ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < A Love Marriage > 1-3

Side Story < A Love Marriage > 1-3

ผ่านไปไม่นานอินซอบก็วิ่งข้ามถนนมายังที่ที่รถจอดอยู่ และเปิดประตู ตอนที่อินซอบเข้ามาในรถ กลิ่นหอมเป็นพิเศษก็ลอยมาแตะจมูก ดวงตาสีดำกลมโตที่มีความยินดีเจืออยู่กำลังมองมาที่ตน

“รอนานไหมครับ ขอโทษนะครับ เพราะผมมัวแต่ร่ำลา…”

อีอูยอนจับอินซอบไว้ก่อนจะจูบปาก

“อ๊ะ…!”

แม้อินซอบจะดิ้นตกใจ แต่อีอูยอนก็ไม่หยุดจูบ

“ถะ ถ้ามีใครเห็น…”

อีอูยอนยื่นมือออกมาปรับเบาะข้างคนขับให้เอนไปด้านหลัง อินซอบมักจะใส่ใจกับตำแหน่งที่จอดรถที่จะมองจากนอกหน้าต่างไม่เห็นเสมอ

“ไม่เห็นหรอก…ในเมื่อไม่เห็นก็อ้าปากหน่อย”

อีอูยอนขู่ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ อินซอบลังเลก่อนจะอ้าปาก ริมฝีปากของพวกเขาเชื่อมติดกัน จากนั้นก็เกี่ยวกระหวัดลิ้นอย่างนุ่มนวลและแลกเปลี่ยนน้ำลายกัน พอดูดดุนอยู่แบบนั้นหลายครั้ง อินซอบก็ครางเหมือนลูกสุนัขและเริ่มหอบ

“…แฮ่ก…”

พอริมฝีปากถูกถอนออกไป อินซอบก็หอบอย่างหนัก ใบหน้ากับดวงตาที่แดงมองดูน่าสงสารและปลุกอารมณ์ทางเพศไปพร้อมๆ กัน

“ยังไม่คุ้นอีกเหรอ”

“…ครับ?”

“จูบน่ะ”

อีอูยอนจูบมุมปากของอินซอบเบาๆ และพูดต่อ

“ทำไมถึงยังหายใจไม่ได้ขนาดนั้นอยู่อีกล่ะ”

“ผม…ปรับเรื่องนั้นอยู่ครับ แต่คุณอูยอน…”

“ผม?”

อีอูยอนเร่งให้อินซอบพูดต่อ อินซอบค่อยๆ เบนสายตาไปด้านข้าง จากนั้นก็เอ่ยตอบด้วยเสียงเล็กๆ

“…จูบลึกมาก แล้ว แล้วคุณก็สอดลิ้นเข้ามาทุกครั้งที่ผมพยายามจะหายใจ ผมก็เลยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่บ่อยๆ…ขอโทษนะครับ”

สุดท้ายอีอูยอนก็หัวเราะเพราะคำพูดที่จบลงด้วยการขอโทษ

“ฮ่าๆๆๆ”

อินซอบเงยหน้ามองอีกฝ่ายหัวเราะอย่างมีความสุขด้วยความมึนงง

“ฉิบ ผมจะเป็นบ้าแล้วจริงๆ”

อีอูยอนลูบริมฝีปากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและพูด

“ขอผมขังคุณไว้สักครั้งได้ไหมครับ”

“ครับ? ผะ ผมเหรอครับ?…ทำไมล่ะครับ”

อินซอบย้อนถามตาโต อีอูยอนจูบเปลือกตาของอินซอบพลางเอ่ยตอบว่า “เพราะน่ารัก” นี่เป็นความคิดที่ไม่สามารถเข้าใจได้เลย อินซอบกะพริบตาที่ดูหวาดกลัว และห้ามไปก่อนว่า “อย่าทำแบบนั้นนะครับ” เพราะไม่รู้ทำไมเขาถึงมีลางสังหรณ์อย่างรุนแรงว่าถ้าบอกให้ลองขังดูแล้ว คำว่าครั้งหนึ่งนั้นจะไม่มีจุดสิ้นสุด

“ไม่ขังหรอกครับ ไม่ต้องกังวลก็ได้”

อีอูยอนพูดพร้อมกับลุกขึ้น

“เกาหลีไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะขังไว้หรอก เพราะว่ามันแคบนิดเดียว”

คำพูดที่พูดต่อเหมือนกับล้อเล่นทำให้อินซอบกลั้นหายใจเบาๆ อีอูยอนใช้หลังมือแตะแก้มอินซอบเบาๆ

“…วันนี้คุณเสร็จงานไวนะครับ”

อินซอบพูดพร้อมกับลูบแก้มอย่างไม่มีเหตุผล

“ครับ ผมมีธุระแถวๆ นี้ แต่เสร็จเร็วกว่าที่คิด”

“โชคดีจังครับที่เสร็จเร็ว”

อีอูยอนมองอินซอบที่พูดแบบนั้นนิ่งๆ สายตาของอีกฝ่ายไม่มีการโกหกอยู่เลยต่างจากตัวเขา

“ไม่ได้มีนัดเหรอครับ”

พออีอูยอนเอ่ยถาม ความตื่นตระหนกก็ปรากฏบนใบหน้าของอินซอบ

“อ๋อ ครับ วันนี้ผมมีนัดไปกินข้าวเย็นกับพวกเด็กๆ ที่นำเสนองานด้วยกัน…”

“ไม่ใช่ว่าจะไปดื่มเหล้าเหรอ”

พออีอูยอนหยิบบัตรประชาชนออกมาจากกระเป๋าของอินซอบ อินซอบก็หน้าแดง

“คะ คือเราตั้งใจจะไปร้านเหล้ากัน แต่ผมไม่ได้จะดื่มนะ เพราะเขาบอกว่าสามารถกินอาหารที่นั่นได้ด้วย…”

อีอูยอนกอดอกและมองอินซอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับจะบอกว่า “ไหนลองพูดต่อไปเรื่อยๆ ซิ”

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกนะครับ ผมไม่ได้จะดื่มเหล้าจริงๆ ผมแค่กลัวว่าคุณจะเป็นห่วง…ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอก”

“นั่นสิ ทำไมถึงทำเรื่องที่รู้สึกผิดล่ะ”

“…”

บริเวณตาของอินซอบแดงเหมือนกับว่าถ้าปล่อยเอาไว้แบบนั้นก็จะร้องไห้ออกมา

ต้องเลิกแกล้งแล้วล่ะ

อีอูยอนถอนหายใจเบาๆ และหันหน้าไป ตอนนั้นเองอินซอบก็จับชายเสื้อของอีอูยอนไว้ และจูบแก้มเขา ต้องใช้คำว่าเอาปากมาแตะเร็วๆ แล้วผละออกมากกว่า

“…”

อีอูยอนเอามือแตะแก้มของตัวเองและมองอินซอบด้วยสีหน้าตกใจ

อินซอบขี้ขลาดและขี้กลัวมาก เขาระวังตัวแม้แต่กับการจับมือและการเดทข้างนอก เพราะกลัวว่าใครจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ด้วยซ้ำ

“หายโกรธเถอะนะครับ…ผมผิดเอง”

อินซอบขอโทษอีกครั้งและจับปลายเสื้อของอีอูยอนไว้ เขารู้สึกเวียนหัวทุกครั้งที่อินซอบรวบรวมความกล้าและเข้าหาเขาด้วยวิธีแบบนี้ บางครั้งเขาก็อยากถามว่าคุณคิดว่าชีวิตของผมสมบูรณ์แบบพอที่คุณจะสามารถทำให้พังได้จริงเหรอ

“…โกรธมากเลยเหรอครับ”

อินซอบเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นว่าอีอูยอนไม่ตอบอะไรกลับมา พออีอูยอนตอบว่า “อืม” ดวงตากลมโตของเขาก็สั่นไหวด้วยความกระวนกระวายใจ

“ขอโทษ…”

เขาห้ามคำขอโทษของอินซอบไว้ ด้วยการจูบที่แรงร้อนจนเทียบไม่ได้กับก่อนหน้านี้ อีอูยอนทำให้ปากของอินซอบเปิดออกเล็กน้อย และเกี่ยวกระหวัดลิ้นอย่างเต็มที่ ความร้อนพุ่งขึ้นมาต่อหน้าต่อตา เขารู้สึกคล้ายกับตอนที่สอดใส่ส่วนนั้นเข้าไปในช่องทางที่คับแคบของอินซอบ

“ดะ…เดี๋ยว…”

คำพูดที่ขาดห้วงถูกพูดออกมาผ่านริมฝีปากที่ถูกบดขยี้ เขารู้สึกถึงร่างกายที่ดิ้นไปมาด้วยแรงอันน้อยนิดอยู่ใต้ร่างของตัวเอง เขาเกิดกำหนัดกับร่างกายที่ผอมบางจนสามารถทำให้หักได้แค่เพิ่มแรงอีกนิดเดียว

อีอูยอนปลดเข็มขัดนิรภัย และเอนตัวทิ้งน้ำหนักไปทางอินซอบ แม้อินซอบจะพยายามห้ามและผลักออกอยู่หลายครั้ง แต่อีอูยอนก็ไม่หยุดจูบ ไม่สิ เขาไม่สามารถหยุดได้ต่างหาก เขาชอบมาก ทั้งเลือดฝาดที่มีอยู่เต็มแก้มที่ขาวซีด ดวงตากลมโตที่เป็นประกาย เส้นผมนุ่มๆ ที่กำไว้จนเต็มฝ่ามือ…ทุกอย่างสวยจนเขาไม่สามารถตั้งสติได้

มันเป็นแค่จูบเท่านั้น แค่การอ้าปากออก บดเบียดลิ้น และแลกเปลี่ยนลมหายใจกัน แต่แค่การกระทำนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขาลุ่มหลงจนหน้ามืดแล้ว คำพูดที่พูดเหมือนล้อเล่นกับกรรมการผู้จัดการคิมก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องโกหกเลยแม้แต่น้อย การจูบกับอินซอบคล้ายกับการร่วมเพศ ไม่สิ บางครั้งเขาก็รู้สึกพอใจมากกว่าเสียอีก เขาชอบจนถึงขนาดที่เมื่อตั้งสติได้เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว

“…แฮ่ก…”

พอริมฝีปากถูกถอนออกไป อินซอบก็หน้าแดงและหอบ อีอูยอนจัดผมที่ยุ่งเหยิงของอินซอบให้เป็นระเบียบพลางเอ่ยถาม

“ไปดื่มเหล้าไหม”

“ครับ?”

“เพราะแบบนั้นก็เลยทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ใช่เหรอครับ”

อีอูยอนจูบแก้มอินซอบจนเกิดเสียงดังจุ๊บ

“เปล่าครับ ผมไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะเรื่องนั้น…”

“ถ้าอยากดื่มเหล้าก็ไปได้นะ”

ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งมามีจิตสำนึกที่ไม่เคยมีเอาตอนนี้ แต่เขาแค่อยากทุกอย่างเพื่ออีกฝ่ายต่างหาก ตอนที่เห็นไอ้พวกคนที่ตามใจอีกฝ่าย และทำตัวเป็นคนหัวอ่อนเมื่อตกหลุมรัก เขาจะคิดว่าคนพวกนั้นไม่มีสมองกันหรือไง แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนพวกนั้นเลย เพราะแค่อินซอบเอาปากมาแตะแก้ม หรือทำอะไรก็ตามให้ อารมณ์ที่ไม่ดีก็ดีขึ้นมาถึงขนาดนี้แล้ว

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ไปก็ได้”

“ทำไมล่ะ คุณชอบเรื่องพวกนั้นนี่”

คำพูดของอีอูยอนทำให้อินซอบแก้มแดงราวกับอายเล็กน้อย จากนั้นก็พึมพำเบาๆ ว่า

“…ผมอยากลองน่ะครับ เพราะตอนที่อยู่อเมริกาไม่เคยลองทำเลย”

ชีวิตในวัยเรียนของอินซอบที่เคยได้ยินผ่านๆ นั้นน่าสงสาร เขาป่วยจนต้องขาดเรียนเป็นประจำ และต่อให้ไปโรงเรียนก็ไม่มีคนพูดด้วย และตนก็สามารถเดาได้ไม่ยากเลยว่าหลังจากที่เพื่อนที่มีอยู่แค่คนเดียวฆ่าตัวตายไปแล้วจะเป็นอย่างไร

“แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่อยากทำที่สุดหรอกครับ”

“…”

“ผมอยากกินข้าวกับคุณอูยอนครับ”

พอสบตากัน อินซอบก็ยิ้มร่า

แม่งเอ๊ย ขอยกเลิกคำที่พูดไปเมื่อกี้ ชเวอินซอบทำให้ชีวิตเขาพังได้จริงๆ เพราะเขารู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ทุกครั้งที่เด็กนั่นยิ้มให้

พออีอูยอนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อินซอบก็กะพริบตาราวกับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“คุณอินซอบ”

“ครับ?”

“คิดดูดีๆ แล้วค่อยเลือกนะ เพราะผมไม่ได้จะกินข้าวกับคุณแค่อย่างเดียว”

อีอูยอนเอนตัวพิงพวงมาลัยและพูด เลือดไหลมารวมที่ใบหน้าขาวซีดของอินซอบจนทำให้เห็นรอยกระอย่างชัดเจน

“ผะ ผม…”

อินซอบถูชายเสื้อไปมาและทำตัวไม่ถูก อีอูยอนรู้สึกว่าเลือดไหลลงไปอยู่ที่ส่วนล่างอย่างเบียดเสียดยัดเยียด ไวน์ราคาหลายล้านวอนต่อขวดที่จะดื่มกับอินซอบถูกวางไว้ตรงเบาะหลัง ในตอนที่เขาตัดสินใจว่าหากเป็นเช่นนี้ เขาคงต้องโยนขวดไวน์อะไรนั่นทิ้งไป และมีเซ็กซ์กันที่เบาะหลังของรถ

เสียงโทรศัพท์ก็ดังออกมาจากกระเป๋าของอินซอบ

“เอ่อ…”

อินซอบหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างงงๆ อีอูยอนถามว่า “ใครเหรอครับ”

“แม่น่ะครับ ทำไมถึงโทรศัพท์มาในเวลานี้ล่ะ”

ตอนนี้ที่อเมริกาเป็นเวลาเช้ามืด อีอูยอนพยักพเยิดคางบอกให้รีบรับโทรศัพท์ อินซอบจึงขออนุญาตและเริ่มคุยโทรศัพท์ อีอูยอนนั่งพิงเบาะคนขับ ถึงเจ้าตัวอาจจะไม่รู้ แต่น้ำเสียงของอินซอบจะมีความออดอ้อนเจืออยู่ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กับครอบครัว สิ่งนั้นน่ารักมากจนเขาเคยตั้งใจแกล้งทำเป็นอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ อินซอบที่คุยโทรศัพท์ด้วย

อินซอบเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบของแม่ด้วยเสียงกระซิบ และหลังจากนั้นน้ำเสียงที่เคยสงบของเขาก็เริ่มสั่น

“ครับ?”

ใบหน้าของอินซอบซีดเผือด อีอูยอนนั่งตัวตรงทันที เขาได้ยินน้ำเสียงใจเย็นดังมาจากปลายสาย ปลายนิ้วของอินซอบเริ่มสั่นระริก

“…ครับ…ครับ…เจอกันตอนนั้นนะครับ”

การคุยโทรศัพท์ที่คิดเอาไว้ว่าคงจะยาวจบลงแค่นั้น แล้วน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาที่ดวงตากลมโตของอินซอบ

“คะ คุณยาย…”

เขารู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องได้ยินคำพูดต่อไป อีอูยอนกอดอินซอบไว้โดยไม่พูดอะไร

***

“ดื่มน้ำหน่อยนะครับ”

พออีอูยอนยื่นน้ำให้ อินซอบก็พูดว่า “ขอบคุณครับ” ด้วยเสียงเล็กๆ แต่เขาแค่รับขวดน้ำแร่ไปถือไว้และมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างรถ อีอูยอนจึงเปิดฝาขวดน้ำแร่ให้ และยื่นให้อินซอบอีกครั้ง

“ดื่มแล้วนอนสักหน่อยเถอะครับ อีกสักพักเลยนะกว่าจะถึง”

“ครับ ผมจะทำแบบนั้นครับ”

อินซอบดื่มน้ำ ใต้ตาของเขาบวมแดง

ยายของอินซอบเสียชีวิตแล้ว อีอูยอนรีบจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่เร็วที่สุดและเก็บของแทนอินซอบที่ร้องไห้อย่างไร้สติ แน่นอนว่าอีอูยอนขึ้นเครื่องบินมาด้วย เขาไม่สามารถปล่อยอินซอบไปคนเดียวได้เด็ดขาด

“เอามานี้ครับ มันจะหกแล้ว”

อีอูยอนชี้ขวดน้ำแร่ที่ดื่มค้างไว้ อินซอบที่ลูบขวดน้ำอย่างเหม่อลอยสะดุ้งตกใจ และเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “ครับ?” อีอูยอนรับขวดน้ำแร่ที่หมดไปครึ่งเดียวมาปิดฝาและวางลงข้างตัว

“นอนเถอะครับ”

อินซอบพยักหน้าและหลับตาลง แต่อีอูยอนรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่สามารถนอนหลับลงได้

หลังจากวางสายอินซอบก็ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา การที่คุณยายของอีกฝ่ายเสียเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว และการทนมาได้จนถึงตอนนี้คือปาฏิหาริย์ ในช่วงที่ผ่านมาคุณยายผ่านช่วงวิกฤตระหว่างความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่อินซอบก็ยังร้องไห้เหมือนคนที่เผชิญหน้ากับความเศร้าที่ไม่คาดคิด และจนถึงตอนนี้นอกจากน้ำแล้ว เขาก็ไม่ยอมเอาอะไรแตะปากเลย

เป็นแบบนี้แล้วจะมาบอกว่าจะนั่งเครื่องบินมาคนเดียวอะไรกัน

อีอูยอนมองอินซอบที่ใต้ตาบวมแดง และแอบถอนหายใจในใจ

“…ขอโทษครับ”

เขาได้ยินเสียงเล็กๆ ของอินซอบ อีอูยอนจึงถามกลับว่า “เรื่องอะไร”

“คุณยุ่งอยู่แท้ๆ แต่เป็นเพราะผม…”

“ผมไม่ยุ่งครับ คุณก็รู้นี่ว่าช่วงนี้ผมไม่มีงาน”

“แต่…”

อีอูยอนเอนตัวไปข้างๆ อินซอบ จากนั้นก็กระซิบเสียงเบา

“ถ้ายังพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่อีก ผมจะลงตรงนี้นะ”

อินซอบเหลือกตาราวกับตกใจ ตอนนี้เครื่องบินที่ออกจากสนามบินอินชอนกำลังบินอยู่บนน่านฟ้าของทะเลเหลือง[1]

“ถ้านอนไม่หลับ ผมอ่านหนังสือให้ฟังไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร”

อินซอบแกล้งทำเหมือนว่าไม่เป็นไรและยิ้มให้ แต่ดวงตากลมโตของเจ้าตัวยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา

“คุณอูยอนนอนเถอะครับ คุณน่าจะเหนื่อย”

อินซอบดึงผ้าห่มมาคลุมหน้า

“ครับ”

อีอูยอนหลับตาลง จิตใจที่อ่อนไหวไม่สามารถสงบลงได้ง่ายๆ ด้วยการนอน

ควรจะพูดอะไรดีล่ะ

หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าคุณยายเสีย สิ่งที่เขาคิดเป็นอย่างแรกคือความเป็นห่วงใยที่มีต่ออินซอบ อินซอบมักจะมอบหัวใจทั้งหมดให้กับคนที่ตัวเองชอบเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือสัตว์ ตอนที่ไอ้หมาที่ชื่อวิลอะไรนั่นตาย อีกฝ่ายก็ร้องไห้อยู่หลายวันเช่นกัน แค่หมาตัวเดียวตายยังเป็นแบบนั้น แล้วคราวนี้จะร้องไห้มากขนาดไหนอีก แต่ถึงจะไม่มีเรื่องแบบนั้น อีกฝ่ายก็เป็นคนที่ไวต่อความเครียดอยู่แล้ว จึงถือว่าสมควรแล้วที่ตนจะเป็นห่วง

เขากอดและตบหลังปลอบอินซอบที่ร้องไห้หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์อยู่ในรถสักพัก แม้เขาจะปลอบว่า “อย่าร้องไห้เลยครับ คุณอินซอบ” อยู่หลายครั้ง แต่อินซอบก็ไม่หยุดร้องไห้ง่ายๆ

เราควรจะต้องทำยังไง

เราควรจะโกหกเป็นมารยาทว่าท่านคงจะไปในที่ที่ดีแล้วไหม หรือต้องพูดเรื่องที่ไร้สาระเหมือนคนโง่ว่าถ้าร้องไห้เยอะๆ คุณยายจะปวดใจดี …แม่งเอ๊ย ยังไงเขาก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าคำปลอบโยนที่เราพูดไม่ได้มีความจริงใจอยู่

เขาได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆที่ถูกกดอยู่ในผ้าห่ม อีอูยอนคิดว่าจะเลิกผ้าห่มออกดีไหม แต่แล้วก็หยุดมือ เพราะทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้ตอนนี้คือการอยู่ข้างๆ อินซอบนิ่งๆ เท่านั้น

[1] ทะเลเหลือง คือ ทะเลที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีน และอยู่ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับคาบสมุทรเกาหลี

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท