ที่ด้านนอก ท่ามกลางความมืดมิด
กิเลนอัคคีปรากฏกายออกมาให้เห็นอย่างเลือนราง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตวัดสายตามองเขา แล้วถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า ”ยังมีอสูรเลื้อยคลานเหลืออยู่ในสำนักอีกกี่ตัว”
“ยังมีอีกสองสามตัวขอรับ” กิเลนอัคคีก้มลงมองพื้น ”ข้าเกือบจะมั่นใจเต็มร้อยแล้วขอรับว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยถูกวิญญาณสิงอยู่จริงๆ เพราะอสูรเลื้อยคลานจะเข้าหาและจู่โจมเฉพาะวิญญาณที่สิงกายเนื้อของผู้อื่นอยู่เท่านั้น อสูรพวกนั้นจะดึงวิญญาณนั้นออกมาจากกายเนื้อ แล้วลากพวกมันลงไปใต้ดินขอรับ คงมีใครสักคนพาอสูรเข้ามาเพื่อเล่นงานนาง”
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเปลี่ยนเป็นเย็นชา ผมยาวหยักศกสีดำทิ้งตัวลงข้างใบหน้าของเขา ทำให้โครงหน้าด้านข้างนั้นดูเย็นชาเป็นอย่างยิ่งแต่ก็ยังดูงดงาม และช่วยเสริมให้รูปลักษณ์ดุดันของเขาสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
กิเลนอัคคีพูดต่อ ”นายท่านขอรับ ทำไมท่านถึงไม่บอกเฮ่อเหลียนเวยเวยไปตรงๆ ล่ะขอรับ บอกนางว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ท่านใช้กุญแจมือโลหะจองจำล่ามนางไว้นั้นก็เพื่อปกป้องนางจากการค้นหาของอสูรเลื้อยคลานพวกนั้น”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหลือบมองกิเลนอัคคีด้วยสายตาเฉยเมย ”มันเป็นเพียงแค่หนึ่งในเหตุผลทั้งหมดเท่านั้น” เขาเหยียดยิ้มเยาะเย้ย ”ไปหาแมลงพวกนั้นให้ข้าเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ!” กิเลนอัคคีกลายร่างเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างตื่นเต้น มันควบตะบึงเข้าสู่ความมืดอย่างรวดเร็วราวกับพายุหมุน การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วเสียจนแทบจะมองไม่เห็นเงาของมันเลย
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะมีเพียงสัตว์อสูรเท่านั้นที่สามารถสัมผัสถึงภัยคุกคามจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้
บรรดาอสูรเลื้อยคลานที่ดูเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่รอบหอสามัญหยุดเคลื่อนไหวในทันใด จากนั้นพวกมันก็พยายามหาทางหนี
แต่กิเลนอัคคีย่อมไม่มีวันปล่อยให้พวกมันหนีรอดไปได้ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะแสดงความทรงอำนาจของมันออกมา!
กิเลนอัคคีสะบัดขนเรียบลื่นเป็นประกายของตน แล้วหรี่ตาทั้งสองข้างลง จากนั้นจึงกางกรงเล็บแล้ววิ่งไปทางซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังเล่นสนุก
นี่เป็นสิ่งที่สัตว์อสูรตัวน้อยทั้งหลายได้ร่วมเห็นเป็นประจักษ์พยานในวันนี้
กิเลนอัคคีซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของพวกมันวิ่งไล่อสูรเลื้อยคลานเหล่านั้นอย่างดุร้ายไม่ต่างอะไรจากหมาป่าต้อนแกะ
แม้จะมีสัตว์บางตัวเข้าไปหา และขอให้เขาลูบตัวของพวกมัน แต่กิเลนอัคคีก็ไม่สนใจพวกมันเลยแม้แต่น้อย
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้พวกมันหยุดความคลั่งไคล้ที่มีต่อพี่ใหญ่ได้! ทุกสายตานั้นล้วนแต่เป็นประกายด้วยความชื่นชม!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นด้วยกับมาตรฐานด้านความงามของสัตว์อสูรพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว…
แต่เมื่อสังเกตเห็นสายตาชื่นชมนั้น กิเลนอัคคีก็ถึงกับยืดอก มันเพิ่มความพยายามในการไล่ล่าอสูรเลื้อยคลานนั้นขึ้นอีก สุดท้ายอสูรเลื้อยคลานทุกตัวก็ถูกไล่ต้อนให้มาหยุดอยู่ตรงหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย!
อสูรเลื้อยคลานมีสัญชาตญาณระวังภัยมาแต่กำเนิด
อีกทั้งเมื่อเวลานี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันมีเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาคนเดียวด้วยแล้ว
แน่นอนว่าความคิดเดียวที่พวกมันมีอยู่ในใจคือการใช้กรงเล็บของตนฉีกไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจนตายเท่านั้น!
อสูรเลื้อยคลานตัวขนาดเท่ากับหมาป่าหกตัวกระโจนเข้าหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ยด้วยสีหน้าดุร้าย!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้พยายามที่จะป้องกันตัวเลยด้วยซ้ำ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขากลับยืนอย่างสง่างามอยู่ท่ามกลางความมืด เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แล้วทันใดนั้นเสื้อคลุมสีเขียวก็ลอยขึ้น!
อสูรเลื้อยคลานกระเด็นกลับไปที่พื้นราวกับว่าพวกมันเพิ่งจะได้รับบทลงโทษอันแสนสาหัส พวกมันครวญครางด้วยความเจ็บปวด และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มที่พวกมันทำตัวเสียมารยาทด้วยนั้นคือใคร
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเดินออกมาข้างหน้า แล้วมองไปรอบๆ จากนั้นเขาจึงใช้ฟันถอดถุงมือสีดำของตัวเองทิ้งอย่างเย็นชา ”ยังมีอีกตัว”
ยังมีอสูรเหลืออยู่อีกหนึ่งตัวจริงๆ
อสูรเลื้อยคลานนั้นแตกต่างจากอสูรชนิดอื่น
พวกมันอยู่รวมกันเป็นฝูง และมักจะดึงวิญญาณของมนุษย์ลงไปใต้ดิน ปกติแล้วพวกมันจะไม่เปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา พวกมันจะซ่อนตัวอยู่ในป่าในเวลากลางวัน และจะเคลื่อนไหวในยามกลางคืนเท่านั้น
เมื่อพวกมันเคลื่อนไหว พวกมันจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นราชาของพวกมันเท่านั้น
และในเวลานี้ ราชาของพวกมันก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ตา ทันใดนั้นเขาก็คว้าสิ่งที่อยู่ข้างตัวขึ้นมา สัตว์อสูรตัวเล็กกว่าอสูรเลื้อยคลานปรากฏตัวขึ้น
มันมีสีดำสนิททั้งตัว ยกเว้นก็แต่ดวงตาอันชวนขนหัวลุกสีขาวนั่นเท่านั้น ดวงตาของมันดูดุร้ายอย่างมาก คนธรรมดาคงจะตกใจกลัวจนเสียขวัญแน่หากเผลอสบเข้ากับตาคู่นั้น
มันคือราชาแห่งอสูรเลื้อยคลานพวกนี้นี่เอง อีกทั้งยังจัดว่าเป็นสัตว์อสูรชั้นสูงทีเดียว
ราชาแห่งอสูรเลื้อยคลานนึกไม่ถึงว่าจะมีมนุษย์คนใดที่มองเห็นตำแหน่งของมันได้ หัวใจของมันสั่นระรัวด้วยความตกใจ แต่มันก็ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนกับอสูรเลื้อยคลานตัวอื่นๆ เพราะในสายตาของมัน อย่างไรเสียคู่ต่อสู้ของมันก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
แต่มันก็ต้องนึกเสียใจในเวลาต่อมา
เพราะสิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของชายคนนี้คือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บบรรพกาลที่เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งใต้หล้า กิเลนอัคคีนั่นเอง!
ราชาแห่งอสูรเลื้อยคลานขดตัวโดยสัญชาตญาณ มันดูเคารพและหวาดกลัวอีกฝ่ายเป็นที่สุด ตอนนั้นนั่นเองมันจึงมีโอกาสได้สังเกตใบหน้าของชายคนนั้น ”ท่านเป็นใครกัน”
“เจ้าคิดว่าเจ้าได้รับอนุญาตให้ถามชื่อข้าหรือ” ริมฝีปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกขึ้น ใบหน้าของเขาสมบูรณ์แบบราวกับเทพเซียน เขามองข้ามสัตว์อสูรตัวนั้นไป แล้วหรี่ดวงตาสีทองของตนลง
ราชาแห่งอสูรเลื้อยคลานจ้องมองดวงตาอันแสนคุ้นตาคู่นั้น ก่อนจะหมุนตัวแล้วใช้กรงเล็บแหลมคมของตนขุดดินเพื่อหาทางหนี
ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ…
เสียงฝีเท้าที่เดินตามมาจากด้านหลังดังสะท้อนในความมืด มันสง่างามและนุ่มนวล แต่ในเวลาเดียวกันก็เปี่ยมไปด้วยความกระหายเลือด
เมื่อรู้ว่าไม่สามารถหนีได้พ้น ราชาแห่งอสูรเลื้อยคลานก็คุกเข่าลงบนพื้น แล้วเริ่มร้องขอความเมตตา ”ได้โปรด ปล่อยข้าไปเถิดขอรับ ข้าถูกสั่งมา!”
“หืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดราวกับเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลก ”อยากให้ข้าไว้ชีวิตเจ้าหรือ”
ดวงตาของราชาอสูรเลื้อยคลานสั่นไหว ”ข้าสามารถเปิดเผยชื่อคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้ขอรับ ข้าไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายใครเลย แต่มีมนุษย์คนหนึ่งสั่งให้ข้าทำเช่นนี้”
“เช่นนั้นหรือ…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูไม่ใส่ใจนัก เขาหยุดฝีเท้าลง
ราชาแห่งอสูรเลื้อยคลานผงกหัวขึ้นลงอย่างสิ้นหวัง แต่มันกลับกางกรงเล็บใส่เขา ”ใช่แล้ว!”
“หึ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเผยรอยยิ้มดูถูกออกมา แล้วคว้าหมับเข้าที่กรงเล็บนั้นอย่างแรง ”เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ สัตว์อสูรจะไม่ทำงานรับใช้มนุษย์ตราบใดที่มนุษย์คนนั้นไม่ใช่เจ้านายของตน ยิ่งกว่านั้น หนึ่งในเงื่อนไขของพันธสัญญาระหว่างมนุษย์และสัตว์อสูรที่ทำร่วมกันก็คือพวกเขาจะไม่สามารถทรยศกันได้”
กร็อบ!
เสียงกระดูกหักดังลั่น
ในเวลานั้นเองที่ราชาแห่งอสูรเลื้อยคลานดูเหมือนจะเพิ่งตระหนักอะไรได้ขึ้นมา ทันทีที่มันมองใบหน้าอันงดงามราวกับเทพเซียนนั้น ดวงตาของมันก็สั่นไหวอย่างรุนแรง!
ผู้ชายคนนี้…
เป็นเขาหรือ
ไม่!
ไม่มีทางเป็นไปได้!
ราชาแห่งอสูรเลื้อยคลานต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก่อนที่มันจะทันได้อ้าปาก คอของมันก็ถูกชายคนนั้นหักคามือเสียแล้ว
หัวของมันพับลง ก่อนที่แสงแห่งชีวิตในดวงตาของมันจะเลือนหายไป ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจ…
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชักมือกลับ สายตาของเขาเย็นชา รอบกายของเขาคล้ายกับมีแสงเรืองรองราวพระจันทร์แผ่ออกมา ทำให้สัตว์อสูรน้อยใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็กลัวที่จะเข้าใกล้เขา
ยกเว้นกิเลนอัคคี
มันยืนอยู่ที่ด้านหลังของชายหนุ่ม กรงเล็บขนาดยักษ์ของมันจิกลงไปใต้พื้นดิน แล้วมันก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า ”นายท่านขอรับ ราชาอสูรตนนั้นสามารถพูดได้ ย่อมหมายความว่ามันจะต้องได้ดื่มเลือดผู้เป็นนายของตนแล้ว แต่คนคนนั้นยอมสังเวยเลือดให้กับอสูรเลื้อยคลานเช่นนี้… เขาจะต้องเป็นคนที่ยากจะรับมืออย่างแน่นอน นายท่านขอรับ ข้ามีลางสังหรณ์ว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลที่สำนักไท่ไป๋แห่งนี้ขอรับ…”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้ตอบ แต่ดวงตาของเขากลับดูลึกล้ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สายลมยามค่ำคืนพัดเข้าจู่โจม
หน้าผากของเฮ่อเหลียนเวยเวยเริ่มมีเหงื่อไหล นางกำเครื่องประดับศีรษะเอาไว้ในมือข้างขวา และกำลังพยายามใช้ปลายของเครื่องประดับอันนั้นสะเดาะกลอนกุญแจมือของตัวเอง
ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็เป็นประกาย!