ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < A Love Marriage > 2-7

Side Story < A Love Marriage > 2-7

เขาลืมตาขึ้นมาในความมืด

“…”

จากนั้นอินซอบก็ตระหนักได้ว่าเขาเห็นคริสต์มาสแรกที่ได้ใช้เวลาอยู่ที่อเมริกาในความฝัน วันนั้นคุณยายดันหลังของเขาอย่างดื้อดึง

‘ในวันแบบนี้ก็ต้องใช้เวลากับคนที่รักสิ’

‘แต่คุณยาย…’

‘หลานใช้เวลากับยายมาเยอะแล้วนี่ เยอะจนยายรู้สึกขอบคุณมากเลย’

ยายกำมือของหลานที่ลังเลไว้ เธอยิ้มพร้อมกับพูด

‘ควรจะไปหาคนที่รอหลานอยู่สิ สุดท้ายยายเองก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน’

‘อย่าพูดแบบนั้นสิครับ’

ยายจูบหน้าผากของหลานที่สะอื้นอย่างอ่อนโยน

‘ยายจะสวดมนต์ให้หลาน ไว้เจอกันอีกนะ ปีเตอร์’

นั่นคือครั้งสุดท้าย แม้หลังจากนั้นเขาจะไปเยี่ยมคุณยายอีกหลายครั้ง แต่ความทรงจำของคุณยายก็ไม่ครบถ้วน วันหนึ่งเธอจำเขาได้ และในวันหนึ่งก็ทำตัวราวกับเจอกันเป็นครั้งแรก และไม่สามารถแลกเปลี่ยนบทสนทนาที่ครบถ้วนเหมือนกันวันนั้นได้อีกเลย

…คุณยายจะได้เจอคุณตาไหมนะ

อินซอบพลิกตัวและหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อเห็นผู้ชายที่นอนหลับและหายใจอย่างสม่ำเสมอ

อ๋อ จริงด้วย คุณอีอูยอนมาหาที่บ้าน จากนั้นก็ออกไปข้างนอกพร้อมกัน…แล้วก็แต่งงานกัน

อินซอบหัวเราะเบาๆ ให้กับตอนจบที่ไม่มีความสมจริงอยู่เลย นี่ควรจะเป็นการกระทำของหนุ่มสาวขี้เมาในลาสเวกัส

เหนือสิ่งอื่นใดคือเราแต่งงานกับอีอูยอนงั้นเหรอ

“…”

เขามองผู้ชายที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ

พวกเขามีเซ็กซ์กันอีกสักพักก่อนจะอาบน้ำ อีอูยอนจูบเขาอีกหลายครั้งในขณะที่สระผมให้ แม้สบู่จะเข้าตาจนทำให้รู้สึกแสบ แต่อินซอบก็ทนไว้และจูบกับอีกฝ่าย หลังจากใช้น้ำอุ่นล้างแชมพูทั้งหมดออก อีอูยอนก็พูดขึ้น

‘ลืมตาได้แล้วครับ’

มีเสียงหัวเราะเจืออยู่ในน้ำเสียงที่พูดแบบนั้น อินซอบลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ อีอูยอนที่ถือฝักบัวอยู่ยิ้มราวกับเด็กหนุ่มที่ซุกซน

‘อินซอบ’

ตอนที่อีอูยอนเรียกตนแบบนั้นในโบสถ์ อินซอบรู้สึกเหมือนหัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาประสานมือทั้งสองข้างและสวดมนต์ต่อพระเจ้าอยู่จนถึงเมื่อกี้ แต่ภายในหัวกลับว่างเปล่า และมีแต่อีอูยอนอยู่ในสายตา ราวกับในโลกนี้มีอีกฝ่ายเพียงแค่คนเดียว

‘วันนี้คุณจะแต่งงานกันผมได้ไหม’

ผมตอบไปว่าจะแต่ง เพราะผมอยากจะทำแบบนั้นกับคุณ ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือเมื่อไรก็ตาม

อินซอบจ้องมองอีอูยอนที่นอนหลับอยู่ในสภาพที่ผมหน้าม้าแตก

…ไม่อยากจะเชื่อเลย

อินซอบตั้งใจจะหยิกแก้ม แต่แล้วก็หยุดทำเพราะกลัวว่าอีอูยอนจะตื่นขึ้นมาเพราะการขยับของตัวเอง

จะบอกพ่อแม่ยังไงดีล่ะ เราจะสร้างความเดือดร้อนให้คุณอีอูยอนหรือเปล่า แล้วต่อไปจะต้องทำงานในเกาหลียังไง…

วินาทีที่ภายในสมองวุ่นวายไปด้วยความคิดที่ถาโถมเข้ามาภายหลัง อีอูยอนก็ลืมตาขึ้น

“เอ่อ…”

อีอูยอนยิ้มก่อนที่อินซอบจะทันได้พูดอะไร นี่ไม่ใช่รอยยิ้มที่แต่งแต้มขึ้นมาเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็น แต่เป็นการกระทำที่แสดงออกถึงความไร้เดียงสาในขณะที่สะลึมสะลือ

อีอูยอนกอดอินซอบไว้ จากนั้นก็หลับไปอีกครั้ง อินซอบกะพริบตาปริบๆ และผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมา

อินซอบรีบหลับตาลงเพราะความรู้สึกอุ่นร้อนที่ดวงตา

‘เด็กน้อย ยายอยากให้หลานมีความสุขนะ’

เขานึกถึงเสียงของคุณยาย

ผมมีความสุขครับคุณยาย…มีความสุขจนไม่น่าเชื่อเลย

อินซอบเก็บคำที่ไม่กล้าพูดออกไปและกอดคนที่ตนรักไว้เต็มอ้อมกอด

คืนนี้เป็นค่ำคืนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดกับใครได้

***

“โอ๊ะ ใช่หัวหน้าทีมชาหรือเปล่าคะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”

สตาฟที่เดินผ่านมาจำหัวหน้าทีมชาได้จึงเอ่ยทักทาย

“ครับ สวัสดีครับ”

“ช่วงนี้สีหน้าดูดีนะคะเนี่ย มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเหรอคะ”

“เรื่องดีๆ อะไรกันล่ะครับ ก็เหมือนเดิมทุกวันแหละ”

หัวหน้าทีมชาโบกมือปฏิเสธพลางฉีกยิ้มที่ดูเป็นคนดีไปให้

“วันนี้คุณอีอูยอนมาถ่ายงานใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ”

“ว่าแต่ทำไมคุณอีอูยอนถึงหล่อขนาดนั้นล่ะคะ ในขณะที่มีชีวิตอยู่ก็ควรที่จะมีวันที่ไม่หล่อสักวันสิ”

“…ฮ่าฮ่า นั่นสินะครับ”

หัวหน้าทีมชาตอบรับด้วยแววตาที่ไร้วิญญาณ

“ไม่สิ ฉันว่ายิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งหล่อนะ แล้วทำไมร่างกายถึงได้ดีขนาดนั้นล่ะคะ ดูที่ช่างภาพยิ้มจนปากฉีกถึงหูสิคะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

หัวหน้าทีมชาหัวเราะอย่างอ่อนแรงและดื่มกาแฟที่ถืออยู่

“คงไม่มีนักแสดงคนไหนดูแลตัวเองดีเท่าคุณอีอูยอนหรอกค่ะ ปกติจะอ้วนขึ้นเล็กน้อยในตอนที่หยุดพักงานกันทั้งนั้น”

“ครับ ใช่ครับ ฮ่าฮ่า…”

หัวหน้าทีมชาฉีกยิ้มคนดีมีมารยาทพลางกลืนกาแฟลงไป

นี่ไม่ใช่คำพูดที่ผิด อีอูยอนชัดเจนกับการดูแลตัวเองจนน่ารังเกียจ เขาไม่มีทางกินอาหารมากเกินไปและออกกำลังกายตามที่กำหนดไว้เสมอ เขาได้รับการดูแลผิวอย่างเป็นพิเศษและใส่ใจกับผมอยู่เสมอ แม้กระทั่งเรื่องเสื้อผ้าก็เป็นทำนองเดียวกัน ถึงขั้นมีการรวบรวมแฟชั่นชุดสูทของอีอูยอนลงเป็นคอลัมน์พิเศษในนิตยสาร สุดท้ายแล้วคำพูดที่ว่าไม่สามารถเห็นภาพลักษณ์ที่ดูไม่หล่อได้แม้แต่วันเดียวก็คือความจริง

“ช่วงนี้คุณอีอูยอนไม่ได้คบใครอยู่เหรอคะ”

คำถามกระมิดกระเมี้ยนของสตาฟทำให้หัวหน้าทีมชาหัวเราะเหอะๆ พลางตอบอย่างกำกวมว่า “ไม่รู้สิครับ”

“หลังจากตอนนั้นก็เหมือนจะไม่มีคนที่คบหาดูใจอยู่เลย เขาทำแต่งานอย่างเดียวเหรอคะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่ครับ”

“ถึงจะมาพูดตรงๆ เอาป่านนี้ แต่ฉันเสียดายคุณอีอูยอนเป็นร้อยเท่าเลย เธอนอกใจคุณอีอูยอนไปกับคนแบบนั้นได้ยังไงกันคะ”

หัวหน้าทีมชาหัวเราะแห้งๆ โดยไม่พูดอะไรให้กับคำพูดที่แกล้งทำเป็นเข้าข้างอีอูยอนพร้อมกับหยั่งเชิงไปพร้อมกัน ที่แห่งนี้เป็นที่ที่มีข่าวโดยอาศัยบรรยากาศในการพูด และบอกว่าเป็นคำให้การของคุณเอซึ่งเป็นคนใกล้ชิด จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หัวหน้าทีมชาผู้ใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงนี้มาเกือบยี่สิบปีจะหลงกลกับคำพูดพวกนั้น และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ…

“ถ้าเป็นระดับคุณอีอูยอน การคบคนที่ดีกว่านี้ไม่สมเหตุสมผลกว่าเหรอคะ เขาควรจะมีความรักที่สวยงามสิคะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เขาจัดการเองได้อยู่แล้วล่ะครับ”

คนที่ดีกว่ากับผีน่ะสิ

อีอูยอนเป็นไอ้คนเฮงซวยที่บ้าที่สุดในโลก ถ้าสุ่มขว้างหินใส่ใครสักคนบนถนน ไม่ว่าหินจะไปโดนใครเข้าก็เป็นคนดีกว่าอีอูยอนอย่างแน่นอน แม้จะเจอคนมาหมดทุกรูปแบบแล้วในวงการบันเทิง แต่สาบานเลยว่าเขายังไม่เคยเจอคนที่บ้ากว่าอีอูยอนเลย

หัวหน้าทีมชาไม่สามารถพูดว่าเขาอยากให้อีอูยอนเจอคนดีๆ และมีความรักที่สวยงามได้ แม้จะแค่โกหกก็ตาม

“ช่วงนี้เขาทำแต่งานเพราะเบื่อกับการมีความรักเหรอ น่าเสียดายแย่เลย เขาควรจะได้คบกับคนดีๆ สิ”

สตาฟมองอีอูยอนที่กำลังคุยกับช่างภาพด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตใจที่ปองร้าย

…เบื่อกับการมีความรักกับผีน่ะสิ เพราะคบกับคนที่ดีมากๆ ก็เลยทำตัวบ้าๆ แบบนั้น…

หัวหน้าทีมชาคลายความโกรธที่พุ่งขึ้นมาด้วยกาแฟที่เย็นแล้ว

เมื่อไม่กี่วันก่อนหลังจากเสร็จงาน อีอูยอนก็รบกวนให้ไปห้างสรรพสินค้า

‘ห้างเหรอ ไปทำไม’

‘ผมจะไปซื้อเสื้อสักหน่อยน่ะครับ’

หัวหน้าทีมชาขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้าโดยไม่คิดอะไรเป็นพิเศษ เพราะอีกฝ่ายเป็นพวกที่ชอบเลือกเสื้อผ้าใส่เองโดยไม่มีโคดี้อยู่แล้ว แต่เสื้อผ้าที่อีอูยอนเลือกกลับแปลกไป ถ้าจะพูดให้ชัดเจนก็คือมันไม่ใช่สไตล์ที่อีอูยอนน่าจะใส่

‘อย่าบอกนะว่านายจะใส่ของพวกนั้น?’

อีอูยอนที่หยิบเสื้อเชิ้ตที่ดูตัวเล็กไปหลายไซซ์ขึ้นมาดูนิ่วหน้าเล็กน้อย

‘จะบ้าเหรอครับ ผมเนี่ยจะใส่เจ้านี่ นี่เป็นเสื้อของคุณอินซอบครับ’

‘…แล้วนายเลือกไปทำไมล่ะ’

‘…เลือกไปทำไมน่ะเหรอครับ ผมก็เลือกเพราะอยากเลือกให้น่ะสิครับ’

อีอูยอนพาดเสื้อเชิ้ตที่หยิบขึ้นมาเมื่อกี้ไว้ที่แขนและไล่สายตาดูเสื้อตัวอื่นพลางพูดต่อ

‘ผมต้องซื้อเสื้อใหม่ให้ใส่ทุกไตรมาสเพราะคุณอินซอบซื้อเสื้อผ้าไม่ค่อยเก่งน่ะครับ’

‘…อ๋อ จริงด้วย’

หลังจากนั้นอีอูยอนก็เลือกเสื้อผ้าต่ออีกสองสามตัว คนที่รวมกลุ่มกันอยู่รอบๆ ร้านค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น

‘ไม่สิ ซื้อทางอินเทอร์เน็ตไม่ได้เหรอ ต้องออกมาซื้อที่ร้านเลยหรือไง’

หัวหน้าทีมชาเอ่ยถามด้วยเสียงที่ติดจะรำคาญอยู่หน่อยๆ หลังจากกันคนสองสามคนที่ขอลายเซ็นออกไป

‘ผิวเขาบอบบางน่ะครับ’

‘…’

‘ถ้าเนื้อผ้าหยาบไปนิดเดียว มันจะเสียดสีกับผิวและทำให้ผิวของเขาแดง ช่วยคิดเงินทั้งหมดนี่ด้วยครับ’

อีอูยอนยื่นเสื้อผ้าที่เลือกไว้ทั้งหมดให้พนักงานของร้าน

น่ารำคาญจริงๆ ขนาดการเลือกซื้อเสื้อผ้าให้ลูกสาวคนเดียวยังไม่ยุ่งยากขนาดนั้น

‘เฮ้อ ให้ตายเถอะ น่าหมั่นไส้ชะมัด’

หัวหน้าทีมชาบ่นพึมพำ แต่อีอูยอนก็ไม่สนใจและยื่นถุงช้อปปิ้งให้ หลังจากเลือกเสื้อผ้าอีกสองสามตัวที่ร้านอื่นเสร็จ การช้อปปิ้งก็จบลง แต่ท่าทีน่าหมั่นไส้ยังไม่จบแค่นั้น

ครั้งหนึ่งอีอูยอนเคยขอให้หยุดแวะสักครู่ในขณะที่ผ่านตัวเมืองของโซล คำขอที่กะทันหันทำให้หัวหน้าทีมชาถามกลับว่า ‘ที่นี่เหรอ?’

‘ครับ แวะร้านตรงนั้นแป๊บหนึ่ง’

ที่ที่อีอูยอนใช้คางชี้คือร้านโดนัทที่กำลังมีชื่อเสียงใน SNS ช่วงนี้

‘แวะที่นั่นทำไม’

‘ผมจะไปซื้อโดนัทสักหน่อยน่ะครับ เพราะคราวก่อนคุณอินซอบบอกว่าอยากกินโดนัท’

‘…’

ไอ้ห่าเอ๊ย

หัวหน้าทีมชากลืนคำที่อยากพูดลงไป และตอบว่า ‘ได้’ พร้อมกับยิ้มให้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้กรรมการผู้จัดการคิมเพิ่งจะให้โบนัสจำนวนมากมา ผ่านไปไม่นานอีอูยอนก็กลับขึ้นมาบนรถอีกครั้งด้วยมือเปล่า

‘ทำไมถึงออกมาเฉยๆ ล่ะ’

‘เพราะเขาบอกว่าต้องรออีกสองชั่วโมงถึงจะออกมาอีกรอบครับ’

‘ว่าไงนะ สองชั่วโมงเหรอ โดนัทอะไรกันถึงต้องสองชั่วโมงเพื่อจะได้กิน’

‘แม่งเอ๊ย นั่นน่ะสิครับ โดนัทเหี้ยนั่นไม่ได้หุ้มทองซะหน่อย’

อีอูยอนพึมพำด้วยน้ำเสียงปนรำคาญ หัวหน้าทีมชาจับพวงมาลัยเพื่อที่จะออกรถอีกครั้ง

‘ทำอะไรน่ะครับ’

เขาได้ยินเสียงทุ้มต่ำจากทางด้านหลัง

‘หา? ก็จะกลับบ้านน่ะสิ’

‘ที่ว่าจะกลับน่ะ กลับไปที่ไหนเหรอครับ เราต้องรออีกสองชั่วโมงต่างหาก’

‘…’

หัวหน้าทีมชาอึ้งจนพูดไม่ออก นายจะรอถึงสองชั่วโมงเพื่อซื้อโดนัทอะไรกันแน่

‘…ปะ ไปร้านโดนัทร้านอื่นไม่ได้เหรอ ถ้าตรงไปข้างหน้านั่นมีร้านขนมปังอยู่นะ’

‘ไม่ได้ครับ’

อีอูยอนหยิบหนังสือที่อ่านอยู่ออกมากางพลางเอ่ยตอบ นี่เป็นหนึ่งในสองกิจกรรมที่อีอูยอนมักทำเวลาที่ต้องรอนานๆ ในรถ

‘ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ได้’

หัวหน้าทีมชาเอ่ยถามอย่างอ่อนหวานและนุ่มนวลที่สุด เขาอดกลั้นความอยากเอ่ยถามว่า ‘กะอีแค่โดนัท จะที่ไหนก็ไม่ต่างกันมากนักหรอกโว้ย ทำไมจะต้องรออยู่ข้างถนนถึงสองชั่วโมงด้วย’

‘เขาบอกว่าอยากกินโดนัทแบบอเมริกันครับ ของที่อยากกินก็ต้องได้กินสิ’

‘…’

ลักษณะการพูดนั้นเหมือนกับสามีที่มีภรรยาแพ้ท้องอยากจะกินราสเบอร์รี่กลางฤดูหนาว สุดท้ายวันนั้นพวกเขาต้องรอที่หน้าร้านถึงสองชั่วโมงเพื่อซื้อ ‘โดนัทเหี้ยๆ ที่ไม่ได้หุ้มทอง’ ที่อีอูยอนว่า

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท