หลังจากองค์ชายสามจากไป ฝนก็ตกลงมา โปรยปรายอย่างต่อเนื่องหลายวัน
เฉินตันจูนั่งอยู่บนระเบียงทางเดิน ตำยาด้วยสากทีละน้อย อาเถียนและเยี่ยนเอ๋อยืนมองอยู่ในห้องครัว
“ยานี้ตำมาสามวันแล้ว” เยี่ยนเอ๋อพูดเสียงเบา “คุณหนูไม่ได้บอกว่าจะทำหนึ่งตำลึงทองขายก่อนอากาศร้อนหรือ”
ตามความเร็วนี้ คงทำออกมาได้ไม่มากเท่าไหร่
อาเถียนพูด “ทำไม่ออกก็ทำไม่ออก อย่างไรเงินที่ฝ่าบาทให้ท่านโหวโจวรักษาแผลมีมากมาย”
ก็จริง เยี่ยนเอ๋อพยักหน้า มองเฉินตันจูด้วยสีหน้าสงสาร “ตั้งแต่องค์ชายสามจากไป คุณหนูก็ไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้ องค์ชายสามจะกลับมาเมื่อใดกัน”
เรื่องนี้ไม่อาจรู้ได้ อาเถียนพูด “ข้าให้จู๋หลินไปถาม”
เยี่ยนเอ๋อดึงแขนเสื้อของนาง ชี้ไปทางนั้น “ท่านโหวโจวที่น่าเบื่อหน่ายคนนั้นมาอีกแล้ว”
อาเถียนเบ้ปาก “หากเขาจะเอาของกินของดื่ม พวกเราทำเป็นไม่ได้ยิน”
เฉินตันจูได้ยินเสียงฝีเท้า รู้ว่ามีคนมา…อารามดอกท้อมีคนนอกแค่คนเดียว…โจวเสวียนเข้าใกล้ นางก็ไม่สนใจ จนกระทั่งมือข้างหนึ่งยื่นมาหยิบสากตำยาจากมือนางไป
“เฉินตันจู” โจวเสวียนพูดอย่างไม่พอใจ “นี่คือการดูแลคนป่วยของท่านหรือ ไม่เห็นเงาทั้งวัน”
เฉินตันจูไม่มีสากตำยาก็ไม่ใส่ใจ นางใช้มือดันคางมองฝน พูดอย่างเกียจคร้าน “ท่านเดินเองได้แล้ว แค่กินยาคงไม่ต้องให้ข้าปรนนิบัติหรอก”
โจวเสวียนใช้สากตำยาเคาะลงบนหัวนาง “หากองค์ชายสามไม่ไป ท่านคงยังไล่ตามป้อนยาข้าอยู่”
เฉินตันจูหัวเราะร่า “ท่านโหวโจวรู้ดีแก่ใจ ยังต้องการถามสิ่งใดอีก”
โจวเสวียนหมุนสากตำยาในมือดุจดั่งร่ายกระบี่ “เฉินตันจู ตายใจเถิด…”
เขายังพูดไม่ทันจบ เฉินตันจูก็ลุกขึ้นมา ส่งเสียงหัวเราะ “ท่านโหวโจว ท่านรู้ดีแก่ใจจริงด้วย ข้าไม่ได้คิดอันใดกับท่าน!”
ทั้งที่เขารู้ว่านางคิดอันใดกับองค์ชายสาม การทอดทิ้งเขาจะมาจากที่ใด เขาปฏิเสธที่จะแต่งงานกับองค์หญิงจินเหยาไม่เกี่ยวข้องกับนาง!
นางลุกขึ้นมาอย่างไร้วี่แวว โจวเสวียนตกใจ สากตำยาในมือเกือบหล่นลงพื้น ก่อนจะมองหญิงสาวที่ชี้ตนเองด้วยความได้ใจ เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ท่านมีความคิดต่อองค์ชายสาม เหตุใดจึงไม่อาจมีความคิดต่อข้าในเวลาเดียวกัน เฉินตันจู ท่านอย่าลืม ท่านยังมีความคิดต่อบัณฑิตยาจกอย่างจางเหยาด้วย”
จางเหยาหรือ เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเฉินตันจูอ่อนโยนลงเล็กน้อย ในใจของนาง จางเหยาแตกต่างออกไป…แต่ไม่ใช่ความคิดเช่นนั้น!
“ดูๆๆ” โจวเสวียนจ้องมองดวงตาของนาง ตะโกนด้วยความโกรธ “พูดถูกใช่หรือไม่! ท่านเป็นหญิงสาวที่ชอบคนไปทั่ว!”
เฉินตันจูทั้งโกรธทั้งขบขำ “ท่านไม่ต้องยุ่ง อย่างไรท่านกับข้าก็ไม่เกี่ยวกัน ท่านรีบไปเถิด”
โจวเสวียนหัวเราะเย้ยหยัน “ข้าไม่ใช่คนที่ยอมอยู่เงียบๆ ท่านทอดทิ้งข้า ข้าไม่ยอมแน่”
เฉินตันจูยื่นมือแย่งสากตำยากลับมา “ตามใจท่าน มีปัญญาท่านก็พักอยู่ที่นี่ตลอด ดูว่าใครกลัวใคร”
ชิงเฟิงที่นั่งอยู่บนหลังคาพูดกับจู๋หลินที่อยู่บนต้นไม้ด้านข้างด้วยรอยยิ้ม “ดู อยู่ด้วยกันอย่างสันติ”
จู๋หลินกลอกตาไม่สนใจ ด้านข้างมีเสียงนกร้องดังขึ้น สีหน้าเรียบเฉยแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เกิดอันใดขึ้น” ชิงเฟิงรีบถาม “รหัสลับขององครักษ์หลวงว่าอย่างไร”
จู๋หลินพูด “ไม่มีอันใด มีคนมาหาคุณชายของเจ้า”
ชิงเฟิงยืนขึ้น มองไปยังด้านล่างเขา “ผู้ใดกัน…” ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขาสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ จากนั้นกระโดดเข้าไปในลาน ทำให้คนที่ถือสากตำยาทั้งสองคนตกใจ
“คุณชาย” ชิงเฟิงไม่สนใจสีหน้าดำทะมึนของโจวเสวียน เดินขึ้นไปพยุงเขา “รีบไปนอนเถิด องค์หญิงจินเหยามาเยี่ยมแล้ว”
โจวเสวียนตอบรับ ก่อนจะเอนพิงชิงเฟิงเดินไปด้านหลัง พลางพูด “เฉินตันจู ท่านช่วยข้ารั้งเอาไว้”
เฉินตันจูถือสากตำยาด้วยความผงะ “เหตุใดข้าต้องรั้ง!”
โจวเสวียนหันกลับมาเลิกคิ้ว “ย่อมเป็นเพราะข้าปฏิเสธงานแต่งกับองค์หญิงเพราะท่าน” พูดพลางดึงชิงเฟิงกลับไปยังลานด้านหลัง
เฉินตันจูเขวี้ยงสากตำยาออกไป แต่แม้แต่ชายเสื้อของเขายังไม่โดน
อันใดกัน!
องค์หญิงจินเหยามาแล้ว? นางกระวนกระวายเล็กน้อย ถึงแม้เรื่องนี้นางไม่ผิด แต่ เรื่องนี้อย่างไรก็เป็นเพราะนาง…
องค์หญิงจินเหยาถูกปฏิเสธการแต่งงาน ทำให้เกิดการเยาะเย้ยมากมาย คนที่ผ่านไปมาในโรงน้ำชาพูดไปต่างๆ นานา
ระยะนี้ องค์หญิงจินเหยาไม่ได้มาหานาง หลบอยู่ภายในพระราชวัง
ส่วนโจวเสวียนวิ่งมารักษาตัวที่นี่ ก่อให้เกิดข่าวลือมากมาย
เวลานี้องค์หญิงจินเหยาเสด็จมา หากมาเยี่ยมโจวเสวียน แสดงว่ามีความรักต่อโจวเสวียนจริง…ถึงแม้องค์หญิงจินเหยาบอกนางว่าไม่ชอบโจวเสวียน แต่ความคิดของหญิงสาวเปลี่ยนแปลงไปทุกเวลา
หากองค์หญิงจินเหยาเกิดความรักต่อโจวเสวียนจริง จะทำอย่างไร
แต่หากองค์หญิงจินเหยาไม่ได้มาเยี่ยมโจวเสวียน หากแต่มาซักถามนาง...เข้าใจผิดว่านางมีความสัมพันธ์กับโจวเสวียน ไม่เห็นนางเป็นสหายอีก จะทำอย่างไร!
โจวเสวียน! เฉินตันจูกระทืบเท้า เจ้าคนไร้ยางอาย ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เขาก่อขึ้น!
นางกำลังจะไปไล่ตามโจวเสวียนกลับมา แต่ด้านนอกมีเสียงขององค์หญิงจินเหยาดังขึ้น “ตันจู!”
เฉินตันจูรีบบอกให้อาเถียนไปเปิดประตู อาเถียนวิ่งออกมา ก่อนจะถูกเฉินตันจูห้ามเอาไว้
เฉินตันจูส่งเสียงดังตอบรับ ก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูด้วยตนเอง องค์หญิงจินเหยาสวมชุดกระโปรงรัดอก เท้าเหยียบรองเท้าไม้สูง มือถือร่มยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นนางจึงเปล่งยิ้มขึ้นมา
มองรอยยิ้มสดใสขององค์หญิงจินเหยา หัวใจที่กระสับกระส่ายของเฉินตันจูก็สงบลง ถึงแม้จะเข้าใจนางผิดลงโทษนาง แต่หากให้คนที่มีรอยยิ้มเช่นนี้บนใบหน้าอยู่ในโลกก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า
“องค์หญิงมาได้อย่างไรเพคะ” นางถาม “ฝนกำลังตกอยู่”
องค์หญิงจินเหยาพูด “เพราะว่าฝนตก เสด็จแม่ไม่ทันได้สนใจข้า ข้าจึงแอบวิ่งออกมา”
“องค์หญิงมาเยี่ยมท่านโหวโจวใช่หรือไม่” เฉินตันจูเชิญนางเข้ามา ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านโหวโจวอยู่ที่ลานด้านหลัง”
องค์หญิงจินเหยาชะงักฝีเท้าอยู่ในลาน มองนาง “ข้ามาหาเจ้า ตันจู เจ้าชอบโจวเสวียนหรือไม่”
มาถามเรื่องนี้จริงด้วย การถามอย่างตรงไปตรงมาสมกับเป็นนิสัยขององค์หญิง สำหรับบุตรสาวของโอรสแห่งสวรรค์แล้วไม่จำเป็นต้องลองเชิง
เฉินตันจูพูดเสียงเบา “องค์หญิง ท่านโหวโจวมารักษาตัวที่นี่ไม่เกี่ยวกับหม่อมฉัน แต่เขาต้องการมาเอง…”
องค์หญิงจินเหยาพูดขัดนาง “เจ้าไม่ต้องพูดสิ่งเหล่านี้กับข้า แต่ข้าถามเจ้า เจ้าชอบโจวเสวียนหรือไม่”
องค์หญิงจินเหยาถือร่ม ตอนเฉินตันจูไปเปิดประตูนางไม่ได้ถือร่ม เวลานี้ยืนอยู่ในลาน แม้ว่าจะเป็นฝนตกโปรยปราย แต่เส้นผมและเสื้อของนางล้วนเปียกชื้น
เฉินตันจูมององค์หญิงจินเหยา ส่ายหัว “หม่อมฉันไม่ชอบเขาเพคะ แต่ที่เขาปฏิเสธงานแต่งกับองค์หญิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับหม่อมฉัน เขาอาจจะเข้าใจผิด…”
นางยังพูดไม่ทันจบ องค์หญิงจินเหยายิ้ม ยื่นมือมาบีบปลายจมูกของนาง ก่อนจะเอนร่มมา
“พอแล้ว ข้าแค่ถามเจ้าว่าเจ้าชอบเขาหรือไม่ เจ้าไม่ชอบเขา เรื่องนี้ย่อมไม่เกี่ยวกับเจ้า” นางยิ้ม “ส่วนเขาชอบเจ้าหรืออย่างอื่นเป็นเรื่องของเขา”
เช่นนี้หรือ เฉินตันจูมององค์หญิงจินเหยา ราวกับต้องการพูดบางสิ่ง แต่ก็ไม่รู้ต้องพูดอันใด
“อีกอย่าง ถึงแม้เจ้าชอบเขา เจ้าก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับข้า” องค์หญิงจินเหยากอดแขนของนางเอาไว้ ดึงนางเข้ามาใต้ร่ม พูดเสียงเบา “วันนี้ข้ามาเพื่อบอกเจ้า ข้าไม่ชอบเขา เจ้าไม่ต้องกังวลแทนข้า เวลานั้นหากไม่ใช่เขาปฏิเสธงานแต่งก่อน คนที่ถูกเฆี่ยนคงจะเป็นข้า”
เฉินตันจูจับมือของนางเอาไว้ “เช่นนั้นให้เขาถูกเฆี่ยนดีกว่า องค์หญิงรับโทษนี้ไม่ได้เพคะ”
อาเถียนและเยี่ยนเอ๋อจัดวางชาร้อนและขนมไว้ ก่อนจะนำผ้าคลุมให้คนทั้งสองห่มไว้ตรงหัวเข่าเพื่อปิดบังลมหนาวจากหยาดฝนในฤดูใบไม้ผลิ
องค์หญิงจินเหยาเอนหลังพิงโต๊ะ ดื่มชาอย่างเกียจคร้าน “อยู่ในวังเป็นเวลานาน ออกมาสักคราช่างสบายใจ อารามของเจ้า ภูเขาของเจ้าดีเพียงใด อิสระอย่างมาก”
เฉินตันจูมองไปรอบด้าน อันที่จริงก็ไม่ใช่ สิบปีในอดีตชาติ ภูเขาแห่งนี้เปรียบเสมือนคุกสำหรับนาง
“ตันจู” องค์หญิงจินเหยาพูดอีกครั้ง “ข้าพูดเรื่องจริง เจ้าอย่าให้เป็นเพราะข้าจึงไม่กล้าไม่ชอบโจวเสวียน”
เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีจริงๆ ไม่ใช่เพราะองค์หญิงเพคะ”
องค์หญิงจินเหยายกถ้วยชาลากเสียงยาว “เป็นเพราะพี่สามของข้าหรือ?”
องค์ชายสามหรือ ภายในดวงตาของเฉินตันจูเศร้าโศก ก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่ใช่ การชอบคนผู้หนึ่งเป็นเรื่องของตนเอง ไม่เกี่ยวกับผู้อื่นเพคะ”
องค์หญิงจินเหยานั่งตัวตรง “เจ้าพูดถูก แต่ข้ารู้สึกว่า…” นางพินิจใบหน้าของเฉินตันจู “เหตุใดเจ้าจึงไม่มีความสุข”
เฉินตันจูถือถ้วยชา ครุ่นคิด ก่อนจะถามขึ้น “องค์หญิง องค์ชายสามหายดีแล้วจริงหรือ”
องค์หญิงจินเหยายิ้ม “ที่แท้ก็เป็นห่วงพี่สามข้า เจ้าวางใจ เขาหายดีแล้วจริง หมอหลวงจางเป็นคนบอกเอง หมอหลวงจางเป็นหมอหลวงที่ดีที่สุด อีกทั้งยังรับผิดชอบอาการประชวรของพี่สาม เขารู้ดีที่สุด อีกทั้งพี่สามข้าเคลื่อนไหวได้ปกติ ไม่ไออีกแล้ว อีกทั้งนับวันยังกระปรี้กระเปร่าขึ้น”
เฉินตันจูหมุนแก้วชาเบาๆ ดีที่สุดคือหมอหลวงเก่งมาก เมื่อเทียบกันไม่มีผู้ใดเชื่อในฝีมือของนาง นางเปลี่ยนคำถาม “แต่หม่อมฉันรู้สึกว่าองค์ชายสามยังไม่หายดี ออกเสด็จเช่นนี้จะเป็นอันตรายหรือไม่”
จินเหยาเข้าใจความกังวลของหญิงสาว จับมือของนางพูดเสียงต่ำ “อันที่จริง การเสด็จไปเมืองฉีครานี้ ถึงแม้ร่างกายขององค์ชายสามยังไม่ดี แต่ก็ไม่เป็นอันตราย ถึงแม้ระยะทางไกล แต่มีทหารอารักขา อีกทั้งเวลานี้เมืองฉีไม่มีอำนาจเหมือนแต่ก่อน ท่านอ๋องฉีหมดแรงที่จะขัดขืนแล้ว หากแต่ท่านอ๋องฉียังต้องต้อนรับด้วยความซาบซึ้ง เพื่อขอให้ไว้ชีวิต ส่วนเหล่าชนชั้นสูงในเมืองฉียิ่งไม่ต้องกังวล เมื่อไม่มีท่านอ๋องฉี พวกเขาย่อมไม่มีแรงต่อต้านราชสำนัก สำหรับราษฎรแล้ว พี่สามนำกลยุทธ์ล่อลวงอย่างการคัดเลือกขุนนางด้วยความสามารถไป ภายในสายตาของพวกเขาจะมีเพียงราชสำนัก ดังนั้นพี่สามจะไม่เป็นอันตรายในเมืองฉี เมื่อเทียบกับความลำบากในการเป็นองค์ชายในพระราชวัง เขาต้องทรงงานหนักมาก อีกทั้งยังต้องดูแล ศึกษา ลองปฏิบัติและตรวจอย่างเข้มงวด…เจ้าคิดว่า พี่สามข้ากลัวเหนื่อยหรือไม่”
เฉินตันจูฟังองค์หญิงจินเหยาพูด ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “ไม่เพคะ องค์ชายสามไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อยที่สุด องค์หญิง เวลานี้ท่านรู้มากเพียงนี้ เก่งเสียจริง”
ใช่ นางในเวลานี้ไม่เพียงแต่สนใจการกินการแต่งกาย แต่ยังคงสนใจเรื่องของบ้านเมืองราชสำนัก เมื่อสัมผัสแล้วย่อมรู้ว่าเรื่องนี้เหมือนการชนมุม ทำให้คนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความสนุกสนาน องค์หญิงจินเหยาได้ใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้ม “เรื่องนี้แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดกับเสด็จพ่อ ข้าฟังมาตอนอยู่ด้านข้าง”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นคนพูดหรือ เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “หม่อมฉันวางใจแล้ว”
องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าวางใจเถิด หากเจ้ากังวลก็เขียนจดหมายให้พี่สาม ให้ท่านพ่อบุญธรรมของเจ้าส่งไปให้ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้กองทัพทั้งสาม แต่ท่านพ่อบุญธรรมของเจ้าส่งองครักษ์ไปคุ้มกัน”
เฉินตันจูผงะ ก่อนจะเข้าใจว่าท่านพ่อบุญธรรมหมายถึงผู้ใด นางหัวเราะร่า “ท่านพ่อบุญธรรมของหม่อมฉันอันที่จริงเวลานี้ยังไม่ยอมรับหม่อมฉัน”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะร่า “เจ้าไม่ต้องสนใจว่าเขาสนใจหรือไม่ เรียกเขาอย่างนั้นเลย!”
ทั้งสองคนพูดคุยกัน ไม่รอฝนหยุดองค์หญิงจินเหยาก็ขอตัวจากไป เพราะอย่างไรนางก็แอบวิ่งออกมา
“ระยะนี้เสด็จแม่ไม่รู้ทำอันใด ไม่สนใจข้านัก” นางพูด “แต่ข้าก็ไม่กล้าออกมานาน หากหาข้าไม่เจอ คงได้ลงโทษข้าแน่”
เฉินตันจูมองนางอย่างเห็นใจ ก่อนจะนึกถึงโจวเสวียน รีบพูด “องค์หญิงไม่พบท่านโหวโจวหรือ เขาได้ยินว่าท่านมาก็วิ่งหนีไป เขาอับอายที่จะพบท่านอย่างแน่นอน”
ชายผู้นี้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่เขาก่อขึ้น กลับโยนมาให้นาง อีกทั้งยังให้นางรับมือคนเดียว หากองค์หญิงจินเหยาโกรธขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร ถึงแม้เรื่องนี้มีส่วนที่นางต้องรับผิดชอบ สมควรรับความโกรธขององค์หญิงจินเหยา แต่โจวเสวียนสมควรกว่า!
องค์หญิงจินเหยาเห็นความโกรธบนใบหน้าของเฉินตันจู ย่อมรู้ความหมายของนาง องค์หญิงจินเหยาจับมือของนางก่อนจะยิ้มอีกครั้ง “ข้าไม่พบเขา เจ้าก็อย่าโกรธ หากเขายังอยู่ตรงนี้ ต้อนรับข้าแทนเจ้า ข้าคงจะยิ่งโกรธ”
“เหตุใด” เฉินตันจูสงสัย
องค์หญิงจินเหยายิ้ม “ข้าพูดกับเขาอย่างกระจ่างแล้ว หากเขายังเข้าใจว่าข้ามาท้าทายเพียงเพราะข้าเดินทางมา เขาคงจะทำให้ข้าขุ่นเคืองจริง เป็นการเหยียดหยามข้าจินเหยา ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด!”
เสียงขององค์หญิงจินเหยาสิ้นสุดลง เฉินตันจูยื่นมือกอดนางเอาไว้ พึมพำด้วยความรู้สึกผิด “องค์หญิง ท่านโกรธหม่อมฉันเถิด หม่อมฉันเข้าใจท่านผิด”
องค์หญิงจินเหยาตีหัวนางด้วยความโกรธและความขบขัน “เฉินตันจู เจ้าทำเช่นนี้ข้าจะโกรธได้อย่างไร เจ้ากระทำเช่นนี้เป็นการยอมรับผิดหรือ”
ยอมรับผิดต่อองค์หญิงไม่ใช่ต้องคุกเข่าหรือ นางกำลังออดอ้อนอย่างเห็นได้ชัด
เฉินตันจูกอดองค์หญิงจินเหยา หัวเราะออกมา มุดหน้าอยู่บนไหล่นาง พูดด้วยเสียงอู้อี้ “ยอมรับผิดเพคะ หม่อมฉันไม่อาจมองหน้าท่านได้แล้ว”
องค์หญิงจินเหยาบีบเอวของนางพลางหัวเราะ “เจ้ายังบังอาจเช็ดน้ำมูกน้ำตาลงบนเสื้อข้า รีบเงยหน้าขึ้นมา”
เฉินตันจูหลบออกด้วยเสียงหัวเราะ องค์หญิงจินเหยามองดวงตาแดงก่ำและเปียกชื้นของหญิงสาว ส่ายหัวก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง “ตันจู ข้ารู้สึกว่าอาเสวียนชอบเจ้าจริง”
เฉินตันจูเบ้ปาก
“ข้าเติบโตมาพร้อมเขา นิสัยของเขา เขาชอบสิ่งใดล้วนไม่ต่างจากข้า” องค์หญิงจินเหยายื่นมือบีบแก้มแดงของเฉินตันจู “ข้าชอบเจ้า เขาจะไม่ชอบเจ้าได้อย่างไร”
พูดพลางถือร่มเดินยิ้มออกไป
เฉินตันจูยื่นมือจับใบหน้าด้วยความผงะ องค์หญิง อันที่จริง โจวเสวียนอาจไม่ใช่คนที่ท่านคุ้นเคย
เมื่อนางกลับมาจากส่งองค์หญิงจินเหยาจากไป โจวเสวียนปรากฏตัวที่ระเบียงทางเดินอีกครั้ง เขานอนเอนกายอยู่บนเบาะที่นางและองค์หญิงจินเหยานั่งก่อนหน้านี้
เดิมทีเฉินตันจูอยากจะด่าเขาว่าขี้ขลาด แต่เมื่อนึกถึงคำพูดขององค์หญิงจินเหยา ก่อนจะกลืนกลับไป ตัดสินใจไม่ชักสีหน้าใส่เขา
แต่โจวเสวียนทำหน้าบึ้ง ทำท่าทางจะชักสีหน้าใส่นาง
“เฉินตันจูคนขี้ขลาด” เขาพูด “เหตุใดท่านจึงไม่กล้ายอมรับกับองค์หญิงว่าชอบข้า”
เฉินตันจูถ่มน้ำลาย “เนื่องจากข้าไม่ชอบท่าน”
โจวเสวียนถามเสียงเย็น “ท่านไม่ชอบข้า เหตุใดจึงบังคับให้ข้าสาบานไม่แต่งงานกับองค์หญิง”
ระยะนี้เขาไม่ได้ถามเรื่องนี้อีก วันนี้ถูกกระตุ้นจะถามอีกแล้วหรือ เฉินตันจูอ้าปาก เพราะว่าในสายตาของท่าน องค์หญิงเป็นบุตรสาวของศัตรูที่ฆ่าบิดาของท่าน ท่านจะรักนางได้อย่างไร
แต่เหตุผลนี้ นางจะกล้าพูดได้อย่างไร
“ข้าแค่รู้สึกว่าพวกท่านไม่เหมาะสมกัน” นางพูด “องค์หญิงบอกแล้วว่าไม่ชอบท่าน”
โจวเสวียนยิ้ม “เพราะว่าข้าไม่ได้ต้องการความชอบขององค์หญิง ท่านเชื่อหรือไม่ หากข้าตั้งใจ องค์หญิงต้องชอบข้าอย่างแน่นอน”
เช่นนี้หรือ ดังนั้นเมื่ออดีตชาติเขาตั้งใจทำให้องค์หญิงชอบหรือ เฉินตันจูเหม่อลอยเล็กน้อย
“เฉินตันจู”
เสียงของโจวเสวียนเข้ามาใกล้ เฉินตันจูตั้งสติกลับมา เห็นเขายืนอยู่ด้านหน้าของตนเอง
“เหตุใดท่านจึงรู้สึกว่าข้าไม่เหมาะสมกับองค์หญิงจินเหยา” เขายืนใกล้มาก ดวงตาดำขลับจ้องมองนาง “เฉินตันจู ท่านรู้เรื่องอันใดมาใช่หรือไม่”
ในที่สุดเขาก็ถามออกมา
เฉินตันจูถอยหลังไปหนึ่งก้าว