาเยี่ยมข้า ยังต้องให้ข้าออกมาต้อนรับ”
องค์ชายสามยิ้ม ไม่สนใจเขา แต่หันกลับไปมองหนิงหนิงที่เดินขึ้นมา “เหตุใดเจ้าจึงขึ้นมา เดินไม่สะดวก”
หนิงหนิงพูด “หม่อมฉันเป็นห่วงองค์ชายเพคะ องค์ชายเพิ่งหายดี” พูดพลางก้มหน้า “รบกวนองค์ชายแล้ว”
องค์ชายสามพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล คุณหนูตันจูเป็นไต้ฟู ฝีมือดีมาก คุณหนูตันจู นี่คือหนิงหนิง คราก่อนพวกเจ้าเคยพบกันแล้ว”
หนิงหนิงรีบย่อเข่าคำนับ “คุณหนูตันจู”
เพียงแต่ย่อลงไปได้ครึ่งเดียว ร่างกายที่ไม่มั่นคงในเดิมทียิ่งส่ายไปมา โชคดีที่มีเสี่ยวชวีพยุงอยู่ด้านข้างจึงไม่ล้มลง
“ไม่ต้องมากพิธี” องค์ชายสามรีบพูด ก่อนจะพูดกับเฉินตันจู “ขานางมีบาดแผล”
เฉินตันจูตอบรับ ชิงเฟิงเล่าให้ฟังอย่างละเอียดแล้วว่าหนิงหนิงผู้นี้ตัดเนื้อหน้าขาของตนเองอย่างไร นางอดมองไม่ได้ เพราะอย่างไรก็เป็นผู้ที่ได้ยินชื่อเสียงมานานเมื่ออดีตชาติ
หนิงหนิงคงจะมีความคิดเช่นนี้ คุณหนูตันจูตามคำร่ำลือ นางแอบมองมาเช่นเดียวกัน
โจวเสวียนยื่นมือจับประตูอยู่หน้าอาราม “องค์ชายสาม ท่านจะเข้ามาหรือไม่ ข้าแนะนำให้ท่านอย่าเข้ามา รีบออกเดินทางเถิด รีบบรรเทาความกังวลแทนฝ่าบาท กอบกู้ชื่อเสียงให้องค์รัชทายาท อีกทั้งมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งแผ่นดินเสียดีกว่า”
องค์ชายสามยิ้มให้เขา “ขอบใจคำอวยพรของอาเสวียน ข้าขอตัวก่อน” สายตาจับจ้องไปยังเฉินตันจู “ข้าไปแล้ว”
เฉินตันจูพยักหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม “หม่อมฉันรอฝ่าบาทกลับมาอยู่ที่ภูเขาดอกท้อเพคะ”
องค์ชายสามยิ้ม หันหลังเดินจากไป เดิมทีเฉินตันจูอยากจะเดินตามลงไปส่งที่เชิงเขา แต่องค์ชายสามเดินไปถึงหนิงหนิงและเสี่ยวชวี เนื่องจากหนิงหนิงเดินไม่สะดวก องค์ชายสามจึงยื่นมือเข้าไปประคองช่วย ทั้งสามคนกินพื้นที่เส้นทางที่คับแคบ อีกทั้งเดินอย่างเชื่องช้า หากนางตามอยู่ด้านหลัง องค์ชายสามทั้งต้องพูดคุยกับนาง อีกทั้งยังต้องพยุงหนิงหนิง คงยุ่งยากน่าดู
เฉินตันจูชะงักฝีเท้าลง
องค์ชายสามเดินไปไม่กี่ก้าวก่อนจะหยุดลงอย่างกะทันหัน เขาหันหลังเดินกลับมา เฉินตันจูสงสัย แต่ยังคงเดินเข้าไปหา
“มีอันใดหรือเพคะ” นามถามอย่างรีบร้อน
องค์ชายสามเดินมาถึงตรงหน้านาง “ยังมีซานจาอีกหลายลูก เดิมทีอยากเก็บไว้กินระหว่างทาง แต่ทิ้งไว้ให้เจ้าดีกว่า”
เขานำผลซานจาในมือวางลงบนฝ่ามือของนาง แต่ไม่ได้ปล่อยออก หากแต่จับมือของเฉินตันจูเอาไว้
ผลซานจาถูกบีบอัดภายใต้ฝ่ามือทั้งสองที่กุมกัน
เฉินตันจูชักมือออกเล็กน้อย แต่ไม่ได้ดิ้นหลุด มือของนางเคลื่อนไปจับข้อมือขององค์ชายสาม ร่างของนางสะท้านเล็กน้อย นางมองไปยังองค์ชายสาม ราวกับต้องการพูดบางสิ่ง แต่ก็ไม่รู้ต้องพูดสิ่งใด
“ข้าไปแล้ว” องค์ชายสามไม่ได้ทำให้นางลำบากใจ ยิ้มก่อนจะปล่อยมือหันหลังไป
เพื่อไม่ให้การเดินทางล่าช้า เสี่ยวชวีแบกหนิงหนิงขึ้นหลังด้วยความฉลาด “พวกเรารีบลงไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
บนเส้นทางไม่คับคั่งอีกต่อไป องค์ชายสามเดินอยู่ด้านหน้า ก่อนจะหายลับไปในไม่ช้า
เฉินตันจูยืนอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน
โจวเสวียนตบประตูเสียงดัง “เฉินตันจู ท่านจะดูอีกนานแค่ไหน”
เฉินตันจูหันกลับมา มือที่ตบประตูของโจวเสวียนชะงักลง หญิงสาวสีหน้าดูแปลกเล็กน้อย เขาส่งเสียงไม่พอใจ “อย่างไร ไม่อยากให้เขาไปหรือ เขาเชิญท่านไปด้วยกันไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่ไป”
เฉินตันจูเดินเข้ามา ยื่นมือไปผลักเขา “อย่าขวางประตู!”
โจวเสวียนถูกผลักไปด้านข้าง บาดแผลถูกกระแทก เขาร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา “เฉินตันจู!”
เฉินตันจูเดินเข้าไปแล้ว ไม่สนใจเสียงตะโกนของโจวเสวียน นางยืนกุมมือทั้งสองข้างไว้ในลาน ผลซานจาในฝ่ามือของนางถูกบีบจนทิ่มแทงฝ่ามือ…
ไม่ใช่ ตอนที่นางจับชีพจรขององค์ชายสาม พิษที่ตกค้างในร่างกายขององค์ชายสามยังไม่ถูกขับออกแม้แต่น้อย
ตอนนั้นองค์ชายสามให้นางดูประวัติการรักษาตลอดหลายปี นางได้จับชีพจรขององค์ชายสามหลายครั้ง ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่เห็นนางเป็นไต้ฟู แต่นางต้องการรักษาองค์ชายสามจริงๆ ดังนั้นนางจึงรู้สภาพร่างกายขององค์ชายสามเป็นอย่างดี
ลักษณะชีพจรแตกต่างจากแต่ก่อนก็จริง แต่ความแปลกประหลาดที่ซ่อนอยู่ในนั้นยังคงอยู่
เกิดอันใดขึ้น หญิงสาวเมืองฉีคนนี้หลอกองค์ชายสามหรือ? องค์ชายสามไม่ทันสังเกต? หมอหลวงทั้งราชสำนักก็ไม่ทันสังเกตหรือ?
…
ราชรถขนาดใหญ่เคลื่อนตัวออกจากภูเขาดอกท้อ องค์ชายสามนั่งอยู่ภายในรถ มองหนิงหนิงที่นั่งอยู่มุมรถ
องค์ชายสามเอ่ยถาม “เหตุใดเจ้าจึงลงรถ ดู บาดแผลหนักกว่าเดิมอีก”
หนิงหนิงก้มหน้า “หม่อมฉันแค่คิดว่าองค์ชายอาจมีความต้องการเพคะ”
“ข้าไม่เอ่ยปากแสดงว่าไม่ต้องการ” องค์ชายสามพูดเสียงเบา น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยน แต่ภายในดวงตาไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย “ต่อจากนี้ อย่าคิดกระทำเอง มิฉะนั้น ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นคนตาย จากนั้นถูกข้าระลึกถึง”
หนิงหนิงไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดบริเวณขาหรือสาเหตุอื่น นางตอบรับด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน