ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 335 ยอมรับ(ปลาย)

ตอนที่ 335 ยอมรับ(ปลาย)

ข่าว​มา​อย่างกะทันหัน​เช่นนี้​ ​ทำเอา​สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​อยู่​ไม่น้อย

สวี​ลิ่ง​อี๋​รีบ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​เป็นคุณ​หนู​จาก​ตระกูล​ไหน​”​ ​ด้วย​น้ำเสียง​ทุ้ม​ต่ำ​ ​ฟัง​ดู​จริงจัง

หลิน​ปัว​พูด​เบา​ๆ​ ​“​เป็น​หลานสาว​ของ​องค์​หญิง​ใหญ่ฝู​เฉิง​ ​บุตรสาว​คนโต​ของ​ใต้เท้า​โจว​ซื่อ​เจิง​ขอรับ​”

“​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​”​ ​สือ​อี​เหนียง​อุทาน​เบา​ๆ

ก่อนหน้านี้​ไม่มี​สัญญาณ​อะไร​เลย​ ​และ​ดูเหมือนว่า​กรม​พิธีกรรม​และ​ขุนนาง​ฝ่ายใน​ก็​ไม่ได้​ส่ง​ชื่อ​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไป

สวี​ลิ่ง​อี๋​ท่าทาง​นิ่ง​สงบ​ ​แต่​เขา​กลับ​หลับตา​และ​ไม่พูดไม่จา​อยู่นาน

สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​ถาม​เขา​เบา​ๆ​ ​“​ทำไม​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​แต่ไหนแต่ไรมา​ ​สกุล​โจว​นั้น​แต่งงาน​กับ​สกุล​ขุนนาง​มาต​ลอด​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​นาง​ ​“​ฮ่องเต้​ทำ​เช่นนี้​ ​ไม่ใช่​เรื่อง​ง่าย​”

โจว​ซื่อ​เจิง​เป็น​ลูกพี่ลูกน้อง​ของ​ฮ่องเต้​ ​และ​ยัง​เป็น​สหาย​ที่​โตมา​ด้วยกัน​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ฮ่องเต้​เลือก​คนที​่​ใกล้ชิด​กับ​สกุล​สวี​เป็น​พระ​ชายา​ของ​พระ​โอรส​องค์​โต​ ​ไม่ว่า​จะ​เห็นแก่​ความ​เป็น​พ่อ​ลูก​ ​ไม่​อยาก​ทำให้​บุตรชายคนโต​ลำบากใจ​ ​หรือว่า​เห็นแก่​ความสัมพันธ์​ของ​น้องเขย​ ​หรือ​เพียง​เพราะว่า​ฮ่องเต้​คิด​ว่า​สกุล​โจว​คือ​ตระกูล​ที่​เหมาะสม​ที่สุด​ ​แต่​ผลลัพธ์​เช่นนี้​ ​ล้วน​คือ​ผลลัพธ์​ที่​ดีที​่​สุด​สำหรับ​สกุล​สวี

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​มอง​ไป​ที่นาง​ ​“​เช่นนี้​ ​เจ้า​ก็​ไม่ต้อง​ลำบากใจ​แล้ว​”

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​ ​“​ลำบากใจ​อะไร​กัน​เจ้า​คะ​”

“​เจ้า​ไม่​ชอบ​คุณชาย​สกุล​หวัง​ไม่ใช่​หรือ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​ ​“​เช่นนี้​ ​หาก​เรา​สอง​สกุล​แต่งงาน​กัน​มัน​ก็​คงจะ​เย่อหยิ่ง​เกินไป​ ​เจ้า​สามารถ​ปฏิเสธ​งานแต่งงาน​ครั้งนี้​ได้​อย่าง​มีเหตุผล​”

ชัดเจน​ขนาด​นี้​เลย​หรือ

สือ​อี​เหนียง​เหงื่อ​ตก

หาก​คุณชาย​สกุล​หวัง​และ​สาวใช้​ที่​อายุ​มากกว่า​สาม​ปี​คน​นั้น​เป็น​แค่​สหาย​สนิท​กัน​จริงๆ​ ​คนที​่​ไป​สืบ​ข่าว​คง​ไม่มีทาง​เน้นย้ำ​ว่า​ ​สาวใช้​คน​นั้น​…

นาง​กลืนไม่เข้าคายไม่ออก​ ​“​ดูเหมือนว่า​ ​พรุ่งนี้​ไม่เพียงแต่​ต้อง​ไป​แสดงความยินดี​กับ​โจวฮู​หยิน​ ​แล้วยัง​ต้อง​ไป​บอกปัด​นาง​อีกด้วย​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​ ​เขา​หันหน้า​ไป​มอง​ห้อง​หนังสือ​ที่​ปิดประตู​แน่น​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พวกเขา​คงจะ​ยัง​คุย​กัน​ไม่เสร็จ​ ​เรา​ไปหา​ที่นั่ง​รอกัน​เถิด​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​เหลือ​เพียง​มู่ฝู​เฝ้า​อยู่​หน้า​ประตู​ ​นาง​เดินตาม​สวี​ลิ่ง​อี๋​เข้าไป​ใน​ซอย​ข้าง​ห้อง​หนังสือ​ ​เดิน​เข้าไป​ใน​ลาน​เล็ก​ๆ

ปูพื้น​ด้วย​อิฐ​สีฟ้า​ ​มีต​้น​เซียง​ชุน​อยู่​ตรงกลาง​ ​เรือน​หลัก​มีสา​มห​้​อง​ ​ผนัง​สีขาว​ ​กระเบื้อง​สีเทา​และ​เสา​สีดำ​ ​ดู​เรียบๆ​ ​แต่ง​ดงาม​และ​ดู​สงบ

สือ​อี​เหนียง​มอง​สังเกต​ไปร​อบ​ๆ

“​ที่นี่​คือ​?​”

“​ห้อง​หนังสือ​ลาน​ข้างนอก​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม

มี​เด็กรับใช้​ชาย​อายุ​เจ็ด​แปด​ขวบ​วิ่ง​ออกมา​คำนับ​พวกเขา​ ​จากนั้น​ก็​หมุนตัว​ไป​เปิดม่าน​ให้​

สวี​ลิ่ง​อี๋​พาสื​ออี​เหนียง​เข้าไป​ใน​ห้อง​หลัก

ทั้ง​สาม​ห้อง​เปิด​ออก​เป็น​ห้องโถง​ ​ใน​ห้องโถง​มี​ภาพ​ทิวทัศน์​ของ​ภูเขา​และ​สายน้ำ​แขวน​อยู่​ ​มีตู​้​หนังสือ​สีดำ​ขนาดใหญ่​ ​ข้างๆ​ ​คือ​เตียง​หลัว​ฮั่น​ทรง​เตี้ย​ลาย​ดอก​เหมย​ ​มี​เก้าอี้ยาว​หนึ่ง​ตัว​และ​เก้าอี้​ไท่​ซือ​สอง​ตัว​ ​ซ้าย​และ​ขวา​คือ​ชั้น​วาง​โบราณ​ที่​เต็มไปด้วย​หนังสือ​ ​ใน​ถ้วย​กระเบื้อง​ลายคราม​ถ้วย​ใหญ่​มี​ม้วน​กระดาษ​เสียบ​อยู่​หลาย​ม้วน

สวี​ลิ่ง​อี๋​ชี้​ไป​ที่​เตียง​หลัว​ฮั่น​แล้ว​บอก​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​นั่ง​สิ​”​ ​จากนั้น​ก็​บอก​เด็กรับใช้​ชาย​คน​นั้น​ ​“​ใช้​น้ำ​จาก​เขา​อวี​้​เฉวียน​ ​ชงชา​แดงฝู​เจี​้​ยน​”

เด็กรับใช้​ชาย​คน​นั้น​ตอบรับ​แล้ว​วิ่ง​ออก​ไป

สือ​อี​เหนียง​มองดู​รอบ​ๆ

นาง​คิด​มาต​ลอด​ว่า​ห้อง​หนังสือ​คือ​ห้องทำงาน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​และ​หน้าที่​หลัก​คือ​การ​พบปะ​แขก​คนสำคัญ​ ​แต่​นาง​คิดไม่ถึง​ว่า​มัน​คือ​ห้อง​หนังสือ​จริงๆ​ ​และ​ดูเหมือนว่า​จะ​มี​หนังสือ​ซ่อน​อยู่​มากมาย​ ​ดูเหมือนว่า​จะ​มากกว่า​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​เสียอีก

“​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​คือ​ห้อง​หนังสือ​ของ​ข้า​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อธิบาย​ ​“​ส่วน​ที่นี่​คือ​ห้อง​หนังสือ​ของ​หย่ง​ผิง​โหว​ทุก​สมัย​”

ที่แท้​ก็​เป็น​เช่นนี้​!

สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ในทันที

เด็กรับใช้​ชาย​สอง​คน​ ​คน​หนึ่ง​ถือ​เตา​ดินเผา​สีแดง​ ​อีก​คน​หนึ่ง​ถือ​ชุด​น้ำชา​กระเบื้องเคลือบ​รูปทรง​ใบบัว​เข้ามา

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​ไป​ช่วย​ชงชา

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​พูดว่า​ ​“​เจ้า​นั่งลง​เถิด​ ​ลอง​ชิม​ชา​ของ​ข้า​ดู​”

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​น้ำเสียง​ที่​เย่อหยิ่ง​ของ​เขา​ ​รู้​ว่า​เขา​คือ​คนที​่​เชี่ยวชาญ​เรื่อง​นี้​ดี​ ​นาง​จึง​นั่ง​ดู​เขา​ชงชา​อย่างสบายใจ

กา​ป้าน​จื่อ​ซา​ขนาดเล็ก​ ​น้ำ​เดือด​อย่างรวดเร็ว

สวี​ลิ่ง​อี๋​อุ่น​ถ้วย​ชาด​้ว​ยน​้ำ​ชา​ชุด​แรก​ ​จากนั้น​ก็​ริน​ชาน​้ำ​ชา​ชุด​ที่สอง​ให้​นาง​ลิ้มรส

สีน้ำตาลแดง​ ​น้ำชา​มีสีสัน​สดใส​ ​รสชาติ​เข้มข้น

สือ​อี​เหนียง​ดมกลิ่น​ ​จากนั้น​ก็​จิบ​เล็กน้อย

“​เป็น​เช่นไร​บ้าง​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถาม​นาง​ ​เขา​เอง​ก็​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มาด​มก​ลิ่น​แล้ว​ดื่ม​จน​หมด

สือ​อี​เหนียง​เห็น​สีหน้า​ที่​คาดหวัง​ของ​เขา​ ​จึง​คิด​ว่า​พูดตาม​ความจริง​คงดี​กว่า​ ​“​หวาน​เจ้าค่ะ​ ​ส่วน​เรื่อง​อื่น​ ​ข้า​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​ ​จากนั้น​ก็​หัวเราะ​ ​“​ดื่มได้​รสชาติ​หวาน​ไม่ใช่​เรื่อง​ง่าย​”​ ​จากนั้น​ก็​พูดว่า​ ​“​ถ้าอย่างนั้น​เจ้า​ชอบ​ดื่ม​ชา​อะไร​”

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​บรรยากาศ​ดี​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ชอบ​ดื่ม​ชา​แดง​ ​ใส่​น้ำผึ้ง​สอง​ช้อน​ด้วยดี​ที่สุด​”

“​ใส่​น้ำผึ้ง​?​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แปลกใจ​ ​เขา​เลิก​คิ้ว​ ​“​เหมือน​พี่สะใภ้​สอง​ ​ลวก​หิน​ให้​ร้อน​แล้ว​โยน​ลง​ใน​ถ้วย​ชา​…​”

อธิบาย​เช่นนี้​ก็​ถือว่า​ถูกต้อง​ใช่​หรือไม่​!

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​แล้ว​พยักหน้า

ทันใดนั้น​ก็​มีเสียง​ฝีเท้า​ดัง​ขึ้น​มาจาก​ข้างนอก

พวกเขา​สอง​คน​หันหน้า​มอง​ไป​ที่​ประตู​พร้อมกัน

มู่ฝู​รายงาน​ผ่าน​ม่าน​ ​“​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​พวก​ท่าน​รีบ​ไปดู​เถิด​เจ้าค่ะ​ ​คุณชาย​ใหญ่​และ​คุณนาย​ใหญ่​ผิดปกติ​เจ้าค่ะ​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​เป็นกังวล

สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​เปลี่ยนไป​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​”​

มู่ฝู​ลังเล​ ​“​ท่าน​ไปดู​ประเดี๋ยว​ก็​รู้​เอง​เจ้าค่ะ​”

“​ท่าน​โหว​ ​ข้า​ออก​ไปดู​ก่อน​นะ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รีบ​ลุกขึ้น​ ​เปิดม่าน​ออก​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ที่​ห้องรับแขก​กับ​มู่ฝู

“​สือ​อี​เหนียง​…​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ห้าม​นาง​ไว้​ไม่ทัน​ ​จึง​รีบ​เดินตาม​ออก​ไป

ถึงแม้ว่า​ตน​และ​ชี​เหนียง​ไม่ได้​ปิดบัง​เรื่อง​ที่​กลับมา​เยี​่​ยน​จิง​ ​แต่​จู​อาน​ผิง​สามารถ​ตามหา​นาง​เจอ​ภายใน​สอง​วัน​ ​จากนั้น​ก็​ส่ง​เทียบ​เชิญ​มา​ขอ​เจอ​ตน​อย่างเปิดเผย​ ​อีกทั้ง​ยัง​บอก​ให้​ตน​ขอร้อง​ให้​สือ​อี​เหนียง​เกลี้ยกล่อม​ชี​เหนียง​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​เป็น​คนที​่​เย่อหยิ่ง​และ​ทะนง​ตน​ ​คน​ประเภท​นี้​ ​พูดคุย​เป็นการ​ส่วนตัว​จะ​ดีกว่า​ ​หาก​พูดคุย​โดย​มีสาย​ตาของ​ฝูง​คน​จับจ้อง​ ​เกรง​ว่า​แม้​ผิด​ก็​คงจะ​ไม่ยอมรับ​ผิด​

ความคิด​นี้​วาบ​ขึ้น​มา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รีบเร่ง​ฝีเท้า​ตัวเอง

เลี้ยว​ออก​ซอย​ไป​ก็​เห็น​สือ​อี​เหนียง​และ​มู่ฝู​ยืน​อยู่​ใต้​ชายคา

เขา​ชะลอ​ฝีเท้า​ลง​ ​ได้ยิน​เสียงร้อง​ไห้​คร่ำครวญ​ของ​ชี​เหนียง​และ​เสียง​ถาม​ด้วย​ความโมโห​ของ​จู​อาน​ผิง​ ​“​…​นาง​ก็​แค่​เข้ามา​ริน​ชา​ให้​ข้า​ตอนที่​ไม่มี​คน​อยู่​ ​เจ้า​คิด​ว่านาง​ทำผิด​กฎ​ ​ตำหนิ​นาง​ก็​พอแล้ว​ ​แต่กลับ​หนี​ออกมา​โดยที่​ไม่​พูด​อะไร​เช่นนี้​ ​นี้​คือ​ท่าที​ที่นาย​หญิง​ควร​มี​เช่นนั้น​หรือ​”​ ​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เหนื่อยล้า​ ​“​หาก​เจ้า​รัก​ข้า​สักนิด​หนึ่ง​ ​นึกถึง​ข้า​ที่​ดี​กับ​เจ้า​มาต​ลอด​ ​ก็​คง​ไม่มีทาง​ใช้​เรื่อง​ที่​มองไม่เห็น​เช่นนี้​มา​เป็น​ข้ออ้าง​ ​หนี​ออกจาก​บ้าน​ครั้งแล้วครั้งเล่า​แบบนี้​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​เขา​ก็​โมโห​อีกครั้ง​ ​“​เจ้า​รู้​หรือไม่​ว่า​ ​ข้า​กลัว​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​เจ้า​ระหว่างทาง​ ​ขอร้อง​สหาย​ไป​ตามหา​เจ้า​ทุกที่​ ​แต่กลับ​บอก​ไม่ได้​ว่า​เจ้า​หนี​ออกจาก​บ้าน​มาทำ​ไม​ ​ตอนนี้​คน​ทั้ง​ซาน​ตง​คง​รู้กัน​หมด​แล้ว​ว่า​ข้า​ทำผิด​ต่อ​ภรรยา​ ​ทำให้​ภรรยา​โมโห​จน​ต้อง​หนี​กลับ​สกุล​เดิม​”

เขา​โมโห​ ​แต่​ชี​เหนียง​โมโห​ยิ่งกว่า​เขา​เสียอีก​ ​นางร้องไห้​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เจ้า​กับ​เซียง​อวิ​๋น​ยักคิ้วหลิ่วตา​ใส่​กัน​ ​แต่กลับ​มีเหตุผล​?​”

“​ข้า​กับ​เซียง​อวิ​๋น​ทำ​อะไร​กัน​ ​เจ้า​ลอง​ถาม​ตัวเอง​ดู​ ​หรือว่า​เจ้า​ไม่รู้​?​”​ ​จู​อาน​ผิง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​โมโห​ ​“​ไม่เช่นนั้น​ ​ทำไม​เจ้า​ไม่ยอม​ฟัง​ข้า​อธิบาย​แม้แต่​คำ​เดียว​เล่า​”

“​พวก​เจ้า​ทำ​อะไร​กัน​ ​ข้า​จะ​รู้​ได้​เช่นไร​”​ ​ชี​เหนียง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​รู้สึก​ผิด

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ

มีเสียง​ฝีเท้า​เดิน​เข้ามา​จาก​ข้างหลัง​นาง​เบา​ๆ

พอ​หันหน้า​กลับ​ไป​ก็​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​เดิน​เข้ามา​ ​นาง​จึง​ทำท่า​ทาง​บอก​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เงียบ

พวกเขา​สอง​คน​ยืน​ฟัง​อยู่​ใต้​ชายคา​

“​ข้า​รู้​ ​การ​แต่งงาน​ครั้งนี้​ข้า​เป็น​คน​บังคับ​เจ้า​”​ ​จู​อาน​ผิง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​นิ่ง​สงบ​ ​“​ชี​เหนียง​ ​เจ้า​ไม่ต้อง​ร้องไห้​ ​ในเมื่อ​เจ้า​เดินทาง​มาจาก​ซาน​ตง​ ​มาที​่​บ้าน​ของ​หย่ง​ผิง​โหวฮู​หยิน​ ​น้องสาว​ของ​เจ้า​ ​ข้า​คิด​ว่า​เจ้า​คงจะ​มี​ความคิด​เป็น​ของ​ตัวเอง​ ​ถือโอกาส​นี้​ ​เจ้า​ไม่​สู้​พูดความจริง​กับข้าว​่า​เจ้า​คิด​เช่นไร​กัน​แน่​ ​เจ้า​ก็​รู้​ว่า​ ​ข้า​ไม่ใช่​คน​ใจแคบ​ ​พูด​มาตาม​ตรง​เถิด​”

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ

มีเสียง​ที่​หวาดกลัว​ของ​ชี​เหนียง​ดัง​ขึ้น​มาจาก​ใน​ห้อง​ ​“​เจ้า​ ​เจ้า​หมายความว่า​เช่นไร​”

“​อยู่​ที่​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​ ​อยู่​ต่อหน้า​หย่ง​ผิง​โหว​ ​ต่อหน้า​น้อง​หญิง​ของ​เจ้า​ ​เจ้า​ต้องการ​เช่นไร​ ​ข้า​ฟัง​เจ้า​ทุกอย่าง​”​ ​จู​อาน​ผิง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ถึงแม้ว่า​จะ​เรียบ​เฉย​ ​แต่กลับ​บอกเป็นนัย​ว่า​ชี​เหนียง​รังแก​เขา

“​เจ้า​พูด​อะไร​”​ ​ชี​เหนียง​ลุกขึ้น​มา​ ​“​ข้า​เป็น​คน​เช่นนั้น​หรือ​”​ ​ชี​เหนียง​ร้องไห้​ ​“​หาก​ข้า​เป็น​คน​เช่นนั้น​ ​ข้า​คง​ไล่​เซียง​อวิ​๋​นอ​อก​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว​…​”

“​เช่นนั้น​ทำไม​เจ้า​ถึง​ไม่​ไล่​เซียง​อวิ​๋​นอ​อก​ไป​”​ ​จู​อาน​ผิง​ถาม​อย่าง​เย็นชา

“​ข้า​ ​ข้า​…​”​ ​ชี​เหนียง​พูดไม่ออก

“​เจ้า​เป็น​นาย​หญิง​ ​ทำไม​แม้แต่​สาวใช้​คนเดียว​ก็​ไม่กล้า​จัดการ​”​ ​จู​อาน​ผิง​เค้น​ถาม

“​ก็เพราะว่า​ ​เพราะว่า​…​”​ ​ชี​เหนียง​กระอึกกระอัก

“​เพราะว่า​เจ้า​ไม่สบายใจ​ใช่​หรือไม่​”​ ​จู​อาน​ผิง​พูด​เบา​ๆ​ ​“​เพราะว่า​ไม่มี​ลูก​ ​เจ้า​จึง​ไม่กล้า​ทำ​อะไร​ตามอำเภอใจ​ ​รู้​ว่า​สาวใช้​ทำผิด​กฎ​ ​แต่​ก็​ไม่กล้า​ตะโกน​ต่อว่า​…​”

“​เหลวไหล​ ​เรื่อง​ไม่ได้​เป็น​อย่างที่​เจ้า​พูด​…​”​ ​ชี​เหนียง​ตอบโต้​ ​แต่กลับ​ร้องไห้​ไม่​หยุด

“​เช่นนั้น​เพราะว่า​อะไร​”​ ​จู​อาน​ผิง​ถาม​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​คาดหวัง

“​เพราะว่า​ ​เพราะว่า​…​”​ ​ชี​เหนียง​พูดไม่ออก

“​กลัว​ว่า​ไม่มี​ลูก​ ​แล้ว​ข้า​จะ​รับ​คนอื่น​เข้ามา​ใน​เรือน​?​”​ ​จู​อาน​ผิง​พูด​ขึ้น​มา

ชี​เหนียง​ไม่พูดไม่จา​

“​คน​ของ​ท่าน​แม่เจ้า​ ​คน​ของ​ท่าน​แม่​ข้า​ ​ข้า​ก็​ไล่ออก​ไป​หมด​แล้ว​ ​จะ​ให้​ข้า​ทำ​เช่นไร​อีก​”

ชี​เหนียง​ร้องไห้​หนัก​กว่า​เดิม

“​อย่า​ร้อง​เลย​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​จู​อาน​ผิง​พูด​อย่าง​ไม่พอใจ​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​เจ้า​กำลัง​คิด​อะไร​อยู่​ ​ก็​แค่​ไม่มี​ลูก​ไม่ใช่​หรือ​ ​เรา​ออก​เงิน​ให้พระ​โพธิสัตว์​กวนอิม​ ​หรือ​ไป​ที่​ขอพร​จาก​เทพเจ้า​ที่​วัดผู​่​ถัว​ ​มัน​จะ​ต้อง​มีทาง​ออก​สิ​!​”

“​จริง​หรือ​?​”​ ​ชี​เหนียง​ตกใจ​ ​จากนั้น​ก็​ทำท่า​ทาง​ขี้ขลาด​ ​“​หาก​…​หาก​ไม่สำเร็จ​เล่า​”

“​ไม่สำเร็จ​!​”​ ​จู​อาน​ผิง​พูด​ ​“​ข้า​คิด​มาต​ลอด​ทาง​ว่า​หาก​ไม่สำเร็จ​ ​เรา​ก็​เลี้ยง​บุตรบุญธรรม​!​”​ ​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​หนักแน่น

“​เลี้ยง​…​เลี้ยงลูก​บุญธรรม​?​”​ ​ชี​เหนียง​พูด​ด้วย​ความตกใจ

“​ใช่​”​ ​จู​อาน​ผิง​พูด​เบา​ลง​ ​“​ถ้า​เจ้า​ไม่​ชอบ​ ​เรา​ก็​รับ​เด็ก​มา​เลี้ยง​ ​สกุล​เรา​พี่น้อง​มากมาย​ขนาด​นั้น​ ​เรา​รับ​เด็ก​ของ​พวกเขา​มา​เลี้ยง​ ​เจ้า​คือ​มารดา​ของ​เขา​ ​ต่อไป​เขา​ต้อง​รัก​เจ้า​แน่นอน​”

“​จู​อาน​ผิง​…​”​ ​ชี​เหนียง​ร้องไห้

สือ​อี​เหนียง​น้ำตา​คลอ​ ​นาง​จับ​แขน​เสื้อ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เบา​ๆ​ ​พวกเขา​สอง​คน​ถอย​ออก​ไป​จาก​ลาน​ ​ไป​ห้อง​หนังสือ​ที่อยู่​ข้างหลัง​อย่าง​เงียบๆ

“​จู​อาน​ผิง​คน​นี้​ ​ไม่เลว​เลย​ทีเดียว​!​”​ ​นาง​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​ขึ้น​มาซั​บน​้ำ​ตา

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​ไม่เห็นด้วย​ ​“​บุรุษ​ต้อง​รักษาคำพูด​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​พูด​กับ​สตรี​ก็ตาม​ ​การ​ไม่มี​ลูก​ไม่ใช่​เรื่อง​ของ​เขา​คนเดียว​ ​มัน​เป็นเรื่อง​ของ​สกุล​ด้วย​ ​จะ​ให้สัญญา​ตามอำเภอใจ​เช่นนี้​ได้​อย่างไร​ ​หาก​ทำไม​่​ได้​ขึ้น​มา​จะ​ทำ​เช่นไร​”

“​โลก​มี​การ​เปลี่ยน​แปลก​อยู่​เสมอ​ ​เรา​คาดเดา​ไม่ได้​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ ​“​อย่างน้อย​ใน​ตอนนี้​ ​นี่​คือ​ความคิด​ที่แท้​จริง​ของ​จู​อาน​ผิง​ ​แค่นี้​ก็​เพียงพอ​แล้ว​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ภรรยา​ของ​ตัวเอง​ด้วย​ความตกใจ

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​ ​นาง​รู้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่เข้าใจ​ ​จึง​เปลี่ยน​เรื่อง​ ​“​มู่ฝู​ ​เอะอะโวยวาย​เรียก​พวกเรา​ไป​ ​ทำให้​พลาด​ชา​ชั้นดี​ ​ประเดี๋ยว​ต้อง​ให้​จู​อาน​ผิง​ชดใช้​”

ทันทีที่​นาง​พูด​จบ​ ​มู่ฝู​ก็​วิ่ง​เข้ามา​ ​“​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​คุณชาย​ใหญ่​และ​คุณนาย​ใหญ่​เชิญ​พวก​ท่าน​ไป​ที่​ห้องรับแขก​เจ้าค่ะ​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท