รายงานข่าวของท่านแม่ทัพย่อมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเมืองฉี อาเถียนดีใจเพียงนี้ เพราะนับแต่องค์ชายสามเสด็จถึงเมืองฉี ข่าวที่ส่งมาล้วนเป็นข่าวดี
องค์ชายสามสืบสวนคดีหมู่บ้านซ่างเหอแทนโอรสแห่งสวรรค์ หยิบหลักฐานทั้งคนทั้งของออกมา ปลดท่านอ๋องฉีกลายเป็นสามัญชน
เมืองฉีกลายเป็นแคว้นฉีในเวลานี้
ไม่รอเหล่าขุนนางในเมืองฉีมีการเคลื่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ องค์ชายสามเริ่มดำเนินการคัดเลือกขุนนางตามกลยุทธ์ ทุกคนล้วนสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่จำกัดชาติตระกูลลและอายุ คัดเลือกขุนนางหลักทั้งสิบหกเขตของแคว้นฉี ในเวลาหนึ่งทั้งแคว้นฉีต่างตื่นเต้น ชนชั้นสูงและสามัญชนต่างเตรียมสอบ หลังจากข่าวแพร่ออกไปแล้ว ไม่เพียงแต่แคว้นฉีที่ตื่นเต้น เหล่าชนชั้นสูงในแคว้นรอบด้านต่างหลั่งไหลเข้ามา…
“เนื่องจากคนเข้าร่วมการทดสอบมีจำนวนมาก” เฉินตันจูอ่านจดหมาย พูดกับองค์หญิงจินเหยาด้วยสีหน้าระรื่น “องค์ชายสามจึงต้องออกคำสั่งว่าการทดสอบครานี้เป็นการทดสอบในแคว้นฉี จำกัดให้เฉพาะคนในแคว้นฉีเข้าร่วม ครานี้เหล่าตระกูลชั้นสูงที่ข่มขู่ว่าจะออกจากเมืองฉีก็ไม่ไปแล้ว คนจากที่อื่นต่างหลั่งไหลเข้ามา เวลานี้ทุกคนต่างแย่งชิงที่จะเป็นคนแคว้นฉี”
ท่านอ๋องฉีและเมืองฉีกลายเป็นอดีตในพริบตา
องค์หญิงจินเหยาฟังด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “คัดเลือกขุนนางด้วยกลยุทธ์ช่างยอดเยี่ยม สามารถปราบปรามคนทั่วทั้งแผ่นดินไม่แพ้กองทหารนับหมื่นพัน เฉินตันจู เหตุใดเจ้าจึงมีความสามารถเช่นนี้ คิดวิธีการที่ดีเช่นนี้ออกมาได้”
เฉินตันจูประคองหน้า ยิ้มตาหยี “หม่อมฉันมีความสามารถมากก็จริง แต่องค์หญิงและองค์ชายสามมีความสามารถมากกว่าเพคะ”
คัดเลือกขุนนางด้วยกลยุทธ์เป็นเรื่องที่พูดง่าย แต่กระทำได้ยากอย่างมาก ไม่ใช่เหมือนที่ทุกคนพูดก่อนหน้านี้ เพียงแค่องค์ชายสามนอนไม่ต้องทำอันใดก็สำเร็จได้
ทุกเรื่องล้วนต้องการเขา ทุกหนแห่งต้องระวัง องค์ชายสามไม่ได้นั่งอยู่ในพระราชวังท่านอ๋องฉีอย่างสุขสบาย หากแต่กำลังเดินทางไปทั่วแคว้นฉี
“องค์ชายสามเหน็ดเหนื่อยเกินไปหรือไม่” เฉินตันจูพูดกับองค์หญิงจินเหยา “อย่างไรร่างกายเพิ่งหายดี”
องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล หมอหลวงที่ติดตามเป็นลูกศิษย์ตรงของหมอหลวงจาง”
เฉินตันจูตอบรับ ก่อนจะให้นางดูจดหมายด้วยรอยยิ้ม “จดหมายของท่านแม่ทัพบอกว่า องค์ชายสามกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา ทุกหนแห่งที่ผ่านล้วนมีเหล่าหญิงสาวเมืองฉีมาห้อมล้อม หากมิใช่องครักษ์แน่นหนา พวกนางคงจะโยนดอกไม้ขึ้นราชรถแล้ว”
องค์หญิงจินเหยาพยักหน้า “ข้ารู้” ก่อนจะมองเฉินตันจู “ตันจู เรื่องเหล่านี้ข้ารู้ทั้งสิ้น เหตุใดเจ้าไม่ถามข้า ทางเสด็จพ่อได้รับการเคลื่อนไหวของพี่สามตลอดเวลา”
เฉินตันจูยิ้มพลางพับจดหมายเก็บอย่างระมัดระวัง “จะเหมือนกันได้อย่างไร ฝ่าบาทเป็นเสด็จพ่อขององค์หญิง ไม่ใช่เสด็จพ่อของหม่อมฉัน คงไม่เหมาะสมนัก หม่อมฉันหาท่านพ่อของหม่อมฉันจะดีกว่า”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะ
“มีสิ่งใดน่าขันหรือเพคะ” เฉินตันจูสงสัย ก่อนจะขอคำชี้แนะ “องค์หญิง ท่านแม่ทัพทำเพื่อราชสำนักมากเพียงนี้ ทั้งชีวิตไม่มีบุตรหลาน เวลานี้เขาอายุมากแล้ว มีบุตรหลานตอบแทนพระคุณใช่ว่าจะไม่เหมาะสม”
องค์หญิงจินเหยาเงยหน้าขึ้นมา พยักหน้ารับ “ใช่ ใช่ ไม่ใช่ไม่เหมาะสม” เดิมทีนางหยุดหัวเราะแล้ว แต่เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเฉินตันจู ทันใดนั้นนางก็หัวเราะจนหมอบตัวลง
เฉินตันจูเก็บจดหมายเอาไว้ ถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดผิดปกติหรือ”
เหตุใดองค์หญิงจึงหัวเราะเช่นนี้
องค์หญิงจินเหยาหยุดหัวเราะในทันที กระแอมไอเสียงเบา “เจ้าไม่รู้ แม่ทัพหน้ากากเหล็กนี้แปลกประหลาดอย่างมาก ได้ยินเสด็จพ่อตรัสว่า ตอนอายุยังน้อยเขามักจะตัวคนเดียว ในสายตานอกจากฝึกฝนทหารแล้วไม่มีเรื่องอื่น ตอนนั้นตระกูลของเขาหมั้นหมายให้เขา ไม่ว่าพูดอย่างไรเขาก็ไม่ยอม บอกว่าเขาเป็นบุตรคนเล็กของตระกูล เรื่องสืบทอดตระกูลมีเหล่าพี่ชาย ปล่อยเขาไปเถิด บิดามารดาของเขาหมดหนทางจึงทำได้เพียงล้มเลิก”
เฉินตันจูพยักหน้า “เป็นคนน่าสนใจ”
“ดังนั้น คนที่ทำอันใดคนเดียวอย่างเขารับบุตรสาวบุญธรรม จึงเป็นเรื่องน่าขบขันอย่างยิ่ง” องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม
เฉินตันจูพูด “ท่านแม่ทัพเป็นคนประหลาด แต่เขาก็เป็นคนมีจิตใจเมตตา”
ถึงแม้แม่ทัพหน้ากากเหล็กทำสงคราม บนมือมีชีวิตคนมากมาย แต่เขาไม่ใช่ผู้ที่เสพติดความรุนแรง ดังนั้นเขาจึงยอมฟังคำขอของนางในเวลานั้น หยุดสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น
นอกจากเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียและภัยน้ำที่จะเกิดขึ้นในเมืองอู๋ เกิดขึ้นแก่ราษฎรอู๋ กองทหารเมืองอู๋ และสิ่งมีชีวิตในเมืองอู๋แล้ว เวลานี้ยังสามารถดำเนินการคัดเลือกขุนนางตามกลยุทธ์อย่างราบรื่น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลงานของเขา เป็นเพราะเขารั้งนางเอาไว้ ก่อนจะใช้การปลดเกราะมาบีบบังคับฝ่าบาท สร้างความสุขให้แก่บัณฑิตสามัญชนนับหมื่นพันคน
ดวงตาขององค์หญิงจินเหยากลอกไปมา “บนโลกนี้มีคนน่าสนใจจำนวนมาก เจ้ารู้จักพี่หกของข้าหรือไม่”
องค์ชายหก? ถึงแม้ไม่รู้เหตุใดจึงเอ่ยถึงองค์ชายหก แต่เฉินตันจูยังคงพยักหน้า “หม่อมฉันเคยได้ยินท่านแม่ทัพพูด…ท่านหัวเราะอันใดอีก”
องค์หญิงจินเหยาใช้มือปิดปากข่มเสียงหัวเราะกลับไป พูดอย่างเคร่งขรึม “ข้านึกถึงพี่หกก็อยากหัวเราะ”
องค์ชายหกน่าขันเพียงนั้นเชียวหรือ เฉินตันจูสงสัย ทั้งอดีตชาติทั้งชาตินี้ นางไม่แปลกหูกับชื่อขององค์ชายหก แต่นอกจากชื่อและร่างกายที่อ่อนแอแล้ว นางไม่รู้เรื่องอื่นแม้แต่น้อย อ่อ ยังรู้อีกว่าองค์รัชทายาทต้องการสังหารเขา
องค์ชายหกเป็นคนน่าสนใจ? องค์ชายที่ป่วยจนแทบไม่ออกจากจวน ดุจดั่งราวกับไม่มีอยู่ มีสิ่งใดน่าสนใจ
เนื่องจากตระกูลเฉินต้องพึ่งพาองค์ชายท่านนี้ เฉินตันจูยินดีที่จะรับฟังเรื่องของเขา แต่ก็หมดหนทางเมื่อไม่มีผู้ใดพูดถึงเขา
ถึงแม้แม่ทัพหน้ากากเหล็กรับปากนางส่งข่าวไหว้วานคนในตระกูลต่อองค์ชายหกแล้ว แต่เขาไม่เคยพูดถึงอาจเป็นเพราะในฐานะท่านแม่ทัพนำกองทัพ จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการไปมาหาสู่กับเหล่าองค์ชาย แม้ว่าจะเป็นคนป่วยก็ไม่ได้
มีเพียงองค์หญิงจินเหยาพูดถึงสองสามครั้ง จากคำพูด นางสนิทกับองค์ชายหกอย่างมาก สนิทกว่าองค์ชายท่านอื่นเสียอีก
“ไม่ได้บอกว่าเวลาส่วนใหญ่องค์ชายหกนอนหลับพักฟื้นร่างกายหรือ องค์ชายหกออกจากจวนน้อยครั้งนัก พบคนน้อยครั้งนัก” เฉินตันจูถามด้วยความสงสัย “องค์หญิงพบองค์ชายหกได้บ่อยหรือ”
องค์หญิงจินเหยาถอนหายใจเสียงเบา เจือปนไปด้วยความเศร้าเล็กน้อย “ตอนเด็กยังดี ต่อมาพบเจอเขาได้ยากมาก”
เฉินตันจูยิ่งสงสัย ถาม “ตอนเด็ก ร่างกายขององค์ชายหกแข็งแรงกว่าหรือเพคะ”
องค์หญิงจินเหยาส่ายหัว ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่พูด “เสด็จแม่ของพี่หกเหมือนกับเสด็จแม่ของข้า จากไปหลังจากที่ให้กำเนิดพวกเรา แต่เขาไม่โชคดีที่ถูกฮองเฮารับเลี้ยงเหมือนข้า”
เฉินตันจูพยักหน้า สามารถเข้าใจได้ ฮองเฮาจะเลี้ยงเด็กที่ป่วยอ่อนแอได้อย่างไร หากตายไปคงจะเป็นความผิดของนาง
“พี่หกถูกแม่นมเลี้ยงอยู่ในพระตำหนักที่ห่างไกล” องค์หญิงจินเหยาพูดต่อ ก่อนจะเอ่ยเสริม “ร่างกายของเขาไม่ดี เหล่าหมอหลวงให้เขารักษาร่างกายอย่างสงบ”
เด็กที่ร่างกายไม่ดีไม่ใช่ควรจะถูกดูแลอย่างดีหรือ ถูกทิ้งไว้ในพระตำหนักที่ห่างไกล เหมือนกับว่าถูกทอดทิ้ง เฉินตันจูคิดในใจ
“ตอนเด็ก มีคราหนึ่งข้าวิ่งเล่นไปทั่ว วิ่งไปถึงพระตำหนักของเขา” องค์หญิงจินเหยาไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของเฉินตันจู เล่าเรื่องอดีตต่อ “ในพระตำหนักนั้นไม่มีคน เขานอนตากแดดอยู่บนเก้าอี้ ตอนนั้น ราวห้าหกขวบ เหมือนชายชราตัวน้อย…ข้าไม่รู้ว่าเขาคือผู้ใด จึงให้เขาเล่นกับข้า เขาบอกว่าได้ พวกเรามาแสร้งเป็นคนตาย จากนั้นข้าจึงนอนอยู่บนพื้นครึ่งวัน…”
เฉินตันจูหัวเราะร่า