ห้องเก็บของในลานข้างในส่วนใหญ่เอาไว้เก็บของใช้บางอย่าง ของส่วนกลาง อุปกรณ์ เครื่องใช้และกระดาษเขียนตัวหนังสือภาพวาดต่างๆ ในนั้นมีท่านป้าผู้ดูแลหนึ่งคน แล้วยังมีท่านป้าผู้ช่วยผู้ดูแลอีกสองสามคน ป้าวังคนนี้คือท่านป้าผู้ช่วยผู้ดูแลอุปกรณ์
“ผู้ดูแลของพวกเจ้าคือป้าอวี๋ใช่หรือไม่” สืออีเหนียงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้ม “เกิดอะไรขึ้น เจ้าก็ไปรายงานนางเถิด!”
ป้าวังตกใจ จากนั้นก็พูดว่า “แต่ท่านคือฮูหยินที่ดูแลจวนนะเจ้าคะ…”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร “เรื่องของห้องเก็บของข้าให้ป้าอวี๋เป็นคนดูแล หากป้าอวี๋รู้สึกว่ามันลำบาก นางก็จะมาบอกข้าเอง สำหรับเรื่องนี้ เจ้าไปบอกนางก่อนเถิด” จากนั้นก็ยกถ้วยชาขึ้นมา
ป้าวังเห็นว่าสืออีเหนียงตำหนินางที่นางทำเกินหน้าที่ตัวเองก็หน้าซีด ย่อเข่าคำนับสืออีเหนียงแล้วรีบขอตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ป้าซ่งที่อยู่ข้างๆ เตือนสืออีเหนียงเบาๆ “ฮูหยินเจ้าคะ นี่คือป้าวัง สนิทสนมกับป้าตู้ของไท่ฮูหยินเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ”
ไม่แปลกที่กล้ามารายงานเรื่องนี้กับตัวเอง!
“แต่ป้าอวี๋เป็นคนที่ข้าเลือกให้ดูแลห้องเก็บของ” สืออีเหนียงพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “นางทำเกินหน้าที่ป้าอวี๋ มารายงานข้าเองเช่นนี้ได้อย่างไร หากทุกคนทำเช่นนี้กันหมด ข้ายังจะมีท่านป้าผู้ดูแลไว้ทำไม ไม่สู้ข้าดูแลเองเสียดีกว่า”
ป้าซ่งลังเลแล้วพูดว่า “เช่นนั้น ทางฝั่งป้าตู้?”
“จวนนี้ใหญ่ขนาดนี้” สืออีเหนียงพูด “หากนางมีหน้ามีตาขนาดนั้นจริงๆ ประเดี๋ยวป้าตู้ก็จะมาหาข้าเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” จากนั้นก็บอกป้าซ่ง “เจ้าไปเรียกป้าอวี๋มา ข้ามีเรื่องจะถามนาง” พูดด้วยท่าทีที่ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก
ป้าซ่งไม่กล้าถามอะไรอีก ยิ้มรับแล้วออกไปเรียกป้าอวี๋
“เมื่อครู่ป้าวังมาบอกข้าว่า หาม่านกันลมดอกโบตั๋นที่ข้าจะนำไปวางไว้ในห้องโถงเรือนของไท่ฮูหยินไม่เจอ อยากจะเปลี่ยนเป็นม่านกันลมงาช้างแกะสลัก เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่”
ป้าอวี๋รีบพูด “ฮูหยิน ไม่ใช่หาไม่เจอเจ้าค่ะ แต่แค่อยู่ในหนังสือบัญชีปิ่ง ของที่อยู่ในหนังสือบัญชีปิ่งล้วนแต่เป็นของชิ้นใหญ่ วางไว้ส่วนลึก ท่านพึ่งจะบอกวันนี้ตอนเช้า ยังหาไม่เจอ จึงบอกให้ป้าวังมารายงานท่านเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงมองนางด้วยสายตาที่เย็นชา ถามย้ำอีกครั้งว่า “…เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่”
บรรยากาศในห้องพลันเยือกเย็นตามสายตาของนาง
ป้าอวี๋ตกใจ นางรีบพูด “บ่าวรู้เจ้าค่ะ แต่ว่า…”
ยังอยากจะอธิบาย แต่ไม่รอให้นางได้พูด สืออีเหนียงก็พูดอย่างเคร่งขรึม “ในเมื่อรู้ ทำไมถึงไม่มารายงานข้าด้วยตัวเอง? แต่กลับให้ท่านป้าผู้ช่วยมารายงานข้า บอกให้ข้าเปลี่ยนม่านกันลม หรือว่านี้คือกฏเกณฑ์ห้องเก็บของของพวกเจ้า?”
ให้ท่านป้าผู้ช่วยมารายงานตน ความผิดเช่นนี้ นางคงแบกรับไม่ไหว!
ภายใต้สายตาที่เฉียบแหลมของสืออีเหนียง ป้าอวี๋เหงื่อออกที่หน้าผาก
จะว่าไปแล้ว คงต้องโทษที่วันนี้มีเรื่องมากมาย ตรงนี้บอกให้ท่านป้าไปย้ายของ ตรงนั้นก็เรียกท่านป้าไปช่วยงาน ทุกคนล้วนแต่ยุ่ง บางคนยังเรียกหลานชายหรือบุตรชายของบ่าวรับใช้ลานข้างนอกที่ตัวเองสนิทสนมมาช่วยงานที่ต้องใช้แรง เมื่อใกล้ถึงเวลาทานอาหารเย็น ท่านป้าสองสามคนก็อดไม่ได้ที่จะบ่น จึงมีสาวใช้ออกความคิดเห็น “…ฮูหยินเป็นคนใจดี ไปขอร้องนาง นางต้องตอบตกลงแน่นอน”
ถึงแม้ว่านางจะคิดว่ามันไม่เหมาะสม แต่ป้าวังได้ยินเช่นนี้กลับบอกว่าดี แล้วยังบอกให้ไปรายงานสืออีเหนียง นางนึกถึงความสัมพันธ์ของป้าวังและป้าตู้ จึงตอบตกลง แต่คิดไม่ถึงว่า…
“ฮูหยิน ล้วนแต่เป็นความผิดของบ่าวเจ้าค่ะ” ป้าอวี๋คุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว “บ่าวจะไปตำหนิป้าวังประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
บอกเป็นนัยว่าสาเหตุของเรื่องนี้คือป้าวัง
สืออีเหนียงไม่อยากเล่นกำกวมกับนาง พูดอย่างตรงไปตรงมา “หมายความว่าเช่นไร หรือว่านี่เป็นความคิดของป้าวังทั้งหมด?”
ป้าอวี๋ตกใจ
ป้าวังสนิทสนมกับป้าตู้ ทุกคนในจวนต่างก็รู้ จะว่าไปแล้ว ฮูหยินเป็นคนฉลาด เรื่องเช่นนี้ ทุกคนรู้อยู่แก่ใจก็พอแล้ว เหตุใดนางถึงต้องเค้นถามเช่นนี้
นางไม่กล้าตอบ
คำพูดที่พูดออกไปแล้ว ก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว บนโลกใบนี้กำแพงมีหูประตูมีช่อง ยิ่งไปกว่านั้นในห้องยังมีสาวใช้ที่คอยรับใช้ยืนอยู่
นางรีบพูด “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไม่ใช่ เป็นความคิดของบ่าวเองเจ้าค่ะ” นางเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก
“ป้าอวี๋พูดถูกแล้ว” สืออีเหนียงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ในเมื่อข้าให้เจ้าเป็นคนดูแลห้องเก็บของ เช่นนั้นก็หมายความว่าข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถจัดการงานที่ข้ามอบหมายให้เจ้าทำได้เป็นอย่างดี ดังนั้นข้าจึงไม่อยากเจอกับผู้ช่วยของเจ้า กลัวว่าจะมีคนล่วงล้ำเจ้าพูดอะไรผิดๆ แล้วข้าก็ไม่เคยล่วงล้ำเจ้า สั่งงานผ่านผู้ช่วยของเจ้า เพราะกลัวว่าจะมีคนอ้างชื่อของข้าทำเรื่องไม่ดี ข้าจะฟังแค่คำพูดของท่านป้าผู้ดูแลของข้า เจ้าเข้าใจหรือไม่”
ป้าอวี๋มองสืออีเหนียงด้วยความตกใจ
ฮูหยินหมายความว่าอะไร
หรือว่ามีใครพูดอะไรต่อหน้าฮูหยิน
นางนึกถึงป้าวังขึ้นมา
มารายงานสืออีเหนียง…เพราะอยากจะใส่ร้ายว่านางไม่จงรักภักดี จากนั้นก็ใช้อำนาจของป้าตู้ดึงนางลงจากหลังม้า?
ทันใดนั้น นางก็สับสนแล้วอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “ฮูหยินเจ้าคะ”
สืออีเหนียงยกถ้วยชาขึ้นมา “เจ้าคือท่านป้าผู้ดูแลของข้า ต้องช่วยแบ่งเบาภาระข้า เรื่องของวันนี้ก็จบลงแค่นี้ รีบไปหาม่านกันลมดอกโบตั๋นไปวางไว้ที่ห้องโถงของเรือนไท่ฮูหยินเถิด”
ป้าอวี๋ได้ยินคำพูดเป็นนัย นางคิดไปไกลแล้ว
นางตอบรับ “เจ้าค่ะ” อย่างเคร่งขรึม มองไปที่สืออีเหนียงด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็รีบเดินออกไป
ห้องเก็บของเป็นสถานที่สำคัญ งานดูแลห้องเก็บของก็เป็นงานสบาย ท่านป้าที่สามารถไปทำงานที่ห้องเก็บของได้ล้วนแต่เป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับไท่ฮูหยินไม่มากก็น้อย แม้แต่ตอนที่หยวนเหนียงเป็นคนดูแลจวน ก็ยังไม่กล้าเปลี่ยนคนดูแลตามอำเภอใจ เมื่อมาถึงมือของฮูหยินสาม ก็พัฒนามาถึงขั้นที่ไม่มีใครกล้าสั่งงาน เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หนึ่งคือคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่าคนแก่ สองคือถูกตามใจจนเสียคน ไม่ได้บอกว่าคนพวกนั้นโง่ ตรงกันข้าม พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่อยู่เป็น
ป้าซ่งเป็นกังวล นางมองดูแผ่นหลังป้าอวี๋ที่เดินออกไปไกลๆ จากนั้นก็หันมามองดูสาวใช้ในห้องแล้วลังเลที่จะพูด
สืออีเหนียงก็ไม่อธิบาย นางลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องข้างใน
มีสาวใช้เข้ามารายงาน “ฮูหยินเจ้าคะ คุณชายสามส่งของขวัญวันเกิดมาให้ไท่ฮูหยิน แล้วยังส่งสะใภ้กานเหล่าเฉวียนมาคารวะไท่ฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”
ตั้งแต่ครอบครัวคุณชายสามออกไปแล้ว พวกเขาเคยเขียนจดหมายมาแค่ฉบับเดียว
สืออีเหนียงถามถึงสถานการณ์ของครอบครัวคุณชายสาม
“…คุณชายเป็นคนขยัน ล้วนแต่มีคนให้ความสำคัญเจ้าค่ะ ฮูหยินสามเปิดร้านขายเมล็ดข้าวที่นั่น คุณชายน้อยใหญ่และคุณชายน้อยสามเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือที่เรือน ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ แต่แค่เป็นห่วงไท่ฮูหยิน ท่านโหวและฮูหยินเจ้าค่ะ” สะใภ้กานเหล่าเฉวียนพูดด้วยความเคารพ
สืออีเหนียงพยักหน้า จากนั้นก็พาสะใภ้กานเหล่าเฉวียนไปที่เรือนของไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินได้ยินว่าสวีซื่อฉินและสวีซื่อเจี่ยนไม่ทิ้งการเรียน นางก็พยักหน้าเบาๆ มอบเงินสองตำลึงให้สะใภ้กานเหล่าเฉวียน บอกให้ป้าตู้พานางไปพักผ่อน จากนั้นก็พูดกับสืออีเหนียง “คิดตื้นเกินไปหน่อย”
หมายความว่าคุณชายสามพึ่งจะรับตำแหน่งฮูหยินสามก็เปิดร้านขายข้าวใช่หรือไม่!
สืออีเหนียงยิ้มแล้วปลอบใจไท่ฮูหยิน “ผู้วางแผนด้านเสบียงอาหารของคุณชายสามเป็นคนที่ท่านโหวเลือกเองกับมือ ตอนนั้นท่านโหวก็เตือนเขาแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาคงช่วยจะเกลี้ยกล่อมคุณชายสามและฮูหยินสามเจ้าค่ะ”
“ขอให้เป็นเช่นนั้น” ไท่ฮูหยินถอนหายใจ
ตกเย็น เมื่อรู้เรื่องที่สืออีเหนียงพูดที่ศาลาริมน้ำ ไท่ฮูหยินอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “จับโจรต้องจับหัวโจกก่อน ไม่เลว ไม่เลว นางสามารถให้อำนาจทำลายอำนาจ จัดการคนเหล่านั้นของห้องเก็บของได้ ท่านป้าผู้ดูแลคนอื่นก็คงจะไม่มีใครกล้าก่อเรื่องอีกแล้ว”
ป้าตู้ยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ”
“สะใภ้วังคนนั้นไม่มาขอให้เจ้าช่วยหรือ” ไท่ฮูหยินยิ้มแล้วถาม
ป้าตู้ยิ้มแล้วพูดว่า “ฮูหยินสี่กำลังทุบท่าเรือ บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ”
“ถือว่าเจ้าฉลาด” ไท่ฮูหยินหยอกล้อป้าตู้
ฮูหยินสองมาพอดี
ไท่ฮูหยินจึงพาฮูหยินสองไปดูเสื้อผ้าที่สืออีเหนียงเลือกให้นาง “สวยหรือไม่ สีแดงสด บอกให้ข้าสวมเครื่องประดับสีเขียวมรกต”
“สวยมากเจ้าค่ะ!” ฮูหยินสองยิ้ม “ต้องสวมสีสันสดใสเช่นนี้เจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินพูด “เดิมทีแค่คิดไว้ในใจแต่ไม่กล้าสวม สืออีเหนียงบอกข้าทุกวันว่าไม่เป็นไร ตอนนี้เจ้าก็บอกว่าสวย หวังว่าพรุ่งนี้คงจะไม่มีใครมองว่าข้าแปลกประหลาดก็พอ”
ฮูหยินสองหัวเราะ
วันต่อมา ไท่ฮูหยินก็สวมเสื้อกั๊กยาวลายดอกโบตั๋นสีแดงสดที่สืออีเหนียงเลือกให้ สวมเครื่องประดับสีเขียวมรกตไปที่ห้องโถง
หย่งชังโหว สกุลหวง เวยเป่ยโหว สกุลหลิน ติ้งหนานโหว สกุลซุน จงฉินปั๋ว สกุลกาน โหวฮูหยินและฟังเจี่ยเอ๋อร์ แล้วยังมีสกุลหลัวและสกุลเซี่ยง
ผู้คนเต็มเรือน หวงฮูหยิน หลินฮูหยิน ซุนฮูหยิน กานฮูหยินและคนอื่นๆ นั่งอยู่ในห้องข้างใน คนอื่นก็เดินไปอวยพรกล่าวสุขสันต์วันเกิดไท่ฮูหยิน ป้าตู้แจกซองแดงให้แต่ละคน โจวฮูหยินและคุณนายสามสกุลหวงพูดคุยอยู่ข้างๆ ในเรือนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
มีสาวใช้เข้ามารายงาน “ไท่ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินใต้เท้าหลี่ ผู้บัญชาการกองทัพทหารซานซีมากล่าวสุขสันต์วันเกิดท่านเจ้าค่ะ!”
สกุลหลี่ไม่อยู่ในรายชื่อแขกที่เชิญมางานเลี้ยง
แต่ว่าคนที่มาก็ล้วนแต่เป็นแขกทั้งนั้น
สืออีเหนียงออกไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับนึกถึงเรื่องที่สกุลหลี่ขอร้องให้หวังลี่เป็นแม่สือเรื่องแต่งงาน
หลี่ฮูหยินไม่ได้มาคนเดียว นางยังพาคุณหนูใหญ่สกุลหลี่มาด้วย
“วันเกิดไท่ฮูหยิน ฮูหยินทำไมไม่บอกข้าเล่าเจ้าคะ” หลี่ฮูหยินเห็นสืออีเหนียงก็บ่น “หากไม่ใช่เพราะข้าได้ยินนายท่านพูดถึง เราคงจะพลาดแล้ว”
“ไม่ใช่วันครบรอบวันเกิด จึงไม่กล้ารบกวนเจ้าค่ะ” สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดกับนางอย่างมีมารยาทสองสามประโยค ชื่นชมเสื้อผ้าและเครื่องประดับของคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ จากนั้นก็ยิ้มแล้วไปที่ห้องโถงกับนาง
หลี่ฮูหยินกำลังจะพาบุตรสาวไปกล่าวอวยพรสุขสันต์วันเกิดไท่ฮูหยิน ก็มีสาวใช้เข้ามารายงาน “ไท่ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินของแม่ทัพเจี่ยง แม่ทัพทหารทั้งห้าเหล่าทัพแห่งกองทัพภาคมากล่าวสุขสันต์วันเกิดท่านเจ้าค่ะ”
เป็นแขกที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่ออีกคน
สืออีเหนียงออกไปต้อนรับ
เจี่ยงฮูหยินก็ไม่ได้มาคนเดียว นางพาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย พามาแนะนำให้สืออีเหนียงรู้จัก “นี่คือหลานสาวสกุลเดิมของข้า”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วเชิญพวกนางสองคนเข้าไปข้างใน เอ่ยสุขสันต์วันเกิดไท่ฮูหยิน สืออีเหนียงเรียกเจินเจี่ยเอ๋อร์มาทักทายหลานสาวของเจี่ยงฮูหยิน แต่หลานสาวของเจี่ยงฮูหยินกลับขี้อาย คอยตามอยู่หลังเจี่ยงฮูหยินไม่ห่าง เจี่ยงฮูหยินบอกนาง นางถึงได้ออกไปกับเจินเจี่ยเอ๋อร์
จากนั้นฮูหยินของรองเจ้ากรมจัว รองเจ้ากรมกลาโหมก็มากล่าวสุขสันต์วันเกิดไท่ฮูหยิน
คนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ แม้แต่สืออีเหนียงก็ยังไม่รู้จักนาง
ฮูหยินห้าที่อยู่ข้างๆ รีบอธิบายให้สืออีเหนียงฟัง “ตอนที่ท่านโหวโจมตีเเคว้นเหมียวเจียง ใต้เท้าจัวคนนี้เคยนำทัพกับท่านโหว เมื่อก่อนเป็นผู้บัญชาการอยู่ที่อวิ๋นกุ้ย พึ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองเจ้ากรมกลาโหมเมื่อเดือนสาม”
สืออีเหนียงเข้าใจทันที นางเดินออกไปต้อนรับ
ฮูหยินของใต้เท้าจัวอายุราวยี่สิบกว่าปี แล้วยังมาคนเดียว
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สืออีเหนียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก