รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 312 ความจริงปรากฏ จิตสังหารเปี่ยมล้นฟ้า!

บทที่ 312 ความจริงปรากฏ จิตสังหารเปี่ยมล้นฟ้า!

บทที่ 312 ความจริงปรากฏ จิตสังหารเปี่ยมล้นฟ้า!

ภายในวัง พวกเจียงอวี่สือต่างพากันหวาดกลัวจนจิตวิญญาณสั่นสะท้าน

พวกนางไม่คิดว่าหลินอินจะมีนิสัยดุดันและน่ากลัวยิ่งกว่าเซี่ยเหยียน!

เซี่ยเหยียน…อยู่ขอบเขตเทวา

แต่หลิงอินถึงกับเป็นขั้นราชันเทวาคนหนึ่ง!

คันศรของเซี่ยเหยียนให้ความรู้สึกน่ากริ่งเกรงเป็นอย่างยิ่ง ส่วนฉินของหลิงอินทำให้พวกนางหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!

“ข้าไม่ได้อยากจะทำอะไรพวกเจ้า ข้าเพียงอยากรู้ความจริง”

หลิงอินกล่าวออกมาด้วยความสงบนิ่ง

“ความจริงอะไร? ข้าไม่รู้แล้ว…สิ่งที่ข้ากล่าวมาล้วนเป็นความจริง”

เจียงอวี่สือกล่าวออกมาภายใต้ความรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

ปราณที่แผ่ออกมาของหลิงอินนำพาซึ่งความกดดันอย่างมากมาสู่นาง

ทว่านางเองก็ไม่รู้ว่าความจริงที่หลิงอินต้องการคือสิ่งใดกันแน่

อีกด้านหนึ่ง สตรีในชุดพระราชวังนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจาใดออกมา

นางกำลังลังเลว่าควรจะบอกความจริงกับหลิงอินดีหรือไม่

เจียงอวี่สือนั้นไม่กร้านโลก จึงไม่อาจขบคิดได้รอบด้าน ทั้งยังรู้เรื่องราวต่าง ๆ ไม่มาก

แต่นางไม่เหมือนกับเจียงอวี่สือ นางคิดได้รอบด้านกว่า ซ้ำยังค่อนข้างรู้เรื่องราวทั้งหลายมากกว่า

ยามที่หลิงอินพูดถึงฟ่านหยาเหยียน เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายเกิดความแปรปรวนอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่าตัวของหลิงอินนั้น มีความสัมพันธ์กับฟ่านหยาเหยียนในระดับไม่ธรรมดา

หากเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่านางคงไม่อาจบอกความจริงออกไปได้

นางไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนของหลิงอินมาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่หลิงอินกล่าวมากนัก แค่คิดว่าการที่หลิงอินอ้างว่า ฟ่านหยาเหยียนมีกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดนั้นเป็นวาจาไร้สาระ หยิบยกเรื่องราวที่ไหนก็ไม่รู้มากล่าวอ้าง

แต่ตอนนี้นางแน่ใจแล้วว่า หลิงอินก็เป็นคนที่มาจากยอดนิกายเหมือนกับเซี่ยเหยียน และฟ่านหยาเหยียนที่หลิงอินกล่าวถึงอาจมีตัวตนอยู่จริง!

อีกอย่างฟ่านหยาเหยียนผู้นี้ดูแล้วน่าจะมีกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดจริง!

หากนางยอมรับว่า กระดูกจักรพรรดิของจักรพรรดิบุปผาไม่ได้มีมาแต่กำเนิด ทว่าได้รับจากการปลูกถ่ายมาภายหลัง เกรงว่าจะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ขึ้น!

เพราะนี่อาจหมายความว่าจักรพรรดิบุปผาขุดกระดูกจักรพรรดิของฟ่านหยาเหยียนมา…

หากเป็นเช่นนั้นจริง หุบเขาคงหลิงคงไม่อาจรับผลลัพธ์ที่ตามมาได้!

“แม่นางหลิงอิน โปรดสงบเถิด พวกเราได้บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่รู้ให้แม่นางหลิงอินได้ฟังแล้ว สำหรับเหตุการณ์ที่ท่านเล่าออกมา พวกเราไม่รู้จริง ๆ!”

หลังจากคิดทบทวนแล้ว สตรีในชุดพระราชวังก็รีบเอ่ยขึ้นมา

นางจะยอมรับว่า จักรพรรดิบุปผาไม่ได้มีกระดูกจักรพรรดิโดยกำเนิดไม่ได้เด็ดขาด!

“จริงหรือ?”

สีหน้าของหลิงอินสงบนิ่ง ทว่านางก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไป

นางวางมือทั้งสองข้างลงบนฉินเฟิ่งหมิง นิ้วดีดเครื่องสาย วิหคเพลิงบนฉินเฟิ่งหมิงทะยานบิน คลื่นพลังแผ่กระจายออกมาอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปห่อหุ้มร่างของเจียงอวี่สือและสตรีในชุดพระราชวัง

เจียงอวี่สือไม่รู้ว่าตนต้องเผชิญหน้ากับอะไร

แต่สตรีในชุดพระราชวังกลับมองออกได้ในทันที!

“ทลาย!”

สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นอย่างมาก นางรีบรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อป้องปกจิตวิญญาณของตนเองไว้ พร้อมทั้งต้านทานพลังของฉินที่โอบล้อมนาง

เสียงฉินประกอบด้วยพลังน่าตื่นตะลึงและน่าหวาดหลัว หากนางไม่สามารถต้านทานมันเอาไว้ได้ จิตวิญญาณของนางจะถูกหลิงอินควบคุม แล้วความลับใดก็ล้วนไม่สามารถเก็บงำเอาไว้ได้อีก!

ทว่าสิ่งที่นางทำนั้นกลับไร้ประโยชน์

พลังของฉินยังคงโอบล้อมโดยที่นางไม่สามารถหยุดยั้งมันเอาไว้ได้ จิตวิญญาณของนางและเจียงอวี่สือถูกหลิงอินควบคุมเอาไว้ได้ ดวงตาของพวกนางพลันหม่นแสงในทันที

หลิงอินเป็นถึงจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล ดังนั้นพลังจิตวิญญาณของนางจึงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และฉินเฟิ่งหมิงในมือของนางยังถูกท่านเซียนทำขึ้นมาด้วยความตั้งใจ ไม่มีทางที่สตรีในชุดพระราชวังจะสามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้เลย

“เล่ามาเสีย”

หลิงอินมองสตรีในชุดพระราชวัง นางคาดว่าสตรีผู้นี้จะรู้เรื่องราวมากกว่าที่เคยเอ่ยเล่า

สตรีในชุดพระราชวังกล่าวออกมาด้วยดวงตาหม่นแสง “ท่านบรรพบุรุษ จักรพรรดิบุปผาไม่ได้มีกระดูกจักรพรรดิโดยกำเนิด แต่ได้รับกระดูกจักรพรรดิมาในภายหลัง”

จิตวิญญาณของนางถูกหลิงอินควบคุมเอาไว้ นางจึงเอ่ยเล่าทุกอย่างที่ล่วงรู้ออกมาอย่างไม่อาจเก็บงำเอาไว้

หุบเขาคงหลิงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการทดสอบคุณสมบัติ พวกเขาใช้ทั้งทรัพยากรและพลังจำนวนมากในการทดสอบเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว ผลการทดสอบนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นจะส่งผลต่อทั้งชีวิตของผู้ทดสอบ

กล่าวตามจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังใด ต่างก็ให้ความสำคัญกับการทดสอบคุณสมบัติอย่างถึงที่สุด!

คุณสมบัติและพรสวรรค์นั้นสำคัญเป็นอย่างมากต่อการฝึกตน ไม่อาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้แม้แต่น้อย!

หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น จะเกิดผลกระทบตามมาเป็นอย่างมาก!

จักรพรรดิบุปผาเคยทดสอบคุณสมบัติในตอนเริ่มแรก คุณสมบัตินั้นอยู่ในระดับสามัญ ไม่มีสิ่งใดพิเศษ ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นการพัฒนาของจักรพรรดิบุปผาเองก็อยู่ในระดับทั่วไป ตรงตามผลคุณสมบัติที่ทำการทดสอบ นับได้ว่าธรรมดาไร้ซึ่งความโดดเด่นอย่างสิ้นเชิง หนึ่งร้อยปีผ่านไปก็ยังคงอยู่ในขอบเขตราชัน ห่างไกลจากขอบเขตเทวาไกลลิบ

ในยามนั้นมันยังคงเป็นยุคสมัยโบราณ ไม่ใช่ยุคสมัยปัจจุบัน

ครั้งโบราณกาล ฟ้าดินเปี่ยมด้วยพลังเหมาะแก่การฝึกฝน กฎแห่งสวรรค์และโลกเองก็สมบูรณ์พร้อม ดังนั้นการฝึกตนจึงไม่ยากเย็นเท่ากับปัจจุบัน

ผู้คนที่มีคุณสมบัติอยู่บ้าง ใช้เวลาหนึ่งร้อยปีก็สามารถจุดเพลิงเทวา กลายเป็นขอบเขตเทวาได้ไม่ยากนัก

คนอย่างจักรพรรดิบุปผาไม่สามารถบรรลุขอบเขตเทวาได้ภายในหนึ่งร้อยปี นับว่ามีคุณสมบัติสามัญเป็นอย่างยิ่ง

“ทว่าหนึ่งร้อยปีให้หลัง เมื่อจักรพรรดิบุปผากลับมาจากการออกท่องเที่ยว ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป!”

หลังจากจักรพรรดิบุปผากลับมาก็เปล่งประกายเป็นอย่างยิ่ง ระดับการฝึกตนก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ตามทันผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดของหุบเขาคงหลิง ยังสามารถเหยียบเหล่าอัจฉริยะไว้ใต้ฝ่าเท้า ทิ้งห่างออกไปไกลลิบ!”

ในยามนั้น คนในหุบเขาคงหลิงต่างพากันตื่นตะลึงกับความเร็วการก้าวหน้าของจักรพรรดิบุปผา!

ต่อมา ปราชญ์ของหุบเขาคงหลิงได้พบว่าจักรพรรดิบุปผาถือครองกระดูกจักรพรรดิเอาไว้!

“นั่นไม่ใช่กระดูกจักรพรรดิของตัวจักรพรรดิบุปฝาอย่างแน่นอน จักรพรรดิบุปผาได้ละทิ้งกระดูกของตัวเองไปแล้วแทนที่ด้วยกระดูกจักรพรรดิ!”

ด้วยความเกื้อหนุนจากกระดูกจักรพรรดิ ระดับการฝึกตนของจักรพรรดิบุปผาก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกล่าวได้ว่าเป็นจ้าวสูงสุดในเวลาไม่ถึงหนึ่งร้อยปี!

หลังจากนั้นจักรพรรดิบุปผาก็ใช้เวลาไม่ถึงหกพันปี ในการบรรลุขั้นสูงสุดของขอบเขตมหาจักรพรรดิ!

นับช่วงเวลาทั้งหมด จักรพรรดิบุปผาใช้เวลาเพียงหกพันกว่าปีในการกลายเป็นมหาจักรพรรดิ ทำให้บรรดาผู้ฝึกตนยามนั้นต่างตกตะลึง!

หกพันกว่าปีก็กลายเป็นมหาจักรพรรดิได้ ช่วงเวลาดังกล่าวนับว่าสั้นเป็นอย่างมาก มีเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่สามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้เร็วเช่นนี้!

“ทว่าช่วงหลัง ๆ นั้น เส้นทางของจักรพรรดิบุปผาไม่ราบรื่นดังเช่นก่อนหน้า กระดูกจักรพรรดิไม่ใช่กระดูกดั้งเดิมของจักรพรรดิบุปผา แม้ว่าจะถูกครอบครองมามากกว่าหกพันปี ก็ไม่อาจหลอมรวมกระดูกจักรพรรดิได้เป็นของตนโดยสมบูรณ์”

จักรพรรดิบุปผาต้องการจะบรรลุขอบเขตที่สูงขึ้น เหนือขึ้นไปยิ่งกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิ

แต่ว่ากระดูกจักรพรรดิที่เคยเกื้อหนุนกลับกลายเป็นตัวเหนี่ยวรั้งนางเอาไว้

จักรพรรดิบุปผาใช้เวลาอีกหนึ่งพันกว่าปี ทว่าก็ยังล้มเหลวในการหลอมรวมกระดูกจักรพรรดิให้กลายเป็นของตนเอง

สุดท้าย นางจึงเลือกจะยอมแพ้ แล้วถอดกระดูกจักรพรรดิออกมา ก่อนจะใช้พลังแข็งแกร่งของตนเองสร้างกระดูกขึ้นมาใหม่

จักรพรรดิบุปผาผลัดเปลี่ยนกระดูกของนางได้สำเร็จ

นางจึงทิ้งกระดูกจักรพรรดิเอาไว้ในหุบเขาคงหลิง

“กระดูกจักรพรรดินั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นอีกปี อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของหุบเขาคงหลิงก็ได้รับการเปลี่ยนกระดูกจักรพรรดิไปแทนกระดูกเดิมของตนเอง พวกเขาจะใช้พลังของกระดูกจักรพรรดิเพื่อฝึกฝน ก่อนจะถอดมันออกแล้วสร้างกระดูกของตนเองขึ้นมาใหม่”

สตรีในชุดพระราชวังกล่าวออกมา “ตอนนี้กระดูกจักรพรรดิอยู่ในร่างของเจ้าหุบเขาคงหลิง!”

“เสี่ยวหยา…!”

หลิงอินไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป หยาดน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาของนาง

ตามช่วงเวลาที่สตรีในชุดพระราชวังเล่ามา รวมกับความทรงจำอันแม่นยำของนาง นางมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงอันน่าตื่นตะลึงของจักรพรรดิบุปผาเกิดขึ้นครึ่งปี หลังจากที่นางก้าวสู่เส้นทางสังสารวัฏ!

นั่นหมายความว่าจักรพรรดิบุปผาได้พบกับเสี่ยวหยาหลังจากที่นางจากไปครึ่งปี!

เพียงครึ่งปี!

นางเพิ่งจะจากไปไม่ทันจะครึ่งปีดี เสี่ยวหยาแม้จะเกิดมาพร้อมกับกระดูกจักรพรรดิ แต่ระยะเวลาเพียงครึ่งปีจะสามารถฝึกฝนได้ถึงขอบเขตสูงเพียงใดกันเชียว?

ยิ่งรวมกับความจริงที่ว่าจิตใจของเสี่ยวหยานั้นบริสุทธิ์เปี่ยมเมตตา ไม่มีความระมัดระวังตัวต่อผู้อื่น ทำให้เสี่ยวหยาถูกจักรพรรดิบุปผาทำร้าย ทั้งยังขุดกระดูกจักรพรรดิโดยกำเนิดของนางไป!

นาง…โกรธเป็นอย่างยิ่ง!

จิตสังหารของนางเปี่ยมล้น!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท