ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Story > 4-10

Side Story < Love Story > 4-10

พอขับรถมาได้ประมาณสิบนาที พวกเขาก็มาถึงสวีทฮาร์ทร็อก[1] ในขณะที่เดินไปตามทางบนหน้าผา พระอาทิตย์ก็เริ่มตก

“เหมือนจะเป็นหินนั้นนะครับ”

อินซอบชี้ไปที่หินที่ตั้งอยู่ห่างจากหน้าผาริมทะเลออกไปเล็กน้อย

“ถ้ามองจากด้านข้างจะเป็นรูปหัวใจใช่ไหม”

อินซอบเอียงคอพลางสำรวจหิน อีอูยอนมองท่าทางนั้น และรอยยิ้มก็ปรากฏในสายตา

“มันเป็นรูปหัวใจได้ยังไงเหรอครับ”

อินซอบหันกลับมาถามอีอูยอน อีอูยอนพูดว่า “ก็ไม่รู้เหมือนกัน” พร้อมกับทำเป็นคิด วิวทิวทัศน์ไม่สำคัญสำหรับเขา เขาแค่ต้องการให้อินซอบรู้สึกดีเพราะได้มาในที่สวยๆ เท่านั้นเอง

อินซอบที่ครุ่นคิดอยู่สักพักเริ่มใช้โทรศัพท์มือถือค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหิน

“เหมือนจะต้องเข้าไปดูใกล้ๆ นะครับ แล้วหินนั้น…”

อินซอบขมวดคิ้วเล็กน้อย และอ่านตำนานเกี่ยวกับหินอย่างจดจ่อ อีอูยอนรีบยื่นหน้าเข้าไปมองโทรศัพท์มือถือด้วย

มันคือตำนานความรักที่พบเห็นได้โดยทั่วไป นักรบจากลานาอิรักหญิงสาวจากเมาอิจึงซ่อนสาวเจ้าไว้ในถ้ำที่อยู่ใต้หน้าผา ในระหว่างที่ชายหนุ่มออกไปข้างนอก คลื่นก็โหมกระหน่ำใส่ถ้ำและทำให้หญิงสาวเสียชีวิต ชายหนุ่มจึงฝังร่างของเธอไว้ที่หิน และกระโดดฆ่าตัวตายตามคนรักของตนไป

“…เป็นเรื่องที่น่าเศร้านะครับ”

“เหมือนคนโง่ที่น่าสมเพชต่างหาก”

“…”

“ทำไมถึงปล่อยผู้หญิงไว้ในที่ที่โดนคลื่นซัดล่ะครับ ต้องเป็นเรื่องที่คนโง่ไร้สมองทำอยู่แล้วล่ะครับ”

อีอูยอนทำลายความซาบซึ้งที่อินซอบรู้สึกชั่ววูบอย่างไร้ความปรานีด้วยน้ำเสียงที่หวานจนทำให้หน้ามืด

อีอูยอนจัดผมของอินซอบที่ยุ่งเพราะลมทะเลให้เรียบร้อย อินซอบปล่อยให้เขาทำ และยิ้มให้แทนคำขอบคุณ

“…แต่ก็เข้าใจได้นะ”

“อะไรเหรอครับ”

“ก็เรื่องที่อยากซ่อนไว้น่ะ”

อีอูยอนจูบหน้าผากของอินซอบก่อนจะพูด

“เพราะบางครั้งผมก็อยากซ่อนคุณไว้เหมือนกัน ในที่ที่จะไม่มีใครเห็นอย่างพวกห้องใต้ดิน”

“…อย่าซ่อนเลยครับ”

อินซอบขอร้องด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย อีอูยอนตอบว่า “ได้ครับ” ด้วยน้ำเสียงที่ขอให้การอภัยอย่างถึงที่สุด อินซอบจึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ราวกับโล่งอก

ความจริงแล้วพวกเขาเข้าใจกันคนละอย่าง

อีอูยอนมองคลื่นที่กระทบกับหินจนเกิดเป็นฟองน้ำสีขาวเล็กๆ ส่วนอินซอบก็มองหินสลับกับมองตน เจ้าตัวกำลังหวังให้เขาชอบที่นี่

อินซอบเป็นแบบนั้นเสมอ แม้จะรู้ว่าตนไม่ใช่คนปกติที่มีความรู้สึกที่คนทั่วไปมี แต่ก็ยังปฏิบัติกับตนเหมือนคนปกติ ถ้าเจอแมวขณะที่เดินอยู่ หรือได้กินอาหารอร่อยๆ หรือเห็นท้องฟ้าสวยๆ ในวันที่อากาศดี เขาจะถ่ายรูปส่งมาให้เสมอ และบางครั้งก็ส่งรูปตลกๆ ที่ถูกโพสต์อยู่บนอินเทอร์เน็ตให้ดูด้วย

ตอนแรกตนคิดว่าทำไมถึงส่งของที่เหมือนกับขยะแบบนี้มาให้ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอินซอบอยากจะแบ่งปันเรื่องดีๆ ที่ตัวเองเจอกับคนรักของตนแม้จะแค่เล็กน้อย…แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่สลักสำคัญอะไรเลยก็ตาม

“สวยนะครับ ที่นี่น่ะ”

พออีอูยอนพูดแบบนั้น อินซอบก็ขยับริมฝีปากราวกับดีใจและมองลงไปด้านล่าง

บางทีถ้าคุณหายไป ผมต้อง…

สายตาของอีอูยอนมองลงไปยังใต้หน้าผาที่อยู่ห่างไกลมาก

“คุณอูยอน”

เสียงเรียกของอินซอบดึงอีอูยอนกลับสู่ความเป็นจริง

“ทำไมถึงเรียกชื่อผมอย่างจริงจังแบบนั้นล่ะครับ มันทำให้คนใจสั่นนะ”

อีอูยอนล้วงมือเข้ากระเป๋าและเอ่ยตอบอย่างแกล้งเล่น

“…ในอนาคตคุณก็ยังจะอยู่กับผมใช่ไหมครับ”

“อื้อ”

อีอูยอนตอบโดยไม่คิด

“ทำไม? คุณจะใช้ชีวิตกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผมเหรอ”

“เปล่าครับ พูดอะไรน่ะ ผมไม่ทำหรอกครับ”

อินซอบทำหน้าตาจริงจังและส่ายหน้า การต้องพูดประโยคปฏิเสธออกมาอีกครั้งในตอนที่ตื่นตระหนกเป็นนิสัยในการพูดของอินซอบ อีอูยอนจึงแกล้งเขาแบบนี้เป็นบางครั้ง เพราะอยากได้ยินการพูดแบบนั้นของอินซอบ

“แล้วทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ”

“เพราะผมมีเรื่องจะขอร้องครับ”

“ขอร้องอะไรเหรอ”

“ในอนาคตคุณก็จะทะเลาะกับผมใช่ไหมครับ”

“…”

ในเวลานี้แม้กระทั่งอีอูยอนที่หน้าหนาก็ยังไม่กล้าโกหกว่าไม่ พวกเขาสองคนต่างกันทั้งสภาพแวดล้อมที่จากมา นิสัย และวิธีการคิด ไม่ว่าจะรักชอบกันขนาดไหน แต่ก็ต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกันอยู่แล้ว

“ผมรู้ครับว่าบางครั้งคุณจะพูดจาร้ายๆ อีกในตอนที่ทะเลาะกันในอนาคต”

“กำลังทำให้ผมรู้สึกผิดจนตายเหรอครับ”

อีอูยอนยกมุมปากขึ้นยิ้มก่อนจะเอ่ยถาม อินซอบส่ายหน้า

“ผมสนิทกับพวกน้องๆ มากเลยครับ”

“ผมรู้ครับ”

เพราะอย่างนั้นอีอูยอนจึงเกลียดน้องๆ ของอินซอบมาก ความโกรธถาโถมเข้ามาทุกครั้งที่เห็นไอ้พวกผู้ชายที่เกี่ยวข้องกันทางกฎหมายแสดงความรักกับอีกฝ่าย

“แต่ตอนเด็กๆ พวกเราก็เคยทะเลาะกันอยู่บ้างครับ และทุกครั้งที่พวกเราทะเลาะกัน แม่ก็จะดุพวกเราใหญ่เลยครับ”

เรื่องที่อินซอบที่เรียบร้อยและใจดีทะเลาะกับน้องๆ อยู่นอกเหนือจินตนาการของเขา

ตอนนั้นคุณโกรธ ร้องไห้ และหัวเราะด้วยหน้าตาแบบไหนกันนะ

อีอูยอนลองจินตนาการถึงอินซอบตอบเด็กเงียบๆ หากดูจากการที่ไอ้นั่นของเขาคงจะปั่นป่วนอย่างแน่นอนแล้ว การที่ไม่ได้เกิดมาในบ้านหลังเดียวกันคงเป็นโชคดีของอินซอบ

“แต่พอทะเลาะกันแล้วผมก็ไม่ได้กังวลมากนักหรอกครับ ต่อให้ทะเลาะกันก็ไม่เป็นไร…เพราะเป็นพี่น้องกัน”

“…ผมก็คิดอย่างนั้นครับ”

ดังนั้นอีอูยอนจึงเกลียดพี่น้องของอินซอบมาก เพราะคนพวกนั้นสามารถรักษาความสัมพันธ์กับอินซอบไว้ได้ตลอดไปโดยไม่ต้องทำอะไรเลยเพียงเพราะเป็นพี่น้องกัน

“ผมก็อยากรู้สึกแบบนั้นตอนที่ทะเลาะกับคุณอีอูยอนเหมือนกันครับ”

“อยากเป็นพี่น้องกับผมเหรอครับ”

“ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น…ผมหมายถึงต่อให้ทะเลาะกันก็ไม่เป็นไรน่ะครับ”

อินซอบเงยหน้า จากนั้นก็พูดต่อด้วยแววตาจริงจัง

“ผมรู้ครับว่าคุณจงใจเว้นระยะห่างกับผมทุกครั้งที่โกรธ ผมรู้ว่าคุณตั้งใจทำแบบนั้น เพราะจะรู้สึกผิดทีหลังหากพูดจาร้ายๆ ออกมาแล้ว และกลัวว่าจะทำให้ผมเจ็บปวด ถึงแม้จะรู้…แต่บางครั้งผมก็กลัวครับ ผมกลัวว่าพอรู้ตัวอีกทีระยะห่างนั้นจะไม่สามารถลดลงมาได้แล้ว”

“…คุณอินซอบ”

“คุณจะพูดจาร้ายๆ ก็ได้นะครับ ปกติผมก็ร้องไห้ง่ายอยู่แล้ว แค่ร้องไห้นิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็แค่…”

อีอูยอนดึงอินซอบเข้ามากอดอย่างแนบชิด อินซอบพูดต่อพร้อมกับตบหลังอีอูยอนเบาๆ ไปด้วย

…แค่อยากให้มันไม่เป็นไร

“ขอโทษ”

อีอูยอนเอ่ย อินซอบรับฟังคำพูดของอีกฝ่ายเเงียบๆ

“ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บปวด ผมพูดจาเลวร้ายมากเลยครับ”

เขาหน้ามืดตอนที่เห็นอินซอบพูดว่าจะพยายามไม่ป่วย แม้จะรู้ว่าตัวเองมีปฏิกิริยาเหมือนคนบ้ากับปัญหาด้านสุขภาพของอินซอบ แต่เขาไม่สามารถแก้ไขมันได้ง่ายๆ ความกังวลใจที่ว่าตัวเองอาจไม่สามารถรักษาคนสำคัญเอาไว้ได้ทำให้เขาเกิดความอ่อนล้าอย่างถึงที่สุด

“ขอโทษครับ”

อีอูยอนจูบเปลือกตาของอินซอบและขอให้ยกโทษให้อย่างต่อเนื่อง อินซอบยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะจับมืออีอูยอน

ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่กำลังจมลงไปในทะเล แก้มกลมของอินซอบถูกแสงอาทิตย์ยามอัสดงแต่งแต้มและขึ้นสีสวย

“พอลองคิดดูแล้วมันก็ไม่แย่นะ”

จู่ๆ อีอูยอนที่ยืนมองผลงานชิ้นเยี่ยมอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้น

“อะไรเหรอครับ”

“การเป็นน้องชายของคุณน่ะ”

“…คุณอีอูยอนอายุมากกว่า แต่ทำไมผมถึงเป็นพี่ชายล่ะครับ”

อินซอบว่าพลางนึกถึงคำพูดคล้ายๆ กันที่อีอูยอนเคยพูดไว้

“เพราะถ้าเป็นน้องชาย คุณอินซอบก็จะอยู่ตรงหน้าทันทีที่ผมเกิดไงครับ”

คำตอบที่คาดไม่ถึงทำให้อินซอบจั๊กจี้ในอก ถ้าอีอูยอนเกิดเป็นน้องชายของตน เขาคงจะรักและเป็นห่วงมากกว่าใครจริงๆ…

“แล้วผมก็คิดว่าการมีอะไรกับพี่ชายก็สุดยอดมากด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า”

…ควรจะต้องเป็นห่วงเลยล่ะ

อีอูยอนที่หัวเราะอย่างก้องวังวานเอียงคอถามว่า “ทำไมครับ?” พร้อมกับสบตา

“เกลียดน้องชายแบบผมเหรอ”

“…ผมชอบครับ…แต่คงจะลำบากใจ”

มันจะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในหลายๆ ความหมาย พวกเขาจะคบกันและรักกันได้อย่างไร

“ถ้าไม่อยากให้เป็นน้อง เราก็สามารถเป็นครอบครัวเดียวกันได้ด้วยวิธีอื่นนะครับ”

“คุณอูยอนจะเป็นพี่ผมเหรอครับ”

“เปล่าครับ แต่งงานต่างหาก”

“…!”

ใบหน้าของอินซอบแดงซ่าน กะพริบตาที่กลมโตอยู่ปริบๆ แล้วพูดอย่างตะกุกตะกัก

“…ปะ ประเทศของเรายังไม่มีกฎหมายเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกัน…”

อีอูยอนมองอินซอบด้วยสีหน้าที่บอกว่าพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่และกลั้นขำ

“ผมว่าบางครั้งคุณก็ลืมไปนะ ว่าคุณกับผมไม่ใช่คนเกาหลี มันไม่มีปัญหาทางกฎหมายเลยสักนิด”

เมื่อได้ยินภาษาอังกฤษอย่างกะทันหัน อินซอบจึงพึมพำว่า “อ้อ จริงด้วย” ด้วยใบหน้ามึนงง จากนั้นก็กัดปากซ้ำๆ ด้วยความสับสนวุ่นวายใจ

“ผมไม่ได้จะขอแต่งงานตอนนี้นะครับ ไม่จำเป็นต้องกลัวขนาดนั้นหรอก”

“ผมไม่ได้กลัวครับ…”

อีอูยอนยิ้มร่าโดยไม่พูดอะไร

“ผมรู้ครับว่าคุณหมายถึงอะไร ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะครับ ไว้ค่อยตอบอย่างจริงๆ จังๆ ตอนนั้นก็ได้”

“…เข้าใจแล้วครับ”

ดวงอาทิตย์ที่แบ่งแสงสว่างของตัวเองให้กับสิ่งรอบข้างจมหายไปในทะเลโดยไม่รู้ตัว

“กลับกันไหมครับ ลมเริ่มจะเย็นแล้ว”

อีอูยอนว่าพลางใช้หลังมือลูบแก้มของอินซอบที่ขี้หนาว แม้จะรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่อินซอบก็พยักหน้า

***

แล้ววันสุดท้ายของการหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ที่เหมือนฝันก็มาถึง เนื่องจากต้องขึ้นเครื่องบินในวันพรุ่งนี้เช้า อินซอบจึงเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ถ้ากลับเกาหลีไปแล้วคงจะยุ่งสักระยะเลยนะครับ”

เนื่องจากอินซอบเหมือนจะชอบรีสอร์ตแห่งนี้ อีอูยอนจึงขยายช่วงเวลาหยุดพักออกไป แน่นอนว่ากรรมการผู้จัดการคิมบ่นไม่หยุด ปกติแล้วหลังละครจบ นักแสดงจะยุ่งที่สุดทันที เพราะต้องโฟกัสกับการให้สัมภาษณ์ การถ่ายนิตยสาร และการถ่ายโฆษณาก่อนที่กระแสของละครจะหายไป

กรรมการผู้จัดการคิมโวยวายว่าถ้าจะเป็นแบบนั้นจะมาเป็นดาราทำไม และสั่งให้ลาออก ได้ฟังดังนั้น อีอูยอนก็ยิ้มและทำให้ความขุ่นเคืองของอีกฝ่ายปะทุออกมาด้วยการบอกว่า “ทำไมน่ะเหรอครับ ผมก็ทำเป็นงานอดิเรกเพื่อที่จะดูดีในสายตาของคุณอินซอบยังไงล่ะครับ” แม้สุดท้ายจะจบลงด้วยการถ่ายโฆษณาเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น แต่แน่นอนว่าเขาจะมีวันที่ยุ่งไปอีกระยะหนึ่ง

“โล่งอกไปทีนะครับที่จบลงด้วยดี”

“ทำได้ดีสมกับที่เป็นคนสุดโต่งไหมครับ”

“…คุณอูยอน”

อีอูยอนหัวเราะ ช่วงนี้อีอูยอนมักจะสนุกกับการแกล้งอินซอบแบบนั้นอยู่บ่อยๆ

“ว่าแต่นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะครับที่จะได้กินอาหารที่นี่ ผมเริ่มจะเบื่อแล้วล่ะ”

การที่ต้องจัดการทุกอย่างให้อยู่ภายในนั้นเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของรีสอร์ตแบบรวมบริการทุกอย่าง ถ้าได้ลองใช้ชีวิตไปนานๆ ก็เป็นธรรมดาที่จะเบื่ออาหารของร้านอาหารแค่ร้านเดียว

“มีของที่อยากกินตอนที่กลับถึงเกาหลีไหมครับ”

“…”

“คุณอินซอบ”

อีอูยอนโบกมือหน้าอินซอบพร้อมกับเอ่ยเรียก อินซอบตกใจและเงยหน้าขึ้นมา

“ผมบอกว่าถ้ากลับเกาหลีแล้วเราไปกันปลาหมึกผัดเผ็ดกันเถอะครับ”

“…ครับ?”

ไม่ได้ตั้งใจฟังอยู่จริงๆ ด้วยสินะ

อีอูยอนหั่นสเต๊กและยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ล้อเล่นครับ” อินซอบเป็นแบบนั้นอยู่ตลอดมื้อเย็น เขากระวนกระวายและยุ่งอยู่กับการล้วงมือเข้าออกกระเป๋า แม้แต่ตอนที่คุยกันอยู่ เขาก็มัวแต่เหม่อลอยคิดถึงเรื่องอื่น

[1] Sweetheart Rock หรือรู้จักกันในชื่อว่า Pu’u Pehe

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท