องค์หญิงจินเหยาเล่าเรื่องสนุกในวัยเด็กระหว่างนางกับองค์ชายหก แต่จากที่เฉินตันจูได้ฟัง เรื่องสนุกเหล่านี้คือเดิมทีนางต้องการรังแกพี่ชายที่นอนนิ่งไม่ขยับคนนี้ แต่สุดท้ายถูกพี่ชายรังแก
ด้วยเหตุนี้องค์หญิงที่ถูกแกล้งอย่างไม่รู้ตัวจึงสนิทกับพี่ชายคนนี้อย่างมาก
อีกทั้งนางยิ่งมั่นใจอีกเรื่องหนึ่ง
“องค์หญิง” เฉินตันจูถาม มองหญิงสาวที่หัวเราะอยู่ฝั่งตรงข้าม “ตอนเด็กองค์ชายหกไม่มีคนดูแลอยู่ในพระราชวังใช่หรือไม่เพคะ”
องค์หญิงจินเหยาลังเลเล็กน้อย “เวลานั้นเสด็จพ่อทรงงานหนักมาก สถานการณ์ราชสำนักไม่ดีนัก เรื่องในวังหลังเสด็จพ่อดูแลไม่ทั่วถึง…” คนเป็นบิดาย่อมละเลยบุตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางไม่อยากจะพูดเรื่องไม่ดีของเสด็จพ่อ จึงรีบอธิบาย “อีกทั้งพี่หกแตกต่างจากพี่สาม พี่สามถูกคนทำร้าย แต่พี่หกเป็นเช่นนี้ตั้งแต่กำเนิด”
คำอธิบายนี้ไม่อธิบายเสียดีกว่า เฉินตันจูคิดในใจ เพราะว่าคนหนึ่งเป็นฝีมือผู้อื่นอีกคนเป็นตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงรู้สึกสงสารและละอายต่อคนแรก จึงชดเชยด้วยความรัก หากแต่ทอดทิ้งคนหลังอย่างไร้ความละอาย ฮ่องเต้ช่างเป็นบิดาที่…
“องค์หญิง” เฉินตันจูพูดเสียงเบา “อันที่จริงท่านก็ไม่มีผู้ใดดูแลใช่หรือไม่”
หากนางถูกฮองเฮารักใคร่ดูแลจริง เหตุใดนางจึงวิ่งไปหาเด็กอีกคนในพระตำหนักที่ห่างไกลเป็นประจำ หากมีการดูแลที่เอาใจใส่จริง ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้
องค์หญิงจินเหยายิ้ม “ไม่ถือว่าใช่ แม่นมและนางในที่องค์หญิงควรมี ข้าล้วนมี เพียงแต่เวลานั้น…”
“ใช่ หม่อมฉันรู้แล้ว เวลานั้นสถานการณ์ในราชสำนักไม่ดี ฮ่องเต้ไม่ใส่ใจเรื่องของวังหลัง ภายในวังหลัง ฮองเฮาก็สนใจแต่เรื่องของแผ่นดิน ละเลยเด็กๆ อย่างพวกท่าน” เฉินตันจูพูดต่อ ก่อนจะพนมมือแสดงถึงความสำนึกผิด “ต้องโทษเหล่าท่านอ๋องที่ก่อปัญหา อีกทั้งยังต้องโทษเหล่าขุนนางของท่านอ๋องที่ละเลยหน้าที่ บิดาของหม่อมฉันในฐานะขุนนางของท่านอ๋องไม่ได้เกลี้ยกล่อมท่านอ๋อง หากแต่ช่วยเขากระทำการชั่วร้าย อีกทั้งหม่อมฉันยังเป็นบุตรสาวของท่านพ่อ…หากพูดเช่นนี้ องค์หญิง คงจะเป็นหม่อมฉันที่ผิดต่อท่านและองค์ชายหก ทำให้พวกท่านถูกละเลยการดูแลตั้งแต่ยังเล็ก”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะในท่าทางของนางจนยืดตัวตรงไม่ได้
“เอาเถิด เอาเถิด” นางหัวเราะจนพอใจ ก่อนจะจับมือของเฉินตันจูเอาไว้ พูดเสียงเบา “ข้ารู้เจตนาของเจ้า ไม่ว่าอย่างไร พวกข้ามีเครื่องแต่งกายและอาหารการกินที่ดี พี่หกบอกกับข้า เสด็จพ่อของพวกเราไม่ใช่แค่ของพวกเรา เขายังเป็นของคนทั้งแผ่นดิน คนทั้งแผ่นดินมีจำนวนมาก เขาดูแลไม่ได้ อย่ารอให้เขามองเห็น เราต้องทำให้เขามองเห็น ต่อมาข้าจึงทำให้เสด็จพ่อมองเห็นข้า เจ้าดู เสด็จพ่อดีต่อข้าเพียงใด”
เมื่อมองเห็นนางจึงดีต่อนาง ไม่ใช่เพราะนางเท่านั้น อาจเพราะระลึกถึงอีกคนขึ้นมา เฉินตันจูมองใบหน้าที่งดงามขององค์หญิงจินเหยา ความโปรดปรานของฮ่องเต้ล้วนมีเงื่อนไข
“องค์ชายหกท่านพูดถูก” นางพูดด้วยรอยยิ้ม ถามด้วยความสงสัย “ต่อมาองค์ชายหกก็ถูกฮ่องเต้มองเห็นหรือ”
แต่องค์ชายหกยังคงไร้สิ้นไร้เสียง ไม่มีผู้ใดรู้ เมื่ออดีตชาติ มีเพียงก่อนตาย นางจึงได้ยินว่าองค์รัชทายาทลอบสังหารองค์ชายหก ถูกลอบสังหารอาจเป็นหลักฐานที่เหล่าองค์ชายถูกฮ่องเต้โปรดปราน
องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่หกของข้า เนื่องจากร่างกายเขาไม่ดี บอกว่าไม่สนใจที่จะถูกมองเห็น เขาอยากดูโลกนี้มากกว่า”
เฉินตันจูพยักหน้า เด็กที่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน เขาไม่สนใจความรักของผู้อื่นแล้ว เขายินยอมที่จะใช้เวลาในการดูสรรพสิ่งบนโลกมากกว่า
“แต่องค์ชายหกสุดท้ายก็ไม่ได้เดินออกมา” นางถอนหายใจ “เวลานี้ยังอยู่ในเมืองซีจิงคนเดียว”
แม้แต่ประตูจวนยังออกมาไม่ได้ โลกนี้เขาคงไม่ได้เห็นแล้ว ไม่รู้ว่ายังเหมือนตอนเด็กหรือไม่ นอนอยู่ภายใต้ชายคา แสร้งรับบทเป็นคนตายเพื่อหาความสนุก
องค์หญิงจินเหยาไม่ตอบ หากแต่ถามด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดจึงดูเป็นห่วงพี่หกของข้า”
เฉินตันจูแปลกใจกับคำถามของนาง “หม่อมฉันย่อมต้องเป็นห่วง หม่อมฉันยังต้องพึ่งพาองค์ชายหกดูแลคนในตระกูลของหม่อมฉัน” ก่อนจะพนมมือพึมพำอยู่ด้านหน้า “ขอให้สวรรค์คุ้มครององค์ชายหกอายุยืนยาว”
องค์หญิงจินเหยาขบขัน “เฉินตันจู ตั้งแต่เล็กจนโต คนข้างกายข้ามีแค่ผู้หวังผลประโยชน์ แต่เจ้าเป็นคนแรกที่เปิดเผยเจตนาได้ตรงไปตรงมาเช่นนี้”
“เพราะว่าการหวังผลประโยชน์ไม่ใช่เรื่องร้าย คนย่อมมีความเห็นแก่ตัวและความต้องการเพคะ” เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “เพียงแค่อย่าทำเรื่องชั่วร้ายเพื่อผลประโยชน์ของตนเองก็พอ”
องค์หญิงจินเหยาตอบรับด้วยเสียงหัวเราะ “อย่างไรเจ้าก็มีเหตุผล เจ้าวางใจ ถึงแม้พี่หกเขา…เนื่องจากสาเหตุของร่างกาย แต่เขาย่อมมีชีวิตที่ยืนยาว”
เฉินตันจูมองฟ้าอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณสวรรค์ที่สงสารข้า”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะอีกครั้ง ตบหน้าอก “ทุกครั้งที่มาหาเจ้า ข้าดีใจอย่างมาก ไม่รู้เพราะอากาศในภูเขาดี หรือว่า…”
เฉินตันจูรับคำด้วยรอยยิ้ม “ย่อมต้องเป็นเพราะว่าคนดี” ใช้นิ้วชี้มาที่ตนเอง
องค์หญิงจินเหยาบีบจมูกของนาง แล้วลุกขึ้น “ใช่ เฉินตันจูดีที่สุด ข้าควรไปแล้ว มิฉะนั้น เจ้าคงร้ายมากขึ้นในสายตาของเสด็จแม่”
เฉินตันจูจับมือของนาง “เพียงแค่หม่อมฉันดีที่สุดในสายตาขององค์หญิง ผู้ใดเห็นหม่อมฉันเป็นคนร้ายหม่อมฉันไม่สนใจ”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะร่าอีกครั้ง ดึงนางลุกขึ้นมา ทั้งสองคนจูงมือเดินลงเขาไป
รถม้าขององค์หญิงจินเหยาจากไปไกล ท่ามกลางป่าไม้กลับคืนสู่ความสงบ เฉินตันจูยืนอยู่บนภูเขาด้วยอารมณ์ดี ถึงแม้ไม่รู้สาเหตุที่องค์หญิงจินเหยาพูดถึงองค์ชายหก แต่การนอกเรื่องในครานี้ ทำให้ความเศร้าที่มีอยู่ก่อนหน้านี้สลายไป
นึกถึงเด็กคนนั้น เนื่องจากร่างกายเจ็บปวดจึงต้องนอนนิ่ง ไม่มีความเศร้าหรือทอดทิ้งตนเอง หากแต่ลากคนมาเล่นเป็นคนตาย…ถึงแม้จะซุกซนไปบ้าง แต่เขาไม่ใช่เด็กที่ข่มเหงรังแกผู้อื่น หากแต่มีความไร้เดียงสา
องค์หญิงจินเหยาเป็นหญิงสาวที่สดใส นางสามารถเล่นกับองค์ชายหก ย่อมเป็นเพราะเห็นถึงความจริงใจของพี่ชายคนนี้
องค์ชายหกและองค์ชายสามล้วนเป็นคนที่ร่างกายไม่ดี แต่รู้สึกว่านิสัยต่างกันอย่างสิ้นเชิง อาจเป็นเพราะความแตกต่างที่คนหนึ่งเป็นแต่กำเนิด ส่วนอีกคนเป็นฝีมือของคน ภายในใจขององค์ชายสามมีความโกรธแค้น อีกทั้งรู้ว่าควรโกรธผู้ใดแค้นผู้ใด ส่วนองค์ชายหกทำได้เพียงโทษสวรรค์ แต่สวรรค์คงไม่สนใจ เขาจึงทำได้เพียงใช้ชีวิตอย่างนั้น
เฉินตันจูคาดเดาเรื่องขององค์ชายหก ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา
“คุณหนู” อาเถียนพูดอย่างดีใจ “คุณหนูอารมณ์ดีอย่างมาก”
เฉินตันจูยิ้มให้นาง “ย่อมดีใจ แผ่นดินราษฎรสงบสุข คัดเลือกขุนนางตามนโยบายดำเนินการจริง ไม่เพียงองค์ชายสามสมดังปรารถนา คนทั่วทั้งแผ่นดินก็สมดังปรารถนา”
ดังนั้นนางจึงอารมณ์ดีเพราะข่าวดีขององค์ชายสาม หากองค์ชายสามสามารถเขียนจดหมายให้คุณหนูเองคงจะยิ่งดี อาเถียนคิดในใจ พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี “ล้วนเป็นข่าวดี เรื่องดำเนินการได้อย่างราบรื่น องค์ชายสามคงจะกลับมาในไม่ช้า”
เฉินตันจูพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ใช่ ถึงเวลาไม่แน่ฮ่องเต้ยังต้องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง”
อาเถียนพยักหน้า “แน่นอน ฝ่าบาทต้องดีใจอย่างมาก มีบุตรอย่างองค์ชายสาม ทำงานได้ดีเช่นนี้ คนเป็นบิดาย่อมต้องภาคภูมิใจและดีใจ”
บิดาอาจดีใจเพราะมีบุตรเช่นนี้ แต่พี่น้องไม่แน่
เวลานี้ ภายในพระราชวัง ฮองเฮาและองค์ชายห้าต่างมีสีหน้าไม่พอใจ
“คิดไม่ถึงเสียจริง คนที่ป่วยอย่างนั้นนับวันยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้น” ฮองเฮาพูด “ข้าได้ยินว่า เวลานี้ฝ่าบาทพูดถึงองค์ชายสามในท้องพระโรงเป็นประจำ”
องค์ชายห้ามองมือของตนเอง “อันที่จริง นับแต่ย้ายมาเมืองนี้ เขาก็เริ่มสร้างอำนาจ เวลานี้ ทุกคนต่างรู้จักเขา แต่ไม่มีผู้ใดรู้จักองค์รัชทายาท”