บทที่ 311 สีหน้ายิ่งสงบ ภายในใจยิ่งโกรธ!
รุ่งโรจน์…สูงสุด!
คำพูดเหล่านี้ฟังแล้วช่างระคายหูหลินอินนัก!
กระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดปกคลุมไปด้วยธุลีฝุ่น!?
ไร้สาระ!
กระดูกจักรพรรดิจะปกคลุมไปด้วยฝุ่นได้อย่างไร?
เป็นถึงกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิด!
หากมันปกคลุมไปด้วยฝุ่นจริง ๆ มันคงไม่ใช่กระดูกจักรพรรดิ นับประสาอะไรกับกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิด!
กระดูกจักรพรรดิไม่มีทางเปื้อนฝุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิด!
“กระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดปกคลุมไปด้วยฝุ่น…นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้”
หลินอินหัวเราะเบา ๆ ทัศนคติของนางต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
หญิงสาวมองไปที่เจียงอวี่สือพลางว่า “หุบเขาคงหลินอยู่ที่ใดกัน? เป็นสำนักเล็ก ๆ หรือ? มีกระดูกจักรพรรดิหรือไม่? มีแต่กำเนิดหรือไม่นั้น มีหรือหุบเขาคงหลินจะไม่รู้?”
“เจ้า…หมายความอย่างไร!?”
สีหน้าของเจียงอวี่สือเปลี่ยนไปทันที นางขมวดคิ้วมุ่น
“กระดูกจักรพรรดิจะปกคลุมไปด้วยฝุ่นได้อย่างไร ยิ่งเป็นกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดด้วยแล้ว! ผู้มีกระดูกจักรพรรดิถือเป็นลูกรักสวรรค์ ย่อมเกิดมาแตกต่างจากคนทั่วไป จะถูกปกคลุมด้วยฝุ่นได้อย่างไรกัน?”
หลินอินมองเจียงอวี่สือด้วยสายตากดดันพลางกล่าวว่า “ธุลีฝุ่นแบบใดกันหนอถึงปกคลุมกระดูกจักรพรรดิได้ ซ้ำยังทำให้กระดูกจักรพรรดิตื่นขึ้นมาได้อีก? หุบเขาคงหลิงมีประวัติศาสตร์มายาวนาน เก่าแก่แต่กลับไม่รู้เรื่องนี้ เป็นถึงมหาจักรพรรดิกลับดูไม่ออกเชียว พวกเจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดอยู่ตรงหน้าพวกเจ้า?”
นางกล่าวต่อ “รบกวนเจ้าบอกความจริงกับข้าหน่อยว่า จักรพรรดิบุปผาผู้นี้มีกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิด หรือขุดกระดูกจักรพรรดิของผู้อื่นออกมาในภายหลังกันแน่!”
“เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก!”
เจียงอวี่สือตวาดเสียง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ ความมีชีวิตชีวาก่อนหน้านี้มลายหายไปจนสิ้น
จักรพรรดิบุปผาถือเป็นบุคคลที่นางชื่นชอบยิ่ง นางยังใฝ่ฝันที่จะเป็นเช่นคนผู้นั้นอีกด้วย เมื่อได้ยินหลินอินปุถุชนธรรมดาเอ่ยวาจาดูแคลนจักรพรรดิบุปผา นางย่อมโกรธจนร่างกายสั่นเทา
หากไม่ใช่เพราะหลินอินเกี่ยวข้องกับเซี่ยเหยียนกและพวกคนจากยอดนิกายล่ะก็ นางคงตบหลินอินให้ตายตรงนี้ไปแล้ว!
“แม่นางหลินอิน เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสของหุบเขาคงหลิงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน นางมองหลินอินด้วยสายตาเย็นชา
สตรีในชุดพระราชวังผู้นี้ได้รับการดูแลอย่างดี นางดูอายุไม่มาก แต่ความจริงแล้วอายุนางมากแล้ว นางอยู่ในระดับราชันเทวา
เหนือขอบเขตเทวาจะมี ขั้นเทวะ ขั้นจ้าวเทวา ขั้นราชันเทวา ขั้นยอดเทวา
หากทะลวงผ่านขั้นยอดเทวาไปแล้วถึงจะเป็นขอบเขตนักบุญ
ในสมัยปัจจุบันนี้ การจะก้าวเข้าสู่ราชันเทวานั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง ต้องอาศัยโชคและความเพียรพยายามอยู่ไม่น้อย จะอาศัยเพียงแค่ฝึกตนไม่รู้กาลไม่รู้เวลาย่อมไม่อาจเป็นราชันเทวาได้
“ฟ่านหยาเหยียนเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิ!”
ดวงตาของหลินอินฉายแววอำมหิตพร้อมกล่าวอีกว่า “อีกอย่างบทเพลงเรียกว่า ‘ถามเซียน’ ยังดัดแปลงมาจาก ‘ถามคราวเคราะห์’ ของฟ่านหยาเหยียนด้วย!”
นางมองเจียงอวี่สือ “ฉินในมือของเจ้าก็เป็นของฟ่านหยาเหยียนเช่นกัน! บนตัวเครื่องยังมีสัญลักษณ์ของนางอยู่ วันพระจันทร์เต็มดวงจะมีรอยฟันสองรอยปรากฏ!”
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระใดกัน! ฟ่านหยาเหยียนที่ใด ข้าไม่เคยได้ยินนามนั้นมาก่อน!”
เจียงอวี่สือตะโกนเสียงดัง
“เห็นแก่หน้าสหายพรตเต๋าเซี่ยเหยียน ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีก แต่จงระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดี อย่าได้มาก่อกวนกันอีก!”
สตรีในชุดพระราชวังตวาดกลับ
เป็นแค่ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ต่อหน้านางกล้าดีอย่างไรถึงทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้ หากนางไม่กลัวเซี่ยเหยียน นางจะไม่มีวันปล่อยให้หลินอินมีชีวิตอยู่!
ถึงกระนั้น นางยังคงตกใจในวาจาของอีกฝ่าย
นางไม่ได้รู้จักฟ่านหยาเหยียน แต่หลินอินพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง
นั่นคือบรรพบุรุษผู้นั้น จักรพรรดิบุปผาไม่ได้มีกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิด!
หากหุบเขาคงหลิงของพวกเขาไม่สามารถตรวจจับกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดได้ หุบเขาคงหลิงของพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไป
ร้อยปีก่อนจักรพรรดิบุปผาไม่มีพรสวรรค์จริง ๆ กระดูกของอีกฝ่ายก็เป็นแค่กระดูกธรรมดา ๆ ทว่าต่อมาเขากลับมีกระดูกจักรพรรดิขึ้นมาได้
นี่เป็นความลับในหุบเขาคงหลิงของพวกเขา คนส่วนใหญ่ไม่รู้ กระทั่งคนในหุบเขายังคิดว่า จักรพรรดิบุปผามีกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิด
เจียงอวี่สือก็ไม่รู้เช่นกัน
นางเป็นผู้อาวุโสเจ็ดแห่งหุบเขาคงหลิง ฐานะของนางสูงมาก ทำให้ได้รู้ความลับนี้โดยปริยาย
แต่หลินอินรู้ได้อย่างไร!?
หัวใจนางจมดิ่ง ความจริงของเรื่องนี้ไม่น่าเป็นตามที่หลินอินว่า ฟ่านหยาเหยียนเกิดมาพร้อมกระดูกจักรพรรดิ จักรพรรดิบุปผาขุดกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดฟ่านหยาเหยียนออกไป!
“ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่หน้าใคร! วันนี้ข้าต้องรู้ให้ได้ว่า จักรพรรดิบุปผาผู้นั้นเกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิจริงหรือไม่!?”
ดวงตาของหลินอินเย็นชายิ่ง กระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดไม่อาจถูกปกคลุมด้วยธุลีฝุ่นได้ หุบเขาคงหลิงย่อมรู้ว่า จักรพรรดิบุปผามีกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดจริงหรือไม่
“เจ้ากล้าทำเช่นนี้เพราะคิดว่าตนเองมีความสัมพันธ์อันดีกับสหายพรตเต๋าเซี่ยเหยียนอย่างนั้นหรือ!?”
สตรีในชุดพระราชวังตะโกนเสียงดังพลางกล่าวต่ออีกว่า “เจ้ากำลังสร้างปัญหาให้สหายของเจ้า! รู้ฐานะตนเองบ้างเถอะ เจ้าเป็นแค่เพื่อนมนุษย์ของสหายเต๋าเซี่ยเหยียนเท่านั้น!”
“คนเช่นข้าต้องพึ่งสายสัมพันธ์กับเซี่ยเหยียนด้วยหรือ?”
หลินอินกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เพียงแต่ยิ่งนางสงบนิ่งมากเท่าไหร่ โทสะของนางก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น!
การคาดเดาของนางอาจเป็นจริงดังคาด เสี่ยวหยาอาจถูกจักรพรรดิบุปผาผู้นี้ขุดกระดูกจักรพรรดิทั้งเป็น!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ประกายแสงหลายสายปรากฏออกมารอบตัวนาง หลิงอินปลดปล่อยพลังออกมาเต็มพิกัด เปิดเผยขอบเขตการฝึกตนของนางทั้งหมด!
“เจ้า…เจ้า…เจ้า!”
หลังจากพลังปราณของหลินอินปะทุขึ้น ร่างกายของเจียงอวี่สือก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง กระทั่งวิญญาณของนางยังสั่นเทาอย่างมิอาจควบคุมได้ นางเกือบจะถูกพลังปราณนี้บดขยี้จมผืนพสุธา!
หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้พุ่งเป้ามายังนาง ไม่ต้องพูดถึงว่าหากนางถูกพลังปราณนี้บดขยี้ลงกับพื้น ร่างกายของนางไม่แคล้วต้องระเบิดเป็นแน่!
ตัวนางเองนับว่าน่าทึ่งแล้ว ท่ามกลางหมู่คนรุ่นราวคราวเดียวกัน สามารถจุดเพลิงเทวา กลายเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเทวาได้
ทว่าภายใต้พลังปราณของหลินอินยามนี้ นางยังห่างชั้นอีกไกล กระทั่งตามหลังอยู่อีกมาก!
“เทวา…ขอบเขตราชันเทวา!”
สตรีในชุดพระราชวังพูดจาแทบไม่เป็นคำ จ้องมองหลินอินอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
หลินอินซึ่งนางคิดว่าเป็นเพียงปุถุชนธรรมดากลับกลายเป็นว่าอยู่ในขอบเขตเดียวกับนาง ซ้ำยังมีพลังปราณแข็งแกร่งกว่านางอีกด้วย เช่นนี้แล้วจะให้นางเชื่อได้อย่างไร!!!
นางไม่อยากเชื่อเลย จะมีราชันเทวาอายุน้อยเพียงนี้ได้อย่างไร?
ลมปราณแห่งชีวิตของหลินอินยังอ่อนวัยจริง ๆ!
ไม่เลว
หลินอินกลับชาติมาเกิดใหม่ไม่พอ ยังเป็นผู้ที่ได้อยู่ข้างกายท่านเซียนบ่อย ๆ นางจึงทะลวงขั้นได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นราชันเทวาได้สำเร็จ!
“บอกความจริงมา!”
สีหน้าหลินอินยิ่งนิ่งขรึม
แต่ภายใต้สีหน้าสงบนิ่งเช่นนี้ ความโกรธเกลียดของนางยิ่งรุนแรงขึ้นเช่นกัน
นางโบกมือเบา ๆ ฉินขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง มันคือฉินที่ท่านเซียนสร้างขึ้นเพื่อนาง และนางก็ตั้งชื่อให้มันว่า ฉินเฟิ่งหมิง
ทันทีหลังจากนั้น เปลวเพลิงสีแดงบนฉินก็ลุกโชนอย่างรุนแรง วิหคเพลิงโผทะยานออกมาจากฉิน แล้วอุณหภูมิทั่วทั้งตำหนักก็เพิ่มสูงขึ้นทันที เจียงอวี่สือและสตรีในชุดพระราชวังเหงื่อไหลหลั่งออกมาราวกับว่า ร่างของพวกนางกำลังถูกดวงสุริยันแผดเผา!
ขนของวิหคเพลิงมีสีสดใส แฝงประกายงดงามล้ำค่า และเพลิงสีแดงฉานก็ร้อนระอุราวกับดวงอาทิตย์!
มันคือจิตวิญญาณของฉินเฟิ่งหมิง!
“อาวุธ…อาวุธวิญญาณ!”
เมื่อสตรีในชุดพระราชวังเห็นวิหคเพลิง ก็รีบหลุบสายตาลงพื้นอย่างรวดเร็ว
นับแต่สมัยโบราณมา การดำรงอยู่ของอาวุธวิญญาณสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นมันย่อมเป็นสิ่งล้ำค่าหายากอย่างยิ่ง!
คาดไม่ถึงเลยว่าฉินของหลินอินจะมีจิตวิญญาณ!
“นี่มันฉินประเภทใดกัน!”
เมื่อเห็นฉินตรงหน้าหลินอิน นางก็รู้สึกหวาดกลัวจนไร้เรี่ยวแรงจะวิ่งหนี ภายในใจราวกับว่ามีคลื่นนับพันโหมกระหน่ำ ราวกับตกใจสุดจะพรรรณาออกมาได้!
บนฉินแฝงไว้ด้วยจังหวะแห่งเต๋าไหลเวียน ทำให้ราชันเทวาอย่างนางรู้สึกตัวเล็กกระจ้อยร่อย ซ้ำยังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวยิ่ง อาวุธจักรพรรดิในหุบเขาคงหลิงของนางเทียบไม่ได้กระทั่งหนึ่งในพันของฉินนี้!
ฉินขนาดใหญ่นี้คล้ายกับคันศรของเซี่ยเหยียน ทั้งสองเป็นอาวุธวิเศษล้ำค่า!
ทว่าความรู้สึกที่ฉินนี้มอบให้นาง กลับน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าคันศรในมือเซี่ยเหยียน!
นี่…นี่ อีกฝ่ายเป็นสายลับของยอดนิกายหรือ!?
นางกลัวแล้วจริง ๆ!
หลินอินนั้นเหมือนกับเซี่ยเหยียน ทั้งคู่ต้องมาจากยอดนิกายอย่างแน่นอน!