แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 341 พ่อว่านทุบตีแม่ว่าน

ตอนที่ 341 พ่อว่านทุบตีแม่ว่าน

ตอนที่ 341 พ่อว่านทุบตีแม่ว่าน

เถาจืออวิ๋นพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำอะไรน่ะ?”

เพราะมีคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างหลินม่ายอยู่ด้วย แม่ว่านจึงเอ่ยปากได้ไม่สุด

หล่อนถามเถาจืออวิ๋นด้วยรอยยิ้มเยาะ “เรื่องนั้นที่ฉันคุยกับเธอ เธอได้พิจารณาแล้วหรือยัง?”

เถาจืออวิ๋นพูดอย่างเดือดดาล “ฉันก็บอกกับคุณไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าฉันไม่ยินยอม คุณยังจะถามอีกว่าฉันได้พิจารณามาแล้วหรือยัง ฉันว่าคุณคงจงใจให้เป็นอย่างนั้นสินะ”

แม่ว่านพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ฉันทำเพื่อเธอนะ”

หลินม่ายแสร้งถามโดยที่รู้อยู่แล้ว “พี่เถา เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”

เถาจืออวิ๋นเล่นตามน้ำกับเธอ เล่าเรื่องที่แม่ว่านบังคับเป็นแม่สื่อแม่ชักให้หล่อนกับน้องชายของอีกฝ่ายให้หลินม่ายฟัง

หลินม่ายทำสีหน้าตกตะลึง แล้วพูดกับแม่ว่าน “คุณเป็นอะไรกับพี่เถาเหรอคะ ถึงได้อยากทำเพื่อหล่อน? พ่อแม่หล่อนก็ยังแข็งแรงอยู่ แถมยังเป็นข้าราชการบำนาญด้วย หล่อนเองก็มีพี่ชายตั้งหลายคน ทั้งยังเป็นข้าราชการด้วย เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานของหล่อนก็ให้พ่อแม่กับพี่ชายของหล่อนเป็นกังวลไปสิ ทำไมต้องลำบากให้คนนอกอย่างคุณมาเจ้ากี้เจ้าการแนะนำอีกฝ่ายให้หล่อนด้วยล่ะคะ? ฉันจะบอกให้นะคะ ถ้าคุณกล้ามาก่อกวนพี่เถาอีก ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนในบ้านของพี่เถา ให้คุณรับผิดชอบไม่หวาดไม่ไหวเลย!”

ประจวบกับตอนนี้ถึงเวลาที่พ่อว่านไปทำงานพอดี เขาเดินออกมาจากในบ้าน

หลินม่ายจึงพูดกับเขาอย่างดุดัน “คุณพ่อว่านคะ อย่าถือสาว่าฉันไม่ได้ทักทายคุณก่อนเลยนะคะ ถ้าคุณยังไม่ดูแลภรรยาของคุณ สักวันหนึ่งคุณถูกที่ทำงานไล่ออกกะทันหันก็อย่าทำหน้ามึนแล้วกัน…ไม่ต้องงงค่ะ นั่นคือค่าตอบแทนที่ภรรยาของคุณก่อกวนพี่เถา แต่คุณกลับนิ่งดูดาย ซึ่งนั่นถือว่าคุณก็สมยอมด้วย”

เธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ “พวกคุณอย่าคิดว่าฉันกำลังขู่ให้กลัวเชียวนะคะ พวกคุณลองไปถามดูสิคะ ฉันสามารถเปิดโรงงาน รับเหมาตลาดสดรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ได้ ถ้าเบื้องหลังไม่มีใครสนับสนุน จะเปิดโรงงาน รับเหมาตลาดสดของรัฐวิสาหกิจได้เหรอ?”

หลินม่ายยิ้มเย็นอยู่ในใจ พี่สาวฉันขู่ให้พวกคุณกลัวแล้ว คงต้องถามว่าพวกคุณจะกลัวไหม!

เถาจืออวิ๋นพูดเสริมราวสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ “ตลาดสดฝูตัวตัวนั่นเป็นของม่ายจื่อของเรา หัวหน้าเขตจัดการทำสัญญากับหล่อนด้วยตัวเองเลย โรงงานเสื้อผ้าของหล่อนเองก็เป็นส่วนสนับสนุนสำคัญของเมือง ถ้าหล่อนคิดจะลงมือสั่งสอนพวกคุณ ก็น่ากลัวว่าพวกคุณคงจะรับไม่ไหว!”

หลังจากพูดจบแล้ว หล่อนก็ยกนิ้วให้ตัวเองอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ

ที่แท้ตนก็ฉลาดอยู่เหมือนกันนะเนี่ย เรียนวิชาขู่คนแบบจริงครึ่งหลอกครึ่งมาจากหลินม่าย แค่คราวเดียวก็ทำได้เลย

เมื่อเห็นท่าทางของพ่อว่านแม่ว่านที่กลัวจนหน้าซีดขาว หล่อนก็รู้สึกโล่งอกเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกันก็ต่อว่าตัวเองไปด้วย

เรื่องเล็กๆ ที่แก้ไขได้ง่ายเพียงนี้ แต่ตนกลับหลบเลี่ยงแม่ว่านมาจนถึงป่านนี้ มันช่างไร้ประโยชน์เสียจริง!

หล่อนดึงหลินม่ายที่กำลังโมโหติดลม หน้าเชิดอกตั้ง เดินเตะขาก้าวขาสูงแบบทหารลงชั้นล่าง ราวกับไปรบชนะมาอย่างไรอย่างนั้น

เสียงพ่อว่านตบตีแม่ว่านอย่างบ้าคลั่งดังออกมาจากชั้นบน พร้อมกับเสียงคำรามของเขา “ฉันบอกเธอตั้งนานแล้วว่าอย่าไปบังคับคนอื่น เธอก็ไม่ฟัง ตอนนี้เป็นยังไง ชักภัยมาถึงตัวแล้ว เธอดีใจไหมล่ะ? ถ้าเธอทำให้งานของฉันหายไปล่ะก็ เราทั้งบ้านก็ต้องไปนอนข้างถนน ไม่มีอันจะกิน นังหญิงบ้าชอบแส่หาเรื่องเข้าตัว ฉันจะตีเธอให้ตาย!”

เสียงกรีดร้องของแม่ว่านดังก้องไปทั่งบริเวณบ้าน เห็นได้ชัดว่าพ่อว่านนั้นลงไม้ลงมืออย่างหนักหน่วง

หลินม่ายและเถาจืออวิ๋นได้ยินแล้วก็กลับไม่แยแส ถึงขั้นคิดเหมือนกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าทุบตีได้เยี่ยม

มีประโยคหนึ่งกล่าวเอาไว้ได้ดีว่า ภรรยามีคุณธรรมสามีก็ห่างภัย

ครอบครัวหนึ่ง หากให้คนไร้เหตุผลมาเป็นภรรยาดูแลครอบครัว นั่นก็คือภัยพิบัติร้ายแรงอย่างแท้จริง

ว่านเสียนเห็นพ่อทุบตีแม่ตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็กลัวจนร้องไห้ออกมา

หล่อนรีบเข้าไปปกป้องแม่ว่าน เงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้น แล้วเอ่ยอ้อนวอน “พ่อคะ ฉันขอร้อง อย่าตีแม่อีกเลย เดี๋ยวแม่ก็ตายหรอก!”

เมื่อนั้นพ่อว่านถึงหยุดมือ ชี้แม่ว่านที่ถูกตบตีจนหน้าเขียวบวมช้ำนอนอยู่บนพื้น แล้วพูดอย่างโหดเหี้ยม “ถ้าเธอกล้าสร้างปัญหาให้ฉันอีก ฉันจะตีเธอให้ตาย!”

พูดจบ เขาก็ไปทำงานด้วยสีหน้าถมึงทึง

ว่านเสียนพยุงแม่ว่านไปนอนที่เตียง บิดผ้าขนหนูเช็ดหน้าชุบน้ำประปาที่ห้องครัว จากนั้นจึงกลับไปข้างกายแม่ว่าน แล้วใช้ผ้าขนหนูเย็นๆ ประคบลงบนบาดแผลบนใบหน้าให้หล่อน

จากนั้นก็บ่นเสียงเบา “แม่ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าในเมื่อพี่เถาเขาปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว แม่ก็ไม่ควรจะไปยุ่งกับหล่อนอีก”

ความจริงแล้วหล่อนเกลียดนิสัยดื้อรั้นหัวแข็งแบบนี้ของแม่ตัวเองมาก

ดื้อรั้นหัวแข็งอยู่ในบ้านก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าทำอย่างนี้ข้างนอก ไม่ช้าก็เร็วคงได้เตะโดนแผ่นเหล็ก(1)เข้าสักวัน

ครั้งนี้ก็เตะโดนแผ่นเหล็กเข้าแล้วไม่ใช่เหรอ

แม้ว่าพี่เถาจะเป็นลูกพลับนิ่ม(2) แต่เพื่อนของหล่อนนั้นไม่ใช่

แม่ว่านเอาแต่ร้องไห้โฮโดยไม่พูดจา

ที่หล่อนอยากจะจับคู่เถาจืออวิ๋นกับน้องชายของหล่อน ข้อแรกเป็นเพราะน้องชายของหล่อนอายุมากขนาดนี้แล้วยังไม่ได้แต่งสะใภ้

ข้อที่สองเพราะมองเห็นถึงความสามารถในการหาเงินของเถาจืออวิ๋น

หากมีเงินเดือนสูงลิ่วของหล่อน ต่อไปน้องชายของหล่อนกับพ่อแม่ก็จะได้อยู่อย่างสุขสบาย

หล่อนไม่เข้าใจเอาเสียเลย น้องชายตนยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่งงานกับผู้หญิงที่เคยแต่งงานมาก่อนอย่างเถาจืออวิ๋น ไม่ว่าจะมองยังไงเถาจืออวิ๋นก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่หล่อนกลับไม่ยอม นังบ้าไม่รู้จักชั่วดี!

เถาจืออวิ๋นและหลินม่ายแยกกันที่หน้าประตูอาคาร แล้วจึงไปทำงาน

ตอนที่เดินผ่านหมู่บ้านที่หลี่หมิงเฉิงอยู่ ก็เห็นว่านฮุ่ยกำลังยุ่มย่ามกับเขาอยู่

หลังชนะสงครามกับแม่ว่านมา เถาจืออวิ๋นก็มีขวัญกำลังใจอย่างมาก ความมั่นใจจึงเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ว่าที่แท้หล่อนเองก็มีกำลังสู้รบอยู่เหมือนกัน

หล่อนย่างสามขุมเข้าไปหา แล้วเอ่ยต่อว่าว่านฮุ่ย “ทำไมเธอถึงไร้อายยางขนาดนี้ ให้ร้ายม่ายจื่อ แล้วยังมีหน้าไปขอยืมเงินหล่อนไปเรียนหนังสืออีก! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้! ระวังตัวให้ดีเถอะ!”

ว่านฮุ่ยออกมาจากบ้านหลี่หมิงเฉิง เดิมทีหล่อนยังไม่ไปไหน เพียงแต่หลบอยู่ในมุมหนึ่งของหมู่บ้าน

เมื่อเห็นหลินม่ายจากไปด้วยความโมโห หล่อนก็ดีอกดีใจ คิดไปว่าหลี่หมิงเฉิงทะเลาะกับหลินม่ายเพื่อหล่อน จึงวิ่งไปหาหลี่หมิงเฉิงด้วยความเบิกบาน

ไม่นึกว่าจะได้กินน้ำแกงประตูปิด(3) หลี่หมิงเฉิงไม่เพียงไม่เปิดประตูให้หล่อน แต่ยังไล่หล่อนให้ไปให้พ้น และไม่ต้องมาหาเขาอีกต่อไป

ว่านฮุ่ยไม่ยอมตัดใจ ดังนั้นจึงเฝ้ารอเขาอยู่ในหมู่บ้าน ในที่สุดก็รอจนเขาออกมาได้

กว่าได้คุยกับหลี่หมิงเฉิงอย่างยากลำบาก กลับถูกเถาจืออวิ๋นมาทำลายเสียได้

หล่อนโกรธจนแทบจะลงไปดิ้นกับพื้น แต่กลับแสร้งวิ่งหนีไปด้วยท่าทางขลาดอาย

เถาจืออวิ๋นถามหลี่หมิงเฉิง “ว่านฮุ่ยมาขอยืมเงินไปเรียนหนังสือจากนายอีกแล้วหรือเปล่า?”

หลี่หมิงเฉิงกับเถาจืออวิ๋นไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากนัก

ความประทับใจของเขาต่อเถาจืออวิ๋นนั้นก็คือหล่อนสวยฉลาดทั้งยังอ่อนโยน

แม้หลินม่ายเองก็อ่อนโยนมากเหมือนกัน แต่ความอ่อนโยนของเธอนั้นแฝงด้วยปลายดาบคม

หากหลินม่ายคือดอกกุหลาบมีหนาม เถาจืออวิ๋นก็คือดอกลิลลี่สด

เขาไม่เคนเจอเห็นเถาจืออวิ๋นคลุ้มคลั่งมาก่อน ครั้นเห็นหล่อนระเบิดอารมณ์ออกมาก็ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก สติพลันหลุดลอยไปชั่วขณะ

เมื่อได้ยินเถาจืออวิ๋นคุยกับเขา เขาถึงสงบจิตใจอันวุ่นวายลง แล้วพยักหน้าอย่างเก้อเขิน

เถาจืออวิ๋นพูดอย่างจริงจัง “นายห้ามให้ว่านฮุ่ยยืมเงินเด็ดขาดเลยนะ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการผิดต่อม่ายจื่อ นอกจากนี้ บนโลกใบนี้ ไม่ใช่คนอ่อนแอทุกคนจะคู่ควรที่จะได้รับความช่วยเหลือ นับประสาอะไรกับว่านฮุ่ยที่ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นอย่างที่นายเห็น หล่อนที่นายรู้จัก ทุกอย่างเป็นเพียงด้านหนึ่งที่หล่อนอยากให้นายรู้จัก อย่าหัวอ่อนคิดตื้นๆ เกินไปล่ะ!”

ใบหน้าของหลี่หมิงเฉิงแดงเรื่อ

คนฉลาดและอ่อนโยนราวกับดอกลิลลี่ที่ว่าน่ะ ทำไมถึงดูเหมือนกับม่ายจื่อนัก คำพูดคำจาช่างแทงใจดำอะไรขนาดนี้

ผมเองก็รู้ว่าตัวเองชอบคิดตื้นๆ แต่คุณพูดเบาๆ หน่อยไม่ได้หรือไง ไว้หน้าผมสักนิดสิ

หลี่หมองเฉิงมองเพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปมาพากันชำเลืองมองมาทางเขา ก็รู้สึกขายหน้าจนแทบอยากจะมุดเข้าไปในรอยแยกบนพื้น

เขาเอ่ยสาบานอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ผมไม่ให้ว่านฮุ่ยยืมเงินหรอกครับ และจะไม่ติดต่อใดๆ กับหล่อนอีกแล้ว พี่เถาวางใจเถอะครับ”

เถาจืออวิ๋นพยักหน้าแล้วจากไป

เมื่อมาถึงโรงงานเสื้อผ้า หล่อนก็ตรวจสอบสภาพการดำเนินงานของโรงงานเป็นอันดับแรก เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เถาจืออวิ๋นจึงกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง

หล่อนดื่มน้ำเย็นแก้วหนึ่ง ลังเลอยู่พักใหญ่ ก่อนจะโทรศัพท์หาพี่ชายคนโตของตนเอง

พี่ใหญ่เถารับสายหล่อนด้วยความประหลาดใจอย่างมาก เขาถามอย่างเป็นกังวล “จืออวิ๋น เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

ตั้งแต่น้องสาวเพียงคนเดียวคนนี้แต่งงานกับหม่าเทา พวกพี่ชายต่างก็โกรธหล่อนมาก

ไม่รู้ว่าหล่อนตาบอดหรือเปล่า หม่าเทานั้นมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นขยะ แต่น้องสาวกลับยืนกรานจะหลับหูหลับตากระโดดเข้าไปในกองไฟ จะขวางอย่างไรก็ขวางไม่อยู่

พวกพี่ชายอย่างเขาทุกคนต่างก็ตั้งความหวังให้หล่อนได้ดี จึงโกรธจนไม่ยอมติดต่อกับน้องสาว

น้องสาวเองก็หัวแข็ง ไม่ว่าจะอยู่บ้านฝ่ายสามีอย่างยากลำบากแค่ไหน ก็ไม่เคยขอร้องพวกพี่ชายเลย

ดังนั้นเมื่อพี่ใหญ่เถาได้รับสายโทรศัพท์ของเถาจืออวิ๋น เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจ กลัวว่าหล่อนจะพบกับปัญหาที่ไม่อาจแก้ไขได้

…………………………………………………………………………………………………………………………

(1)เตะโดนแผ่นเหล็ก อุปมาถึงการคิดว่าผู้อื่นอ่อนแอรังแกได้ง่าย แต่สุดท้ายผู้อื่นกลับเก่งกว่าตนเอง จนทำให้การกระทำของตนย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

(2)ลูกพลับนิ่ม หมายถึงผู้ที่อ่อนแอและถูกรังแกได้ง่าย ไก่อ่อน

(3)กินน้ำแกงประตูปิด หมายถึงเวลาคนไปเยี่ยมเยือนผู้อื่นที่บ้าน แต่เจ้าของบ้านไม่อยู่หรือไม่ได้ให้การต้อนรับ จึงได้เจอแต่ประตูที่ปิดอยู่ ไปเสียเที่ยว

สารจากผู้แปล

ต้องโดนสามีตัวเองตบสั่งสอนสักทีมันถึงจะจำใช่ไหมป้า

หม่าเทาเตรียมรับแรงกระแทกนะ อดีตภรรยาตัวเองติดต่อพวกพี่ชายแล้ว เดาว่าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท