ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < A Love Marriage > 1-1

Side Story < A Love Marriage > 1-1

“ช่วงนี้นายเป็นอะไรไป เป็นบ้าเหรอ หรือว่าเสียสติไปแล้ว”

กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงโวยวายพลางขมวดคิ้วมุ่น อีอูยอนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถามกลับว่า “ทำไมเหรอครับ” ด้วยสีหน้าเหมือนจะบอกว่าเขาไม่รู้เหตุผล

“นายบอกปัดบทที่เข้ามาทั้งหมดไปได้ยังไง แค่บทที่ได้รับมาวันนี้ ฉันก็เลือกมาอย่างดีเฉพาะละครกับหนังที่ตอนนี้นักแสดงคนอื่นๆ แทบจะเป็นบ้าเพราะอยากเล่นเลยนะ!”

“ดีเลยครับ งั้นก็ให้คนบ้าพวกนั้นแสดงไปก็ได้แล้วนี่ครับ”

“ดีอะไรล่ะ…โอ๊ย เวียนหัวไปหมดแล้ว”

กรรมการผู้จัดการคิมหยิบยาออกจากกระเป๋าใส่ปากและดื่มน้ำตามลงไป

“รู้อะไรไหม”

“ไม่รู้ครับ”

อีอูยอนเอ่ยตอบทันทีโดยไม่รอประโยคที่จะตามมา

“…สักวันฉันจะฆ่านายให้ตายจริงๆ ต้องฆ่าแน่ๆ”

อีอูยอนยิ้มร่าให้กับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าถึงการฆาตกรรมที่กรรมการผู้จัดการคิมกัดฟันพูด

“ยาที่กินเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะนาย ฉันคงไม่ได้แก่ตายจริงๆ”

“โอ้ จริงเหรอครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมรู้อยู่แล้วว่าไม่มีความจริงใจอยู่ในคำว่า ‘จริงเหรอครับ’ เลย

“อย่าเอาแต่พูดไร้สาระเลย เลือกมาสักอันเถอะ นายต้องมีผลงานชิ้นใหม่ภายในครึ่งปีแรก”

อีอูยอนครุ่นคิดและพลิกบทไปมา จากนั้นก็ส่ายหน้า

“ไม่ว่าจะดูยังไงก็ใช้ไม่ได้ทั้งหมดเลยครับ”

“ทำไมล่ะ! ทำไม!”

“ผมเป็นยูบูนัม[1]นะครับ ยูบูนัมจะมาถ่ายละครแบบนี้ได้ยังไง น่าอับอายที่สุด”

อีอูยอนยิ้มอย่างสดใสและโชว์ฟันที่เรียงตัวสวย กรรมการผู้จัดการคิมหยิบบทขึ้นมาปาด้วยแรงทั้งหมดที่มี อีอูยอนหลบบทที่ถูกปามาเบาๆ และการกระทำนั้นก็เป็นการกระตุ้นให้ความโกรธของกรรมการผู้จัดการคิมพุ่งถึงขีดสุด

“นาย ฉันสั่งให้นายหยุดพูดคำพูดไร้สาระพวกนั้นเดี๋ยวนี้”

“คำพูดไร้สาระเหรอครับ”

“นายจะเป็นยู…!”

ตอนที่เขาขอให้ทำห้องทำงานเป็นห้องเก็บเสียง บริษัทตกแต่งภายในก็สงสัยมาก เขาถูกถามอยู่หลายครั้งว่าฉนวนกันเสียงระดับนี้จำเป็นสำหรับห้องทำงานทั่วไปจริงๆ เหรอ กรรมการผู้จัดการคิมถึงกับเหงื่อตกแก้ตัวอย่างฟังไม่ขึ้นไปว่าตนชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรก

“…ยูบูนัมอะไร ไอ้คนเฮงซวย”

แม้จะรู้ดีว่าเป็นห้องเก็บเสียง แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็พ่นคำว่า ‘ผู้ชายที่แต่งงานแล้ว’ ออกมาพร้อมกับลดเสียงให้เบาที่สุด

“ผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ไม่ใช่ยูบูนัมเหรอครับ ผมเรียนภาษาเกาหลีมาผิดเหรอ งั้นกรรมการผู้จัดการที่เป็นคนเกาหลีช่วยบอกให้รู้หน่อยได้ไหมครับว่าเรียกว่าอะไร”

อีอูยอนโต้ตอบพร้อมกับไล่สายตามองบทอย่างไม่ใส่ใจ

“นายยังไม่ได้แต่งงานซะหน่อย!”

“ก็เหมือนกับแต่งแล้วนั่นแหละครับ”

“ถ้ายังไม่ได้แต่งก็ไม่ใช่ชายที่แต่งงานแล้วไง! มันไม่มีผลบังคับใช้! ฉันบอกว่ามันไม่มีผลบังคับใช้ไง!”

กรรมการผู้จัดการคิมใช้มือฟาดโต๊ะ

วันหนึ่งเขาได้รับการติดต่อจากแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัท บอกว่าในบรรดาข่าวที่เกี่ยวข้องกับอีอูยอนช่วงนี้ มีข่าวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วก้อยของเขาเยอะเป็นพิเศษ ตอนนั้นกรรมการผู้จัดการคิมปล่อยผ่านไปอย่างไม่คิดอะไร

‘จะใส่ใจอะไรกับเรื่องแบบนั้นล่ะ ก็คงเป็นแหวนที่อีอูยอนใส่ตามใจอยากแค่วันสองวันนั่นแหละ’

‘พอดีมีการลงข่าวคาดเดาว่าเป็นแหวนคู่ด้วยน่ะค่ะ’

‘โอ๊ย แหวนคู่อะไรกันล่ะ มีคนที่ใส่แหวนคู่ไว้ที่นิ้วก้อยที่ไหนกัน และถ้าเป็นแหวนคู่…’

กรรมการผู้จัดการคิมนึกถึงมือของชเวอินซอบที่เจอกันหน้าห้องทำงานเมื่อวาน นิ้วทั้งสิบของอีกฝ่ายไม่มีแหวนอะไรเลย

‘กรรมการผู้จัดการ?’

‘เปล่าๆ ยังไงก็เถอะ ไม่ต้องสนใจก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใดคือช่วยสอนพวกเด็กที่เข้ามาใหม่รอบนี้ดีๆ ล่ะ บอกพวกเขาว่าพอไปที่สถานที่จริงแล้วให้ทักทายคนอื่นดีๆ แม้ความสามารถกับรูปลักษณ์ภายนอกจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นในวงการนี้ แต่สุดท้ายแล้วคนที่จะยืนหยัดอยู่ได้นานก็คือคนที่นิสัยดี’

กรรมการผู้จัดการคิมบ่นอย่างที่มักจะบ่นเสมอและวางสายไป

‘วันนี้ฉันนัดคลินิกเสริมความงามไว้’

เขาฮัมเพลงพลางลุกขึ้น จากนั้นก็ลบเรื่องแหวนของอีอูยอนออกไปจากหัว แต่ยิ่งเวลาผ่านไป แหวนที่นิ้วก้อยของอีอูยอนก็ยิ่งมีตัวตนมากขึ้น

ทำไมคนเรื่องมากอย่างหมอนั่นถึงใส่เครื่องประดับอันเดิมเป็นเวลานานล่ะ ถูกใจขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่ามีความสำคัญอะไร ยังไงสักวันเขาก็ต้องถอด วันนี้ก็ใส่มาด้วยเหรอ …ไม่ถอดเหรอ …ทำไมถึงใส่ของแบบนั้นอยู่ตลอดล่ะ แหวนเงินที่แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นของราคาถูกเนี่ยนะ

สุดท้ายกรรมการผู้จัดการคิมก็ทำได้แค่รีบคว้าอีอูยอนที่สวมสูทสีดำล้วนของเบอเบอร์รี่กับแหวน และกำลังจะไปพิธีมอบรางวัลภาพยนตร์ไว้

‘นายจะไปในสภาพนั้นเหรอ’

‘ทำไมครับ ทรงผมไม่ดีเหรอครับ’

แม้แต่หัวหน้าทีมชาที่โคตรจะเกลียดอีอูยอนยังไม่เคยตำหนิรูปลักษณ์ภายนอกของอีอูยอนเลยสักครั้ง กรรมการผู้จัดการคิมก็เช่นกัน

เขาถึงกับอ้าปากค้างให้กับรูปร่างของอีกฝ่ายที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้าและดูสูงศักดิ์มากด้วยซ้ำ ยิ่งวันที่มีพิธีมอบรางวัลยิ่งเจิดจรัสเป็นพิเศษ

‘ไม่ได้มีปัญหาที่ผมหรอก ฉันหมายถึงไอ้นั่นน่ะ’

กรรมการผู้จัดการคิมว่าพลางพยักพเยิดคางไปที่แหวนที่อีอูยอนสวมไว้ที่นิ้วก้อย

‘อ๋อ อันนี้น่ะเหรอครับ’

อีอูยอนหรี่ตาและพูดพร้อมกับชูนิ้วให้ดู

‘มันทำไมเหรอครับ’

‘นายจะใส่มันไปเหรอ มันไม่เข้ากับนาย’

‘ไม่เข้ากับผมอยู่แล้วล่ะครับ’

อีอูยอนลูบแหวนที่ใส่ไว้ที่นิ้วก้อยของตัวเอง เขาหลับตาและยิ้ม

แม้นักแสดงจำเป็นต้องมีสายตาที่แหลมคมในการเลือกงาน แต่ความรู้สึกในการเลือกสไตล์ก็สำคัญเหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะเลือกงานเก่งและแสดงได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าสอบตกในเรื่องของสไตล์ในเวลาปกติก็จะไม่เป็นที่จับตามอง

อีอูยอนไม่ใส่เสื้อผ้าตามที่ได้รับจากสปอนเซอร์ หรือตามที่สไตลิสจัดไว้ให้ เขายืนกรานในเหตุผลที่ว่า ‘ผมไม่ชอบให้ใครมาเลือกเสื้อผ้าของผม’ แม้แต่กรรมการผู้จัดการคิมที่ในตอนแรกโวยวายว่า ‘แกพูดบ้าอะไรของแก’ ก็ยังหุบปากหลังจากได้เห็นสูทของอีอูยอนมาหลายครั้ง

เป็นที่รู้กันว่าอีอูยอนใส่เสื้อผ้า ‘เป็น’ อีอูยอนใส่เสื้อผ้าได้สวยจนแม้แต่กรรมการผู้จัดการคิมที่เป็นนายแบบมาก่อนยังตกใจในบางครั้ง อีอูยอนแต่งตัวดีจนไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้เป็นผู้เข้าชิงในรางวัลการแต่งกายยอดเยี่ยมอยู่เสมอ กรรมการผู้จัดการคิมรับไม่ได้ที่อีกฝ่ายซึ่งเป็นคนอย่างที่ว่ามาจะสวมแหวนที่ไม่เหมาะกับตัวเอง แถมยังเป็นแหวนราคาถูกที่เหมือนซื้อมาจากร้านขายของที่ระลึกที่ไหนสักที่ไปพิธีมอบรางวัล พอเห็นอีกฝ่ายยอมรับความจริงว่าแหวนไม่เหมาะกับตัวเอง อาจจะเพราะเพิ่งตั้งสติได้ กรรมการผู้จัดการคิมก็โล่งใจ

‘แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คนเราถอดแหวนแต่งงานออกตามอำเภอใจได้เหรอ’

‘ใช่ แหวนแต่งงาน ว่าไงนะ? มะ หมายความว่ายังไง แหวนแต่งงานงั้นเหรอ ใคร? อะไร?’

กรรมการผู้จัดการคิมพูดตะกุกตะกักตาเหลือก

‘ก็นี่ไงครับ แหวนแต่งงาน’

อีอูยอนกระดิกนิ้วก้อยของตัวเองพลางเอ่ยตอบ กรรมการผู้จัดการคิมพูดไม่ออกไปสักพัก เพราะความจริงที่ไม่สามารถทำใจเชื่อได้ แม้จะเห็นกับตาและได้ยินกับหูก็ตาม หลังจากกลับมามีสติได้อย่างยากเย็น เขาก็ถอนหายใจช้าๆ พลางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายว่า ‘อีอูยอน’

‘ครับกรรมการผู้จัดการ’

‘ฉันจะพูดให้ฟัง เพราะเหมือนนายจะไม่รู้ แต่สิ่งที่เรียกว่าแหวนแต่งงานน่ะ เป็นสิ่งที่คนที่แต่งงานกันเขาใส่ด้วยกัน แต่ในเมื่อนายกับอินซอบคะ…คบกันอยู่ มันก็ถือเป็นแหวนคู่ได้แหละ’

อีอูยอนพูดว่า ‘อาฮะ’ และยิ้มตาหยี

‘ผมกำลังจะแต่งงานครับ’

‘หา?’

‘คุณอินซอบเขาขอผมแต่งงานแล้วครับ ส่วนนี่ก็เป็นแหวนที่ได้รับตอนนั้นครับ’

อีอูยอนพูดพร้อมกับยื่นแหวนให้ดูราวกับอวด

‘นะ นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ ผู้ชายจะแต่งงานกันในประเทศของเราได้ยังงะ…’

อีอูยอนหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะที่สดใสเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา ถึงขั้นมีวิดีโอรวมภาพตอนหัวเราะเลยด้วยซ้ำ แต่กรรมการผู้จัดการคิมเกลียดเสียงหัวเราะของอีอูยอน แค่ได้ยิน ความโกรธก็พุ่งขึ้นมาแล้ว และยิ่งเกลียดเป็นพิเศษในตอนที่หัวเราะด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาพร้อมกับปัดผมขึ้นไปแบบนั้น

‘กรรมการผู้จัดการจัดการเรื่องภาษีของผมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ’

‘หา? หา?’

ภาษาอังกฤษที่หลุดออกมาจากปากของอีอูยอนอย่างกะทันหันทำให้กรรมการผู้จัดการคิมมึนงงและพูดติดอ่าง พวกคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกมาบ้างในแวดวงนี้มักจะพูดภาษาอังกฤษทุกครั้งที่มีโอกาสเพราะอยากแสดงความโดดเด่น แต่อีอูยอนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่กลับใช้ภาษาอังกฤษน้อยมากถ้าไม่ใช่กรณีที่จำเป็นจริงๆ แม้จะพูดเล่นว่า ‘ไม่ใช่ว่านายพูดไม่ได้ เพราะลืมภาษาอังกฤษไปแล้วเหรอ’ แต่อีอูยอนก็เพียงแค่ยักไหล่ให้ทีครั้งเท่านั้น

ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ถึงพูดล่ะ…แล้วเขาพูดว่าอะไรนะ ทะ แท็กซ์? ภาษีเหรอ

‘แต่คุณอาจจะสับสนหรือเปล่านะ ว่าผมไม่ใช่คนเกาหลี’

‘คะ โคเรียน? อ๋อ จริงด้วย นายเป็นคนอเมริกันนี่ แล้วนายอยากให้ฉันทำอะไรล่ะ’

กรรมการผู้จัดการคิมฟังรู้เรื่องได้อย่างยากลำบากและตอบกลับไป

‘ก็อย่างที่กรรมการผู้จัดการคิมรู้ว่าคนอเมริกันแต่งงานกับคนอเมริกันได้นะครับ’

‘…’

หลังจากวันนั้นการพูดซ้ำๆ ว่าเป็นยูบูนัมของอีอูยอนก็กวนใจกรรมการผู้จัดการคิมมาเสมอ

“แต่นายยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานเลย แล้วก็ยังไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางกฎหมายด้วย ไม่สิ ที่ฉันจะพูดก็คือที่นี่เป็นที่ที่ต่อให้เดินเข้าสถานที่จัดงานไปแล้ว พอกลับออกมาก็จะยืนกรานว่าเป็นคนโสด แล้วนายจะมาบอกว่าเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้วอะไรกัน!”

กรรมการผู้จัดการคิมทึ้งผม

“ไม่ ไม่สิ คิดว่านายเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้วก็ได้ ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด พวกนักแสดงชายเกาหลีที่แต่งงานแล้วไม่ควรจะเล่นละครที่มีฉากเลิฟซีนเหรอ? อยู่ในยุคโชซอนหรือไง”

“แต่ผมเพิ่งแต่งงานนี่ครับ”

“…”

“ผมเพิ่งแต่งงาน แล้วนี่มันอะไรกันครับ หยาบคายจริงๆ”

อีอูยอนยิ้มพลางโยนบทที่อ่านลงบนโต๊ะ

“ที่หยาบคายคือปากของแกต่างหาก งานพวกนี้เป็นงานที่มีคุณค่าและยอดเยี่ยมทั้งนั้น”

กรรมการผู้จัดการคิมรวบบทที่วางอยู่บนโต๊ะเข้าหาตัวอย่างให้ความสำคัญพลางมองอีอูยอน

“งั้นให้พวกนักแสดงที่ต้องการงานที่มีคุณค่าและยอดเยี่ยมเล่นก็ได้”

“ปัญหาคืออะไรกันแน่! มันมีฉากบนเตียงหรือฉากอะไรเหรอ! ก็แค่ฉากจูบเท่านั้นเอง!”

“นั่นไง”

อีอูยอนเดาะลิ้นพลางพูดต่อ

“ผมโคตรจะเกลียดการจูบเลยครับ มันสกปรก แล้วผมก็ไม่ชอบการแลกน้ำลายด้วย”

“…”

กรรมการผู้จัดการคิมหน้าซีด ในฐานะที่ได้ชมการร่วมเพศของอีอูยอนถึงสองครั้ง เขาไม่สามารถคิดดีกับคำพูดก่อนหน้านี้ได้เลย ทั้งเสียงหอบ เสียงเสียดสีที่ฟังดูยุ่งเหยิง และคำพูดลามกหยาบคาย…รวมไปถึงเสียงกัด เสียงดูด และเสียงเลียท่ามกลางเสียงพวกนั้นด้วย

“…นะ นายบอกว่าไม่ชอบการจูบเหรอ”

“แน่นอนว่ามันไม่เหมือนกับที่ทำกับคุณอินซอบครับ เพราะแค่จูบเขา ผมก็รู้สึกเหมือนกำลังมีเซ็กซ์แล้วล่ะ”

จากนั้นเจ้าตัวก็พึมพำถ้อยคำลามกเสริมว่า “เป็นแบบนั้นเพราะปากเล็กหรือเปล่านะ” กรรมการผู้จัดการคิมทำหน้าเป็นทุกข์อย่างถึงที่สุดและมองอีอูยอน

“ยังไงก็ตาม ผมจะไม่รับงานที่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เป็นส่วนประกอบสักพักนะครับ”

“ถ้าคัดแต่งานที่ไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เป็นส่วนประกอบจะเหลืออะไรล่ะ!”

“ก็ไม่รู้สิครับ จะมีอะไรเหลือไหมน้า”

กรรมการผู้จัดการคิมไม่มีทางที่จะไม่รู้ถึงความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ว่า ‘ต่อให้เหลือหรือไม่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องของผม’ เขาไม่สามารถล่อลวงอีอูยอนได้ด้วยเงิน อีกฝ่ายไม่มีความโลภกับบทเลย และอยู่ในจุดที่ทำงานนี้เป็นงานอดิเรกอย่างที่พูดจริงๆ

“…ถ้าจะทำแบบนั้นแล้วจะมาทำไม นายจะถ่อมาถึงบริษัททำไมถ้าจะไม่แม้แต่จะแกล้งทำเป็นดูบท!”

กรรมการผู้จัดการคิมตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินอีอูยอนผู้ซึ่งไม่สนใจบทเลยสักนิดแม้ว่าจะส่งไปให้เร็วแค่ไหนบอกว่าวันนี้จะมาหาที่บริษัท

“เพราะผมมีเรื่องจะบอกต่อหน้าครับ”

“เรื่องอะไร”

“ห้ามส่งบทให้คุณอินซอบนะครับ”

“…”

“แล้วก็ห้ามทำให้คนจิตใจดีอย่างเขาหวั่นไหวด้วยการบอกว่านายเข้าใจอีอูยอนมากที่สุด หรือถามว่าอาชีพนักแสดงของอีอูยอนจะเป็นยังไงด้วยนะครับ”

ระหว่างที่กลับมาเกาหลี ชเวอินซอบสัญญาว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของ ‘นักแสดงอีอูยอน’ เขาจะไม่หาข่าวมาอ่าน จะไม่ค้นหาทางอินเทอร์เน็ต และจะหลีกเลี่ยงการกังวลเกี่ยวกับเรื่องงาน

อินซอบพยายามทำตามสัญญานั้นอย่างซื่อสัตย์ แม้จะมีบางครั้งที่เขาข่มจิตใจของแฟนคลับไว้ไม่ไหว และถูกจับได้ว่าแอบไปดูภาพยนตร์ของอีอูยอนคนเดียว หรือถูกจับได้ว่าแอบซื้อนิตยสารที่อีอูยอนขึ้นปก หรือถูกจับได้ว่าซื้อดีวีดีลิมิเตดอิดิชั่นก็ตาม

เขาสามารถทำเป็นมองไม่เห็นได้มากเท่าที่อยากทำ เพราะคิดว่าเรื่องพวกนั้นน่ารัก แน่นอนว่าจิตใจของแฟนคลับที่ยังเหลืออยู่นั้นมีเรื่องการหยิบจับเสื้อผ้าของอีอูยอนอยู่ด้วย

วันหนึ่งตอนกลับมาถึงบ้าน อีอูยอนเห็นอินซอบนอนหลับอยู่บนโซฟาในขณะที่เปิดภาพยนตร์ทิ้งไว้ ภาพยนตร์เรื่องนั้นคือภาพยนตร์อินดี้ที่ตัวเขาเองเล่น อินซอบชอบภาพยนตร์เรื่องนั้นมากเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าแค่ที่เห็นภาพอีกฝ่ายดูภาพยนตร์เรื่องนั้นอย่างไร้สติด้วยตาของตัวเองก็น่าจะเกินหลายสิบครั้งแล้ว

อีอูยอนคลายเนกไทออกและวิ่งเข้าไปพรมจูบอินซอบ เขาถอดเสื้อผ้าของอินซอบที่ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงียออกพลางกระซิบว่า ‘คุณดูจะชอบ ‘นักแสดงอีอูยอน’ มากขนาดนั้น งั้นเรามามีอะไรกันพร้อมกับดูหมอนั่นไปด้วยกันเถอะ’

อินซอบร้องไห้พร้อมกับส่ายหน้าและบอกว่าไม่เอา แต่อีอูยอนกลับหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมาเร่งเสียงโทรทัศน์ จากนั้นก็มีอะไรกันจนกระทั่งภาพยนตร์จบ หลังจากนั้นอินซอบก็ไม่หาภาพยนตร์เรื่องนั้นมาดูอีกเลย หรืออย่างน้อยก็ต่อหน้าเขา นี่คือตอนจบที่มีความสุข

แต่ปัญหาคือกรรมการผู้จัดการคิม ถ้ามีบทดีๆ หรือโฆษณาเข้ามา เขาก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และบอกให้อินซอบรู้ ส่วนอินซอบก็พูดอะไรไม่ได้และทุกข์ใจจนล้มหมอนนอนเสื่อ

[1] 유부남 (ยูบูนัม/有婦男) หมายถึง ผู้ชายที่แต่งงานมีภรรยาแล้ว

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท