หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 985 ดาราแดงเกิดใหม่!

บทที่ 985 ดาราแดงเกิดใหม่!

แทบจะในทันทีที่หวังเป่าเล่อเหยียบลงบนพื้นโลก ในหัวของเขาก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ นั่นคือเสียงของแม่นางน้อย แต่ก็เป็นเพียงแค่เสียงถอนหายใจและไม่มีคำพูดใดๆ

เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งที่แม่นางน้อยที่รับรู้ได้ผ่านร่างแยกของหวังเป่าเล่อทำให้นางเองก็ไม่คิดจะเอ่ยปากเพื่อสำนักวังเต๋าไพศาล ส่วนหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ตอบโต้กับเสียงถอนหายใจนั้น สีหน้าเขาดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ความโกรธในใจได้ทะลักทลายไปนานแล้ว

เรื่องหนึ่งเป็นเพราะสิ่งที่เพื่อนและคนรู้จักของเขาได้พบเจอ ที่สำคัญกว่านั้นคือ…พ่อแม่ของเขา!

นี่คือความโกรธของหวังเป่าเล่อ ขณะเดียวกันความรู้สึกผิดในใจทำให้เขาต้องหาที่ระบาย ดังนั้นทันทีที่ร่างของเขาเหยียบลงพื้น เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่…ทำเนียบสหพันธรัฐของโลก!

นี่เคยเป็นบ้านของต้วนมู่ฉี เมื่อผ่านความตายของต้วนมู่ฉีและการจากไปของพวกหลี่ซิงเหวิน ปัจจุบันจึงกลายเป็นสถานที่ปกครองของกลุ่มนภาห้าสมัย เมื่อเทียบกับตอนนั้น ที่แห่งนี้มีวงแหวนปราณเกราะกำบังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รูปปั้นมากกว่าหนึ่งร้อยรูปตรงจัตุรัสราวกับมีชีวิตเหมือนจริงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งมีความผันผวนของปราณวิญญาณที่เด่นชัดราวกับรูปปั้นที่ได้รับการขัดเกลาด้วยตำนานเหล่านี้พร้อมจะฟื้นคืนชีพได้ทุกเมื่อ แต่รูปปั้นหลี่ซิงเหวินกับต้วนมู่ฉีได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยรูปปั้นของหัวหน้าตระกูลกลุ่มนภาห้าสมัย

นอกจากนี้ที่ด้านนอกทำเนียบยังมีม่านแสงที่มองไม่เห็น แต่ผู้ฝึกตนสามารถสัมผัสได้อยู่หนึ่งชั้น ม่านแสงนั้นก่อตัวขึ้นเป็นเกราะกำบัง ส่วนแหล่งกำเนิดของมันก็คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ภายในทำเนียบ!

ผู้ที่มีฐานะเป็นผู้นำเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ กริชเหาะเหินสีแดงในมือต้วนมู่ฉีได้ถูกยึดครองโดยกลุ่มนภาห้าสมัยหลังจากที่เขาตาย อีกทั้งยังถูกประทับตราเป็นเครื่องสังเวยอยู่ในทำเนียบ

หวังเป่าเล่อปรากฏตัวกลางอากาศ เขาก้มมองทำเนียบที่อยู่ด้านล่าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ณ ที่แห่งนี้ไม่อาจหลุดรอดสายตาเขาไปได้ เขาเห็นปราณวิญญาณที่สถิตย์อยู่กับรูปปั้นนับร้อยเหล่านั้นและเห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสังเวยอยู่ในทำเนียบ รวมถึงพนักงานที่เดินไปมาอยู่ในบริเวณนั้น

คนที่นี่ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มนภาห้าสมัยและเป็นคนในตระกูลของพวกเขา ส่วนในทำเนียบ ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำในปัจจุบันคือหนึ่งในกลุ่มนภาห้าสมัย หัวหน้าตระกูลเฉิน!

ฐานการฝึกฝนของเขาก็เป็นขั้นเชื่อมวิญญาณเช่นกัน อีกทั้งในทำเนียบนั้น นอกจากคนคนนี้ก็ยังมีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณขั้นมหาวัฏจักรอีกสี่คนนั่งขัดสมาธิอยู่ในมุมลึกราวกับออกนั่งบัญชาการด้วยตนเอง

เห็นได้ชัดว่าหลังจากพึ่งพาดาวพระเคราะห์ของสำนักวังเต๋าไพศาลคนนั้น นอกเหนือจากอำนาจแล้ว กลุ่มนภาห้าสมัยยังได้ประโยชน์ไม่น้อยในด้านการฝึกตน เพียงแต่ความสำเร็จที่ถาโถมเข้ามา พวกเขากำจัดเสียงคัดค้านทั้งหมดไปได้จนไม่ได้ตระหนักเลยว่าจริงๆ แล้วในสายตาของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงนั้น สิ่งที่พวกเขาคิดว่าได้รับมาเป็นเพียงจอกแหนที่ลอยบนผิวน้ำเท่านั้น

“ตอนนั้นก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าควรจะใจร้ายกำจัดกลุ่มนภาห้าสมัยทิ้งไปซะ” หวังเป่าเล่อเอ่ยเบาๆ แม้เขาจะพูดกับตัวเอง แต่เนื่องจากฐานการฝึกฝนของเขาแข็งแกร่งเกินไป อีกทั้งยังไม่มีการควบคุม เสียงพึมพำในตอนนี้จึงกลายเป็นสายฟ้าฟาดลงทำเนียบในชั่วพริบตา

เสียงดังราวกับฟ้าผ่าที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้ในหัวผู้ฝึกตนทุกคน ณ ที่แห่งนี้เกิดเสียงคำรามขึ้น พวกเขาไม่อาจต้านทานได้ ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับอำนาจสวรรค์ จนกระอักเลือดออกมา!

ในบรรดาพวกเขา ผู้ที่ไม่มีสายเลือดของกลุ่มนภาห้าสมัยนั้น ถึงแม้จะกระอักเลือดออกมา อีกทั้งจิตใจยังรับอาการมึนงงไม่ไหว แต่กลับไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ผู้ที่มีสายเลือดของกลุ่มนภาห้าสมัยแต่ละคนต่างไม่มีทางหนีรอดไปได้

บางทีในกลุ่มนภาห้าสมัยอาจมีผู้บริสุทธิ์ แต่หวังเป่าเล่อไม่ใช่นักบุญ เขาไม่สามารถค้นวิญญาณทีละคนเพื่อดูว่าใครดีใครเลวได้ ทำได้เพียงแค่กวาดจิตสำนึกไปด้วยความรู้สึกทั่วไปเท่านั้น ทำให้ผู้ฝึกตนที่มีสายเลือดกลุ่มนภาห้าสมัยแต่ละคนต่างเลือดพุ่งออกจากรูทวารทั้งเจ็ด ก่อนจะล้มลงทีละคน จะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของพวกเขาแล้ว!

และในขณะที่ผู้ที่มีสายเลือดของกลุ่มนภาห้าสมัยเหล่านั้นกำลังล้มลงไปทีละคน ในฐานะผู้นำ สีหน้าหัวหน้าตระกูลเฉินก็เปลี่ยนไป ผู้อาวุโสกลุ่มนภาห้าสมัยขั้นจุติวิญญาณและขั้นมหาวัฏจักรที่นั่งอยู่ในส่วนลึกทั้งสี่คนนั้นต่างตกตะลึง สิ่งแรกที่ถูกกระตุ้นขึ้นคือรูปปั้นมากกว่าหนึ่งร้อยรูปบนจัตุรัส!Aileen

เห็นได้ชัดว่ารูปปั้นเหล่านี้ถูกกระตุ้นจากพลังดาวพระเคราะห์ ผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ที่ตื่นขึ้นจากกระบี่สำริดโบราณเคยร่ายคาถาเวทไว้ แต่พลังของเขานั้นอย่าว่าแต่อาการบาดเจ็บยังไม่หายดีเลย ต่อให้เขาจะหายดีแล้ว เขาก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของหวังเป่าเล่อได้ นับประสาอะไรกับแค่วัตถุที่ถูกเขาร่ายคาถาเวทไว้

ดังนั้นแม้ในชั่วพริบตารูปปั้นกว่าร้อยรูปจะลืมตาขึ้นพร้อมกัน แต่ละตัวระเบิดพลังงานผันผวน พวกมันลอยขึ้นไปบนฟ้าราวกับมีชีวิตเพื่อต่อสู้กับหวังเป่าเล่อ แต่ในชั่วพริบตามือขวาของหวังเป่าเล่อก็ยกขึ้นมาและกดลงไป

ทันใดนั้นราวกับมีพลังสูงสุดระเบิดออกมาและกลายเป็นเหมือนกับตราประทับฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นกดลงมา ฉับพลันฟ้าดินก็กลับตาลปัตร ลมฝนเมฆหมอกม้วนกลับ รูปปั้นนับร้อยที่เพิ่งตื่นขึ้นมาพลันสั่นสะท้าน ก่อนที่ดวงตาที่เบิกกว้างค่อยๆ ปิดลง แม้กระทั่งร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านก็ยังคุกเข่าให้หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่บนอากาศ

เมื่อพวกมันคุกเข่าลง รูปปั้นหัวหน้าตระกูลกลุ่มนภาห้าสมัยในนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ขณะเดียวกัน นอกจากทำเนียบแล้ว เกราะป้องกันที่มองไม่เห็นที่เกิดขึ้นจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจทนรับได้และแตกกระจายราวกับเศษกระจกทันที แล้วทำเนียบก็พังทลายลง

ข้างในมีรุ้งสีแดงที่ไร้ซึ่งความหวาดหวั่นพุ่งทะยานขึ้นฟ้าตรงมายังหวังเป่าเล่อราวกับจะทะลุเข้าไป ทว่าความเร็วกลับช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมันมาถึงตรงหน้าหวังเป่าเล่อ รุ้งสีแดงก็หยุดนิ่งตัวสั่นอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก่อนจะเผยร่างที่แท้จริงออกมา

มันคือกริชเหาะเหินสีแดงเล่มหนึ่ง มันก็คือ…อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของผู้นำสหพันธรัฐ!

ในเวลาเดียวกันกับที่กริชสีแดงสั่นสะท้าน หัวหน้าตระกูลเฉินก็ตัวสั่นและรีบวิ่งออกมาจากทำเนียบที่พังทลาย ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณขั้นมหาวัฏจักรทั้งสี่คนต่างก็เหาะออกมาอย่างหวาดกลัวเช่นกัน ทุกคนมองไปยังหวังเป่าเล่อบนท้องฟ้า

“ผู้อาวุโสโปรดใจเย็น ทุกอย่างเป็นความผิดของผู้เยาว์ ไม่ว่าผู้อาวุโสจะเรียกร้องสิ่งใด ตราบใดที่อารยธรรมสหพันธรัฐของข้าสามารถทำได้ ผู้เยาว์จะต้องทำให้…” หัวใจที่สั่นไหวของหัวหน้าตระกูลเฉินแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกอย่างรุนแรง เขาจำหวังเป่าเล่อไม่ได้ไปพักหนึ่ง และปฏิกิริยาแรกในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายอาจจะมาจากจักรวาล หรือไม่ก็เป็นคนของสำนักวังเต๋าไพศาลที่ตื่นขึ้นอีกครั้ง

ดังนั้นเขายังไม่ได้ถามให้กระจ่างก็รีบขออภัยก่อน เขาเอ่ยพร้อมกับคุกเข่าลง แม้แต่วิญญาณจุติสี่คนด้านหลังก็ยังคุกเข่าลงเช่นกัน

หวังเป่าเล่อกวาดตามองหัวหน้าตระกูลเฉินผู้ไร้คุณธรรม ก่อนจะคิดถึงต้วนมู่ฉี เมื่อเทียบกับเขาแล้ว สุนัขอย่างหัวหน้าตระกูลเฉินไม่คู่ควรกับตำแหน่งผู้นำเลยสักนิด

เมื่อคิดถึงต้วนมู่ฉี หวังเป่าเล่อก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมองกริชเหาะเหินสีแดงที่กำลังสั่นไหวแล้วเอ่ยเบาๆ

“ในเมื่อมีสติรู้ธรรม เหตุใดจึงช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ กริชเหาะเหินสีแดงก็ยิ่งสั่นอย่างรุนแรง ความรู้สึกไม่เต็มใจและคับข้องใจแผ่ออกมาจากมัน และที่มากกว่านั้นคือความโกรธ

เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของกริชเหาะเหิน หวังเป่าเล่อก็เงียบไป ด้วยเข้าใจว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้คือสมบัติของผู้นำสหพันธรัฐโดยเฉพาะ และมีข้อตกลงกับสหพันธรัฐและมันก็ยึดมั่นในข้อตกลงนี้เสมอมา ใครเป็นผู้นำ มันก็เป็นของคนนั้น

การตายของต้วนมู่ฉีนั้นมันทั้งเสียใจและโกรธแค้น แต่ต่อหน้าข้อตกลงนั้นและผู้เยี่ยมยุทธ์ดาวพระเคราะห์คนนั้น มันจึงทำได้แค่เชื่อฟัง

“ไปขจัดมลทินบนร่างของเจ้ากันเถอะ” หวังเป่าเล่อส่ายหน้า หนึ่งขั้นเชื่อมวิญญาณ สี่ขั้นจุติวิญญาณ สำหรับเขาล้วนเป็นมือสกปรก ดังนั้นหลังจากพูดจบ เขาก็หันกายเดินไปยังจุดที่กลุ่มนภาห้าสมัยอยู่

และในทันทีที่เขาหันหลังกลับ กริชเหาะเหินสีแดงสดก็พุ่งออกไปด้วยความเจิดจ้าเป็นประกาย จิตสังหารปะทุรุนแรงขึ้นกลายเป็นสายรุ้งสีแดงสดและมุ่งตรงไปยังพื้นโลก ขณะที่หัวหน้าตระกูลเฉินตื่นตกใจและวิญญาณจุติทั้งสี่ไม่อยากเชื่อสายตา ลำแสงสีแดงก็พุ่งทะลุผ่านร่างทั้งสี่คนจากด้านหลังไป

ทันใดนั้นศีรษะของวิญญาณจุติทั้งสี่ก็กระเด็นออกและวิญญาณจุติก็แตกสลาย ขณะเดียวกันเมื่อเห็นกริชเหาะเหินหวีดเสียงแหลมขึ้นอีกครั้ง ศีรษะหัวหน้าตระกูลเฉินก็รู้สึกเจ็บคล้ายหนามทิ่มแทง เขาหวาดกลัวจนเป็นบ้าไปแล้ว เขากรีดร้องด้วยเสียงแหบแห้งต่อหวังเป่าเล่อที่หันหลังเตรียมจะจากไป

“ผู้อาวุโส ข้าทำอะไรผิดกันแน่ ข้า…” ไม่รอให้พูดจบ ลำแสงสีแดงก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อมันพุ่งออกไป ใบมีดของมันก็แตกออกเป็นหลายสิบชิ้นระเบิดพลังที่น่าตื่นตกใจ และไม่ว่าหัวหน้าตระกูลเฉินจะดิ้นรนมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางรอดพ้น มันพุ่งปักลงกลางอกของเขา!

เสียงกรีดร้องโหยหวนมาพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของหัวหน้าตระกูลเฉิน เศษกริชเหาะเหินหลายสิบชิ้นเหาะออกมาจากศพของเขาพร้อมกับร่องรอยพลังงานอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ดูเหมือนกำลังจะสลายไป เศษเล็กเศษน้อยพวกนั้นเหาะไปบนอากาศและเหาะอยู่ด้านหน้าหวังเป่าเล่อ ก่อนจะกลับมารวมตัวกันเป็นกริชเหาะเหินอีกครั้ง แต่รอยร้าวและท่าทีที่คล้ายกับเป็นลมหายใจสุดท้าย ทำให้ใครๆ ก็มองออกว่ามันกำลังจะแผ่วิชาห้วงเหวย้อนกลับ

“จากนี้ไปภารกิจของเจ้าไม่ใช่แค่เชื่อฟังผู้นำอีกต่อไป แต่ยัง…ต้องปกป้องครอบครัวของข้าด้วย ส่วนตอนนี้ตามข้ามาก่อน!” หวังเป่าเล่อพูดเบาๆ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งที ร่องรอยพลังงานดาวพระเคราะห์ถ่ายโอนเข้าไปในดวงดาราแดงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษกริชเหาะเหินแต่ละชิ้นสั่นสะเทือน ก่อนที่มันจะเปล่งแสงจ้าราวกับได้เกิดใหม่ รอยร้าวบนกริชหายไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็มีร่องรอยพลังงานที่รุนแรงกว่าเมื่อครู่ระเบิดออกมาจากร่างของมัน!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท