จู๋หลินควบม้าเดินทางมา เมื่อเห็นเขาเข้าใกล้ ทหารที่ยืนอยู่หน้าประตูค่ายก็เปิดประตูพร้อมมองดูเขาด้วยความเคารพ ทุกครั้งในเวลานี้ จู๋หลินเหมือนย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่เขายังคงเป็นองครักษ์หลวงอยู่
“จู๋หลินหลบออกไป” เฉินตันจูตะโกนมาจากด้านหลัง เร่งให้ม้าผ่านเขาไป “ให้ข้าอยู่ข้างหน้า”
อดีตสลายหายไปดุจหมอกควัน จู๋หลินมองดูหญิงสาวที่เคลื่อนผ่านเขาไป เสื้อคลุมตัวยาวของนางปลิวไสวอยู่ด้านหลัง เขามองไปยังทหารที่เดินผ่านไปมาในค่ายชี้มาที่ตนเอง “ดู องครักษ์ของคุณหนูตันจู”
จู๋หลินไล่ตามเฉินตันจู “คุณหนูตันจู ที่นี่เป็นค่ายทหาร ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องบุกรุกเข้ามาอาจถูกฆ่าได้!”
“ดังนั้น” เฉินตันจูหันมาพูด “ต้องให้ทุกคนคุ้นเคยกับข้า พวกเขาจะได้ไม่คิดว่าข้าเป็นผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง”
จู๋หลินขุ่นเคือง คิดว่าค่ายหารเป็นจวนของท่านหรือ
เฉินตันจูมองเห็นกระโจมของท่านแม่ทัพ นางกระโดดลงจากหลังม้า โยนเชือกทิ้งก่อนจะวิ่งไปทางประตู
“ท่านแม่ทัพอยู่หรือไม่” นางถามทหารที่ยืนอยู่นอกประตูเสียงดัง
ผ้าม่านถูกเปิดขึ้น เฟิงหลินเดินออกมา พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูตันจูมาแล้ว ท่านแม่ทัพอยู่ขอรับ”
เฉินตันจูยื่นห่อกระดาษในมือให้เขา “สิ่งนี้คือชาสมุนไพรที่ข้าทำ เฟิงหลินเจ้าต้มให้ท่านแม่ทัพดื่ม อากาศนับวันยิ่งร้อนขึ้น”
เฟิงหลินยิ้มพลางตอบรับ ยกม่านขึ้นสูง มองดูเฉินตันจูเดินเข้าไป
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้สวมเกราะ เขาสวมเพียงชุดสีเทานั่งอ่านจดหมายฉบับหนึ่ง เขาไม่ได้เงยหน้าแม้ได้ยินเฉินตันจูเดินเข้ามา
เฉินตันจูนั่งลงบนเบาะรองนั่ง “ท่านแม่ทัพ ระยะนี้ท่านมีงานมากหรือไม่”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กตอบรับอยู่ในลำคอ
เฉินตันจูพินิจแม่ทัพหน้ากากเหล็ก “มิน่า ท่านแม่ทัพ ท่านผอมลง”
มือที่ถือจดหมายของแม่ทัพหน้ากากเหล็กชะงัก เงยหน้าขึ้นมองนาง “มีเรื่องใดก็พูด”
เฉินตันจูหัวเราะคิกคัก “ไม่มีอันใด ท่านแม่ทัพผอมลงเล็กน้อย ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้น…”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองจดหมายในมือ พูด “จดหมายนี้เพิ่งส่งมาจากแคว้นฉี องค์ชายสามสบายดี กระปรี้กระเปร่า องครักษ์ที่ติดตามองค์ชายสามมีกว่าร้อยคน กองทัพเหนืออีกสามร้อย นอกจากนี้ยังมีทหารที่ประจำการในแคว้นฉีสามพันนายสามารถเรียกใช้ได้ เจ้าไม่ต้องกังวล”
เฉินตันจูพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “ข้าไม่กังวล มีท่านแม่ทัพและฝ่าบาทอยู่ ข้าจะกังวลเรื่องนี้ด้วยเหตุใด”
“ข้าให้หวังไต้ฟูไปแล้ว” แม่ทัพหน้ากากเหล็กเหลือบมองเธอ พูดอีกครั้ง
ทันใดนั้น เฉินตันจูก็มีชีวิตชีวาขึ้น “หวังไต้ฟูหรือ” ชายผู้นั้นมีฝีมือมาก เขาสามารถรู้ได้ว่าองค์ชายสามหายดีจริงแล้วหรือไม่ หรือว่าถูกหญิงสาวเมืองฉีหลอกลวง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองปลายจมูกของหญิงสาวที่ดูเหมือนจะสว่างขึ้น พลางหัวเราะขึ้นมา “เอาเถิด กลับไปได้แล้ว”
เฉินตันจูพูดอย่างเขินอาย “ข้ามาเพื่อเยี่ยมท่านแม่ทัพ เพิ่งเดินทางมาถึง…”
“เจ้านำชาที่ทำใหม่มาให้ข้าไม่ใช่หรือ” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ชาทำเอง อีกทั้งยังส่งมาด้วยตนเอง พอแล้ว”
เฉินตันจูหัวเราะเบาๆ
“ท่านแม่ทัพ” นางพูด “ข้าหลอกใช้ท่านเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงไม่โกรธ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้เงยหน้าขึ้น “เพราะว่าเรื่องเหล่านี้สำหรับข้า ไม่ใช่เรื่องยาก เจ้าลองคิดดู หากมีคนหลอกใช้ให้เจ้ารักษาโรคให้ เจ้าจะโกรธหรือไม่”
ย่อมไม่ สำหรับนางแล้วเปรียบเสมือนได้กำไรแบบไม่ต้องลงทุน เฉินตันจูหัวเราะ “ท่านแม่ทัพฉลาดยิ่งนัก มองสิ่งต่างๆ บนโลกได้อย่างชัดเจน”
“นอกจากนี้” แม่ทัพหน้ากากเหล็กเงยหน้าขึ้น “เฉินตันจู เมื่อเจ้าคิดว่าเจ้ากำลังหลอกใช้ผู้อื่น บางทีผู้อื่นอาจกำลังหลอกใช้เจ้าอยู่”
เฉินตันจูครุ่นคิด “หากแลกเปลี่ยนกับท่านแม่ทัพ ข้าคือผู้ที่ได้กำไร”
หากครุ่นคิดการแลกเปลี่ยนหลายครั้งอย่างละเอียด ไม่ว่าท่านแม่ทัพจะใช้ชื่อเสียง น้ำตา และการเยินยอของนางแลกเปลี่ยนอันใด แต่สิ่งที่นางแลกเปลี่ยนมาคือเมืองอู๋ปราศจากสงคราม คนทั้งตระกูลรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แลกเปลี่ยนมาซึ่งโชคชะตาของบัณฑิตสามัญชนทั้งแผ่นดิน สิ่งเหล่านี้สำหรับนางเพียงพออย่างมากแล้ว
แม่ทัพหน้ากากเหล็กตอบรับ “ตอนที่ได้กำไรดีใจ แต่เมื่อตอนที่เสียเปรียบ อย่าเสียใจ”
เฉินตันจูหัวเราะ “เวลาที่ควรเสียใจย่อมต้องเสียใจ” นางคาดเดาสิ่งที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กกำลังพูด ไร้ต้นไร้ปลาย เขาไม่ใช่คนประเภทนี้ สำหรับคนที่อยู่สูงแบบเขา มีสิ่งใดพูดสิ่งนั้น ไม่จำเป็นต้องเล่นทายคำกับผู้อื่น
เฟิงหลินเปิดม่านเดินเข้ามา เขาถือถาดใบหนึ่งที่ใส่ชาและขนมเอาไว้
“คุณหนูตันจู ดื่มชาก่อนเถิด” เขาพูด “ท่านลองชิมขนมในค่ายของพวกเรา”
เฉินตันจูหยิบขึ้นมาชิม ดวงตาลุกวาว “ใส่เนื้อเค็ม”
เฟิงหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ขอรับ ขนมในค่ายทหารส่วนใหญ่มีรสเค็ม อีกทั้งยังใส่เนื้อและไข่”
เฉินตันจูพยักหน้า “ข้ารู้ ข้าเคยกินเป็นประจำตอนที่ติดตามท่านพ่อมาค่ายทหาร เหมือนขนมนี้” เมื่อนึกถึงบิดา สีหน้าของหญิงสาวดูเศร้าเล็กน้อย “ข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้กินอีก โชคดีที่มีท่านแม่ทัพอยู่…”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กขัดนาง “หากไม่มีข้าอยู่ เจ้าอาจยังได้กินขนมจากค่ายทหารของท่านพ่อเจ้าได้”
เฉินตันจูสีหน้ากระอักกระอ่วน นางวางขนมลง ถามอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพ วันนี้ท่านอารมณ์ไม่ดีหรือ”
เหตุใดจึงพูดเสียดสีเช่นนี้
เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความกังวล มือที่หยิบขนมหดกลับไป ก้มหน้าลง หดตัวนั่งเป็นก้อนกลมอยู่ตรงนั้น…แน่นอน เขารู้ว่านางแสร้งทำ แต่ดูแล้วยังคง…เอาเถิด แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “มีเรื่องเล็กน้อย ข้าจึงไม่อยากพูด”
เฉินตันจูตอบรับ ไหล่ที่ห่อลงผ่อนคลายในทันที รีบพูด “เป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควรมารบกวนท่านแม่ทัพในเวลานี้ หากท่านแม่ทัพอึดอัดใจ อย่าได้อดกลั้นเอาไว้ หรือไม่ ข้าพูดมากอีกสองสามประโยคให้ท่านด่าข้า?”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะออกมา
“ไม่ ข้าไม่อาจด่าเจ้าได้” เขาพูด “หากพูดตามจริง ข้าต้องขอบคุณเจ้า”
คำขอบคุณนี้ทำให้เฉินตันจูยิ่งฉงนในใจ ต้องการถามบางสิ่ง แต่แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดขึ้นก่อน “เอาเถิด เจ้ากลับไปก่อนเถิด”
เฉินตันจูตอบรับ รู้ว่าเวลานี้ไม่อาจเอาแต่ใจ แสร้งทำตัวน่าสงสารก็ไร้ประโยชน์ นางเชื่อฟังจะเป็นการดีที่สุด จึงลุกขึ้นพลางตอบรับ
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดอีกครั้ง “อย่ากังวล ไม่มีเรื่องใด”
อีกทั้งยังอธิบายให้นางฟัง แต่ภายในใจของเฉินตันจูไม่รู้สึกผ่อนคลายลง หากแต่ยิ่งสงสัยมากขึ้น การปลอบประโลมคนอย่างผิดปกติเช่นนี้ย่อมมีเรื่อง!
แม่ทัพหน้ากากเหล็กราวกับรู้สึกได้ว่าตนเองพูดมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงโบกมือ เฉินตันจูจึงถอยออกไป
เมื่อนึกถึงความวิตกกังวลและความห่วงใยของหญิงสาวก่อนหน้านี้…สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการแสร้งทำ ภายในดวงตาของเฉินตันจูไม่ได้ปิดบังความระแวงเอาไว้ แม่ทัพหน้ากากเหล็กเอื้อมมือกุมหน้าผากที่ถูกหน้ากากเหล็กปิดอยู่ สายตาจ้องไปยังจดหมายที่อ่านก่อนหน้านี้ ถอนหายใจแผ่วเบา
เฉินตันจูนี้ ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ต่อเขา เนื่องจากไม่เคยมีความจริงใจ ดังนั้นจึงไม่ใส่ใจต่อท่าทีต่างๆ ของเขา
แต่กับผู้อื่นดูเหมือนจะหลอกใช้ แต่กลับใช้ใจจริงอย่างโง่เขลา เมื่อถึงเวลา หากถูกหักหลังอย่าได้ร้องไห้
เฟิงหลินเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ถาม “หวังไต้ฟูบอกว่าอันใดขอรับ องค์ชายสามเป็นอันใดหรือไม่”
“เวลานี้หวังเจียนไม่อาจเข้าใกล้องค์ชายสามได้” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ข้างตัวขององค์ชายสามถูกอารักขาอย่างแน่นหนาดุจดั่งถังเหล็ก ไม่มีน้ำหยดออกมาแม้แต่น้อย”
“องค์ชายอยู่ที่แคว้นฉี อันตรายรอบด้าน คุ้มกันอย่างแน่นหนาก็เป็นเรื่องปกติ” เฟิงหลินพูด
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ดังนั้นหวังเจียนจึงเปิดเผยตัวตน”
หวังเจียนเป็นหมอหลวงที่ฮ่องเต้พระราชทานให้แม่ทัพหน้ากากเหล็ก เป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ที่สุดเหมือนดั่งองครักษ์หลวง
แต่…
“องค์ชายสามไม่เพียงแต่ไม่ให้เขาเข้าใกล้ อีกทั้งยังขังเขาไว้” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “เหตุผลก็คือ เพื่อไม่ให้พระองค์ทรงเป็นกังวล ก่อนที่งานนี้จะเสร็จสิ้น เขาไม่ยอมรับการตรวจใดๆ”
เฟิงหลินยิ้มขมขื่น “เหตุผลนี้ไร้ที่ติเสียจริง ดังนั้นท่านแม่ทัพจึงสงสัยว่าร่างกายขององค์ชายสามยังผิดปกติอยู่จริง”
“ข้าไม่เคยสงสัย เฉินตันจูบอกแล้ว พิษในตัวของเขายังไม่ถูกกำจัดแม้แต่น้อย” แม่ทัพหน้ากากเหล็กปิดจดหมายลง “ข้าสงสัยว่าองค์ชายสามรู้ใช่หรือไม่ แต่เวลานี้สามารถมั่นใจได้แล้วว่าเขารู้”
เขาต้องการอันใดจึงสร้างสถานการณ์ใหญ่เช่นนี้
เฉินตันจูเพียงแค่กังวลว่าองค์ชายสามจะถูกผู้อื่นหลอก แต่ไม่คิดว่าองค์ชายสามมีเจตนาหรือไม่
หากนางบอกสิ่งที่รู้กับองค์ชายสามโดยตรง เพื่อป้องกันความลับ องค์ชายสามจะปฏิบัติต่อนางอย่างไร
บางทีอาจต้องให้บทเรียนแก่นางบ้าง ไม่ใช่รู้แต่ใช้กลอุบายต่อหน้าเขา แต่กลับควักใจให้ผู้อื่น ก่อนหน้านี้เขาโกรธเพราะเรื่องนี้…ใช่ ถูกต้อง เขาไม่อาจทนเห็นคนโง่เขลาได้
อย่างไรก็ตาม แม่ทัพหน้ากากเหล็กครุ่นคิดอีกครั้ง นางก็ไม่ได้โง่มากนัก อย่างน้อยนางไม่ได้บอกองค์ชายสามโดยตรง แต่มาถามเขาทางอ้อม หากพูดเช่นนี้ นางเชื่อใจเขามากกว่า
เฟิงหลินก้มหน้ามองนิ้วที่วางไว้บนโต๊ะของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก การเคาะที่หนักหน่วงกลายเป็นผ่อนคลาย…
“ให้คนระวังเอาไว้” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “การเดินทางขององค์ชายสามครานี้มีความผิดปกติ”
เฟิงหลินตอบรับอย่างเคร่งขรึม