องครักษ์เงาสิบสองนายยืนอยู่รอบเขาอย่างเงียบๆ
ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน
นี่คือภาพที่เฮยจูผู้ดื้อรั้นเห็นตอนที่นางเข้ามาหาเงาทมิฬ
นางไม่รู้ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่ที่สำนักไท่ไป๋เหมือนกัน แต่เมื่อเห็นร่างที่อยู่กลางห้องนั้นดูเหมือนกับเจ้านายของนางทุกกระเบียดนิ้ว ดวงตาของนางก็เบิกกว้าง
ฝ่าบาทมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เป็นไปได้หรือไม่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ฝ่าบาทอยู่ในสำนักไท่ไป๋มาตลอด
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาเลือกผู้หญิงอัปลักษณ์อย่างเฮ่อเหลียนเวยเวยมาเป็นพระชายา
ทุกอย่างนั้นเพียงเพื่อความสะดวกสบายของตนทั้งสิ้น
เมื่อเฮยจูคิดได้เช่นนี้ หัวใจของนางก็เต้นแรงตามความคิดนั้น ถ้าฝ่าบาทอยู่ที่นี่ก็ดี
นางและท่านพี่ของนางก็จะได้ไม่ต้องเสียแรงไปกับการหาทางเข้าวังหลวงผ่านทางองค์ชายเจ็ดตัวน้อยนั่น ที่นางต้องทำก็มีเพียงแค่นำข่าวเรื่องการกลับมาของท่านพี่ไปทูลฝ่าบาทเท่านั้น
แล้วทุกอย่างก็จะคลี่คลาย
นั่นจะต้องกลายเป็นจุดจบของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างแน่นอน!
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัดลิ้นของเฮยจูออกไปได้บางส่วน หากท่านพี่ของนางไม่ป้อนเลือดของตัวเองให้นางดื่มได้ทันเวลาละก็ ป่านนี้นางก็คงจะตายไปแล้ว
นังผู้หญิงอัปลักษณ์เฮ่อเหลียนเวยเวย มันถึงเวลาแล้วที่นางจะได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าฐานะที่แท้จริงของนางคืออะไร!
เฮยจูยกยิ้ม นางไม่แน่ใจว่าทำไมวันนี้ฝ่าบาทถึงได้ดูต่างไปจากเดิม แต่นางเชื่อว่าฝ่าบาทจะต้องเห็นทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับท่านพี่มาเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
ท่านพี่ของนางเป็นคนที่อยู่ข้างกายฝ่าบาทมาตั้งแต่เด็ก!
หลังจากที่นางตัดสินใจได้แล้ว เฮยจูก็ทะยานตัวขึ้นเล็กน้อย แล้วกระโดดลงสู่พื้นดิน
เมื่อเงาทมิฬเห็นนาง คิ้วที่ดกราวกับพุ่มไม้ของเขาก็ขมวดเข้าหากัน เขาคว้านางเอาไว้ ”ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าล่ะว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่” เฮยจูมองเขาด้วยสายตาเคลือบแคลง ”เจ้าพยายามปิดบังเรื่องนี้เอาไว้จากเขาหรือ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะเข้าข้างนังผู้หญิงอัปลักษณ์นั่น เจ้าเคยคิดถึงความรู้สึกของท่านพี่บ้างหรือเปล่า”
เงาทมิฬลดเสียงลง ”ข้าแนะนำให้เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”
“หึ ออกไปหรือ” เฮยจูมองเขาอย่างขบขัน ”นังผู้หญิงอัปลักษณ์นั่นใช้มนตร์ดำอันใดกันแน่ ถึงทำให้แม้กระทั่งเจ้าก็พลอยตาบอดไปด้วย ทำไมข้าถึงต้องกลับไปด้วย ข้าจะต้องบอกฝ่าบาทให้จงได้ว่าท่านพี่ของข้ากลับมาแล้ว!”
เงาทมิฬรู้ว่าเขาไม่สามารถหยุดนางได้ จึงทำได้เพียงแค่มองนางเดินเข้าไปหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างจนปัญญา
“ฝ่าบาทเพคะ” เฮยจูคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น แล้วเอ่ยอย่างสุภาพว่า ”หม่อมฉันไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใดเงาทมิฬและพระชายาจึงได้รู้ว่าท่านพี่ของหม่อมฉันกลับมาแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้กราบทูลให้ท่านทรงทราบ พระชายาเป็นคนชั่วร้าย นางสั่งตัดลิ้นหม่อมฉันเพคะ นางคงกลัวว่าหม่อมฉันจะรู้ว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่ แล้วนำเรื่องการกลับมาของท่านพี่มารายงานให้ท่านทรงทราบ…”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำกุญแจมือโลหะในมือแน่น แล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า ”…ออกไป”
เฮยจูได้ยินไม่ชัด นางคิดว่าตัวเองพูดเสียงเบาเกินไป นางลังเล จากนั้นจึงยื่นมือออกไปแตะเข้าที่แขนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ตู้ม!
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแทบจะในทันที
เฮยจูถูกพลังงานไร้รูปร่างระเบิดใส่จนลอยละลิ่วไปกระแทกเข้าที่มุมหนึ่ง
บนร่างของนางมีบาดแผลหลายสิบจุดปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะที่บริเวณใบหน้า มันเละเทะไปด้วยเลือดและเนื้อ มีเพียงแค่ดวงตางุนงงของนางเท่านั้นที่เผยความหวาดกลัวออกมา
องครักษ์เงาหลายนายที่อยู่ใกล้กับบริเวณนั้นต่างก็พลอยติดร่างแหไปด้วย พวกเขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่อวัยวะภายในของตน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโยนกุญแจมือโลหะในมือทิ้งอย่างไม่ใส่ใจด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ลึกเข้าไปในดวงตาของเขาคล้ายกับมีเปลวไฟถูกจุดขึ้นมาจางๆ เขาดูเหมือนกับปีศาจที่เดินออกมาจากหนังสือการ์ตูน ทั่วร่างของเขาแผ่บรรยากาศชั่วร้ายราวกับปีศาจออกมา
มันเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก บรรดาองครักษ์เงาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว
แต่กิเลนอัคคีกลับรู้สึกตื่นเต้น มันไม่ได้เห็นนายท่านในสภาพนี้มานานแล้ว
ผ่านมาแล้วเป็นพันปี
เขาแทบจะลืมร่างที่แท้จริงของผู้เป็นนายไปเสียแล้ว
เวลานี้กิเลนอัคคีวิ่งวนเป็นวงกลมด้วยความตื่นเต้น น้ำเสียงของมันลึกล้ำ ”นายท่านขอรับ ท่านจำอะไรได้แล้วหรือขอรับ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ตอบ เขากลับเดินเข้าไปหาเฮยจู แล้วจ้องมองร่างที่อยู่บนพื้นนั้นอย่างดูถูก พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ”เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาแตะต้องข้า”
พอพูดจบ ดวงตาเรียวแคบของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย!
เฮยจูเริ่มสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด!
เป็นไปได้อย่างไร
เลือดสดๆ ทะลักออกมาจากดวงตาของนาง ท่ามกลางเลือดและลมหายใจรวยรินของตัวเองนั้นเฮยจูรู้สึกสับสน เป็นเพราะว่าฝ่าบาทกำลังโมโหถึงขีดสุดอยู่หรือ เขาถึงไม่ได้ยินในสิ่งที่นางพยายามบอกกับเขา
ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เขาจะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ได้อย่างไร
ทันทีที่เฮยจูจับลำคอของตัวเอง นางก็กระอักเลือดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ความเจ็บปวดกัดกินเข้าไปถึงกระดูกและหัวใจของนาง
บนใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคล้ายกับจะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย เขาดูสง่างามแต่ก็อันตราย สีหน้าของเขาดูน่าลุ่มหลงอย่างไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็ดูคุกคามอยู่ในที ”ใครมอบความกล้าให้เจ้าพูดเช่นนั้นกับผู้หญิงของข้า เจ้ามันสมควรตาย”
ตู้ม!
นั่นเป็นเสียงสุดท้าย!
ศีรษะของเฮยจูพับลง และเสียงของนางก็เงียบไป
บรรดาองครักษ์เงาถึงกับสั่นไปทั้งตัว พวกเขาไม่เข้าใจเจตนาของผู้เป็นนาย และไม่กล้าสบตากับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเช่นกัน พวกเขาทำเพียงแค่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น
ไป๋หลี่เจียเจี๋ยหันหน้ากลับมา สายตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“พาตัวนางกลับมา”
คำห้าคำนั้นราวกับดอกไม้น้ำแข็งที่เบ่งบานอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ
ความเย็นชานั้นถึงกับทำให้ทุกคนชาวาบไปถึงหนังศีรษะ
ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน ความมืดนั้นเป็นราวกับน้ำหมึกข้นเหนียวที่ถูกสาดลงไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยกับองค์ชายเจ็ดตัวน้อยเดินออกมาจากพระราชวังใต้ดินด้วยกัน
อาจเป็นเพราะรอบข้างของพวกนางเป็นสีดำสนิท ดังนั้นต้นไม้น้อยใหญ่ที่ส่ายไหวอยู่นั้นจึงดูค่อนข้างน่ากลัว
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยไม่กลัว แต่เขากลับดูง่วงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เขาเดินอยู่ ศีรษะเล็กๆ นั้นก็ค่อยๆ พับลงทีละน้อย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายศีรษะเล็กๆ ราวกับเสือของตัวเอง แล้วมองตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง
เฮ่อเหลียนเวยเวยใจละลาย นางจึงโน้มตัวลงไปอุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้นมา
ในตอนแรกนั้นองค์ชายเจ็ดตัวน้อยดูเขินอายเล็กน้อย เขานึกถึงคำพูดของพี่สามขึ้นมา ผู้ชายไม่ควรยอมให้ใครอุ้ม
แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธพี่สะใภ้สามได้เช่นกัน เฮ้อ การเป็นผู้ชายช่างยากนัก
เด็กชายตัวน้อยทำสีหน้าเคร่งเครียด แล้ววางศีรษะของตัวเองลงบนไหล่ของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างระมัดระวัง เปลือกตาของเขาปรือลงจนแทบจะปิดดวงตาแสนเฉลียวฉลาดคู่นั้นไปทั้งดวง
ทันใดนั้นเอง!
เขาก็รู้สึกเหมือนกับได้ยินอะไรบางอย่าง ร่างเล็กๆ ของเขายืดตัวขึ้นนั่ง แล้วดวงตาของเขาก็เริ่มเป็นประกาย
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วใบหลิวของตน แต่นางไม่ได้เคลื่อนไหวในทันที
เสียงที่อยู่ข้างหลังของพวกนางดังขึ้นเรื่อยๆ มันคืบคลานเข้ามาหาพวกนางราวกับฝูงงูจำนวนนับไม่ถ้วน
ท่ามกลางหมอกหนา ร่างสีดำราวน้ำหมึกที่พรางตัวอยู่ในยามค่ำคืนนั้นกำลังเพลิดเพลินกับความหอมหวานที่หายไปนานซึ่งตอนนี้กำลังลอยอยู่ในอากาศ!
สิ่งมีชีวิตบางประเภทก็ไม่มีวันปล่อยมือจากสิ่งที่ตนได้ตัดสินใจไปแล้ว
แน่นอนว่าคนที่เคยลิ้มรสชาติของอาหารชนิดนี้มาก่อนย่อมคุ้มค่ากับการให้พวกเขายอมเค้นสมองกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน มันเพียงแค่รอให้ถึงตอนที่นางอยู่ตัวคนเดียว มันจะได้จับนางกินในความมืด!
ผนังก็ไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่มองไม่เห็นสำหรับมัน เพราะมันสามารถเคลื่อนที่ผ่านสิ่งนั้นได้อย่างอิสระ
มันเป็นสัตว์อสูรครึ่งปีศาจ เมื่อมันพัฒนามาจนถึงระดับหนึ่ง มันก็ไม่จำเป็นต้องคงรูปร่างของตัวเองเอาไว้อีกต่อไป มันสามารถแปลงกายเป็นรูปร่างใดก็ได้ตามที่มันต้องการ
ระหว่างที่มันกำลังน้ำลายไหลอยู่นั้น ขาของมันก็ห้อยค้างอยู่กลางอากาศ จากนั้นร่างของมันก็ถูกล้อมรอบไปด้วยสสารสีดำเทา มันมองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ มันอ้าปากก่อนจะหุบลงอีกครั้ง ทันใดนั้นของเหลวข้นเหนียวสีดำก้อนหนึ่งก็ไหลออกมาจากปากของมัน แล้วพุ่งตรงไปข้างหน้า!