ทำเพื่อเจ้า สามคำนี้องค์รัชทายาทเคยฟังมามากมายหลายครั้งตั้งแต่เด็กจนโต
นับตั้งแต่ที่เขารู้เรื่อง เสด็จพ่อก็พาเขามาไว้ข้างกาย สั่งสอนเขาในทุกรายละเอียด อย่างไรก็ตามเขายังเป็นเด็ก ดังนั้นย่อมมีบางครั้งที่เขาไม่อยากเรียนรู้ นั่งนิ่งไม่ได้ อยากออกไปเที่ยวเล่น ไม่อยากถูกทิ้งไว้ในบ้านของคนแปลกหน้า เสด็จพ่อมักจะสั่งสอนเขา บอกว่าทำเพื่อเขา
ฟังจนหูขึ้นราแล้ว
แค่เวลานี้ได้ยินยังคงสั่นสะเทือนอย่างมาก
“เสด็จพ่อ” องค์รัชทายาทมองฮ่องเต้ พึมพำ
ฮ่องเต้พูด “สาเหตุที่เจ้ามาทูลข้าในตอนนั้น บอกเล่าเกี่ยวกับความสำเร็จของตระกูลขุนนางในระหว่างที่ย้ายมาเมืองหลวง เพราะว่าข่าวกลยุทธ์การคัดเลือกขุนนางเพิ่งรั่วไหลออกไป พวกเขาก็มาขอร้องต่อหน้าเจ้าแล้วใช่หรือไม่”
องค์รัชทายาทพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เคยคิดปิดบังเสด็จพ่อ พวกเขาไม่ได้ใช้เงินทองอันใดในการติดสินบนกระหม่อม ดุจดั่งที่กระหม่อมทูลเสด็จพ่อ ทุกคนมากล่าวอ้างถึงอดีตกับกระหม่อมเช่นนี้ กระหม่อมไม่ได้ถูกพวกเขาโน้มน้าว แต่กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ”
เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าเวลานี้กลยุทธ์การคัดเลือกขุนนางมีข้อสรุปแล้ว แต่เขาไม่ยอมรับความผิดพลาด
ฮ่องเต้พึงพอใจกับองค์รัชทายาทอย่างมาก บุตรชายของเขาย่อมไม่สมควรเป็นคนประเภทยอมจำนนต่อคน ต้องมีความรับผิดชอบ สีหน้าของฮ่องเต้ผ่อนคลายมากขึ้น
“เห็นหรือไม่ นี่คือพลังของชนชั้นสูง” เขากล่าว “เจ้าจะถูกพวกเขาชักจูงโดยไม่รู้ตัว แต่ตราบใดที่เจ้าไม่เชื่อฟัง ทำร้ายผลประโยชน์ของพวกเขา พวกเขาย่อมตอบโต้ด้วยคำพูด ใจมนุษย์ หรือแม้แต่ชีวิต แม้ว่าเจ้าจะเป็นฮ่องเต้ แต่สุดท้ายจะกลายเป็นหุ่นเชิดของพวกเขา”
องค์รัชทายาทครุ่นคิด โน้มตัวตอบรับ “กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดังนั้นเพื่อให้แผ่นดินคงอยู่ยาวนาน มีเรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องทำ” ฮ่องเต้ตรัส “ชนชั้นสูงปกครองแผ่นดินมานานเกินไป ดังนั้นก่อนหน้านี้เป็นเวลานาน ตอนที่โจวชิงยังมีชีวิตอยู่ พวกเราเคยหารือวิธีจัดการปัญหานี้ เพียงแต่ในเวลานั้นเรื่องของเหล่าท่านอ๋องยังไม่ถูกจัดการ เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเพียงจินตนาการ แต่บัดนี้นั้นเรื่องของเหล่าท่านอ๋องได้รับการจัดการแล้ว อีกทั้งประสบกับโอกาสที่ดีเช่นนี้ ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ในคราเดียว
องค์รัชทายาทกล่าวยินดีต่อฮ่องเต้ ก่อนจะพึมพำตำหนิตนเอง “กระหม่อมไม่ได้ช่วยเหลือสิ่งใด หากแต่ทำให้วุ่นวายมากขึ้น”
ฮ่องเต้ตรัส “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วย เพราะสิ่งที่เจ้าต้องการทำคือช่วยเหลือตระกูลขุนนางเหล่านี้”
องค์รัชทายาทมองไปยังฮ่องเต้อย่างฉงน
“จิ่นหยง อย่างไรแล้วตระกูลขุนนางก็ยังคงเป็นรากฐานของแผ่นดิน อีกทั้งเป็นรากฐานของเจ้า” ฮ่องเต้พูดเสียงเบา “ดังนั้น หากเจ้าต้องการนั่งบัลลงก์ฮ่องเต้ให้มั่น เจ้าย่อมไม่อาจทำให้พวกเขาแค้นเจ้าได้ เรื่องสร้างความแค้นย่อมต้องให้ผู้อื่นกระทำ”
อาทิองค์ชายสาม
องค์รัชทายาทรู้แจ้งขึ้นมาทันที เขามองไปที่ฮ่องเต้ด้วยสีหน้ากระจ่าง ก่อนที่ดวงตาจะแดงก่ำ “เสด็จพ่อ…”
ฮ่องเต้โบกมือต่อเขา “ซิวหยงทำเรื่องนี้แล้ว กฎไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เจ้าเพียงแค่เดินไปตามกระแส ความรู้สึกดีของตระกูลขุนนาง ความซาบซึ้งของตระกูลสามัญชน ล้วนเป็นของเจ้า”
องค์รัชทายาทน้ำตาไหลหลั่งลงมา จับแขนเสื้อของฮ่องเต้เอาไว้ “เสด็จพ่อ พระองค์ดีต่อกระหม่อมมากยิ่งนัก กระหม่อมรู้สึกละอายใจ”
“ดีสำหรับเจ้า และดีสำหรับต้าเซี่ย” ฮ่องเต้ยกมือขึ้นลูบไหล่ขององค์รัชทายาทแผ่วเบา องค์รัชทายาทสูงกว่าเขาโดยไม่รู้ตัว “เจ้าสามารถสืบทอดต้าเซี่ยอย่างมั่นคงต่อไปได้ ข้าก็พึงพอใจแล้ว”
องค์รัชทายาทส่ายหัวด้วยความสะอื้น “มีเสด็จพ่ออยู่ ต้าเซี่ยย่อมสามารถสืบทอดต่อไปได้อย่างมั่นคงแล้ว กระหม่อมยอมเคียงข้างเสด็จพ่อตลอดไปพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หัวเราะ “เอาเถิด อย่าพูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย”
ผู้ใดจะไม่อยากชั่วฟ้าดินสลาย เสียดาย โอรสแห่งสวรรค์ก็ไม่ใช่เทพเจ้า อันที่จริงหลายปีนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของตนเองนับวันยิ่งแย่ลง
เรื่องนี้ไม่เหมาะสมที่จะพูดถึงอย่างยิ่ง องค์รัชทายาทเช็ดน้ำตา เอ่ยว่า “เพียงแต่ไม่เป็นธรรมต่อน้องสาม”
องค์ชายสามมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น ในอนาคตย่อมถูกตระกูลขุนนางเคียดแค้น
เมื่อได้ยินคำพูดขององค์รัชทายาท สีหน้าฮ่องเต้ทั้งโล่งใจทั้งมีความสุข เขาตรัสว่า “เจ้าจำสิ่งนี้ได้ก็ดี เจ้าต้องดูแลเขาอย่างดีในอนาคต สิ่งที่ไม่เป็นธรรมต่อเขาก็ถือว่าคุ้มค่า”
องค์รัชทายาทพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “เสด็จพ่อไม่ต้องกังวล กระหม่อมจะจำไว้ในใจ”
…
เมื่อองค์รัชทายาทกลับไปถึงพระตำหนัก พระชายารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ นั่งไม่ได้ ยืนไม่ไหว
ตั้งแต่องค์ชายห้าถูกกักบริเวณ ฮองเฮาถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ถึงแม้ไม่ได้ปลดตำแหน่งฮองเฮาเพราะองค์รัชทายาท แต่ความเป็นจริงก็ถือว่าถูกปลดจากฮองเฮาแล้ว แต่พระชายาไม่ได้อยู่อย่างยากลำบากภายในพระราชวัง องค์รัชทายาทไม่ให้นางออกจากตำหนักในเวลานี้ แต่นางยังคงอกสั่นขวัญแขวน
องค์รัชทายาทจะถูกปลดหรือไม่
โดยเฉพาะวันนี้ได้ยินว่าฮ่องเต้รั้งองค์รัชทายาทเอาไว้ในห้องทรงพระอักษร พระชายากังวลจนน้ำตาไหลรินลงมา “ล้วนเป็นเพราะฮองเฮาปล่อยปละองค์ชายห้า พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกัน ทำให้องค์รัชทายาทได้รับความเดือดร้อน”
เหยาฝูพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะปลอบนางอีกครั้ง “แต่ว่าท่านพี่อย่ากังวลมากไป ถึงแม้ฝ่าบาทจะลงโทษองค์ชายห้าและฮองเฮา แต่มันคือการทำเพื่อองค์รัชทายาท…”
พระชายาเงยหน้าขึ้นมองนาง “เจ้ารู้อันใด จะว่าไปล้วนเป็นเพราะเจ้า เจ้า…”
เหยาฝูคุกเข่าปิดหน้าร้องไห้
พระชายารู้สึกรำคาญยิ่งนัก นางยังไม่ทันพูดสิ่งใดแม้แต่น้อย นางในรีบเตือน “องค์รัชทายาทเสด็จกลับแล้วเพคะ”
พระชายารีบหันไปมอง เห็นองค์รัชทายาทที่ยืนอยู่นอกประตูตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ นางรีบเดินเข้าไปต้อนรับทั้งน้ำตา
“ร้องไห้อันใดกัน” องค์รัชทายาทพูดเสียงเบา “เวลานี้…”
เวลานี้องค์ชายห้าและฮองเฮาเพิ่งเกิดเรื่อง หากร้องไห้คงถูกคนเข้าใจผิดว่านางรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนองค์ชายห้าและฮองเฮา พระชายารีบยกมือปาดน้ำตา “หม่อมฉันไม่ร้องแล้วเพคะ หม่อมฉันแค่เป็นห่วงองค์รัชทายาท”
องค์รัชทายาทเอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้นาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่ากังวล ไม่เป็นอันใด พาเด็กๆ ไปเยี่ยมเสด็จพ่อให้บ่อยขึ้น”
ใช่ มีองค์ชายมากมาย เวลานี้มีเพียงพวกเขาที่มีบุตร สิ่งนี้เป็นข้อได้เปรียบที่สุดของพวกเขา องค์ชายห้าและฮองเฮาเพิ่งทำให้ฮ่องเต้เสียพระทัย เวลานี้เขาต้องการการปลอบโยนจากเด็กๆ ที่น่าเอ็นดู พระชายาพยักหน้าตอบรับ
“องค์รัชทายาทเหนื่อยแล้ว หม่อมฉัน…” นางพูด
พูดยังไม่ทันจบก็ถูกองค์รัชทายาทขัดขึ้น “ข้าไปห้องตำราแล้ว” ก่อนจะเดินผ่านพระชายาเข้าไปด้านใน
พระชายาทำได้เพียงไม่ไปรบกวน นางรีบไปหาเด็กๆ กำชับพวกเขาก่อนจะพาไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ทุกคนในห้องโถงหายไปในทันที เหยาฝูซึ่งยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้น นางปาดน้ำตาที่ไม่ได้มีมากนักทิ้ง ก่อนจะลุกขึ้น ยกขนมที่วางอยู่บนโต๊ะเดินไปยังห้องทรงพระอักษรขององค์รัชทายาทอย่างเงียบๆ
ถึงแม้คนในห้องโถงต่างจากไปแล้ว พระชายารีบไปดูแลเด็กๆ แต่นางยังคงรู้ว่าเหยาฝูไปห้องทรงพระอักษรขององค์รัชทายาท
“ความคิดของนางแค่นั้นข้ายังไม่รู้หรือ” พระชายาไม่สนใจ นางพลางแก้ห่วงกลมทั้งเก้าให้เด็กสองคน พลางเย้ยหยันเสียงต่ำ “องค์รัชทายาทเก็บนางไว้ให้ผู้อื่นใช้ ไม่ได้ใช้เอง”
เหยาฝูมีรูปลักษณ์ที่ดีก็จริง แต่หากองค์รัชทายาทชื่นชอบนางคงไม่ต้องรอจนถึงตอนนี้
“นางไม่ได้ไปหาองค์รัชทายาทเป็นครั้งแรก ทุกครั้งล้วนถูกไล่กลับมามิใช่หรือ”
สีหน้าของนางในทั้งกระอักกระอ่วนทั้งหวาดกลัว ก่อนจะกระซิบเสียงเบาข้างหูพระชายา “แต่ครานี้ องค์รัชทายาทให้นางเข้าไปเพคะ”
มือที่จับห่วงกลมทั้งเก้าของพระชายาออกแรงดึง ห่วงกลมทั้งเก้าส่งเสียงดังขึ้นมา
…
องค์รัชทายาทมองหญิงสาวที่ถือถาดคุกเข่าต่อหน้า ยื่นมือเขี่ยขนมบนถาดนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“เจ้ามองได้กระจ่างยิ่งนัก” เขาพูด “รู้ว่าฝ่าบาททรงลงโทษองค์ชายห้าและฮองเฮาเพื่อดีต่อตัวข้า”
เหยาฝูเงยหน้าขึ้นอย่างเขินอาย “ฝ่าบาททรงลงโทษองค์ชายห้าและฮองเฮาอย่างหนักเพื่อปกป้ององค์รัชทายาท เป็นสิ่งที่ดีสำหรับองค์รัชทายาทเพคะ”
องค์รัชทายาทหัวเราะ นิ้วมือแตะลงบนดวงตาของเหยาฝูอย่างแผ่วเบา
ดวงตาคู่นี้สดใสราวกับแก้ว เต็มไปด้วยความเสน่หา
“มีดวงตาที่ดีคู่หนึ่ง” องค์รัชทายาทพูดด้วยรอยยิ้ม
เหยาฝูคุกเข่าหยียดหลังตรง ยืดคอยาว เชิดคางขึ้นเล็กน้อย พูดเสียงเบา “องค์รัชทายาท นอกจากดวงตาแล้ว หม่อมฉันยังมีสิ่งอื่นที่ดีอีกเพคะ”
หลังจากพูดจบ นางก็อ้าปากอมนิ้วขององค์รัชทายาทที่แตะลงบนดวงตาของนางเอาไว้ในเดิมที