ตอนที่ 272 ขุนเขาเบิกสวรรค์ โลหิตนองพิภพ!
“หึ! สมกับที่เป็นราชาเซียนขั้นสูงเสียจริง ถึงกับแข็งแกร่งเพียงนี้!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้นหนิงฝานอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากด้วยความตกใจ จากนั้นก็โบกมือไล่ราชาเซียนพินิจสวรรค์อีกครั้ง
ราชาเซียนพินิจสวรรค์ในตอนนี้ราวกับขุนศึกผู้น่าเกรงขาม หนิงฝานตัดสินใจจะใช้งานเขาในยามที่จำเป็นเท่านั้น
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หลังจากนั้น หนิงฝานก็รวบรวมแหวนเก็บของ รวมถึงธงที่เหล่าผู้คนในขอบเขตเซียนทิ้งเอาไว้ พร้อมด้วยเก้าตะวัน มังกรวิญญาณ กระบี่สวรรค์ อัคคีสายฟ้า และสิ่งของอื่น ๆ ที่เหล่าเขตเซียนสะสมเอาไว้
“ไปยังขุนเขาเบิกสวรรค์!”
ท้ายที่สุด หนิงฝานถือธงและเริ่มเดินทางไปยังดินแดนสุดท้ายแห่งมหาสงครามหมื่นเขต นั่นก็คือขุนเขาเบิกสวรรค์
ปัง!
แม้ว่าพื้นที่หลักของสนามรบโบราณจะอันตรายมากกว่าวงนอกและวงใน
แต่ด้วยพลังของหนิงฝานในตอนนี้ เขาจึงสามารถฟันฝ่าไปได้ตลอดเส้นทาง
ในไม่ช้า ก็เข้าใกล้สิบวันนั้นมากยิ่งขึ้นยังมีเวลาอีกสามวันสุดท้ายก่อนที่มหาสงครามหมื่นเขตจะจบลง
เขาก็มาถึงยังดินแดนสุดท้ายที่เรียกว่าขุนเขาเบิกสวรรค์แล้ว
เหตุที่ภูเขาแห่งนี้ถูกเรียกว่าขุนเขาเบิกสวรรค์ ความหมายก็ตามชื่อ เพราะเป็นภูเขาที่มีขนาดสูงใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้ และไม่รู้ว่าสูงเท่าไร ทว่าความสูงนี้ราวกับทะลุขึ้นไปยังสวรรค์
ขุนเขาเบิกสวรรค์มีกฎว่า หากต้องการที่จะเข้าไป มีเพียงจะต้องรวบรวมธงไห้ได้มากกว่าพันธงเท่า
นั้น
และหนิงฝานก็ทำสำเร็จแล้ว หรือต่อให้ทำไม่ได้เขาเชื่อว่า ขอเพียงสั่งการราชันเซียนพินิจสวรรค์ก็คงจะสามารถทำลายกฎได้อย่างง่ายดาย
ครืด!
ท้ายที่สุด หนิงฝานพร้อมกับธงในมือก็ก้าวเข้าสู่ขุนเขาเบิกสวรรค์
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
และทันทีที่เขาก้าวเข้าไปยังขุนเขาเบิกสวรรค์ เสียงระเบิดอันดังกึกก้องก็ดังขึ้นในหู พลังอันไร้ขอบเขตราวกับทะเลที่โหมกระหน่ำ เต็มไปด้วยระลอกคลื่นอย่างไม่รู้จบ
เห็นเพียงแค่ว่าบนขุนเขาเบิกสวรรค์มีแสงพลังเซียนส่องสว่างออกมา พลังนั้นระเบิดออกอย่างรุนแรงทำให้เกิดเสียงคำราม เข่นฆ่า สงคราม และอื่น ๆ ที่ดังกึกก้องอย่างไม่รู้จบ
ปัง!
หนิงฝานมิได้ลังเล เขารีบเหาะขึ้นไปยังขุนเขาเบิกสวรรค์ในทันที
เมื่อมาถึงขุนเขาเบิกสวรรค์ ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นี่คือพื้นที่ขนาดใหญ่ที่บรรจุผู้คนได้มากถึงล้านคน!
บนยอดเขามีตำแหน่งของค่ายกลเคลื่อนย้ายกว่าหนึ่งร้อยแปดตำแหน่ง และภายในตำแหน่งทั้งหนึ่งร้อยเจ็ดตำแหน่งนั้นก็ถูกครอบครองโดยเหล่าเขตเซียนทั้งหมื่น ธงขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่มากมาย บนนั้นประทับคำว่าหมื่นเซียน บรรพปีศาจ โลกใต้พิภพ แดนเถื่อนรกร้าง วิญญาณผู้วายชนม์และสัญลักษณ์เขตอื่น ๆ
และนอกจากนั้นยังมีเหล่าเขตเซียนกว่าร้อยเขตที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด การต่อสู้นี้ก็เพื่อแย่งชิงตำแหน่งค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สุดท้าย
เสียงสงครามอันดังกึกก้อง ภาพผู้คนกำลังฆ่าฟัน ทุกทิศทางเต็มไปด้วยโลหิตเซียนและซากศพ
“อ๊าก อ๊าก!”
“ช่างดุเดือดเสียจริง!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หนิงฝานยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
หลังจากนั้น เขาก็ก้าวเข้าไปพร้อมกับธงเขตเซียนขนนกที่อยู่ในมือ และระเบิดเสียงพูดอันดังกึกก้องว่า “ตำแหน่งสุดท้ายแห่งค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นของเขตเซียนขนนกของข้า!”
ตู้มมม!
เสียงของหนิงฝานราวกับเทพสายฟ้าแห่งสวรรค์ชั้นเก้าระเบิดไปทั่วทั้งขุนเขาเบิกสวรรค์ และครอบงำทุกสรรพสิ่งภายในที่แห่งนี้
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ทันใดนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้คนของเขตเซียนที่ได้ครอบครองค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว หรือเหล่าเขตเซียนที่กำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ก็ตาม ทุก ๆ คนล้วนจ้องมองไปยังหนิงฝานในทันที
“หืม? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เขตเซียนขนนกอะไรกัน แค่ชื่อก็มิเคยได้ยินมาก่อน!”
“เป็นเพียงจ้าวเซียนขั้นสูงเพียงคนเดียว ยังจะกล้ามาพูดโอ้อวดที่นี่อีก!”
“…”
ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างพากันหัวเราะเยาะหลังรับรู้ได้ถึงพลังการฝึกฝนที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของหนิงฝาน
เขตเซียนกว่าแสนเขตภายในหมู่เกาะจิ่นที่สามารถเข้ามาภายในขุนเขาเบิกสวรรค์ได้ แต่ละเขตก็มิใช่ว่าจะอ่อนแอ เขตที่แข็งแกร่งมากที่สุดหรืออ่อนแอมากที่สุดล้วนมีจ้าวเซียนขั้นสูงอยู่หลายคน แม้แต่กึ่งราชาเซียนก็ยังมี
แต่ตอนนี้กลับมีจ้าวเซียนจากเขตเซียนที่เรียกตัวเองว่าเขตเซียนขนนก และต้องการค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สุดท้ายไป น่าขันสิ้นดี!
ฮ่าฮ่าฮ่า!
หลังจากนั้นหนิงฝานกลับมิได้สนใจคำสบประมาทและเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเหล่าผู้คนเลย แต่กลับก้าวไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายแท่นสุดท้ายในทันที
“เจ้าคนหยาบคาย ยังต้องการต่อสู่เพื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายแท่นสุดท้าย ตายเสียเถอะ!”
ตอนนี้คนจากเขตเซียนที่อยู่ไม่ไกลจากหนิงฝานร้องตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา ผู้นำจ้าวเซียนขั้นสุดคนหนึ่งตวัดดาบใหญ่ในมือและฟันไปยังหนิงฝาน
ตู้ม!
ชายหนุ่มยังไม่หยุดก้าวเดินแม้จะเห็นเช่นนั้น เขาชี้นิ้วและปราณกระบี่ก็พุ่งออกไปทันที จ้าวเซียนขั้นสูงที่ลงมือผู้นั้นยังไม่ทันที่จะได้กรีดร้อง ทั้งร่างของเขาก็แตกสลายกลายเป็นหมอกโลหิต
“หืม?!”
เมื่อเห็นหนิงฝานสามารถฆ่าจ้าวเซียนขั้นสูงได้ด้วยนิ้วเดียว ผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ
ใบหน้าของหนิงฝานนิ่งสงบและยังคงก้าวเดินต่อไปราวกับว่าเพิ่งทำเรื่องเล็กน้อยจบไป
“หึ!”
“เพียงแค่สังหารจ้าวเซียนขั้นสุดคนหนึ่ง จะวุ่นวายอะไรมากมาย!”
“ข้าจะส่งเจ้าไปตายเอง!”
การเคลื่อนไหวของหนิงฝานไม่เพียงไม่สามารถข่มขู่เหล่าผู้คนเอาไว้ได้แต่กลับทำให้เกิดความเกลียดชังมากยิ่งขึ้น
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทันใดนั้น ยอดฝีมือเขตเซียนทั้งสิบกว่าคนก็เริ่มขยับตัว และผู้นำเหล่านั้นล้วนเป็นจ้าวเซียนขั้นสุด
พลังอันบ้าคลั่งไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน และม้วนกวาดไปยังหนิงฝานด้วยการลงมือของเหล่าจ้าวเซียน
“ตัด!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ใบหน้าหนิงฝานยังคงสงบนิ่งและเย็นชา ชายหนุ่มชักกระบี่ต้าหลัวออกมาพร้อมกับฟาดฟันลงไปในทันที
ตู้มมมม!
แสงแห่งกระบี่ต้าหลัวส่องประกายออกมาและฟาดฟันไปยังท้องฟ้า แสงกระบี่พาดผ่านไป พลังอันไร้ที่สิ้นสุดที่พัดผ่าก็พังพินาศลงในทันที
อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!
ท้ายที่สุด เมื่อแสงกระบี่กวาดลงมา ร่างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจ้าวเซียนขั้นสูงหรือจ้าวเซียนขั้นสุดล้วนถูกทำลาย กลายเป็นฝนโลหิตที่ตกลงมาอย่างไม่สิ้นสุด
“หืม?!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนทั่วทั้งขุนเขาเบิกสวรรค์ต่างตื่นตกใจ แม้แต่เหล่าเขตเซียนยอดฝีมือที่ได้ครอบครองค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่แล้ว ก็ยังเต็มไปด้วยสายตาแห่งความประหลาดใจ
ความแข็งแกร่งของหนิงฝานเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วทั้งสนามรบ
“แย่แล้ว!”
“คนผู้นี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริง!”
“พวกเรามาร่วมมือกันจัดการเขาเถอะ!”
“…”
และในเวลานี้เหล่ายอดฝีมือแห่งเขตเซียนที่เหลืออยู่ต่างจ้องมองมาและชี้ดาบไปยังหนิงฝาน
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทันใดนั้น เหล่าผู้คนเขตเซียนที่อยู่รอบ ๆ ก็ระเบิดพลังออกมา ทำให้เกิดพลังการปิดล้อมแห่งการสังหาร และลงมือไปยังหนิงฝาน
“ผู้ขวางข้า ตาย!”
เห็นเช่นนั้น หนิงฝานส่งเสียงเย็นชาและชักกระบี่ออกกระบวนท่าสังหารในทันที
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ชายหนุ่มเพียงคนเดียวต่อสู้กับเหล่าเขตเซียน ทั่วทั้งขุนเขาเบิกสวรรค์เกิดเสียงการระเบิดที่ดังกึกก้องอีกครั้ง พลังอันไร้ขอบเขตระเบิดไม่หยุดจนเกิดเป็นแสงอันงดงาม
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!
อันที่จริง สิ่งที่ทำให้ผู้คนตื่นตกใจก็คือ หนิงฝานมีเพียงหนึ่งคน หนึ่งกระบี่เท่านั้น แต่เหล่าเซียนทั้งหลายกลับไม่อาจขัดขวางเขาได้ แสงกระบี่ที่สว่างขึ้นมาทำให้ร่างต่าง ๆ แตกสลายเหลือเพียงชากศพ
ร้อยคน!
พันคน!
หมื่นคน!
หนิงฝานเดินมาพร้อมกระบี่ด้วยความสง่า เมื่อไม่มีผู้ใดขัดขวางย่างก้าวของเขาได้ แบบนี้จะล้อมสังหารคนตรงหน้าได้เช่นไร
เพียงครู่เดียว เขาก็เข้ามาใกล้กับค่ายกลเคลื่อนย้ายตำแหน่งสุดท้ายแล้ว
“บัดซบ!”
“ขวางเขาไว้!”
“หากยังมีพวกข้าอยู่ เจ้าจงเลิกคิดที่จะครอบครองค่ายกลเคลื่อนย้ายเสีย!”
ปัง! ปัง! ปัง!
เมื่อหนิงฝานเดินมาถึงยังค่ายกลเคลื่อนย้าย เสียงร้องตะโกนด้วยความโกรธแค้นก็ดังขึ้น ปรากฏร่างของเหล่าผู้คนสิบกว่าคนยืนขวางทางหนิงฝานเอาไว้ และร่างกายของเหล่าคนพวกนี้ล้วนแพร่กระจายไปด้วยพลังราชาเซียนและยังมีกึ่งราชาเซียนขั้นต้นอีกด้วย
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
กึ่งราชาเซียนขั้นต้นสิบกว่าคนกำลังขวางทางเขาเอาไว้ บ้างกำหมัด บ้างใช้สุดยอดพลัง บ้างก็ใช้อาวุธเซียน พลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้เหล่านี้ถูกส่งไปยังหนิงฝานในทันที พลังนั้นเดือดพล่านและผสมผสานกันราวกับต้องการที่จะทำลายทั้งขุนเขาเบิกสวรรค์
เห็นเช่นนั้น หนิงฝานตะโกนขึ้น และฟาดกระบี่ลงไปในทันที
ตู้มมมม!
พลังกระบี่ที่ปรากฏขึ้นเดือดพล่านและแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า เมื่อแสงกระบี่ฟาดลงมา เหล่ากึ่งราชาเซียนขั้นต้นสิบกว่าคนที่ขวางทางก็ตายทันที
สิ้นหวัง!
หลังจากที่กระบี่เล่มนี้ได้สังหารเหล่ากึ่งราชาเซียนที่ขวางทางสุดท้ายนี้แล้ว ในที่สุดหนิงฝานก็ก้าวขึ้นไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย
ก่อนที่เขาจะหันกลับมาและจ้องมองไปยังซากศพของเหล่าจ้าวเซียน ฟ้าดินราวกับภาพวาดที่ถูกย้อมไปด้วยโลหิตเซียน